เซวียเสี่ยวหรั่นประดับปิ่นหูเตี๋ยหลันฝังอัญมณีสีแดงและสีม่วงก่อนออกจากห้อง โดยมีชิงเยว่ตามอยู่หลังนางสองก้าว
เมื่อคืนตอนมาถึง ท้องฟ้ามืดแล้ว ยังไม่ได้เห็นบรรยากาศภายในเรือนเต็มตา เซวียเสี่ยวหรั่นจึงคิดออกมาเดินชมสักรอบ
"หงกู" จากระเบียงมองลงมาเห็นหงกูกำลังสั่งการหญิงรับใช้สองคนตัดแต่งดอกหลิงเซียวที่แขวนอยู่หน้าประตูลานสวน
"คุณหนู" หงกูนำบ่าวสองคนเข้ามาคารวะ
เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะแหะๆ เงยหน้าขึ้นมองดอกหลิงเซียวที่แขวนอยู่บนกำแพง "ดอกหลิงเซียว [1] เหล่านี้ช่างงามนัก"
ท่ามกลางใบไม้เขียวขจีบนผนังกำแพง ดอกไม้สีส้มดอกใหญ่แผ่กิ่งก้านอยู่ตรงกลางสีสันย่อมสะดุดตา
ดอกรูปทรงหล่าปา [2] สีสันสดใสแต่งแต้มบนกิ่งก้านแลดูมีเสน่ห์เย้ายวน
"สวยมากก็จริง แต่ไม่ได้ตัดแต่งกิ่งมานานมาก กีดขวางทางเข้าออกเ้าค่ะ" หงกูลอบพิจารณาเซวียเสี่ยวหรั่นอย่างแเี
ผมเกล้ามวยร้อยบุปผา ปักปิ่นดอกหูเตี๋ยหลันฝังอัญมณีด้านข้าง ประดับต่างหูดอกติงเซียงสีม่วง สวมเสื้อคลุมตัวยาวสีฟ้าปักลายบงกชคู่กับกระโปรงร้อยจีบสมดังใจ
การแต่งกายยังคงเรียบง่าย แต่ดูสบายตากว่าตอนเกล้าผมทรงห่วงคู่ก่อนหน้านี้มาก
นางหันไปมองชิงเยว่ปราดหนึ่ง ชิงเยว่รีบยอบกายทำความเคารพแก่นาง
หงกูเป็หมัวมัวผู้มีอำนาจสูงสุดข้างกายองค์ชายเจ็ด ดูแลจัดการทุกอย่างของเรือนหลัง ด้วยสถานะของชิงเยว่เมื่อก่อน แม้แต่คุณสมบัติจะพูดคุยกับนางก็ยังไม่ได้
"ควรหาคนสวนสักคนมาตัดแต่งหรือไม่"
เซวียเสี่ยวหรั่นมองซ้ายมองขวา ก็พบว่าดอกหลิงเซียวบนผนังกำแพงหาได้เติบโตแบบธรรมดา แต่ให้ความรู้สึกเหมือนอยากจะชูช่อข้ามกำแพงทะยานขึ้นฟ้าอย่างไรอย่างนั้น
"ใช่เ้าค่ะ กำลังคิดจะปรึกษาคุณหนูอยู่พอดี เรือนหลังนี้ไม่มีคนอยู่มานานแล้ว จำเป็ต้องตัดแต่งต้นไม้ใบหญ้าให้เป็ระเบียบ" หงกูตอบกลับ
เซวียเสี่ยวหรั่นพยักหน้า "เอาสิ ท่านดูและจัดการตามความเหมาะสมได้เลย"
หงกูเม้มริมฝีปาก ก่อนจะขอคำชี้แนะต่อ "คุณหนูคิดว่าจะขอยืมคนสวนจากจวนองค์ชายมาช่วยก่อนดีหรือไม่"
เซวียเสี่ยวหรั่นกะพริบตาถี่ๆ เมื่อวานเธอเพิ่งจะบ่นเหลียนเซวียนไปเื่พาคนมาทำไมเยอะแยะ ยังไม่ทันไรก็ต้องไปยืมคนจากเขางั้นหรือ?
