อวิ๋นอี้พูดออดอ้อนจบ มิทันที่เขาจะได้ตอบโต้ นางกลับเริ่มคลื่นไส้เองเสียก่อน
น่าขายหน้าชะมัด!
โชคดีที่วิธีนี้ดูจะท่าได้ผล
เอวบางของชายหนุ่มแข็งทื่อเล็กน้อย ครู่หนึ่งมือเขาจับนางหรงซิวชอบเล่นมือของนาง หลังจากลูบไปสองสามครั้ง เขาพลันหัวเราะแล้วพูดว่า “อวิ๋นเออร์พูดกระไรข้าย่อมต้องฟังทั้งนั้น นี่ก็ดึกแล้ว เราพักผ่อนกันดีหรือไม่?"
“ดีเพคะ"
ผู้อ่านเหตุการณ์ออกย่อมเก่งกาจ อวิ๋นอี้ยิ้มอย่างเ้าเล่ห์
นางคลายมือจากเอวของหรงซิว
เนื้อหนังของชายหนุ่มร้อนจัด เมื่อทั้งสองแนบชิดกัน พาให้นางร้อนไปด้วย หากแนบชิดสนิทกันต่อไปเช่นนี้ เกรงว่าจะเกิดเื่ขึ้นไม่ช้าก็เร็ว
อวิ๋นอี้ถอยหลัง เอามือถอยออกอย่างเป็ธรรมชาติ หรงซิวหันกลับมา เมื่อเห็นนางจะจากไป เดินตรงไปข้างหน้า อุ้มนางขึ้นมาในท่าเ้าหญิง
“อ๊ะ!”
การลอยขึ้นอย่างกะทันหันทำให้อวิ๋นอี้คว้าไหล่เขาไว้แน่น ทว่าปากยังไม่ลืมบ่น “ฝ่าา คนสาร...”
“หืม?”
เสียงเขาดังขึ้นมา ทันใดนั้นกลับคลายมือที่อุ้มนางออก ยิ้มให้กับท่าทางตื่นตระหนกของนาง
อวิ๋นอี้คิดมิถึงว่าเขาจะไร้ยางอายเช่นนี้ พลันเปลี่ยนคำพูดทันใด "คนใจร้าย"
เมื่อเห็นนางหน้าแดงก่ำ หรงซิวก็อารมณ์ดี อุ้มนางขึ้นอย่างสบายๆ อีกครา "ข้าเป็คนใจร้าย เ้าชอบหรือไม่?"
ถามนางว่าชอบหรือไม่ ที่จริงแล้วมีคำตอบอื่นได้หรือ?
อวิ๋นอี้ลงจากหลังเสือยาก เพียงตอบเสียงค่อยๆ "ชอบเพคะ"
"เสียงเบา มิได้ยินเลย"
เขาจงใจ!
อวิ๋นอี้เกี่ยวคอเขาไว้ด้วยความโกรธ กัดฟันกรอดพูดข้างหู "ชอบเพคะ!"
เสียงหัวเราะทุ่มๆ หน้าอกสั่นๆ
หลังจากที่ทั้งสองนอนเคียงข้างกันบนเตียง หรงซิวถามถึงเื่ผงคัน อวิ๋นอี้อารมณ์ดีจึงเล่าให้เขาฟัง
"หากนางสงสัยเ้าเล่า?"
"มิต้องห่วงเพคะ ข้ามีวิธีจัดการอยู่แล้ว"
อวิ๋นอี้จะเป็คนชั่วที่ฟังความก่อน
หลังจากตื่นนอนในวันรุ่งขึ้น ท้องฟ้ายังไม่สว่างเต็มที่ในห้องกลับมิเหลือเงาของหรงซิวเสียแล้ว
อวิ๋นอี้เกาแขนอย่างแรง ให้มีรอยแดงเป็ขีดๆ หลังจากเตรียมการเสร็จ นางจึงเริ่มะโออกไปที่ประตูว่า "อ๊ะ! ผู้ใดก็ได้! ข้าคันมากเลย! อ๊า!”
