แม้ว่าหลิงกวงจะไม่ได้ปรากฏตัวบนทวีปผู้ฝึกตนมาหลายปีแล้วแต่ชื่อเสียงและความแข็งแกร่งของเขาย่อมทำให้ผู้ฝึกตนที่อยู่ในขั้นพลังเดียวกันตื่นกลัวได้อยู่ดีแน่นอนว่ามู่เฟิงและคนอื่นๆ เข้าใจเื่นี้ได้อย่างลึกซึ้งอีกทั้งเมื่อตอนที่อสูรร้ายเฉวียงฉีอุบัติลงมาบนโลก การที่หลิงกวง ชิงเหยารวมไปถึงยอดฝีมือเผ่าตระกูลสัตว์เทพหลายๆ คนร่วมมือกันผนึกมันเอาไว้ได้นับว่าเป็ผลงานชิ้นใหญ่ตอนนั้นมู่เฟิงและคนอื่นๆล้วนเป็เพียงเด็กหนุ่มที่ไม่ได้มีชื่อเสียงและประสบการณ์กันเลยสักคนหากเรียงตามแค่ลำดับาุโและคุณสมบัติแล้วหลิงกวงและชิงเหยาก็สามารถเอาชนะพวกเขาได้ไกลโข ยิ่งเื่พลังบำเพ็ญเพียรนั้นไม่ต้องพูดถึงเลย
เมื่อหลิงกวงพูดประโยคนี้ออกมาในเวลานี้ในใจของพวกเขานั้นรู้สึกใมาก และไม่กล้าที่จะไม่เชื่อเลยจริงๆเดิมทีแล้วมู่เฟิงคิดว่าหลิงกวงคงไม่ฉีกหน้าสำนักฉิงชางของพวกเขาเพราะอวี๋เคอเพียงคนเดียวหรอกจึงจงใจใช้คำพูดยั่วยุเขา แต่ไม่นึกว่าจะพลาดท่าอย่างไม่คาดคิด...
เมื่อมู่เฟิงถูกพัดชี้ไปยังปลายจมูก ก็รู้สึกเสียหน้าต่อหน้าเหล่าศิษย์สำนักฉิงชางเป็อย่างมากใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นเต้นกระตุก เมื่อชายชราถูกทำให้โกรธจนทนไม่ไหวเขาจึงยื่นมือขึ้นคลี่พัดออก และจ้องมองหลิงกวงอย่างเ็าก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีความสุภาพอยู่เลยแม้แต่น้อย “แต่ไหนแต่ไรมาาาเทพหลิงกวงไม่ใช่คนหยาบคายเช่นนี้ แต่วันนี้กลับดูหุนหันพลันแล่นขึ้นมากข้ายังพูดไม่จบ รอให้ข้าพูดจบก่อนแล้วท่านเทพค่อยเลือกว่าอยากจะแตกหักกับสำนักฉิงชางของข้าหรือไม่ก็ยังไม่สาย”
เมื่ออวี๋เคอที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากหลิงกวงได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็มองไปที่ตาเฒ่ามู่เฟิงด้วยสายตาดูิ่อยู่ชั่วครู่เมื่อครู่ท่าทีของเขาดูราวกับว่าจะรวมพลทั้งโลกเซียนมาร่วมมือกันจัดการกับหลิงกวงอย่างเห็นได้ชัดแต่ตอนนี้กลับรู้สึกตาขาวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พอมาคิดๆดูแล้วตาเฒ่าผู้นี้ช่างรู้อะไรควรไม่ควรจริงๆ อย่างน้อยก็มีชีวิตอยู่มาหลายร้อยปีหากเพื่อปกป้องรากฐานของสำนักฉิงชางแล้ว บอกให้เขาก้มหัวเขาก็ยอมทำแต่การจะยอมเสียหน้าก็ไม่ใช่เื่ง่ายเช่นกัน
