"โอ ท่านหมอหญิง สามีข้าป่วยเป็อะไรหรือเ้าคะ?" ภรรยาของผู้ป่วยมองหลินฟู่อินด้วยสายตาตื่นตระหนก นางเริ่มร่ำไห้ "ข้าขอร้องท่าน ช่วยรักษาสามีข้าด้วยนะเ้าคะแม่นางน้อย ้าข้ายังมีพ่อแม่สามีอายุเจ็ดสิบกว่าปี ด้านล่างยังมีลูกๆ อายุเพียงสามสี่ขวบ ทุกคนล้วนแต่ยังต้องพึ่งพาบ้านข้าเพื่อกินดื่มทั้งนั้น!"
หลินฟู่อินมองนางร่ำไห้แต่กลับไม่แสดงความเป็ห่วงสามี จึงรู้สึกหมดความอดทนเล็กน้อย โบกมือไปมา "โรคนี้ของสามีท่านไม่มีทางรักษา ในระยะสั้นนี้ยังไม่ถึงตาย ข้าจะคิดหาทางให้นะเ้าคะ แต่ให้ข้าได้พูดก่อน โรคนี้ที่ท่านเจอไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับไข่เยี่ยวม้าและไข่ดอกสนของบ้านข้า"
"ได้ได้ได้ หากท่านว่าไม่เกี่ยวก็ไม่เกี่ยว…" สตรีผู้นั้นกล่าวด้วยท่าทีมีไหวพริบ
คำพูดของสตรีผู้นี้ทำให้หลินฟางหงุดหงิด ในใจโมโห มองอีกฝ่ายแล้วกล่าว "นี่ ที่ท่านพูดนี่หมายความว่าอย่างไร? หากน้องข้าว่าไม่เกี่ยวก็ไม่เกี่ยวหรือ? พูดตามตรง ฝีมือรักษาของน้องสาวข้าขนาดท่านหมอหลี่ยังชื่นชม ดังนั้นหากนางกล่าวว่าเื่นี้ไม่เกี่ยวกับไข่ดอกสนและไข่เยี่ยวม้าของบ้านเรา ก็แปลว่าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องด้วย!"
"ใช่ ใช่…" ผู้หญิงคนนั้นพยักหน้ารัวๆ
แต่หลินฟู่อินหันไปมองบุรุษที่ตอนนี้กำลังกัดฟันตัวเองแล้วกล่าว "ข้าบอกท่านว่าอาการป่วยของท่านเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ท่านกินดื่มตามปกติค่อนข้างมาก ตามการวินิจฉัยของข้า เดาว่าอาหารจานโปรดของท่านคือพวกเต้าหู้กับถั่วเหลืองกระมัง ท่านยังชอบกินคู่พวกผักใบเขียวด้วยใช่หรือไม่เ้าคะ? อีกทั้งยังชอบจำพวกเนื้อสัตว์ติดมัน และท่านไม่ชอบดื่มน้ำด้วยใช่หรือไม่เ้าคะ?"
"โอ ท่านหมอกล่าวถูกต้อง อาหารจานโปรดของสามีข้าคือน้ำแกงเต้าหู้หั่นเต๋าใส่ผัก แต่ไม่ชอบดื่มน้ำ โดยปกติแล้วจะดื่มน้ำแกงเต้าหู้นี้แทนน้ำเปล่า"
ไม่แปลกใจเลย ออกจะเกินคาดด้วยซ้ำ
หากคนเช่นนี้ไม่เป็นิ่วแล้วใครจะเป็นิ่วได้อีก?
