หรงซิวไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งเขาจะต้องเลือกอันใดเช่นนี้
เขาใช้ท่าทีที่แปลกไป เ็า และแววตาเปื้อนยิ้ม มองไปยังหญิงชราที่โกรธจัดอยู่ตรงข้าม
ไทเฮาโปรดหว่านฉือมานานแล้ว หว่านฉือทั้งฉลาดทั้งสวย ทั้งยังเปี่ยมไปด้วยพร์ทางการเรียน เป็แบบอย่างของสตรีในอุดมคติ มิมีผู้ใดไม่ชอบนาง
ทุกอากัปกิริยาของนาง ทุกการแสดงสีหน้าและรอยยิ้ม ล้วนมีกลิ่นอายหอมของความสง่างาม ซึ่งทำให้ผู้คนพร้อมใจหลงใหล
เพราะว่าไทเฮาชอบหว่านฉือ เขาจึงเข้าใจได้เื่ความรู้สึกที่นางอยากจะจับคู่พวกเขา
หากว่าเป็เมื่อก่อน เขาคงดีใจจนะโโลดเต้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป จะบอกว่าเขาเป็บุรุษชั่วที่ผิดคำสัญญาก็ได้ แต่ความรู้สึกของเขาเปลี่ยนไปแล้ว
ความรักเกิดขึ้นอย่างไร้เหตุผล เขาตกหลุมรักอวิ่นอี้คนที่ไม่เคยคิดสนใจ
เมื่อได้ใกล้ชิดกับนาง ทำความรู้จักกับนาง ถึงได้รู้ว่านางงดงามเพียงใด ล้ำค่าเพียงใดและคุ้มค่าที่จะรักเพียงใด
ในที่สุดความรักของสองคนก็ได้เข้าที่เข้าทางเสียที ทว่าตอนนี้สถานการณ์กลับพลิกผัน
มื้อเย็นเขาเพิ่งจะยืนยันกับนางว่าเื่ได้จบลงแล้ว กลับกลายเป็ว่าเื่มันเปลี่ยนไป ไม่เพียงยังไม่จบ ทว่าเขายังต้องแต่งกับหว่านฉืออีก
หากสาวน้อยรู้เข้านางคงต้องะเิแน่
หรงซิวเอามือนวดคิ้ว “ท่านย่าพ่ะย่ะค่ะ ให้ข้าเลือกเช่นนี้ มันไม่ยุติธรรมกับนางทั้งสอง”
“โลกนี้เดิมทีไม่มีสิ่งใดยุติธรรมอยู่แล้ว” ไทเฮาหัวเราะ “นอกจากนั้น เื่มาถึงเช่นนี้ เ้ามิได้ต้องเลือก ทว่านี่เป็การแลกเปลี่ยน”
“หากเ้า้าเก็บอวิ๋นอี้ไว้ข้างกายเ้า เช่นนั้นก็แต่งกับหว่านฉือเสีย ให้นางได้หลุดพ้นจากเื่ซุบซิบนินทา” ไทเฮาพูดถึงจุดนี้พลันถอนหายใจอย่างเศร้าสร้อย “พูดถึงหว่านฉือ เ้าเด็กคนนี้น่าสงสารนัก บ้านล้มละลายั้แ่เล็ก เข้าวังมากับฮองเฮาก็พลันป่วยหนัก ครานี้กลับมาได้แล้ว อาการป่วยทุเลาลง สุดท้ายกลับต้องทุกข์ใจกับเื่อื้อฉาว หากเพลานี้เ้ามิดึงนางไว้สักหน่อย เท่ากับว่าผลักนางลงนรกไปแล้วนะ ซิวเออร์ แต่งกับนางซะ ข้ามิอยากจะขู่เข็ญเ้า เ้าคิดให้ดีแล้วกัน”
“......”
หรงซิวไม่มีโอกาสคิดเพราะเขาไม่มีสิทธิ์เลือก
เขาอยากให้อวิ๋นอี้อยู่ข้างกายมาก เขาปล่อยนางไปมิได้
นางช่างมีเสน่ห์เหลือล้น เขาได้เห็นกับตา นางฉลาด สงบ เฉียบแหลมและลึกซึ้ง ในตอนที่นางจริงจังและมีสมาธิ มองเพียงครั้งเดียวก็สามารถทำให้ใจเขาเต้นได้
จะต้องกุมนางไว้ในมือให้แน่น เพราะหากปล่อยมือไป คนอื่นอาจจะมารักและเอ็นดูนางได้
หรงซิวกลัว
เขาตกลงตามข้อเสนอของไทเฮา ฟังไทเฮาพูดต่อไป ทว่าใจของเขาล่องลอยไปไกลแล้ว
การแลกเปลี่ยนนี้ ทำให้อวิ๋นอี้ยังอยู่ได้ แต่มีปัญหาที่ยากอีกข้อหนึ่งคือจะพูดกับนางเช่นไรเื่การอภิเษก
หากเขาไม่จัดการให้ดี ด้วยนิสัยที่ตรงไปตรงมาและจริงจังของนาง เป็ไปได้อย่างมากว่าจะเสนอให้หย่ากัน
อ้ากกกกกกกกก
หงุดหงิดดดดดดดดดด
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หงุดหงิด หงุดหงิด หงุดหงิดเป็บ้าเลย
“ซิวเออร์!” เสียงเรียกดังขึ้น ทำให้หรงซิวตื่นจากความคิดของเขา เขารีบเงยหน้ามองไทเฮา จากนั้นเหลือบมองไปที่คนบนเตียง “หว่านฉือ เ้าฟื้นแล้วหรือ?”
