พลังิญญาฟ้าดินที่อยู่ในร่างของสัตว์อสูรระดับหนึ่งนั้นถูกถังเหล่ยหลอมกลั่นจนบริสุทธิ์ ทำให้เขาทะลวงระดับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่แปดได้ และพลังของถังเหล่ยก็เพิ่มขึ้นเป็หนึ่งหมื่นจิน
พลังของผู้ชำนาญยุทธ์ขั้นที่หนึ่งธรรมดามีเพียงแค่หกพันถึงเจ็ดพันจินเท่านั้น หนึ่งหมื่นจินคือมาตรฐานพลังของผู้ชำนาญยุทธ์ขั้นที่สาม
ต่อให้เป็ถังเหล่ยที่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะในชาติที่แล้วที่อยู่ในระดับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่แปดก็มีพลังเพียงเจ็ดพันห้าร้อยจินเท่านั้น ต่างจากตอนนี้ถึงสองพันกว่าจิน
หลังจากทะลวงระดับได้แล้ว เขาก็มีความมั่นใจในการฝ่าวงล้อมออกไป ความสามารถในการสู้ตัวต่อตัวของหมาป่านภาธรรมดามาก แค่ใช้พลังหมื่นจิน จัดการกับหมาป่านภาสองตัวพร้อมกันก็ไม่เป็ปัญหา
ถังเหล่ยดับคบเพลิง เก็บของในถ้ำ มือถือกริชเอาไว้แล้วะโไปเหนือปากถ้ำ
ในป่าที่มืดมิดมีเพียงพระจันทร์เต็มดวงที่อยู่บนฟากฟ้า สิ่งที่ถังเหล่ยไม่เข้าใจคือหมาป่านภาด้านนอกเหมือนจะจากไปหมดแล้ว รอบด้านไม่มีร่องรอยของพวกมัน แม้แต่เสียงเห่าหอนก็หายไป
หมาป่านภาเป็สัตว์อสูรที่อาฆาตแค้นมาก สังหารพวกพ้องของพวกมันตัวหนึ่งก็เท่ากับเป็ศัตรูกับพวกมันทั้งฝูง ไม่มีทางที่มันจะปล่อยถังเหล่ยไปง่ายๆ เช่นนี้
สงสัยก็ส่วนสงสัย แต่ถ้าไม่ต้องวิ่งหนีอย่างน่าอนาถเขาก็ดีใจมาก
ถังเหล่ยะโไปบนกิ่งไม้ แล้วเริ่มสำรวจความเคลื่อนไหวรอบๆ หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีร่องรอยของหมาป่านภา เขาก็คิดจะกลับไปทางเดิม
“เดี๋ยวก่อน นั่นมันอะไรกัน?”
แสงสว่างสีฟ้าอ่อนสายหนึ่งกะพริบห่างออกไปไกล จากนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
เขามั่นใจมากว่าแสงสีฟ้าเมื่อครู่นี้ต้องไม่ใช่เพราะเขาตาฝาดไปแน่ แต่ตำแหน่งที่แสงกะพริบนั้นอยู่ในส่วนลึกของเทือกเขา ตรงนั้นอาจจะมีสัตว์อสูรระดับสามปรากฏตัว
เมื่อประเมินพลังของตัวเองเล็กน้อย ถังเหล่ยก็เตรียมตัวจากไป แต่ขณะที่เขากำลังคิดจะจากไป แสงสีฟ้าที่อยู่ห่างไกลก็กะพริบไหวอีกครั้ง
“บัดซบ ความสงสัยทำคนตายได้จริงๆ!”
ที่ถังเหล่ยในชาติที่แล้วตายก็เป็เพราะสงสัย เขาไปสำรวจขุมทรัพย์โบราณแห่งหนึ่ง แล้วถูกรัชทายาทของราชันตง ‘ตงฟางิเซิ่ง’ ลอบสังหารจนตาย
แต่ยามนี้ถังเหล่ยสะกดความสงสัยในใจไว้ไม่อยู่ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ด้านหนึ่งบ่นพึมพำ ด้านหนึ่งบอกให้วิ่งเข้าไปในป่าลึกตามแสงสีฟ้าที่กะพริบไหว
เทือกเขาสัตว์อสูร ยิ่งเข้าไปลึกพลังของสัตว์อสูรก็ยิ่งแข็งแกร่ง ถังเหล่ยพร่ำบอกกับตัวเองในใจว่าเขาแค่ไปดู ดูจากที่ไกลๆ หากมีอะไรผิดปกติเขาจะวิ่งหนีทันที
ถังเหล่ยะโเสียงเบามาก เขาพยายามไม่ส่งเสียงใดๆ ขณะะโข้ามบนกิ่งไม้อย่างต่อเนื่อง
แสงสีฟ้าด้านหน้ากะพริบไหวเนืองๆ เหมือนเขาจะได้ยินเสียงคำรามของสัตว์อสูรกับเสียงหมาป่าเห่าหอน
ความสงสัยในใจยิ่งเพิ่มขึ้น หรือว่ามีคนมาล่าสัตว์อสูรที่นี่ตอนดึก
ตลอดทางมานี้ถังเหล่ยไม่พบสัตว์อสูรใดๆ เลย แต่เสียงจากด้านหน้าชัดเจนมาก มีคนกำลังสู้กับฝูงหมาป่านภาจริงๆ
ถังเหล่ยดวงตาเป็ประกาย ‘เฮอะๆ ช่างหาเหาใส่หัวตัวเองนัก หากมีระดับไม่ถึงผู้ทรงยุทธ์ การต่อสู้กับฝูงหมาป่านั้นล้วนแต่ต้องตายเท่านั้น!’