หลินฟู่อินเดาว่าชายผู้นี้ไม่เพียงมีนิ่วในถุงน้ำดีเท่านั้น เกรงว่าจะมีนิ่วในตับกับนิ่วในกระเพาะปัสสาวะด้วย…
“โอย ท่านหมอ ข้าขอเข้าไปหลบลมในร้านท่านก่อนได้หรือไม่ ด้านนอกนี้หนาวยิ่งนัก…” ระหว่างที่หลินฟู่อินกำลังคิด ผู้ป่วยก็พูดขึ้นมา
หลินฟู่อินดูแล้วก็เห็นว่าข้างนอกหนาวเย็นจริง นางจึงพูดกับญาติของผู้ป่วยว่า “ไปที่ร้านของข้าก่อน ข้าเป็คนเจออาการป่วยของท่าน ย่อมต้องรักษาให้ท่าน”
“ท่านหมอ ท่านช่างเป็คนดีเหลือเกิน” ภรรยาของชายผู้นั้นกล่าวของคุณหลินฟู่อินด้วยความซาบซึ้ง
ตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่าสามีของตัวเองไม่ได้ป่วยเกือบตายเพราะกินไข่ดอกสนเข้าไป แต่เป็เพราะร่างกายของเขาป่วยอยู่แล้ว วันนี้เขากินของมันๆ ที่ภัตตาคารเยว่เค่อเข้าไปจึงอาการทรุด
คิดถึงฝีปากของผู้ดูแลฮวาของภัตตาคารเยว่เค่อนั่น นางถูกเขาหลอกพาตัวสามีมาหาหลินฟู่อิน เกือบทำให้เด็กผู้หญิงคนหนึ่งถูกชายฉกรรจ์พวกนั้นรังแกเอาได้ ชวนให้ขายขี้หน้ายิ่งนัก
แน่นอนว่าหลินฟู่อินไม่ทราบความคิดอีกฝ่าย พอพาอีกฝ่ายเข้าไปในร้าน นางก็จับชีพจรคนไข้โรคนิ่วในถุงน้ำดีอย่างระมัดระวังและพบว่าเขามีปัญหาเกี่ยวกับตับและกระเพาะปัสสาวะ นอกจากนี้ก็ไม่พบปัญหาใหญ่ใดๆ
ตับไม่ค่อยดีนัก เห็นได้จากคนไข้มีอารมณ์ค่อนข้างแปรปรวน ประเดี๋ยวดีใจประเดี๋ยวโมโห ตามที่หลินฟู่อินเพิ่งได้ประจักษ์ไป
ถ้าอยากให้ตับสุขภาพดีก็ควรโกรธให้น้อยลง คนเราอย่างเก่งก็มีชีวิตอยู่ได้ไม่กี่สิบปีเท่านั้น จะโกรธเคืองบ่อยๆ ไปเพื่ออะไร?
หลินฟู่อินจำได้ว่าอาจารย์แพทย์แผนจีนดั้งเดิมได้กล่าวประโยคหนึ่งว่า ‘คนที่โมโหง่ายส่วนมากมักสุขภาพไม่ดี หากไม่ใช่พวกที่โมโหจนตาย ส่วนใหญ่ก็มีชีวิตอยู่ได้ไม่นานนัก’
คิดถึงตรงนี้แล้วในใจนางก็เย็นเยียบ นางสังหรณ์ใจว่าคนสกุลฮวานั่นวางกับดักนางไว้แล้ว นางก็เพียงเอาคืนเท่านั้นเอง ไม่จำเป็ต้องโมโหคนพรรค์นั้น
หลินฟู่อินเลื่อนสายตาไปยังใบหน้าของคนป่วย เมื่อความเ็ปเจือจางลง สีหน้าของชายคนนี้ก็ค่อนไปทางแดงเถือก กระทั่งตาขาวปกคลุมไปด้วยเส้นเืแดง ยังมีอาการเมามายอยู่เล็กน้อย
ไม่แปลกใจนัก บุรุษผู้นี้ยังชอบดื่มสุรา และการดื่มสุรามากเกินไปย่อมไม่ดีต่อสุขภาพตับ
แต่สุดท้ายหลินฟู่อินก็ยังต้องถามเพื่อความชัดเจน หลินฟู่อินกดลงที่บริเวณหน้าท้องของเขาอีกครั้งชั่วครู่หนึ่ง “อยู่บ้านเคยรู้สึกเจ็บเช่นนี้หรือไม่? ไม่ใช่แค่ตรงที่ท่านจับไว้ แต่มีอาการปวดที่ส่วนอื่นนอกเหนือจากนี้หรือไม่เ้าคะ?”