หลิงกวงดึงพัดกลับมาก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นแล้วกล่าวว่า “เช่นนั้นข้าจะให้โอกาสเ้า เพื่อฟังเ้าพูดให้จบ”
แววตาของมู่เฟิงเต็มไปด้วยความอัปยศอยู่ภายในทำได้เพียงก้มหน้าและขบกรามแน่น ก่อนจะกล่าวด้วยความเคียดแค้นว่า “ข้ารับปากท่านเทพว่าจะปล่อยอวี๋เคอไปและขอความกรุณาเทพชิงเหยาถอนพิษให้ศิษย์ของข้าด้วย! ” เขาพูดยังไม่ทันสิ้นเสียงชายชราอีกสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เขา ก็ประสานมือคารวะชิงเหยาเช่นกัน “ขอความกรุณาเทพชิงเหยาถอนพิษให้ศิษย์ของข้าด้วย! ”
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ก็ค่อยๆเกิดความปั่นป่วนท่ามกลางสนามประลองขึ้นมาศิษย์หญิงหลายคนอดส่งเสียงสะอื้นไห้ไม่ได้เมื่อเห็นอาจารย์ปู่ถูกบีบบังคับจนถึงเพียงนี้ พวกเขารู้สึกว่าการไร้ความสามารถเช่นนี้ของตนเองเป็การทำให้สำนักเสียหน้าไป๋ลี่และคนอื่นๆ ก็มีสีหน้าละอายใจเช่นกัน แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรมากได้พวกเขายังคงอยู่ในขั้นผ่านความทุกข์ตรมแห่งนิพพานแม้ว่าต่างจากขั้นมหายานเพียงขั้นเดียว แต่กลับต่างกันราวฟ้ากับดิน
เทพหลิงกวงผู้นั้นไม่เคยเห็นพวกเขาเหล่านี้อยู่ในสายตามาั้แ่แรกอีกทั้งมู่เฟิงและคนอื่นๆ ก็ก้มหัวลงหมดแล้วพวกเขาจึงไม่อาจพลั้งปากพูดเื่เลวร้ายได้สถานการณ์ภายในสนามประลองจึงตกอยู่ในสภาวะตกต่ำ
ซ่งฉียวนกวาดสายตามองศิษย์สำนักฉิงชางที่ทรุดตัวลงกับพื้นในขณะที่มือขวากำลังกำด้ามกระบี่ที่อยู่ด้านข้างจนแน่น ด้วยสีหน้าคับแค้นใจ
ที่ตระกูลซ่งถูกทำลายเป็เพราะฝีมือนั้นอ่อนด้อย!
ที่เขาถูกอวี๋เคอทรมานก็เป็เพราะฝีมือของเขาอ่อนด้อยเช่นกัน!
วันนี้สำนักฉิงชางได้มาถึงจุดตกต่ำเช่นนี้หรือจะเป็เพราะฝีมือด้อยกว่าผู้อื่น!
ในท้ายที่สุด โลกนี้ก็เป็โลกที่เทิดทูนผู้แข็งแกร่งมีเพียงพลังอันแสนแข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะสามารถรักษาศักดิ์ศรีของตัวเองเอาไว้ได้และจึงจะสามารถทำในสิ่งที่ตนเอง้าได้!
