ปางมือมรณาท่าที่สอง หรือที่หยวนจุนเรียกว่าปางมือวัชระ ได้เกิดแสงสว่างดวงใหญ่ที่ดูน่าพิศวง จากนั้นสายฟ้าขนาดเล็กก็ปรากฏขึ้นและส่องแสงแวบวาบอยู่รอบเปลวไฟที่ลุกโชน
“ตูม”
ต้วนเชียนใช้กำลังทั้งหมดต้านพลังจากปางมือวัชระ เนื่องจากตอนนี้ปางมือวัชระดวงใหญ่ได้อยู่ทางด้านซ้ายของเขา แม้อยากจะหยุด แต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว
ต้วนเชียนถูกเปลวไฟลุกโหมทั่วร่าง พลังฝ่ามือที่ปะทะไปบนซี่โครงด้านซ้ายของเขา ทำให้ปราณดาราภายในสลายไปอย่างรวดเร็ว
ปางมือมรณาเก้าท่าของหยวนจุน ท่าถัดไปจะมีพลังมากกว่าท่าก่อนหน้าถึงสิบเท่า หากกล่าวว่าปางมืออจละสามารถฆ่าระดับวงแหวนเล็กขั้นห้าได้ ปางมือวัชระที่อยู่ท่าถัดไป ก็สามารถสู้ระดับวงแหวนใหญ่ขั้นห้าได้อย่างเท่าเทียม!
“ฟ้าว”
ปางมือเปลี่ยนเป็พลังไร้รูปผ่านแนวต้านที่เป็เนื้อหนัง ก่อนจะเข้าไปยังด้านหน้าและออกไปทางด้านหลังของร่างกายต้วนเชียน
ราวกับพายุที่พัดผ่านชั่วขณะ
ต้วนเชียนยืนนิ่งอยู่บนเวทีประลอง ร่างกายเขาไม่ได้รับาเ็มากนัก มีเพียงไอพุ่งออกมาจากด้านหลังของเขาเท่านั้น
“พลังร้ายกาจมาก วิชาที่เ้าหนุ่มนั่นแสดงออกมาเมื่อครู่นี้ อย่างน้อยต้องเป็วิชายุทธ์ระดับเ้าฮั่วขั้นกลาง!”
ราชสีห์เืเซียวจั้นถูกวิชายุทธ์นั้นดึงความสนใจ เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเอ่ยขณะที่สายตายังคงจ้องมองหยวนจุน
“เกรงว่าจะมิได้เป็เช่นนั้นน่ะสิท่านพ่อ ภายในของวิชายุทธ์ที่เขาใช้นั้นมีปราณธาตุไฟอยู่ ความแข็งแกร่งของพลังจึงเหนือชั้นกว่าพลังที่ได้จากการฝึกวิชายุทธ์ด้วยตนเองมาก”
เมื่อถูกเซียวหานเตือนสติ ดวงตาของเซียวจั้นก็แสดงความประหลาดใจขึ้นมาทันที
“หานเอ๋อร์ เ้ารู้ว่าการที่เ้าหนุ่มนั่นมีปราณธาตุไฟที่แข็งแกร่งเช่นนี้ มิใช่เพราะวิชายุทธ์ที่เขาใช้ แต่เพราะ...”
แม้เซียวหานยังยืนยันไม่ได้ว่าหยวนจุนที่บ่มเพาะพลังยุทธ์แค่ระดับวงแหวนใหญ่ขั้นสี่ จะสามารถเชื่อมประสานดวงดาววิเศษบนท้องฟ้าได้ แต่สิ่งที่เขาแสดงออกมาทั้งหมดนั้น ทำให้เซียวหานเอนเอียงไปตามข้อสันนิษฐานนี้
“อืม”
เซียวจั้นสูดลมหายใจเข้า เขาต้องมองเ้าหนุ่มวงแหวนใหญ่ขั้นสี่นั่นใหม่เสียแล้ว หากเขาสามารถเชื่อมประสานกับดวงดาววิเศษได้ เกรงว่าคงจะไม่ง่ายอย่างที่เห็น
และผู้ที่ประหลาดใจที่สุดในสนามประลอง คงหนีไม่พ้นหลิววั่นซาน
เขาจ้องมองหยวนจุนพลางเม้มริมฝีปากที่แห้งผาก
เด็กที่เขาไม่ถูกชะตาั้แ่แรกเห็น ตอนนี้กลับแสดงวิชายุทธ์ที่ทรงพลังเช่นนี้ได้ แม้แต่ต้วนเชียนที่เผชิญหน้ากับวิชายุทธ์นี้ก็ยังหลบไม่ได้อย่างนั้นหรือ?