“เฮ้อ ข้าไม่เคยปวดที่อื่นเลย จะมีก็เพียง่เอวที่ปวดอยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่นานก็หายดีเอง” เขานึกๆ อยู่สักครู่ก็บอกคำตอบออกมา
หลินฟู่อินพยักหน้า ผู้ป่วยที่เป็นิ่วในถุงน้ำดีก็มีอาหารปวดหลังเช่นกัน แต่เท่าที่ฟังจากปากเขาอธิบายแล้วน่าจะไม่ได้หนักหนาสาหัสมากมาย
นิ่วในถุงน้ำดี โรคนี้หากเป็ยุคปัจจุบันคงจะดีกว่า ทว่าในยุคโบราณเช่นนี้ถือว่ายุ่งยากวุ่นวาย ในเมื่อไม่อาจรักษาได้ด้วยการผ่าตัด ก็เหลือแค่ต้องใช้การแพทย์แผนจีนโบราณแล้ว
ยาสมุนไพรที่นำมาบดเพื่อรักษาก็มีอยู่ บางตัวก็ให้ผลดียิ่งแต่กลับต้องใช้เวลากว่าจะเห็นผล อีกทั้งยังมีสมุนไพรจีนอีกหลายชนิดที่ต้านการอักเสบได้…
หลินฟู่อินหัวแล่นรวดเร็ว หลังจากนั้นก็หันไปหาหลินฟางแล้วพูดว่า “พี่ฟางช่วยข้าเอากระดาษกับพู่กันมาที ข้าจะเตรียมให้ใบสั่งยา”
หลินฟางมุมปากกระตุก สีหน้าไม่ค่อยเต็มใจทว่าก็ยังวิ่งไปเอาของมาให้อยู่ดี
“ท่านหมอ ขอบพระคุณมากเ้าค่ะ พวกเรากดดันท่านเื่ภัตตาคารเยว่เค่อ ไม่เพียงท่านไม่ถือสา แต่ยังช่วยจ่ายใบสั่งยาให้อีก ขอบพระคุณเป็อย่างยิ่งเ้าค่ะ!” ภรรยาของคนไข้รู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก นางคลายความสงสัยต่อตัวหลินฟู่อินแล้วแปรเปลี่ยนเป็ความเลื่อมใสศรัทธา
ความจริงจังและความเชี่ยวชาญในวิชาชีพของหลินฟู่อินจากการวินิจฉัยนี่เองที่ทำให้สตรีอย่างนางรู้สึกเกรงขามขึ้นมาได้
เหตุการณ์คล้ายกับครอบครัวของผู้ป่วยคนไข้รายอื่นที่มาหานาง
หลินฟู่อินมองนางและพูดเสียงเบา “พี่สาว ไม่ใช่ข้าไม่ถือสา แต่เพราะผู้ป่วยต้องมาก่อน อย่างไรข้าก็ต้องพาท่านไปภัตตาคารเยว่เค่อเพื่อคิดบัญชีภายหลังแน่!”
คนไข้โรคนิ่วในถุงน้ำดีได้ยินคำพูดนางก็แสยะยิ้ม “ท่านหมอวางใจเถิด ข้าไม่ปล่อยให้ท่านโดนทำร้ายแน่ หากข้าจะจัดการใครก็ต้องเป็ภัตตาคารเยว่เค่อนั่น!”
หลินฟู่อินกลอกตาใส่เขา
พอดีกับที่หลินฟางได้นำพู่กันและกระดาษมา หลินฟู่อินจึงได้แจกแจงรายการใบสั่งยาชุดใหญ่
รากมู่เซียง [1] สามเฉียน ผลจื่อเขอ [2] หกเฉียน เม็ดหยวนหู [3] แปดเฉียน จือจื่อ [4] สี่เฉียน รากหู่จั้งแห้งสิบเฉียน จินเฉียนเฉ่า [5] สิบและต้าหวง [6] ห้าเฉียน
หลินฟู่อินยื่นใบจ่ายยาให้กับภรรยาคนไข้ที่มองใบสั่งยาอยู่นาน จากนั้นก็มองหน้าหลินฟู่อินและถามว่า “ท่านหมอ ฤทธิ์ของยาเหล่านี้เป็อย่างไรหรือ? ข้าถามได้หรือไม่?”
