จอมยุทธ์ชั้นอรุณในดินแดนหลงเสียงนับว่าเป็ยอดฝีมือ
พลังของนักฝึกตนมีจำกัด ทุกๆ สี่ขั้นจะมีอุปสรรคใหญ่ที่ต้องก้าวข้าม ดังนั้นนักฝึกตนส่วนใหญ่จะอยู่ต่ำกว่าชั้นตะวัน ชั้นจันทราจนถึงชั้นิญญาก็พอมี แต่ที่พิเศษสุดคือจอมยุทธ์ชั้นิญญา
ดินแดนหลงเสียงมีจอมยุทธ์ชั้นิญญามีไม่น้อยที่หยุดค้างอยู่ที่อุปสรรคชั้นนี้ ก็เพราะว่าจากชั้นิญญาจะเลื่อนขั้นเป็ชั้นราชันนั้นยากเหลือเกิน ในสิบคนอาจไม่มีเลยสักคนก็ได้ ดังนั้นชั้นิญญาที่อยู่ต่ำกว่าชั้นอรุณ ขอเพียงแค่ไม่เจอจอมยุทธ์ชั้นิญญา พวกเขาสามารถยึดครองพื้นที่ได้สบาย
ดังนั้นเ้าเมืองฮุยจี๋จึงขึ้นปกครองที่นี่ได้ ใช้พลังในการข่มขวัญผู้คนที่ไปมาเช่นนี้
เดิมที่เขานึกไว้ว่าแม้ว่าฝีมือของหลิงเซียวจะสูงแค่ไหน มากสุดก็คงแค่ชั้นดวงดารา คาดไม่ถึงว่า ครั้งนี้มีตาหามีแววไม่ กลับแกว่งเท้าหาเสี้ยนเอง
ถึงแม้จะเป็ชั้นเดียวกัน แต่่ห่างของแต่ละดาวนั้นมีมากมาย หากไม่มีอาวุธวิเศษหรือการป้องกันเอาตัวรอดชั้นเยี่ยม คิดจะสู้ข้ามขั้นนั้นเป็เื่ที่เป็ไปได้ยาก อีกอย่าง ระยะห่างของพวกเขาไม่ใช่เพียงแค่หนึ่งดาว
“ท่านเ้าเมือง ยอดฝีมือผู้นี้พลังไม่ธรรมดา เห็นทีเราคงต้องถอยก่อน” ผู้เฒ่าที่ดูแลร้านคลังโอสถที่ยืนดูหลิงเซียวอยู่ห่างๆ เอ่ยอย่างกล้าๆ กลัวๆ
ถังฮุยรีบปัดข้อเสนอนี้ เอ่ยเสียงเยือกเย็น “ไม่ได้ หากถอยตอนนี้ หากจะควานหาตัวเขาอีก คงทำได้ยาก ข้าต้องได้เคล็ดลับการเพาะหญ้าเซียนชั้นสูงมา”
ขอเพียงได้เคล็ดลับนี้มา ช้าเร็วสักวันเขาต้องอยู่เหนือยอดจอมยุทธ์ทั้งหลายในแผ่นดินหลงเสียงได้แน่
“แต่ท่านเ้าเมือง ฝีมือเขาแข็งแกร่งยิ่งนัก ลำพังพวกข้าไม่มีทางสู้เขาได้แน่” ผู้ช่วยเอ่ยน้ำเสียงลังเล เขารู้ว่าเคล็ดลับการเพาะปลูกหญ้าเซียนนั้นมีค่าแค่ไหน หากเื่นี้ถูกเผยออกไป คนที่สนใจคงไม่ใช่แค่พวกเขาแน่ ถึงตอนนั้นพวกอำนาจใหญ่ทั้งหลายคงโผล่ออกมาแน่ แต่ของแบบนี้ใครดีใครได้
“ลำพังพวกเราไม่กี่คนชนะไม่ได้อยู่แล้ว แต่ที่นี่ไม่ได้มีแค่เรา สามจอมอำนาจพวกนั้นก็ต้องสนใจสมบัติล้ำค่าพวกนั้นแน่ เพียงแต่…”
“ไม่ได้เด็ดขาด ท่านเ้าเมือง!” ผู้ช่วยไม่ทันรอเขาพูดจบ ก็ขัดขึ้น
ถังฮุยจ้องเขาสายตาเ็า “ทำไมถึงไม่ได้?”