“ตื่นสักพักแล้วเพคะ” สตรีสาวตอบอย่างอ่อนโยน นางพิงตัวที่หัวนอนตอบ “เพียงแต่มิรู้ว่าฝ่าาคิดเื่ใดอยู่ ข้าพูดกับท่านท่านก็ไม่สนใจ”
เขาจะคิดอันใดได้อีก!
หงุดหงิดจนแทบเกาจนผมจะหมดหัวอยู่แล้วน่ะสิ!
หรงซิวระงับความคิดในใจและตอบรับไปอย่างสงบ “ไหนๆ ก็ฟื้นแล้ว เ้าพักผ่อนเถิด”
“ใช่! หว่านฉือ! มิมีเื่ใดให้คิดไม่ตกจนต้องคิดจะตายหรอกนะ!”
ไทเฮาไม่พูดก็ดีอยู่หรอก แต่พอพูดหว่านฉือก็น้ำตาไหลพราก หลังจากที่กลั้นน้ำตทว่ามันยังคงไหลออกมา
นางใช้ผ้าเช็ดหน้าปาดน้ำตาพลางสะอื้นร้องไห้ “หว่านฉือ...หว่านฉือมิได้อยากจะคิดเพคะ..แต่ว่าผู้คน...ผู้คนกลับพูดถึงข้ากันเช่นนั้น...”
“พอแล้วพอแล้ว” ไทเฮาปวดใจมาก ถึงกับไปนั่งอยู่ข้างเตียงของนาง ตบหลังนางเบาๆ แล้วค่อยๆ ช่วยให้นางจิตใจสงบ “เื่มันผ่านไปแล้ว ต่อไปห้ามทำเช่นนั้นอีก!”
“เพคะ! หว่านฉือคิดได้แล้วเพคะ ครานี้หว่านฉือคิดมิตกเอง ที่ทำให้ท่านย่าเป็กังวล” หว่านฉือพูดจาอย่างรู้ความ “คำพวกนั้นข้าจะไม่ฟังอีก มันกระทบจิตใจ”
“อื้ม เ้ารู้ก็ดีแล้ว!” ไทเฮาเห็นว่านางกลับมาสงบสติอารมณ์ได้ที่แล้วก็ยิ้มพูด “แต่ต่อไปจะไม่มีผู้ใดมาพูดจาไร้สาระพวกนั้นได้อีกแล้ว!”
หว่านฉือเบิกตากว้างด้วยความงุนงง ส่ายหน้าเล็กน้อย แสดงความไม่เข้าใจ
ไทเฮายิ้ม จับมือหรงซิวมา “ย่าจะให้พวกเ้าอภิเษกกัน รอให้ร่างกายเ้าดีขึ้นอีกสักนิด แล้วเราค่อยดูฤกษ์กัน ซิวเออร์แต่งเ้าเข้าจวนแล้ว เ้าเป็สตรีที่แต่งเข้าอย่างเป็ทางการ ดูสิว่าจะยังมีคนพูดอันใดมั่วซั่วได้อีกหรือไม่!”
“อันใดนะเพคะ!” หว่านฉือใจนดึงมือออก “อภิเษก? ท่านย่า! มิได้เด็ดขาดเลยนะเพคะ!”
สีหน้าของนางเปลี่ยนไป เมื่อรู้ว่าพฤติกรรมของนางไม่เหมาะสม จึงรีบเคารพคุกเข่า เพราะร่างกายของนางอ่อนแอเกินไป ยังไม่ทันที่จะลุกขึ้นได้ก็สะดุดล้มลงบนเตียง
หรงซิวมือไวตาไว รีบก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว โอบเอวของนางไว้ ป้องกันไม่ให้เกิดเื่ร้ายขึ้น
เขาขยุกปาก กรามกระชับขึ้น พูดกระซิบ "ระวังตัวหน่อย" จากนั้นเขาจึงค่อยๆ วางนางลงบนเตียง
หลังจากที่หว่านฉือเอ่ยขอบคุณเขา นางยังไม่ลืมที่จะขอร้องไทเฮา “ท่านย่า องค์ชายเจ็ดมีคนที่รักอยู่แล้ว การให้อภิเษกของท่าน...หว่านฉือรับมิได้เพคะ!”