แม้หลิววั่นซานจะได้ยินเื่ของหยวนจุนจากพ่อบ้านสวีจิ้งมาบ้าง แต่เขาก็มิได้สนใจอะไร ในวันนี้เมื่อเขาได้มาเห็นกับตาตนเองแล้ว ทำให้เขารู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาทันที
“เยี่ยม!”
แม้ไม่ได้ยินจากปากหลิววั่นซานโดยตรง แต่เขาก็ชื่นชมด้วยความจริงใจ
“โครม”
ต้วนเชียนปิดปากสนิท ลำตัวตรงไม่ขยับ และปล่อยให้ลมพัดผมยาวจนยุ่งเหยิง ทันใดนั้นทุกคนก็ได้ยินเสียงบางอย่างตกลงบนเวที ก่อนจะพบว่าต้วนเชียนได้ล้มลงั้แ่หัวจรดเท้าและร่างกายกระตุกไม่หยุด
หยวนจุนกระทืบเท้าลงพื้น ทำให้เกิดลมแรงที่พัดพาตัวต้วนเชียนให้ออกไปจากเวทีการประลอง
ทั้งสนามประลองเงียบราวกับป่าช้า ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าต้วนเชียนจะเป็ฝ่ายพ่ายแพ้ให้แก่หยวนจุน อีกทั้งยังพ่ายแพ้แบบน่าขายหน้าอีกด้วย!
ผลการประลองเช่นนี้ทำให้เหล่านักยุทธ์ในเมืองลั่วฝานตกตะลึงจนพูดไม่ออก! ทั้งนี้ เมื่อเห็นชัยชนะใกล้เข้ามา ก็ทำให้ผู้ที่เคยดูถูกหยวนจุนนั้นต้องกลับมามองเขาใหม่
“แปะแปะแปะ”
หลิววั่นซานลุกขึ้นจากที่นั่ง เขาไม่เพียงแต่ชื่นชมหยวนจุนเท่านั้น แต่หลิวหรูเยียนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ได้รับคำชื่นชมอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
หยวนจุนเป็ผู้ที่นางหามาได้ แม้แต่ต้วนเชียนที่หลิวหรูเยียนพ่ายแพ้ ก็ยังถูกเขาจัดการได้อย่างง่ายดาย
ความรู้สึกยินดีปรีดาเช่นนี้ มีมากกว่าคราวที่เห็นชัยชนะของการประลองครั้งแรกเสียอีก!
เมื่อเซียวจั้นเห็นหลิววั่นซานดีใจอย่างออกนอกหน้า เขาจึงเอ่ยเสียงดังด้วยรอยยิ้ม ตั้งใจให้อีกฝ่ายได้ยินว่า “ฮาฮา สมกับเป็ผู้ที่ตระกูลหลิวเลือก มีความสามารถจริงๆ”
โลกภายนอกก็เป็เช่นนี้
แม้เซียวจั้นจะแสดงท่าทีชื่นชมหลิววั่นซาน แต่ภายในใจกลับมีแต่ความเหยียดหยาม
เขาหันมาหาเซียวหานเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “หานเอ๋อร์ รอบต่อไปเ้าขึ้นประลองกับเขา ต้องรีบชนะให้เร็วที่สุดนะ”
“แน่นอน ข้าจะหาวิธีดึงเขามาอยู่ตระกูลเซียวของเราให้ได้ด้วย ผู้มีความสามารถเช่นนี้อยู่ในตระกูลหลิวแห่งเมืองเทียนอวิ่น ช่างเป็เื่ที่น่าเสียดายยิ่งนัก”
เซียวหานตอบรับอย่างอ่อนโยน นางย่างเท้าทีละก้าว ก่อนจะไปยืนอยู่ตรงหน้าหยวนจุนอย่างสง่างาม
ก่อนที่ริมฝีปากแดงจะเปิดออก หยวนจุนรู้สึกถึงพลังปราณที่แผดเผา รวมถึงกลิ่นหอมเตะจมูกที่ทำให้ผู้คนต้องตกอยู่ในภวังค์ด้วย
“น้องชายมีความสามารถใช้ได้ทีเดียว แม้จะบ่มเพาะพลังยุทธ์ถึงแค่วงแหวนใหญ่ขั้นสี่ แต่เ้าก็สามารถเอาชนะต้วนเชียนที่ข้าเป็คนเลือกได้ ผู้อื่นต่อสู้เพื่อเลื่อนขั้น แต่เ้าต่อสู้เพื่อสิ่งของ”
