“ต้าหลง!!” เฉิงไฉเซียวและลวี่เหรินะโพร้อมกัน
“อ๊ากกก! เจ็บโว้ยยยย!!” จื่อต้าหลงแกล้งชักดิ้นชักงอบนพื้นและะโออกมา
ด้วยวิชาเกราะกายาขั้นสูง และระดับพลังลมปราณจิต การโจมตีระดับนี้แทบไม่ส่งผลอะไรให้แก่เด็กหนุ่มเลย
“บัดซบ!! มันลอบโจมตีข้า” จื่อต้าหลงโวยวาย
ลวี่เหรินกับเฉิงไฉเซียวเห็นจื่อต้าหลงไม่เป็อะไรมากก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“บัดซบ! เ้าลิงเหม็นบังอาจลอบโจมตีสหายข้างั้นรึ? ดูท่าข้าจะปล่อยเ้าไปไม่ได้เสียแล้ว!!” เฉิงไฉเซียวคำราม
เขาทะยานร่างเข้าไปปล่อยหมัดคลุ้มคลั่งใส่มันเต็มกำลัง สัตว์อสูรลิงหัวขวาน ได้รับาเ็อยู่หลายที่แต่มันก็ไม่ได้เป็อะไรมากนัก มันสวนกลับมาด้วยท่าโหม่งหัวขวาน เฉิงไฉเซียวเห็นดังนั้นจึงรีบหลบออกมา
“เ้าลิงเหม็นนี่รับมือยากใช่ย่อย!” เฉิงไฉเซียวกล่าว
ในขณะนั้น คุณชายบัณฑิตลวี่เหรินก็เข้าไปโจมตีด้วยพัดเหล็ก วิชาพัดเหล็กชิงิญญา!! เขาโจมตีไปทั่วร่างกายของมัน สร้างอาการาเ็ให้มันอย่างเห็นได้ชัด ทั้งเฉิงไฉเซียวและลวี่เหรินรุมโจมตีมันไปได้สักพัก ชั่วขณะนั้นเองจื่อต้าหลงก็ได้ลอบเข้าไปข้างหลังของมันอย่างเงียบเชียบ!
ัม่วงทะยานฟ้า!! ตูม!! จื่อต้าหลงปล่อยฝ่ามือัม่วงใส่หลังสัตว์อสูรลิงหัวขวานเต็มๆ เพียงฝ่ามือเดียว มันถึงกับกระเด็นไปไกล อาการาเ็สาหัส!!
ช่างดุดันยิ่งนัก!! สมแล้วที่เป็ฝ่ามือัม่วง!! เฉิงไฉเซียวกับลวี่เหรินต่างก็คิดเหมือนกัน ด้วยการกลุ้มรุมจากทั้งสามหนุ่ม ไม่นานนัก ก็สามารถจัดการสัตว์อสูรลิงหัวขวานตัวแรกไปได้อย่างไม่ยากลำบากนัก
“ระดับลมปราณก่อเกิดขั้นสิบก็ไม่เห็นจะเท่าไหร่นี่หว่า แฮ่กๆ แฮ่กๆ” เฉิงไฉเซียวกล่าวพร้อมหอบหายใจ
ส่วนอีกสองหนุ่มสูญเสียพลังไปไม่มากมายเท่าไหร่นัก
สัตว์อสูรลิงหัวขวาน แม้จะมีพลังระดับก่อเกิดขั้นปลายแต่ระดับสติปัญญากลับไม่สูงนัก อีกทั้งมันไม่มีวิชายุทธ เลยทำให้เสียเปรียบอย่างมาก อีกทั้งโดนกลุ้มรุม ทำให้ไม่อาจต้านทานสามหนุ่มไหว
ตัวแรกเรียบร้อย ยังเหลืออีกสามตัว ลวี่เหรินกล่าวพร้อมกับเก็บร่างของมันไว้ในแหวนมิติของตัวเอง หลังจากแกะรอยอยู่นานพวกเขาก็เข้าพบกับตัวที่สอง
“เอาอย่างไร ลอบโจมตีดีหรือไม่?” จื่อต้าหลงแนะนำ
“ในเมื่อรับมือไหวก็ลุยเลยดีกว่าจะไปลอบโจมตีทำไมกัน?” ลวี่เหรินตอบเสียงเรียบ
‘เ้าหมอนี่ ไม่รู้จักวิธีลัดเลยรึไงนะ ใจคอจะปะทะตรงๆอย่างเดียวเลย นี่เ้าสมญานามคุณชายบัณฑิตจริงๆหรือเปล่าเนี่ย’ จื่อต้าหลงคิดในใจ
“งั้นพวกเ้าเข้าไปปะทะเลย ข้าจะรอเป็กำลังเสริมให้” จื่อต้าหลงกล่าวพร้อมวางแผนลอบโจมตี เด็กหนุ่มกะว่าขอจังๆซักฝ่ามือรับรองงานสบายแน่!