“รับมิได้ก็ต้องรับ!” ไทเฮาโกรธขึ้นทันใด “คิดว่าคำพูดของข้าเป็ลมผ่านหูกันหมดเลยหรือเช่นไร! เื่จะเป็ไปตามนี้ พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์!”
นางให้พวกเขาอภิเษกกันเพราะความหวังดีแท้ๆ สุดท้ายกลับโดนทั้งสองปฏิเสธรัวๆ เป็ผู้ใดคงจะทนมิได้
ไทเฮาเป็คนพูดอันใดต้องได้เช่นนั้น อารมณ์รุนแรง หลังจากที่ใส่อารมณ์จบไปแล้วก็เรียกให้แม่นมมาพยุงนางไป เดินจากไปอย่างไม่แม้จะหันหลังกลับมามอง
หว่านฉือรู้ตัวว่าทำให้ไทเฮาไม่พอใจแล้ว จึงนั่งคุกเข่าอยู่บนเตียง พูดอย่างระมัดระวัง “ไทเฮาได้โปรดกรุณาด้วยเพคะ! หว่านฉือสำนึกผิดแล้วเพคะ!”
ไม่มีการตอบกลับใดๆ
นางเอาหัวพิงเตียงแล้วพูดซ้ำหลายสิบรอบ หรงซิวเข้ามาพูดขัดนาง “ลุกขึ้นเถิด ท่านย่าไปแล้ว”
หว่านฉือลุกขึ้นช้าๆ ขาทั้งสองของนางแข็งเล็กน้อย นางมุ่ยริมฝีปาก แล้วพูดขอโทษ “องค์ชาย ข้า...ข้าขอโทษจริงๆ เพคะ...ข้าไม่คิดเลยว่า...มันจะเป็เช่นนี้”
แววตาของหรงซิวไม่ชัดเจน
ในระหว่างฟ้าแลบและประกายไฟ [1] จู่ๆ เขาก็สงสัยในตัวนางขึ้นมา
นางคิดไม่ถึงจริงๆ หรือเพียงแสดงให้เขาดู
จากเื่ซุบซิบนินทา จนถึงเื่ที่เขาจำเป็ต้องแต่งกับนาง ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและบังเอิญมาก เขาไม่เชื่อว่าในโลกนี้จะมีเื่ไม่คาดฝันมากมายเช่นนี้
“ข้าคิดมิถึงจริงๆ ...ว่าท่านย่าจะสั่งให้อภิเษก ข้าเพียงได้ยินคำพูดเ่าั้แล้วทนไม่ไหว ทำไปอย่างหุนหันพลันแล่น…ทว่าตอนนี้ ดูเหมือนว่าข้าจะทำให้เื่ยุ่งเหยิงไปเสียหมดแล้ว...”
“มิเป็ไร” หรงซิวเอ่ยปาก “เ้ามิต้องโทษตนเองหรอก เื่นี้ข้าก็มีส่วนที่ต้องรับผิดชอบ”
“แต่หากมิใช่เพราะข้า ฝ่าาคงมิต้องมาแต่งงานกับข้า ฝ่าาแต่งงานกับข้าจะบอกพระชายาเช่นไรเพคะ?”
หว่านฉือพูดมาเยอะเช่นนี้ มีคำหนึ่งที่จิ้มจุด
นางพูดถูก
หรงซิวแต่งงาน มิใช่เื่ใหญ่ ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาลำบากใจคือจะอธิบายให้สาวน้อยฟังเช่นไร
การได้ใช้ชีวิตอย่างเสวยสุขเช่นนี้ ซ่ายโอบขวากอด สำหรับคนอื่นคือ์ สำหรับเขามันเป็นรก
อ้ากก!
หงุดหงิดโว้ยยย!
“เ้ารักษาสุขภาพดีๆ เถิด เื่นี้ไม่ต้องคิดเยอะ ข้าจะกลับแล้ว” หรงซิวมิอยากอยู่นาน จึงรีบพูดให้จบ แล้วเดินจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ไปหาสตรีของเขา
เชิงอรรถ
[1] ฟ้าแลบและประกายไฟ 电光火石 หมายถึง ่เวลาที่สั้นมากเหมือนกับแสงที่เกิดตอนฟ้าแลบและประกายไฟตอนตีหิน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้