"ใช้คนสวนจากข้างนอกไม่ได้หรือ" เธอค่อนข้างลังเล
"คุณหนู อย่าว่าแต่คนสวนจากข้างนอกเชิญยาก แต่จะให้คนที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าเข้าๆ ออกๆ เรือนชั้นได้คงไม่เหมาะสมนัก" หงกูเกลี้ยกล่อม
เซวียเสี่ยวหรั่นเม้มริมฝีปาก ประเสริฐ จวนหลังใหญ่มักมีกฎเกณฑ์เยอะ เธอมองสีหน้าเคร่งขรึมของหงกู ดวงตาขยับเล็กน้อย
"เช่นนั้นก็ไปขอยืมคนสวนจากญาติผู้พี่เถอะ จวนเขาน่าจะมีคนสวนอยู่กระมัง"
ฮึ อย่างไรเสียจะยืมคนจากเหลียนเซวียนไม่ได้เด็ดขาด
"เ้าค่ะ" หงกูสีหน้าไม่เปลี่ยน
เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มกับนาง ก่อนยกชายกระโปรงข้ามธรณีประตูไป
หงกูสบตาชิงเยว่ นางจึงรีบเดินตามไป
เซวียเสี่ยวหรั่นไปเรือนหน้าหาเซวียเสี่ยวเหล่ย บ่าวชายอายุสิบสองสิบสามคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตู
"ตู้ซานคารวะคุณหนู"
ตู้ซานหน้าตาหมดจดเกลี้ยงเกลา รูปร่างสูงกว่าเสี่ยวเหล่ยเล็กน้อย แลดูมีไหวพริบ
"เรียนคุณหนู ปีนี้บ่าวอายุสิบสองขอรับ"
"สิบสอง? ก็พอๆ กับเสี่ยวเหล่ยเองนี่" เหลียนเซวียนบอกว่าจะมีบ่าวคนหนึ่งเป็สหายร่วมเรียน "เ้ารู้หนังสือรึ"
"เรียนคุณหนู บ่าวพอรู้อยู่บ้างขอรับ" ตู้ซานตอบอย่างระมัดระวัง
อาเหลยร้องเจี๊ยกๆ วิ่งมาคว้าชายกระโปรงของเซวียเสี่ยวหรั่น
"ว้าย..." พอเห็นลิงตัวหนึ่งกระโจนเข้ามา ชิงเยว่ก็ร้องเสียงหลง
"ไม่เป็ไร นี่คืออาเหลย ไม่กัดใครหรอก" เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะพลางตบๆ อาเหลยที่มาดึงชายกระโปรงของเธอ
อาเหลยเงยหน้าขึ้นเห็นคนแปลกหน้า ก็เบือนหน้าไม่สนใจ
ชิงเยว่พวงแก้มแดงซ่านทันที เมื่อวานหงกูบอกกับพวกนางว่าเซวียเสี่ยวหรั่นเลี้ยงลิงเป็สัตว์เลี้ยง ถึงนางจะจำได้ แต่พอมาเจออย่างปุบปับ ก็ยังใขวัญหนีดีฝ่อ
"บ่าวใจนเกินเหตุ ขอคุณหนูโปรดอย่าถือโทษเ้าค่ะ" นางยอมรับผิดอย่างประหม่า
"ไม่เป็ไร อย่างไรเสียก็เพิ่งเจอมันครั้งแรก ชิงเยว่ เมื่อก่อนเ้าเคยเห็นลิงบ้างหรือไม่" เซวียเสี่ยวหรั่นไม่ใส่ใจ ยิ้มพลางเอ่ยถาม
ชิงเยว่พยักหน้า หันไปมองลิงขนเต็มตัวอย่างหวาดระแวง "บ่าวเป็บุตรของข้ารับใช้ในเรือน เติบโตในเมืองหลวงแต่เด็ก เคยเห็นดูกายกรรมลิงครั้งหนึ่งในงานมหรสพ"
ตอนนั้นนางยังเด็กมาก ไม่อยู่ในความทรงจำมานานแล้ว พอโตหน่อยเข้ามาทำงานในจวน โอกาสออกไปข้างนอกก็ยิ่งน้อยลง
เซวียเสี่ยวหรั่นมองนางพลางถอนหายใจ บ่าวที่เกิดในบ้านคนตระกูลใหญ่โต ก็ไม่มีอิสรภาพมาั้แ่เด็ก
"อย่ากลัว อาเหลยไม่ข่วนใครหรอก เล็บของมันก็ตัดแต่งสม่ำเสมอ ทั้งยังอาบน้ำอยู่เป็ประจำ ตัวสะอาดมาก" เซวียเสี่ยวหรั่นย่อตัวลงนั่งแล้วลูบศีรษะที่มีขนดกของมัน
อาเหลยเบียดเข้ามาพิงหัวไหล่ของเธอ แต่เซวียเสี่ยวหรั่นผลักมันออกไปอย่างรังเกียจ "อากาศร้อนอย่างเข้ามาใกล้นักสิ"