แสงสีแดงเข้มแผ่กระจายออกมาจากส่วนลึกในดวงตาของเขาพลังปราณในร่างกายปั่นป่วนไม่หยุด จากนั้นภาพเสมือนของเฉวียงฉีก็ค่อยๆก่อตัวขึ้นที่ด้านหลัง
สุดท้ายซ่งฉียวนก็ไม่ฟังคำแนะนำของหร่วนสือจิ่วก่อนจะค่อยๆ ก้าวเดินไปข้างหน้าสองสามก้าว กระบี่เล่มยาวถูกชักออกจากฝัก จากนั้นก็ชี้ตรงไปยังอวี๋เคอที่เหาะลอยอยู่กลางอากาศแล้วเสียงเ็าที่ถูกห่อหุ้มด้วยพลังปราณก็ดังก้องไปทั่วลานประลอง “อวี๋เคอ เ้าจงฟังให้ดีสักวันข้าจะทำให้เ้าตายด้วยน้ำมือของซ่งฉียวนผู้นี้”
หลิงกวงไม่ได้กล่าวอะไรออกมาก่อนจะมองไปที่ซ่งฉียวน จากนั้นก็มองไปที่อวี๋เคออีกครั้งแล้วเผยรอยยิ้มอันแฝงไปด้วยเลศนัยออกมา เห็นได้ชัดว่า้าจะดูสิ่งบันเทิงเริงใจ
บรรยากาศอันเงียบสงัดถูกทำลายลงทุกคนมองเด็กหนุ่มรูปงามคนนั้นด้วยความประหลาดใจ ทันใดนั้นพวกเขารู้สึกว่าเหมือนเคยได้ยินชื่อซ่งฉียวนชื่อนี้มาก่อนแต่พอคิดดูอย่างละเอียดแล้วจู่ๆ ก็สะดุ้งใ เพราะเขาลือกันว่าถูกกู้จิ่นเฉิงตีจนตกลงไปในแม่น้ำที่าแม่น้ำแห่ง์ไปแล้วนายน้อยตระกูลซ่งที่กลายเป็ซากกระดูกไร้ตัวตนไปแล้วไม่ได้ชื่อซ่งฉียวนหรอกหรือ!
ไป๋ลี่ประหลาดใจไม่น้อยไปกว่าคนอื่นๆ เลยหร่วนสือจิ่วไม่เคยบอกเขาเื่ตัวตนของซ่งฉียวนมาก่อนแต่กลับทำดีกับศิษย์ที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าผู้นี้มากเช่นนี้ก่อนหน้านี้เขายังประหลาดใจอยู่เลยตอนนี้เมื่อได้ยินเด็กคนนี้ประกาศชื่อแซ่ตัวเองออกมาก็เข้าใจได้ทันที
ฉียวน ฉียวนแค่ละเว้นนามสกุลแต่กลับหลอกพวกเขาไปได้!
พวกเขาใมาก ส่วนอวี๋เคอก็แทบจะหัวโต บัดซบเอ้ยสิ่งที่เขากลัวมากที่สุดก็คือสถานการณ์แบบในตอนนี้ซ่งฉียวนด่าเขาด้วยการประกาศกร้าวชัดเจน ทั้งยังประกาศชื่อของตนเองอีกด้วยด้วยบุคลิกที่ตัดรากถอนโคนของอวี๋เคอในเื่ต้นฉบับก็คงจะต้องสังหารเขาตอนนี้เลยแต่ตอนนี้เมื่อเปลี่ยนมาเป็ตนเองแล้วจะไปทำลงได้อย่างไรเล่า? แต่หากเขาไม่ลงมือตอนนี้หากวันไหนข่าวแพร่งพรายออกไปตนจะต้องถูกพวกอันธพาลวิจารณ์อย่างหนักเป็แน่ใช่หรือไม่?
ให้ตายเถอะ เ้าลูกเลวไม่ซื่อสัตย์เอาเสียเลยหาเื่ให้พ่อจนได้!