“ข้าเซียวหานชื่นชมผู้มีความสามารถมาแต่ไหนแต่ไร ข้ายินดีที่จะสนทนาแลกเปลี่ยนเื่พลังยุทธ์ หากมีเวลาเ้ามาที่เมืองลั่วฝานของเราได้ ตระกูลเซียวจะต้อนรับเ้าอย่างดี”
เซียวจั้นบอกให้เซียวหานหาวิธีดึงหยวนจุนเข้ามาในตระกูลเซียว แต่นางรู้ว่าหยวนจุนเป็ผู้ที่ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ ซึ่งบุรุษที่ไม่เปิดเผยความรู้สึกนั้น ยิ่งพูดอ้อมค้อมจะยิ่งทำให้เขาระวังตัว
ต้องกล่าวตรงไปตรงมาจึงจะสามารถสื่อสารให้เขารู้ได้
หยวนจุนพยักหน้าแล้วตอบกลับไปอย่างมีมารยาทว่า “ขอบคุณแม่นางเซียวหานที่ชื่นชม หากมีโอกาสข้าจะไปเยี่ยมเยียนแน่นอน”
ทั้งสองถอยหลังไปสองสามเก้าแต่ไม่มีผู้ใดลงมือ เซียวหานจึงปัดผมสีทองที่กระจายอยู่บนไหล่ ก่อนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “น้องชาย ลงมือเถิด”
หยวนจุนตั้งสมาธิ ไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย เพราะจากรอบที่แล้วที่นางประลองกับหลิวซินไห่ หยวนจุนรับรู้ได้ถึงความอันตรายของนาง
มิใช่ความรู้สึกที่คิดไปเอง แต่เป็สิ่งแผ่ออกมาจากร่างกายของนาง
“แม้หยวนจุนจะเอาชนะต้วนเชียนได้ แต่การประลองตัวต่อตัวกับเซียวหานนั้น เขาไม่มีทางชนะได้อย่างแน่นอน เพราะความพ่ายแพ้ของเมืองเทียนอวิ่นได้ถูกกำหนดไว้อยู่แล้ว!”
“ถึงเขาจะแสดงเปลวไฟนั่นออกมา ก็ไม่มีทางต้านทานหยาดน้ำแข็งทะลวงปราณได้ ดังนั้นเมื่อถูกน้ำแข็งอันเย็นเยือกของเซียวหานแล้ว หยวนจุนจะต้องตายอย่างแน่นอน!”
แม้ความล้มเหลวของต้วนเชียนจะทำให้ผู้คนใ แต่ก็ไม่มีนักยุทธ์ผู้ใดของเมืองลั่วฝานรู้สึกสิ้นหวัง
ตัวแทนที่แข็งแกร่งที่สุดของอนุชนรุ่นหลังมิใช่ต้วนเชียน แต่เป็เซียวหานต่างหาก!
หลิวซินไห่เป็อนุชนรุ่นหลังที่แข็งแกร่งของเมืองเทียนอวิ่น มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถเทียบเท่าเซียวหานได้ หยวนจุนจะมีความสามารถพอที่จะประลองกับนางได้หรือ?
เมื่อทั้งสนามประลองเงียบสงบ หยวนจุนจึงปล่อยหมัดออกไป หมัดนั้นถูกมือเรียวของเซียวหานขวางไว้ก่อนจะส่งพลังออกไปอย่างรู้ทัน หยวนจุนจึงถูกนางเหวี่ยงออกไปทางด้านหลัง
ขณะที่หยวนจุนกำลังถูกเหวี่ยง เขาเล็งไปที่ด้านหลังของนาง จากนั้นก็ปล่อยพลังยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดออกไป!
พลังปางมือวัชระ เมื่อออกจากฝ่ามือไปแล้วจะมีเพียงแสงสว่างวาบอยู่ในอากาศ ทำให้มองไม่ออกว่านั่นคือแสงเพลิง
“กำแพงน้ำแข็งสิบทิศ!”
เมื่อเสียงของเซียวหานดังออกมา กำแพงน้ำแข็งยาวหลายจั้งก็ปรากฏอยู่ตรงหน้านาง หนึ่งกำแพงน้ำแข็งแยกออกเป็สองส่วน กระทั่งครบสิบส่วนจึงก่อเป็ชั้นกำแพงที่ห่อหุ้มนางไว้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้