หลินฟู่อินขมวดคิ้ว มองสตรีตรงหน้าพร้อมถามว่า “ท่านไม่เชื่อในตัวข้าหรือเ้าคะ?”
"ไม่ๆ ข้าเพียง้าทราบ..."
หลินฟู่อินพยักหน้า ผู้ป่วยมีสิทธิ์ที่จะถามอยู่แล้ว ในเมื่อครอบครัวผู้ป่วยถามมา นางย่อมต้องบอกให้ทราบ
“ข้าจะอธิบายแก่ท่านว่าฤทธิ์ของยาในแต่ละตัวของใบสั่งยานี้เป็อย่างไร ส่วนตัวยาท่านต้องไปซื้อที่ร้านขายยาสกุลหลี่ ถึงตอนนั้นท่านสามารถถามกับหมอในร้านยาแห่งนั้นได้เช่นกันเ้าค่ะ” หลินฟู่อินรู้ดีว่าถึงแม้คนในครอบครัวของคนไข้จะยอมให้นางรักษา แต่ว่าการจ่ายใบสั่งยาเป็เื่ใหญ่ ตัวยาที่ต้องใช้ก็เป็เื่สำคัญ การกังวลย่อมเป็เื่ปกติ
นอกจากนี้ นางเองก็ไม่ได้มีชื่อเสียงเท่าหมอหลี่
เห็นนางที่ยินยอมอธิบาย บรรดาญาติของผู้ป่วยก็ผงกหัวด้วยความสบายใจ
แต่หลินฟางที่เห็นกลับกระซิบด้วยท่าทีหยาบคายเล็กน้อย “หากไม่เชื่อคนก็ช่างมันแล้วรีบพาตัวคนป่วยออกไปเสียสิ”
ครอบครัวของผู้ป่วยแสร้งทำเป็ไม่ได้ยินที่นางกล่าวมา
ส่วนที่หลินฟางพูดออกมา หลินฟู่อินยิ้มเล็กๆ ถึงนางจะไม่ได้ถือสาความกังขาของครอบครัวผู้ป่วย แต่นางก็ไม่ได้รู้สึกยินดีเวลาถูกสงสัยเช่นกัน
คำบ่นของหลินฟางจึงได้รับคำชมจากใจนางไป
"ท่านฟัง มู่เซียงเกี่ยวกับลมปราณ ช่วยฆ่าเชื้อโรคและลดการอักเสบ เปลือกของผลจื่อเขอช่วยขับสิ่งตกค้างและลดอาการบวมได้ หยวนหูมีฤทธิ์ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเืและขจัดของเสียในเื ช่วยขยายลมปราณและระงับความเ็ป จือจื่อช่วยขจัดความร้อนในร่างกาย ช่วยล้างพิษออกได้เป็อย่างดี รากหูจั้งแห้งก็สามารถขจัดความร้อน ช่วยล้างพิษ และมันยังช่วยขับสุราที่ตกค้าง พร้อมฤทธิ์ระงับการเ็ปชั่วครู่ได้ จินเฉียนเฉ่านอกจากช่วยขับลมร้อนในได้ ยังเป็ตัวยาแก้ปวด ช่วยต้านการอักเสบของไตและกระเพาะปัสสาวะได้เป็อย่างดี พร้อมล้างพิษออก ต้าหวงช่วยกระตุ้นการทำงานของถุงน้ำดี และฆ่าเชื้อโรคไปในตัว ส่วนผลของ…"
"ไอหยา ท่านหมอ ข้าไม่เข้าใจที่ท่านพูด…" ภรรยาผู้ป่วยบ่นงึมงำเสียงต่ำ
หลินฟู่อินตอบกลับเสียงนิ่มว่า "หากท่านเข้าใจทุกอย่างก็คงเป็หมอแล้ว คงตรวจตัวเองกับสามีได้ เช่นนั้นจะ้าหมอไปเพื่ออะไรอีกเ้าคะ?”