ผู้ช่วยอธิบาย “ท่านเ้าเมืองลองไตร่ตรองให้ดี สามเ้าอำนาจนั้นมุ่งเป้าที่น้ำปราณกับไข่อ่อนปีศาจขั้นแปด แต่เป้าหมายของเราคืออะไร? น้ำปราณพวกเรามีแล้ว ไข่อ่อนคือสิ่งที่เราขายประมูลออกไป เช่นนั้นเรามีเหตุผลอะไรต้องมาฆ่าสองคนนี้? ดังนั้นพวกนั้นต้องสงสัยจุดประสงค์เราแน่ หากพวกเขารู้เข้า เคล็ดลับการเพาะหญ้าเซียนนั่นคงไม่ตกถึงมือเราง่ายๆ แน่”
ถังฮุยตรึกตรอง ต้องยอมรับว่าที่เขาพูดมามีเหตุผล จึงเอ่ย “ตอนนี้เด็กหนุ่มนั่นถูกเขาซ่อนไว้ พวกเราทำได้แค่โจมตีเขา ท่านมีวิธีอื่นรึ?”
ผู้ช่วยครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วเอ่ย “ท่านเ้าเมือง เห็นทีคงถึงคราวที่ท่านต้องเสกสิ่งนั้นออกมาแล้ว มีแค่มันเท่านั้นที่สามารถซ่อนเร้นจากสายตาและการรับรู้ของจอมยุทธ์ชั้นอรุณได้”
ถังฮุยชะงัก พลันขมวดคิ้วเป็ปม ของนั่นเป็ของรักของเขา หาไม่ถึงที่สุดจริงๆ เขาไม่มีวันเอาออกมาใช้ แต่ภาพเบื้องหน้าตอนนี้ เห็นทีคงต้องตามนี้
ผ่านไปครู่เดียว ยอดฝีมือของพรรคเซียวเหยาััได้ว่ามีกลุ่มอำนาจกลุ่มหนึ่งหนีหายไปแล้ว แม้จะแปลกใจว่าอีกฝ่ายใยถึงรามือง่ายเพียงนี้ แต่พอคิดถึงพลังของชายคนนี้แล้ว ก็รู้สึกระส่ำระส่าย ชั้นอรุณห้าดาวหาใช่คนที่พวกเขาต่อกรด้วยได้ หากรู้แต่ทีแรกว่าเขาเป็ยอดฝีมือเช่นนี้ พวกเขาคงไม่ถ่อมาถึงนี่
เมื่อเห็นหลายคนเริ่มรามือ หอจี๋เล่อก็ถอยหนีเช่นเดียวกัน แม้น้ำปราณกับไข่อ่อนปีศาจจะดึงดูดใจคน แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับวาสนา ฝีมือของมู่อวิ๋นเทียนนั้นไม่ใช่ย่อย แทบหาคู่ประมือรุ่นเดียวกันไม่ได้ แต่ตอนนี้พลังเขาเป็เพียงชั้นจันทรา คนติดตามที่มาด้วยแม้ใกล้ได้เป็ชั้นิญญาแล้ว แต่เมื่อเทียบกับชั้นิญญาจริงๆ พลังก็ต่างกันสุดขั้วเหมือนกัน
เมื่อขาดหอจี๋เล่อไป สำนักเซวี่ยซ่ากับพรรคเซียวเหยาร่วมมือกันก็คงมีโอกาสชนะเพียงน้อยนิด
ผ่านไปชั่วครู่สำนักเซวี่ยซ่าก็ถอนตัวตาม เพราะว่าพวกเขาสูญเสียยอดฝีมือไปหลายคน หากสูญเสียไปมากกว่านี้ คงยากที่จะให้คำตอบกับสำนักได้
มู่เหยาโมโหจนอยากกระทืบเท้า แต่ก็ต้องจำยอมจากไปพร้อมผู้เฒ่าอวิ๋น แม้ว่าจะอยากได้น้ำปราณจากชายผู้นี้มากเพียงใดก็ตาม
เมื่อคนเ่าั้จากไปหมด หลิงเซียวจึงเก็บพลังที่น่าสะพรึง แต่หากพวกเขารู้ว่าพลังที่แท้จริงของหลิงเซียวหาใช่เพียงชั้นอรุณ หากแต่สูงกว่านั้นอีก คาดว่าคงหนีเร็วขึ้นกว่าเดิม
สายตาประกายกวาดตามองรอบทิศ แน่ใจว่าไม่มีใครออกมา หลิงเซียวก็ยกฝ่ามือขึ้นโบก ทันใดนั้นอากาศมีรอยแยกออก จนมีใครบางคนนั้นหล่นลงมาจากรอยแยก หลิงเซียวที่อยู่เบื้องล่างนั้นรับไว้ทันพอดี
ภาพนี้หากมู่เหยากับผู้เฒ่าอวิ๋นเห็นเข้า ทั้งสองคงใหน้าถอดสี โชคดีที่พวกเขาถอนตัวอย่างชาญฉลาดเสียก่อน
“ว๊ากก…”
คนที่หล่นลงมาจากรอยแยกก็คือโหยวเสี่ยวโม่
ขณะนี้ เขาหน้าตาตื่นตาโตเบิกกว้าง สติไม่ครบ จ้องมองหลิงเซียวที่อุ้มเขาอยู่
จิตสังหารรุนแรงของหลิงเซียวเมื่อครู่หายไปแล้ว ใบหน้าอ่อนโยนจ้องโหยวเสี่ยวโม่ กระตุกรอยยิ้มมุมปากแสนเ้าเล่ห์ “ศิษย์น้องเล็ก เ้าคงรู้สึกว่าวันนี้ข้าช่างดูเก่งกาจห้าวหาญ เลยมองตาค้างสินะ?”