สองหนุ่มไม่มีปัญหาอะไรที่จะเป็ตัวล่อให้ หลังจากวางแผนกันเรียบร้อย ลวี่เหรินและเฉิงไฉเซียวก็ทะยานร่างไปหยุดอยู่เบื้องหน้าสัตว์อสูรลิงหัวขวาน ด้านเฉิงไฉเซียว หันมาตบก้นตนเองใส่มันพลางทำท่าล้อเลียน เพื่อยั่วโทสะ สัตว์อสูรลิงหัวขวานเห็นดังนั้นจึงรู้สึกโมโหที่มีคนหาญกล้ามากวนประสาทมัน โฮกกก!! มันเข้าจู่โจมอย่างบ้าคลั่งจนสองหนุ่มที่เข้าไปปะทะต้องหลบกันพัลวัน หลังจากที่มันเริ่มเหนื่อยและช้าลง สองหนุ่มก็จะโจมตีสวนกลับบ้าง สร้างความเสียหายให้มันเป็ระยะๆ
จื่อต้าหลงซุ่มรออย่างใจเย็น หลังจากที่เห็นว่ามันเริ่มเหนื่อยและเปิดช่องว่าง เขาก็ใช้ท่าร่างัม่วงทะยานเข้าจู่โจมด้วยกระบวนท่าัม่วงทะยานฟ้าอย่างรวดเร็ว! เปรี้ยง!! เสียงปะทะดังสนั่น การโจมตีของจื่อต้าหลงเฉียบขาดมาก!! สัตว์อสูรลิงหัวขวานที่าเ็สะสมอยู่แล้ว โดนฝ่ามือนี้ไปถึงกับลุกแทบไม่รอด หลังจากนั้น ทั้งสามหนุ่มก็รุมกระทืบมันจนนิ่งคาที่… ลวี่เหรินเก็บร่างมันใส่แหวนไปอีกหนึ่งตัว ทำให้ตอนนี้เหลือสัตว์อสูรลิงหัวขวานให้กำจัดอีกสองตัว ก็จะสำเร็จภารกิจแล้ว
หลังจากแกะรอยอยู่นาน ในที่สุดก็พบตัวที่สาม พวกเขาก็ใช้วิธีการเดิม ตัวล่อสองคน ซุ่มโจมตีหนึ่งคน พอจัดการเสร็จเรียบร้อยก็ค้นหาตัวที่สี่ซึ่งเป็ตัวสุดท้าย จนในที่สุดก็พบมันจนได้ และด้วยวิธีการเดิมตัวที่สี่ก็เสร็จสามหนุ่มไปตามระเบียบ เมื่อภารกิจสำเร็จ พวกเขาก็รีบบึ่งกลับทันที เพราะถ้ากลับตอนนี้ จะได้ไปกินดื่มที่หอเมฆแดงทันเวลา จื่อต้าหลงกับเฉิงไฉเซียวบ่นอยากดื่มสุราจนลวี่เหรินเองก็เริ่มอยากไปด้วย
ณ โรงเตี๊ยมเมฆแดง….
“ฮ่าาาา!! ในที่สุดก็ได้ดื่มเสียที” เฉิงไฉเซียวกล่าวอย่างอารมณ์ดีชายหนุ่มรู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อยภาระบางอย่างลง ส่วนจื่อต้าหลงกับลวี่เหรินนั่งดื่มเงียบๆไม่พูดอะไร…
“พวกเ้าจะเงียบอะไรกันขนาดนั้น? โดยเฉพาะเ้า! ต้าหลง ปกติเห็นทีจะเฮฮากว่าเพื่อน หรือเมายังไม่ได้ที่?” เฉิงไฉเซียวกล่าวขำๆ
“ป่าวหรอกพอดีข้ามีเื่ในหัวให้ต้องคิดอยู่น่ะ” จื่อต้าหลงกล่าวเสียงเรียบ
“เ้าคิดอะไรอยู่งั้นรึ?” เฉิงไฉเซียวถามอย่างสงสัยใคร่รู้ ไม่บ่อยนักที่เขาจะเห็นสหายเงียบขรึมเช่นนี้
“ข้ากำลังคิดว่าจะเอาอย่างไรต่อดีกับชีวิต หากเรียนจบแล้ว จะออกมารับสืบทอดงานที่ตระกูลหรือดีหรือไม่? แต่ใจข้าตอนนี้ยังไม่ได้อยู่ที่ตระกูล ข้าอยากท่องเที่ยวยุทธภพมากกว่า แล้วพวกเ้าล่ะ คิดอ่านเช่นไร?” จื่อต้าหลงกล่าว
“ใจข้าเองก็ยังไม่อยากอยู่ที่ตระกูลเช่นกัน” ลวี่เหรินกล่าวเขาเองก็คิดไม่ต่างกับจื่อต้าหลงมากนัก