สตรีผู้นั้นพอได้ยินก็ก้มศีรษะหลบด้วยความอับอาย
“ชิ่วๆ นางสตรีโง่งมผู้นี้นี่!” ชายผู้ป่วยกวาดตามองภรรยาตัวเองแล้วพูดอย่างหมดความอดทน “เ้าขอให้ท่านหมอบอกแต่พอคนบอกกลับไม่เข้าใจ เป็อะไรของเ้า? คิดจะทำให้ผู้อื่นหงุดหงิดเล่นหรืออย่างไร?”
เมื่อโดนสามีต่อว่าต่อหน้าผู้อื่น นางก็หน้าแดงเหมือนโดนไฟลวก ศีรษะยิ่งก้มต่ำลงมายิ่งกว่าเดิม
หลินฟู่อินก็หมดความอดทนที่จะรับมือกับคนพวกนี้แล้ว เห็นเขาดูไม่ค่อยเจ็บเท่าเดิมแล้วก็โบกมือพูด “งั้นก็ดี นำใบสั่งยานี่ไปให้คนของร้านยาท่านหมอหลี่เถอะเ้าค่ะ หากเป็กังวลก็หาหมอหลี่อีกครั้ง อ้อ ใช่ หากท่าน้าใช้ยาตามใบสั่งนี้ ท่านต้องนำไปต้มแล้วดื่มวันละสามมื้อ ต่อเนื่องกันเจ็ดวันนะเ้าคะ”
“ได้ได้… ขออภัยที่รบกวนท่านหมอขอรับ” ผู้ป่วยรับปากพร้อมรอยยิ้มบาง ดูแล้วเข้าอกเข้าใจเป็อย่างดี
“อ้อ ท่านต้องจำไว้นะเ้าคะ เต้าหู้และน้ำแกงผักต้องงดไปก่อน และไม่ควรกินเต้าหู้ทอดหรือฟองเต้าหู้สักพักหนึ่ง ควรหลีกเลี่ยงการกินปลาใหญ่และเนื้อสัตว์ใหญ่ จากนั้นดื่มน้ำให้มาก ลดการดื่มสุรา หากทำไม่ได้ตามที่ข้ากล่าวไป ข้าขอกล่าวเตือนว่าบริเวณหน้าท้องที่ปวดนั้นจะยิ่งย่ำแย่ลงกว่าเดิม และมันจะคร่าชีวิตของท่านไปเ้าค่ะ” หลินฟู่อินย้ำ
ไม่นานหลังจากที่เขาได้ยินว่าอาจจะตาย ผู้ป่วยก็ยังดูปกติดี แต่คนเป็ภรรยากลับเงยหน้าขึ้นพูด “ก็ไม่ต้องกินอะไรกันพอดีสิ!”
“เช่นนั้นหากจำได้แล้วก็ไปเสียเถอะเ้าค่ะ” หลินฟู่อินโบกมืออำลา ไม่ขอค่ารักษาจากอีกฝ่าย
ก็แค่ผู้ป่วยคนหนึ่งที่บังเอิญพบเท่านั้น
“นี่ท่านหมอ ท่านช่วยข้าอยู่ตั้งนาน ยังถึงกับช่วยจ่ายใบสั่งยาให้ข้าอีก อย่างไรก็ต้องคิดค่าจับชีพจรนะขอรับ!” พอผู้ป่วยเห็นหลินฟู่อินไม่แม้แต่จะพูดถึงค่าตรวจ คนก็รีบโวยวายขึ้นมา
หลินฟู่อินคิดเพียงอยากให้เขากลับบ้านไปเร็วๆ ไม่คาดว่าอีกฝ่ายกลับมากังวลเื่นางไม่คิดค่ารักษาเสียนี่
นางยิ้มบางและกล่าว “เ้าค่ะ เช่นนั้นหากท่านยินดีให้ ข้าก็ยินดีรับเ้าค่ะ”
“ต้องยินดีจ่ายแน่นอน เหตุใดจะไม่ยินดีเล่า? ค่าพบท่านหมออย่างไรก็ต้องจ่าย” พูดจบก็หันไปมองภรรยาแล้วกล่าวว่า “เอาเงินห้าสิบตำลึงเงินไปจ่ายค่ารักษาให้ท่านหมอเร็ว!”