ไม่แน่ว่าครั้งนี้อาจได้ฉวยโอกาส ถ้าทั้งสองฝ่ายล้วนหายใจโรยริน ถังเหล่ยก็ไม่ใส่ใจที่จะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ภายหลัง
หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งถ้วยน้ำชา ในที่สุดถังเหล่ยก็ข้ามเนินเขาหนึ่งมาได้ เขามองเห็นสถานการณ์ใต้เนินเขา
หมาป่านภาหลายสิบตัวกำลังเปลี่ยนขบวนทัพอย่างต่อเนื่อง เพื่อโจมตีเงาร่างสายหนึ่งที่อยู่ใจกลางฝูง
การต่อสู้เรียกได้ว่าดุเดือดมาก ต้นไม้รอบด้านแทบจะถูกหักจนหมด เขาอาศัยแสงจันทร์ที่ส่องสว่างดูศพหมาป่านภาสิบกว่าตัวที่นอนระเกะระกะบนพื้น บนศพมีของเป็ประกายแวววาวสะท้อนแสงจันทร์
“น่าสนใจ คนผู้นี้สามารถสู้กับหมาป่านภาทั้งฝูงด้วยตัวคนเดียว อย่างน้อยๆ ต้องมีพลังระดับผู้ทรงยุทธ์แน่!”
ถังเหล่ยมองการต่อสู้จากที่ไกลๆ ในเมื่อเป็ยอดฝีมือระดับผู้ทรงยุทธ์ เห็นเช่นนั้นก็คาดว่าฉวยโอกาสได้ยาก
การต่อสู้ดำเนินต่ออีก่เวลาหนึ่ง ถังเหล่ยรู้สึกว่าผู้ทรงยุทธ์คนนี้อาจจะตายที่นี่ ถึงอย่างไรสัตว์อสูรระดับสองหลายสิบตัวก็หาใช่เื่เล่นๆ
ตอนนี้ฝ่ายตรงข้ามถูกสัตว์อสูรล้อมเอาไว้แล้ว สถานการณ์อันตรายมาก
ช่างน่าเสียดาย!
ถังเหล่ยส่ายหัว คิดว่ารีบจากไปดีกว่า ถ้าอีกฝ่ายตายไปแล้วเขาถูกฝูงหมาป่านภาพบเข้าคงแย่แน่
แล้วเสียงวิหคพลันกู่ร้องดึงดูดความสนใจของถังเหล่ยให้เบนสายตากลับไปอีกครั้ง
“น...นี่มันิญญายุทธ์อะไรกัน!”
ด้วยแสงสีฟ้านั้น ในที่สุดถังเหล่ยก็มองเห็นรูปร่างของผู้ฝึกตนที่ถูกฝูงหมาป่าล้อมเอาไว้ คนผู้นั้นหาใช่ชายชราผมขาวอย่างที่เขาจินตนาการเอาไว้ แต่เป็สาวน้อยน่ารักที่อายุไม่ห่างจากเขานัก
ด้านหลังของสาวน้อยมีวิหคั์สีฟ้าตัวหนึ่งปรากฏออกมา อุณหภูมิรอบด้านลดฮวบ จากนั้นวิหคั์ก็สยายปีกบินออกจากด้านหลังของสาวน้อย แล้วบินผ่านร่างหมาป่านภาหลายตัวที่อยู่รอบด้าน ร่างกายของหมาป่านภาที่ถูกบินผ่านกลายเป็น้ำแข็ง และพลังชีวิตถดถอยอย่างรวดเร็ว
“เป็ไปได้อย่างไร? ผู้ฝึกตนระดับผู้ทรงยุทธ์คนหนึ่ง ทำไมถึงสามารถเรียกิญญายุทธ์ออกมาสู้ได้!?”