“นายท่านเ้าผีน้อยนั่นด่าท่านขอรับ” อาจิ่วถนัดการจี้ใจดำคนเป็ที่สุดเมื่อถูกเขาตอกย้ำเช่นนี้ อวี๋เคอก็โกรธจนแทบจะเป็โรคหัวใจตีบตัน
“ข้ารู้”
“แล้วจะให้ข้าไปสั่งสอนเขาแทนนายท่านสักหน่อยหรือไม่? ”
อาจิ่วมีความคิดนึกสนุกอยากจะสั่งสอนซ่งฉียวนั้แ่แรกอยู่แล้วตอนนี้ก็มีเหตุผลที่เหมาะสมพอดี แน่นอนว่าต้องไปทักทายซ่งฉียวนเสียหน่อย
“เ้าไม่ต้องลงมือหรอก”
อาการาเ็ของอวี๋เคอได้ทุเลาลงมากแล้วเขามองไปที่ซ่งฉียวนด้วยสายตาที่เ็า ก่อนจะไปยืนตระหง่านอยู่ตรงข้ามกับซ่งฉียวนด้วยเวลาเพียงเสี้ยววินาทีจากนั้นจึงใช้อุ้งมือทั้งสองรับกระบี่ที่ดุดันและแวววับเล่มนั้นเอาไว้
ไป๋ลี่ มู่เฟิง และคนอื่นๆ ใกันยกใหญ่ เมื่อเห็นมู่เฟิงกำลังจะพุ่งเข้ามาแต่กลับถูกหลิงกวงขวางไว้
“ท่านเทพมาขวางข้าด้วยเหตุใด!อยากจะบีบให้ข้าลงมือจริงๆ งั้นหรือ? ”
“อวี๋เคอเ้าอย่าได้คิดแตะต้องเขาเป็อันขาด! ” หร่วนสือจิ่วเหวี่ยงฝ่ามือนำลมพุ่งเข้าใส่อวี๋เคอแต่ไม่คาดคิดว่าพลังปราณในร่างกายจะตีรวนขึ้นมาทันใดนั้นก็กระอักเืรดลงบนสนามประลอง เห็นได้ชัดว่าพิษของชิงเหยานั้นได้ผล
อวี๋เคอเพียงสะบัดมือไปหนึ่งครั้งฝ่ามือลมนั้นก็สลายไปนิ้วมือขวาทั้งสองจับปลายกระบี่ของซ่งฉียวนเอาไว้อย่างแน่นสนิท ไม่ว่าคนตรงหน้าจะออกแรงแค่ไหนก็ไม่สามารถทำให้กระบี่มุ่งไปข้างหน้าต่อไปได้แม้แต่นิดเดียวน้ำเสียงของเขาแฝงไว้ด้วยความประชดประชันอย่างเหลือหลายอวี๋เคอโน้มตัวเข้าไปใกล้หูของซ่งฉียวน แล้วหัวเราะเยาะว่า “เ้าคิดว่าตัวเองเป็ใครกัน? คิดว่าฝีมือแค่นี้จะสังหารข้าผู้นี้ได้งั้นหรือ? ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้อวี๋เคอก็สบเข้ากับสายตาของซ่งฉียวนที่้าถลกหนังดึงเส้นเอ็นของเขาออกมาอย่างไม่กะพริบเมื่อออกแรงบนมือ ก็ได้ยินเสียงหัก “แกรก” ดังขึ้นกระบี่ที่ตนมอบให้ซ่งฉียวนในตอนนั้นหักออกเป็สองท่อนจากตรงกึ่งกลาง
“วันนี้ข้าอารมณ์ดี เลยไม่ฆ่าเ้าหากวันหน้าพบกันอีก จุดจบของเ้าก็จะเป็เหมือนกระบี่เล่มนี้”
อวี๋เคอโยนกระบี่ที่หักครึ่งขึ้นไปบนเวทีประลองจนเกิดเสียงดัง “เคร้ง” แล้วหันกลับไปโดยไม่แม้แต่จะมองซ่งฉียวนสักนิดเขาเหาะขึ้นไปบนอากาศ ราวกับว่าคำพูดของซ่งฉียวนเป็เื่ตลกสำหรับสิ่งที่เขาเคยพูดออกมาและไม่สะทกสะท้านแม้แต่นิดเดียว
เขาจึงพลาดที่จะเห็นสายตาทั้งคู่ที่ค่อยๆล่องลอยเมื่อเห็นกระบี่หักครึ่งตกลงบนลานประลองของเด็กหนุ่มที่อยู่ด้านหลังไปโดยปริยาย
ซ่งฉียวนคุกเข่าลงกับพื้นอย่างเหม่อลอยแล้วกอดกระบี่ที่หักเป็สองท่อนเอาไว้ ก่อนจะขบเม้มริมฝีปากบางอยู่อย่างนั้นแต่สุดท้ายก็ควบคุมความรู้สึกเอาไว้ไม่ได้จนปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมาหลายต่อหลายหยด ร่ำไห้ราวกับเด็กน้อย