ส่วนเฉิงไฉเซียวนั้น ตระกูลเขาเป็เพียงตระกูลเล็กๆในเมืองขุนเขาเท่านั้น ไม่มีกิจการใดให้สืบทอดสานต่อ เขาเองก็อยากท่องยุทธภพเช่นกัน
“งั้นพวกเราไปท่องยุทธภพด้วยกันเถอะ อันดับแรกเลยคือเมืองลี่ในอีกครึ่งปี ข้าอยากลองไปดื่มสุราขึ้นชื่อของเมืองนั่นดูว่ารสชาติจะเป็อย่างไร” จื่อต้าหลงกล่าว
“เห็นด้วย!!!” ลวี่เหรินกับเฉิงไฉเซียวแทบจะกล่าวพร้อมกัน ดูเหมือนจะถือกำเนิดสามขี้เมาขึ้นมาแล้ว
“งั้นพวกเ้าคงต้องแย่งชิงร้อยอันดับแรกของศิษย์หลักสำนักปลาทองให้ได้ก่อน หวังว่ารางวัลภารกิจครั้งนี้ จะทำให้พวกเราพัฒนาไปได้ไกล ลวี่เหรินเ้าเองก็มาฝึกฝนกับพวกข้าด้วยเถอะ ถือว่าซ้อมไว้ก่อน” จื่อต้าหลงอธิบายแผน
“ไม่มีปัญหา หลังจากนี้เราสามคนผลัดกันประลองเพื่อพัฒนาฝีมือไปก่อนก็แล้วกัน” ลวี่เหรินกล่าวอย่างเห็นด้วย
พอหมดเื่ที่ต้องคิด จื่อต้าหลงกับเฉิงไฉเซียวก็เริ่มออกลายขี้เมาขึ้นมา พวกเขาดื่มสุราร้องรำอย่างสบายใจ จนลวี่เหรินต้องส่ายหัวให้กับนิสัยของสหายตน ส่วนตัวเขาชอบนั่งจิบสุราอย่างมีมาดรักษากริยามากกว่า
เช้าวันถัดมา หลังจากที่ทั้งสามคน แบ่งรางวัลภารกิจเสร็จแล้ว ต่างก็กลับไปดูดซับโอสถเลื่อนระดับกัน พวกเขาได้รับมาหกเม็ด แบ่งกันไปคนละสองเม็ด ลวี่เหรินนั้นมาถึงคอขวดของขั้นเก้าลมปราณก่อเกิดมานานแล้ว โอสถสองเม็ดนี้คงช่วยให้เขาบรรลุขั้นสิบได้ไม่ยากนัก
เฉิงไฉเซียวเองก็มาถึงคอขวดขั้นแปดลมปราณก่อเกิด ด้วยโอสถสองเม็ดนี่ อาจทำให้เขาดูดซับไปถึงขั้นสิบลมปราณก่อเกิดได้เช่นกัน
ตัวจื่อต้าหลงก็คาดว่าระดับบ่มเพาะจะเพิ่มขึ้น ไม่มากก็น้อยเช่นกัน ในตอนนี้เขามาถึงระดับปราณจิตขั้นที่สองแล้ว วันนี้เขาวางแผนที่จะกลับตระกูลไปเยี่ยมบ้าน
พอไปถึงตระกูลเขาก็เข้าไปพบจื่อเทียนหลางทันที ท่านพ่อของเขายังนั่งอยู่ในจวนประมุขเช่นเดิม แต่คราวนี้มีท่านลุงใหญ่อยู่ด้วย ท่านลุงใหญ่นั้นรับหน้าที่ผู้าุโสูงสุดของตระกูล จื่อต้าหลงเข้าไปหาทั้งสองแล้วจึงกล่าวว่า “คาราวะท่านลุงใหญ่!! คาวระท่านพ่อ!!”
“โอ้ววว? หลานลุง ดูสิไม่ได้พบกันแปบเดียวตัวเ้าสูงเกือบเท่าข้าแล้ว ฮ่าๆๆ เป็ยังไงบ้างเ้าหนู ฝึกวิชาที่สำนักปลาทองสนุกดีหรือไม่?” ลุงใหญ่ถามขึ้น
“แน่นอนขอรับ หลาน ได้พบเจอมิตรสหาย และผู้คนมากมาย แต่ละคนล้วนแข่งกันเพื่อแย่งชิงอันดับเสมอ ทำให้หลานมีใจในการฝึกมากขอรับ” จื่อต้าหลงกล่าวตามตรง
“ดูเหมือน เทียนหลางจะคิดไม่ผิดนะที่ส่งเ้าเข้าไปเรียนก่อนเวลา ฮ่าๆๆ ดีนับว่าเป็เื่ดี” ลุงใหญ่กล่าวอย่างอารมณ์ดี