ถังเหล่ยอ้าปากค้างจนกรามแทบจะหลุดออกมา ชาติที่แล้วเขาก็เคยเห็นอัจฉริยะมามากมาย ต่อให้สาวน้อยคนนี้จะแสดงพลังระดับผู้ทรงยุทธ์ เขาก็ไม่รู้สึกแปลกใจ
เพราะศิษย์จากสำนักหรือขั้วอำนาจใหญ่เ่าั้สามารถทะลวงระดับผู้ทรงยุทธ์ได้อย่างรวดเร็ว อายุแค่ยี่สิบปีก็สามารถทะลวงระดับยอดยุทธ์กันได้อยู่แล้ว
แต่ผู้ฝึกตนระดับผู้ทรงยุทธ์คนหนึ่งจะเรียกิญญายุทธ์มาต่อสู้ได้อย่างไร มีเพียงผู้ฝึกตนระดับยอดยุทธ์เท่านั้นที่จะสามารถควบคุมิญญายุทธ์ให้ต่อสู้เองได้ นางทำได้แม้กระทั่งปล่อยให้ิญญายุทธ์อยู่ด้านนอก
เพราะผู้ฝึกตนระดับผู้ทรงยุทธ์ทำได้เพียงให้ิญญายุทธ์ออกมาช่วยตัวเองต่อสู้ และใช้ความสามารถต่างๆ ของิญญายุทธ์ได้ แต่นั่นไม่อาจทำให้ิญญายุทธ์ต่อสู้เองได้ โดยเฉพาะิญญายุทธ์สัตว์อสูรเช่นนี้
หลังจากที่วิหคสีฟ้าแช่แข็งหมาป่านภาไปหลายตัว มันก็กระพือปีก ตวัดขนนกสีฟ้าที่เหมือนกับใบมีดะเิออกไปรอบด้าน หมาป่านภาที่โดนขนนกแทงบนร่างปรากฏรูเืหลายรู
“ไม่ผิดแน่ ิญญายุทธ์เกิดสติปัญญาแล้ว”
เมื่อเห็นวิธีการเช่นนี้ ถังเหล่ยก็ยิ่งมั่นใจ สาวน้อยผู้นี้ไม่เพียงมีพร์ล้ำเลิศ อีกทั้งบนร่างของนางยังมีความลับยิ่งใหญ่อีกด้วย
เมื่อเห็นเช่นนี้ เกรงว่าเื้ัของฝ่ายตรงข้ามคงไม่เล็กเป็แน่ ไม่เช่นนั้นคงไม่อาจเป็ระดับผู้ทรงยุทธ์ด้วยอายุน้อยเช่นนี้
เมื่อพบเื่หายาก ถังเหล่ยที่เตรียมจะหนีก็หยุดทันที ในเมื่อิญญายุทธ์ของสาวน้อยคนนี้เกิดสติปัญญาแล้ว อีกทั้งดูไปแล้วยังระดับสูงมาก แต่การต่อสู้ครั้งนี้จะชนะหรือไม่ยังพูดได้ยาก
ถังเหล่ยนั่งลงบนกิ่งไม้ เขาอยากเห็นว่าสาวน้อยผู้นี้มีฝีมืออะไรกันแน่ เื่อย่างวีรบุรุษช่วยสาวงามเขาไม่มีอารมณ์จะทำ โดยเฉพาะพลังของสาวงามผู้นี้ที่ดูจะแข็งแกร่งกว่าเขามาก
แน่นอนว่าถ้าสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้ เขาก็ยินดีทำ
หลังจากที่วิหคสีฟ้าโจมตีเสร็จก็กลับเข้าไปในร่างของสาวน้อย บนผิวกายของสาวน้อยเผยแสงสีฟ้าเบาบางออกมา แม้กระบี่ในมือก็ย้อมด้วยแสงสีฟ้า
แสงสีฟ้านี้ไม่ใช่เครื่องประดับ หากแทงกระบี่ยาวไปที่หมาป่านภาตัวหนึ่ง ผิวกายของมันก็จะถูกแช่แข็งตายไปทันที
แต่รอบด้านยังมีหมาป่านภาอีกหลายสิบตัวที่จ้องตาเป็มัน นางจะหนีออกมาอย่างปลอดภัยได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้
คนที่ปลอดภัยที่สุดก็คือถังเหล่ยที่นั่งอยู่บนกิ่งไม้สูง เื่นี้สนุกยิ่งนัก สนุกจนเกือบจะเอาสุราออกมาดื่มแกล้มแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้