โหยวเสี่ยวโม่อยากตบสักป๊าบเข้าที่หน้าหลิงเซียว แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นหลักตอนนี้
หลิงเซียวเอ่ยทันใด “ศิษย์น้องเล็ก ตอนนี้เ้าคงอยากตบข้ามากสินะ?”
โหยวเสี่ยวโม่เหวอ กำลังจะถามว่าทำไมถึงรู้ แต่ก็รีบกลืนคำพูดพวกนั้นลงไปได้ทันเวลา กระพริบตาปริบๆ “ศิษย์พี่หลิง คนร้ายพวกนั้นถูกท่านไล่ไปหมดแล้วเหรอ?”
“ก็ใช่น่ะสิ เ้าลองดูก็รู้” หลิงเซียวขำ
โหยวเสี่ยวโม่กวาดตามองโดยรอบ ผะอืดผะอมจนเกือบอ้วกโจ๊กที่กินไปเมื่อเช้าออกมา ถึงว่าเขารู้สึกถึงกลิ่นคาวเืเต็มไปหมด หลิงเซียวที่อย่ตรงกลาง รอบทิศนั้นล้วนเป็ซากศพฉีกขาด อีกทั้งยังมีศพแห้งกรังสิบกว่าศพ …คนพวกนี้ตายอย่างน่าอนาถ ทำอย่างไรดี ยังไม่ได้กินมื้อเที่ยงเลย!
หลิงเซียวแหงนหน้าดูตะวันที่อยู่เหนือหัว ขำแล้วเอ่ย “ศิษย์น้องเล็ก พวกเรารีบเดินทางเถอะ จะให้ดีรีบไปให้ถึงเมืองต่อไปก่อนบ่ายโมง จะได้ทันกินมื้อเที่ยงพอดี”
พูดจบ ก็อุ้มโหยวเสี่ยวโม่แน่น พลันก้าวะโหายตัวไปท่ามกลางควันจางๆ พร้อมกับเสียงร้องโหยหวนขืนตัวเบาๆ ของโหยวเสี่ยวโม่
“ข้าไม่…”
เมืองอู๋เฟิงเป็ทางออกจากเทือกเขาอู๋เฟิงที่อยู่ปลายสุด ใครก็ตามที่ออกจากเทือกเขาอู๋เฟิง ต้องผ่านเมืองนี้กันทั้งนั้น แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็เมืองเล็กๆ แต่พื้นที่ก็กว้างพอๆ กับเมืองฮุยจี๋ อีกอย่างที่นี่ไม่ได้สังกัดอำนาจใด จึงเป็เมืองที่เข้าออกได้สบาย
หลิงเซียวอุ้มโหยวเสี่ยวโม่มาจนถึงนอกเมืองอู๋เฟิง ตะวันขึ้นตรงศรีษะพอดี หรือก็คือ่เวลามื้อเที่ยงที่เขาบอกไว้ จากนั้นถึงวางโหยวเสี่ยวโม่ที่ไม่พอใจลง
“ศิษย์น้องเล็ก เ้าดูสิ พวกเรามาถึงเมืองอู๋เฟิงแล้ว” หลิงเซียวตบหัวเขาเบาๆ ทีหนึ่ง
โหยวเสี่ยวโม่หาได้สนใจ พลางมองสำรวจรอบเมืองอู๋เฟิง
พูดถึง ตอนที่พวกเขาไปเมืองฮุยจี๋ก็ผ่านเมืองนี้ แต่ไม่ได้หยุดแวะ ดังนั้นโหยวเสี่ยวโม่จึงจำไม่ค่อยได้ แต่ก็เป็เมืองที่คึกคักทีเดียว เพราะไม่มีคนดูแลจัดการ ดังนั้นจึงมีฉกชิงวิ่งราวอยู่บ่อยครั้ง