กู่ซือฝานอยู่ใกล้ จึงวิ่งเข้ามาทันที
ทั้งสองคุยกันถึงการแสดงของวันนี้แล้ว นางวิ่งมาข้างหน้า ได้รับสัญญาณของอวิ๋นอี้ ะโออกมาพร้อมกัน
ในตอนเช้าอันเงียบสงบ แม้กระทั่งเสียงหญ้าโดนลมพัดยังมีคนให้ความสนใจ ยิ่งทั้งสองคนะโสุดเสียง ไม่นานห้องเล็กๆ ก็แออัดไปด้วยคน
อวิ๋นอี้บ่นร้องว่าคัน รอยข่วนตามตัวเยอะแยะไปหมด แม่นมมิกล้ารีรอ รีบเชิญหมอหลวงมาทันใด
หมอพบผงคันบนเสื้อผ้าของอวิ๋นอี้ ตัดสินได้ในทันทีว่ามีผู้ประสงค์ร้ายแกล้งนาง
สีหน้าของคนที่แออัดอยู่ในห้องนั้นแตกต่างกันออกไป
เหล่าแม่นมทุกคนต่างมองมาที่ซูเมี่ยวเออร์ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้พูดออกมาอย่างชัดแจ้ง แต่สายตาของพวกเขาได้พิสูจน์ทุกอย่างแล้วว่าทุกคนก็คิดว่านางเป็คนทำ
"มิใช่ข้า!"
ซูเมี่ยวเออร์โดนจ้องจนทนมิไหว รีบะโ "ข้า...เมื่อคืนข้าก็คัน! มิใช่ข้า! ต้องเป็ผู้อื่นแน่!"
กู่ซือฝานพูดอย่างเ็า "ในตอนที่ผู้อื่นคันกันเ้ามิคัน พี่สะใภ้ของข้าบอกว่าคัน เ้าพลันคันด้วย ผู้ใดก็รู้ว่าผงคันนั้นทรมานมาก หากเ้าคันั้แ่เมื่อคืน จะทนได้ถึงตอนนี้หรือ?”
หมอข้างๆ พูดขึ้นเช่นกัน "ผงคันทำให้คันเจียนตาย วิธีแก้มีเพียงอย่างเดียวคือแช่น้ำเย็นสามชั่วยามขอรับ"
“ข้าก็แช่น้ำเย็นไปสามชั่วยาม!" ซูเมี่ยวเออร์พูดเสียงดัง ทว่าน่าเสียดายที่คำพูดนางมิได้มีความน่าเชื่อถือกระไร
จะมีเื่บังเอิญเช่นนี้ได้อย่างไร?
ทุกคนมิอยากจะสนใจนาง ซูเมี่ยวเออร์พอจะเข้าใจแล้ว ครานี้นางโดนใส่ความจริงๆ จึงได้เพียงอธิบายซ้ำแล้วซ้ำเล่า “เมื่อวานข้าไปแช่บ่อน้ำพุร้อน จากนั้นก็รู้สึกคันไปทั้งตัว ข้ายังอยากรู้เหตุผลอยู่เลยเชียว! อาจจะเพราะน้ำพุร้อนมีปัญหา!”
“น้ำพุร้อนมีปัญหาหรือ?” กู่ซือฝานหัวเราะ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม "เมื่อวานทุกคนล้วนไปแช่น้ำพุร้อน เหตุใดจึงมิมีผู้ใดคัน? ข้ามิคัน พระชายาเอกคันหรือไม่เพคะ?"
ชายาเอกย่อมต้องคันอยู่แล้วสิ เมื่อคืนนางคันจนแทบจะบ้า ต้องแช่ตัวในน้ำเย็นเกือบทั้งคืน นางคิดอยู่เชียวว่ามีผู้ใดจงใจแกล้งนาง เพลานี้ดูเหมือนว่า...
นางมองดูหญิงสาวบนเตียง ดวงตาของนางเป็ประกายมืดลึก มุมริมฝีปากของนางขดเป็รอยยิ้มด้วยความมั่นใจ
พระชายาเอกรู้โดยทันทีว่าอวิ๋นอี้เป็คนทำเื่นี้
สำหรับซูเมี่ยวเออร์คือการแก้แค้น
สำหรับนางคือการเตือน ทั้งยังเป็การทดสอบ
“พระชายาเอกเพคะ?” เมื่อเห็นว่าคนที่ถามไป มิตอบอยู่นาน กู่ซือฝานจึงถามอีกครา นางไม่รู้จริงๆ ว่าคำตอบจะเป็อย่างไร
ถึงอย่างไร...