“หา? ตั้งห้าสิบตำลึงเงินเชียว? ให้น้อยกว่านี้ไม่ได้หรือ?” ภรรยากระซิบด้วยท่าทีลังเลใจ
“โอ๊ย นางภรรยาน่าตายนี่ ห้าสิบตำลึงเงินก็ทนไม่ได้? ชีวิตข้ามันไม่สำคัญเท่าเงินห้าสิบตำลึงเงินหรืออย่างไร?” เห็นภรรยาตัวเองมีท่าทีขี้เหนียวเช่นนี้ ผู้ป่วยก็โมโหขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อหลินฟู่อินเห็นจึงพูดว่า “ท่านควรจะโกรธให้น้อยลงนะเ้าคะ พูดตามตรงคือตับของท่านไม่สู้ดีนัก การโกรธมากไปไม่ดีต่อสุขภาพตับ…”
“หา ตับข้าไม่ดีหรือ?” ชายผู้นั้นละล่ำละลักถามเสียงดัง “ท่านหมอท่านช่วยรักษาข้าได้หรือไม่?”
เขาเชื่อมั่นในตัวท่านหมอน้อยผู้นี้ไปแล้ว
ขณะเดียวกัน ภรรยาของเขาก็วุ่นวายใจขึ้นมา รีบควักเงินห้าสิบตำลึงเงินจากกระเป๋าออกมายัดใส่มือของหลินฟู่อินพร้อมอ้อนวอน “ท่านหมอรบกวนท่าน…”
“ตอนนี้อาการของตับไม่ใช่เื่ใหญ่เ้าค่ะ ท่านไม่จำเป็ต้องทานยาเพื่อปัญหาเล็กน้อยหรอก แค่ต้องหยุดดื่มสุรา อย่าโมโหฉุนเฉียว ก็จะค่อยๆ ดีขึ้นเ้าค่ะ” หลินฟู่อินรู้สึกหมดคำพูดเล็กน้อย
หากนางไม่ได้สั่งยาออกไป แน่นอนว่าต้องไม่มีปัญหาใหญ่อยู่แล้ว
“รีบไปร้านยาท่านหมอหลี่เถอะเ้าค่ะ น้องสาวข้าใจกว้างดูอาการและออกใบสั่งยาให้ท่านแล้ว อย่าเสียเวลาอยู่ที่นี่เลย” หลินฟางเห็นคนกลุ่มนี้ยังละล้าละลังไม่จากไปเสียที จึงออกปากไล่พวกเขาอย่างหมดความอดทน
“เอาละๆ รีบไปกันเถอะ ถ้าตับยังดีก็ไม่เป็ปัญหา…”
ในที่สุดคนทั้งกลุ่มก็หิ้วคนป่วยจากไป หลิวฉินเข้ามาพอดี พอเห็นเงินห้าสิบตำลึงเงินในมือของหลินฟู่อินก็แย้มยิ้ม “ฟู่อิน สมแล้วที่เป็เ้า กระทั่งคนที่บุกมาหาเื่ถึงหน้าบ้านก็ยังต้องมอบเงินให้”
“คิดว่าข้าดีใจหรืออย่างไร?” หลินฟู่อินขมวดคิ้ว “พูดตามตรง อาการป่วยของชายผู้นั้นวุ่นวายนัก หากข้าไม่รักษา ให้ท่านหมอหลี่ลงมือยังไม่แน่ว่าจะรักษาได้”
หลิวฉินอึ้งไป แสดงว่าหลินฟู่อิน้ารักษาบุรุษผู้นั้นจริงๆ
“แล้วเขาเป็อะไรหรือ?” หลิวฉินเบิกตามองหลินฟู่อิน เห็นอีกฝ่ายมีท่าทีจริงใจในการรักษาคนไข้ก็คิดว่านางสุดยอดจริงๆ สีหน้าท่าทางจริงจังเช่นนี้ยิ่งทำให้นางงดงามขึ้นทุกที
“โรคค่อนข้างซับซ้อน มีก้อนหินเล็กๆ เติบโตในถุงน้ำดีน่ะ” หลินฟู่อินถอนหายใจ
“อะไรนะ? ก้อนหินโตในร่างกายหรือ? มันโตขึ้นมาได้อย่างไร? ประหลาดยิ่งนัก ก้อนหินจะเติบโตในร่างกายได้อย่างไร?” หลิวฉินเบิกตากว้าง
หลินฟู่อิน “…”
นางจะอธิบายอย่างไรดีล่ะ? อธิบายไป คนยุคโบราณอย่างหลิวฉินก็ไม่มีทางเข้าใจหรอก
เช่นนั้นก็ไม่อธิบายแล้วกัน
“เอาเป็ว่าท่านก็ได้ยินที่ข้าพูดไปแล้ว ข้าบอกให้บุรุษผู้นั้นดูแลตัวเอง เื่นี้รวมถึงพวกเราทุกคนด้วย ดูแลตัวเองให้ดีๆ” หลินฟู่อินพูดเสียงนิ่ง ก่อนจะมองหลิวฉินแล้วกล่าวต่อว่า “คนพวกนั้นว่าอย่างไรบ้าง?”
หลิวฉินสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา “ไอ้หวงเหล่าซานนั่นสารภาพแล้วว่าเสี่ยวเอ้อร์ของภัตตาคารเยว่เค่อเป็ฝ่ายเข้ามาหาแล้วมอบเงินให้ยี่สิบตำลึงเงิน ทั้งยังสัญญาว่าหากจบงานแล้วจะจ่ายเพิ่มให้อีกสามสิบตำลึงเงิน”
หลินฟู่อินหัวเราะเสียงเย็น “เสี่ยวเอ้อร์คนหนึ่งจะสามารถเอาเงินออกมาครั้งหนึ่งยี่สิบกว่าตำลึงเงินได้หรือ? พอจบแล้วยังจะเอาออกมาอีกสามสิบตำลึงเงิน เห็นชัดๆ ว่ามีคนบงการ”
“เ้าสงสัยผู้ดูแลฮวาหรือ?” พอหลิวฉินคิดได้ ดวงตาก็เย็นเยียบ
“หากไม่ใช่เขาแล้วจะเป็ใคร ผู้ดูแลฮวานั่นเห็นข้าขัดหูขัดตา ข้าไม่แปลกใจที่โดนกล่าวหาในครานี้” หลินฟู่อินกล่าวเสียงเย็น
“ไม่คิดว่าเขาจะเป็คนพรรค์นั้น ก่อนหน้านี้ข้ายังมองเขาเสียสูงส่ง” เถ้าแก่หลิวออกปากพูดบ้าง
หลินฟู่อินยังจำครั้งแรกที่ได้พบผู้ดูแลฮวาได้ ในดวงตานางปรากฏร่องรอยเหยียดหยัน “ข้าเองก็คิดว่าเขาสูงส่งเช่นกันเ้าค่ะ ตอนนี้รู้แล้วก็ยังไม่สาย”
“ฟู่อิน เ้าจะทำอย่างไรต่อไป?” หลิวฉินมองหน้านางแล้วถาม
ครั้งนี้เ้าคนสกุลฮวานั่นถึงกับเอาตัวพวกนักเลงหัวไม้มาใช้ ทำให้หลินฟู่อินเกือบต้องเสียเปรียบแล้ว เขารู้สึกว่าอย่างไรก็ไม่สมควรปล่อยคนผู้นั้นเอาไว้
“ในเมื่อหาเื่ข้าเสียหลายครั้ง นับจากนี้เขาย่อมไม่อาจเข้าหมู่บ้านหูลู่ได้อีก มัดตัวหวงเหล่าซานกับคนของมันไว้ ข้าจะไปภัตตาคารเยว่เค่อเพื่อขอคำอธิบายจากคนสกุลฮวานั่นเดี๋ยวนี้” สายตาของหลินฟู่อินทอประกายวาบ “หนี้ที่เขาก่อต้องได้รับการชำระ ถึงเวลาต้องคิดบัญชีกันแล้ว”
หลิวฉินผงะกับกลิ่นอายทรงอำนาจที่พวยพุ่งออกมา ทว่าก็พยักหน้ารับทันที “ได้!”