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยเบะปากแสดงความน้อยเนื้อต่ำใจ
แสดงออกอย่างชัดเจนว่ารู้ภาษาคน ชิงเยว่กับตู้ซานดูประหลาดใจมาก
"ไปเล่นบนต้นไม้เถอะ อย่าวิ่งไปไกลนักเล่า หากพลัดหลงถูกคนชั่วจับไป พวกเราก็ช่วยเ้าไม่ได้นะ" เซวียเสี่ยวหรั่นชี้ไปที่ต้นไม้ใหญ่สองด้านในสวน
"เจี๊ยกๆ" ความสามารถในการเข้าใจภาษามนุษย์ของอาเหลยพัฒนาแบบก้าวะโตามการเจริญเติบโตของมัน ยามพูดคุยกับมันก็ไม่เสียเวลามากเหมือนแต่ก่อน
มันวิ่งไปถึงใต้ต้นไม้ หลังจากนั้นก็ะโปีนขึ้นไป ไม่ช้าก็เร้นหายไปในใบไม้หนาทึบ
"คุณหนู มันฟังท่านพูดเข้าใจหรือเ้าคะ" ชิงเยว่กับตู้ซานสีหน้าตกตะลึง
"อื้อ ฟังรู้เื่นิดหน่อย ลิงมันฉลาดมากนะ" เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มพลางลุกขึ้น
ชิงเยว่กับตู้ซานมองไปบนต้นไม้แทบไม่อยากละสายตา
เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะ ก่อนจูงเซวียเสี่ยวเหล่ยเข้าไปในห้อง
มองจากซ้ายไปขวา การตกแต่งห้องของเขาไม่ต่างจากเธอเท่าไรนัก รูปแบบจะดูเคร่งขรึมกว่า แสงแดดลอดผ่านกรอบหน้าต่างสีดำลายน้ำแข็งร้าวทะลุม่านโปร่งเข้ามา แสงภายในห้องสว่างไสว
โต๊ะเก้าอี้ฝังมุกสีดำเคลือบเงา โต๊ะชงชา ฉากกั้นลม ทั่วทั้งห้องสะอาดสะอ้านแลดูภูมิฐาน
"เสี่ยวเหล่ย เมื่อคืนหลับสบายดีหรือไม่"
เซวียเสี่ยวหรั่นจูงเขามานั่งที่โต๊ะกลมฝังมุกสีดำ
"ก็ดีขอรับ พี่สาว" เซวียเสี่ยวเหล่ยเม้มริมฝีปาก เพราะเข้ามาอยู่เรือนหลังใหม่ เขารู้สึกตื่นเต้นอยู่บ้าง พลิกตัวกระสับกระส่ายอยู่นานมากกว่าจะหลับ
"อย่างนี้ก็ดี รอให้คุ้นเคยอีกสัก่หนึ่ง พี่จะหาสถานศึกษาส่วนตัวให้ เสี่ยวเหล่ยสามารถไปเรียนหนังสือได้" เซวียเสี่ยวหรั่นตบไหล่เล็กบาง
เด็กคนนี้ผอมเหลือเกิน รอให้ผูหยางชิงหลันมีเวลาว่าง ให้เขาช่วยบำรุงร่างกายให้เสี่ยวเหล่ยถึงจะดี
"พี่สาว ข้าจะตั้งใจเรียนหนังสืออย่างดีที่สุดขอรับ" เซวียเสี่ยวหรั่นพยักหน้าอย่างจริงจัง
"อย่ากดดันตนเองเกินไป สิ่งสำคัญของการเรียนหนังสือคือทำให้คนตระหนักรู้ในเหตุผล อย่างอื่นล้วนเป็รอง ไม่ต้องฝืนตัวเองเกินไปนัก" เซวียเสี่ยวหรั่นไม่อยากให้เด็กเคร่งเครียดมากนัก
เซวียเสี่ยวเหล่ยกลับมีสีหน้ามุ่งมั่น การได้พบกับพี่สาวจิตใจประเสริฐรับเลี้ยงดู และให้การศึกษา นับเป็บุญวาสนาสูงสุดในชีวิตสำหรับคนที่มีชาติกำเนิดเช่นเขา
ความโชคดีเช่นนี้ หากเขาไม่พยายามอย่างหนัก ต่อไปจะนำสิ่งใดมาตอบแทนพี่สาว และจะปกป้องบ้านหลังนี้ไว้ได้อย่างไร ดวงตาของเซวียเสี่ยวเหล่ยฉายแววเด็ดเดี่ยว
...
[1] ดอกหลิงเซียว หรือดอกอรุณรุ่ง มีชื่อไทยว่าดอกมธุรดา เป็ไม้พุ่มกึ่งเลื้อยของจีนตอนใต้ ดอกสีส้มอมแดงลักษณะดอกเป็รูปกรวยปลายบานออกเหมือนทรัมเป็ต
[2] หล่าปา หมายถึง ทรัมเป็ต