เมื่อวานนางเห็นด้วยตาตนเองว่าอวิ๋นอี้ก็เอาผงคันโรยที่เสื้อผ้าของพระชายาเอก พวกนางยังเคยทะเลาะกัน
พี่สะใภ้เจ็ดบอกว่าพระชายาเอกเป็คนฉลาด รู้ว่าต้องยืนฝั่งใด
ในขณะที่รอคำตอบนั้นด้วยความตึงเครียด
ใจของกู่ซือฝานแทบะโกระเด้งออกมา
ในที่สุด พระชายาเอกที่ถูกจับจ้องด้วยสายตาหลายคู่ หลบสายตา ส่ายหน้านิ่งๆ "ไม่ ข้าไม่คัน"
กู่ซือฝานถอนหายใจด้วยความโล่งอก แอบชื่นชมพี่สะใภ้เจ็ดที่คาดเดาได้เด็ดขาด นางยังมิลืมหน้าที่ของตนเอง เมื่อมีคำตอบของพระชายาเอก นางก็ยิ่งก้าวร้าวมากขึ้น “คุณหนูซู เื่มาถึงเช่นนี้แล้วเ้ายังมิยอมรับ เป็เ้าเองใช่หรือไม่ที่แค้นพี่สะใภ้ข้า จงใจใช้ผงคันแก้แค้นนาง?"
"มิใช่ข้าจริงๆ" "จะใช่เ้าหรือไม่ ค้นดูก็รู้!" อวิ๋นอี้ที่เงียบสงบมองแม่นมแล้วพูด "ข้าก็หวังว่าพวกท่านจะให้ความยุติธรรมกับข้าด้วย"
พวกเ้านายหญิงที่ถูกส่งมาที่นี่ ล้วนมิใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมัน [1] หญิงผู้ใดไม่มีผู้ยิ่งใหญ่คอยปกป้องบ้าง
ในฐานะคนรับใช้ พวกนางจะผิดใจกับผู้ใดมิได้ทั้งสิ้น ตอนนี้พวกนางต้องจัดการเื่อย่างยุติธรรม พลันกวักมือเรียกทหารไปค้นห้องของซูเมี่ยวเออร์
“รายงานขอรับ!”
พวกทหารเดินกลับมา ยื่นโหลเครื่องลายครามออกมา
หัวหน้าแม่นมเปิดออก หมอเข้าไปดูเพื่อตรวจสอบ และพูดอย่างแน่วแน่ว่า "นี่คือผงคัน!"
กู่ซือฝานสูดหายใจอย่างเ็า "คุณหนูซู ตอนนี้หลักฐานก็พบแล้ว ยังจะพูดกระไรอีกหรือเพคะ?" “มิใช่ข้า!” ซูเมี่ยวเออร์กัดฟัน นางค่อยๆ นึกขึ้นได้ “อวิ๋นอี้! ต้องเป็นางแน่! นางวางแผนมาใส่ร้ายข้า!”
อวิ๋นอี้มุ่ยปาก แสดงสีหน้าจริงจัง คอตก น้ำตาคลอเบ้า ไม่มองหน้าซูเมี่ยวเออร์ แต่กลับมองมาที่ทุกคนแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “เป็ข้าที่ต้องทนทรมาน คุณหนูซูยังคงดึงดันมิยอมรับ คิดว่าข้ารังแกได้ง่ายๆ หรือ?”
เมื่อหัวหน้าแม่นมได้ยินเช่นนี้ หลังก็เหยียดตรง
พระชายาเจ็ดถูกรังแกได้ง่าย องค์ชายเจ็ดมิปรานีแน่ พลันรีบให้คนไปทูลความจริงกับไทเฮา
ซูเมี่ยวเออร์โกรธมากจนแทบอยากจะกรีดหน้าที่แสดงว่าแสนบอบบางของอวิ๋นอี้ ทว่ามีแม่นมสองสามคนก้าวเข้ามาเบื้องหน้าลากนางออกจากห้องไป
เมื่อเื่วุ่นวายจบลงแล้ว ทุกคนทยอยกันออกไป
หมอสั่งยาให้อวิ๋นอี้และกำชับไม่กี่คำพลันออกไป พระชายาเอกเป็คนสุดท้ายที่ออกไป
นางมองไปที่อวิ๋นอี้ เลิกคิ้ว “ละครที่กำกับเองของพระชายาเจ็ดช่างยอดเยี่ยมจริงๆ! อุบายและความกล้าหาญเช่นนี้ อาโหรวเทียบมิได้จริงๆ เพคะ! หากอาโหรวเคยทำให้พระชายาขุ่นเคือง หวังว่าพระชายาจะมิเอามาใส่พระทัยนะเพคะ”
เชิงอรรถ
[1] ไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมัน 不是省油的灯 หมายถึง คนเื่มากเื่เยอะ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้