ทั้งสองกำลังจะเข้าเมืองอู๋เฟิง จู่ๆ ประตูที่ไม่มีคนเฝ้าก็มีคนโผล่มาสองคน คนหนึ่งโย่งคนหนึ่งแคระ รูปลักษณ์เหลาะแหละ แถมมีฟันยื่นสีเหลืองน่าเกลียด แต่พลังของพวกเขาไม่ได้ด้อยมากนัก ซึ่งเป็พลังชั้นตะวัน ตอนนี้กำลังยืนจ้องหลิงเซียวกับโหยวเสี่ยวโม่ด้วยสายตามุ่งร้าย
เ้าแคระเหลาะแหละจ้องหน้าโหยวเสี่ยวโม่ จากนั้นเอ่ยเสียงโหด “นับจากวันนี้ ใครก็ตามที่เข้าเมืองอู๋เฟิง ทุกคนต้องจ่ายค่าผ่านทาง”
“แต่ครั้งก่อนที่เราผ่านยังไม่เห็นเก็บเลย” โหยวเสี่ยวโม่เอ่ยอย่างแปลกใจ เขาไม่มีทางจำผิด ตอนนั้นเขานั่งอ้วกอยู่ในรถม้า หลิงเซียวก็ไม่ได้ถามหาเงินจากเขาแต่อย่างใด
เ้าแคระฉีกยิ้มแล้วเอ่ย “จากวันนี้เป็ต้นไปเริ่มเก็บแล้ว แต่เห็นว่านี่เป็ครั้งแรกของเ้า ข้าจะบอกข่าวดีให้ ที่นี่คือเมืองอู๋เฟิง ต่อแต่นี้ถือว่าเป็เขตแดนของแก๊งเขี้ยวหมาป่า เข้าไปแล้วทำตัวดีๆ ไม่งั้นจะเอาชีวิตมาทิ้งเปล่าๆ”
แก๊งเขี้ยวหมาป่า?
โหยวเสี่ยวโม่มึนงง เขาไม่ได้ฟังผิด หัวหน้าแก๊งเขี้ยวหมาป่าพึ่งถูกหลิงเซียวฆ่าไปไม่กี่วันก่อน ไม่เพียงไม่ได้แยกย้าย แต่กลับมากร่างที่เมืองนี้แทน แล้วยังจะเก็บค่าผ่านทาง โหยวเสี่ยวโม่หันไปมองหลิงเซียว ช่างเถอะ ไม่ก่อเื่ดีกว่า
“ก็ได้ งั้นคนละเท่าไหร่?”
“สองร้อยตำลึงทอง” เ้าแคระเอ่ยยิ้มตาหยี
“…เ้าไปปล้นเอาดีกว่า” มือโหยวเสี่ยวโม่ที่กำลังจะควานหาเงินในถุงเก็บของชะงักพลัน ให้ตายเถอะ เมืองฮุยจี๋ยังเก็บแค่สองตำลึงทอง ที่นี่ต้องจ่ายถึงสองร้อยตำลึงทอง ปล้นกันชัดๆ เขาไม่ให้ดีกว่า ถึงอย่างไรก็มีความแค้นกับแก๊งเขี้ยวหมาป่าอยู่แล้ว
เ้าแคระข่มหน้านิ่งทันใด เ้าโย่งที่ยืนดูอยู่ด้านข้างก็ทำหน้าโเี้
“เหล้าหวานไม่ชอบ ชอบเหล้าฝาดสินะ งั้นข้าจะสงเคราะห์ให้” เ้าแคระกล่าวน้ำเสียงอำมหิต พลันชักมีดปังตอออกมาพร้อมกับเ้าโย่งแล้วฟันทั้งสองคน กล้าขัดกฎของเขี้ยวหมาป่า งั้นก็ตายเถอะ ได้ทีเชือดไก่ให้ลิงดู
“ปัง! ปัง!”
ทันใดนั้นเ้าโย่งเ้าแคระสองร่างกระอักเื ใบหน้าซีดเผือดกระเด็นออกไป ร่างหนักกระแทกเข้ากับเสาประตูเมืองคอหัก ซี้แหงแก๋!
คนดูรอบๆ ต่างตกตะลึง จอมยุทธ์ชั้นตะวันสองคนถูกอีกฝ่ายต่อยด้วยหมัดทีเดียวก็ตายซะงั้น จากนั้นจ้องทั้งสองคนเดินเข้าเมืองด้วยท่าทีอึ้งๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้