เถ้าแก่หลิวและผู้ดูแลฮวาเป็คู่แข่งกันมานาน หากจะมีใครอยากเห็นเ้าคนสกุลฮวานั่นทุกข์ระทม แน่นอนว่าเถ้าแก่หลิวต้องอยากเห็นยิ่งกว่าผู้ใด
หลายปีมานี้ทั้งสองสู้กันอย่างลับๆ อยู่หลายครั้ง แต่อย่างไรก็สู้จิ้งจอกเฒ่าสกุลฮวานั่นไม่ได้ ในใจจึงโมโหไม่รู้เท่าไร
ยามนี้เห็นหลินฟู่อินมั่นอกมั่นใจว่าจิ้งจอกเ้าเล่ห์นั่นต้องเจอปัญหา แน่นอนว่าเขาต้องอยากตามไปดูเื่สนุกสนานอยู่แล้ว
หากหลินฟู่อินบีบคั้นภัตตาคารเยว่เค่อจนออกจากชิงหยางไปได้ ก็ต้องเป็เื่ดีต่อภัตตาคารหลิวจี้อยู่แล้ว!
“ฟู่อิน จะเชิญคนของบ้านผู้ป่วยเมื่อครู่หรือไม่?” เถ้าแก่หลิวใคร่ครวญอย่างรอบคอบ
หลินฟู่อินพยักหน้าแล้วกล่าว “ข้าจะไปที่ภัตตาคารเยว่เค่อก่อนเ้าค่ะ” จากนั้นจึงมองไปที่หลินฟาง “พี่ฟาง พี่ไปที่โรงหมอของตระกูลหลี่แล้วจับตามองเอาไว้ เห็นคนไข้ออกมาเมื่อไรก็พาคนในครอบครัวเขาไป จะใครก็ได้ พาไปที่ภัตตาคารเยว่เค่อ!”
หลินฟางผงกหัวอย่างสุขุมและหันหลังจากไป
“เดี๋ยวก่อน เล่าเื่นี้ให้ท่านหมอหลี่และพี่หลี่อี้ฟังด้วยนะเ้าคะ ลองดูว่าทางนั้นจะส่งหมอมาช่วยได้หรือไม่ เพื่อเป็การพิสูจน์ว่าคนไข้ที่ปวดท้องไม่ได้เกี่ยวอะไรกับไข่ของร้านเรา”
“ได้ วางใจได้เลยฟู่อิน” พอพูดจบ หลินฟางก็ตรงไปยังโรงหมอตระกูลหลี่ทันที
หลิวฉินพาคนของเขาไปคุมตัวพวกหวงเหล่าซานไปยังจุดหมาย
ทุกคนมองหน้ากัน ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังภัตตตาคารเยว่เค่อ
ณ ภัตตาคารเยว่เค่อ
ผู้ดูแลฮวามองดูลูกค้าที่เหลือเพียงไม่กี่โต๊ะด้วยสีหน้ามืดมน
แต่เมื่อคิดว่านางเด็กตาบอดหลินฟู่อินนั่นเกือบจะถูกทำลายแล้ว อารมณ์ของเขาก็ดีขึ้นมาอีกครั้ง
ใครใช้ให้นางหลงผิดและอยากทำการค้ากับภัตตาคารหลิวจี้มากกว่ากันเล่า?
หลายคราเช่นกันที่เขาถูกนางปฏิเสธ
ในเมื่อเ้ากล้าปฏิเสธ ก็ต้องเตรียมตัวรับการชำระหนี้แค้นจากข้าให้ดี!
เห็นข้าผู้ชราเป็พ่อพระหรืออย่างไร?
เขาเป็ชาวต่างถิ่นที่สามารถทนอยู่ใต้สายตาเสือและอสรพิษมากมายในชิงหยางได้ สามารถพิชิตพวกอสรพิษเ่าั้ได้ นั่นคือความสามารถ!
แม้ส่วนหนึ่งจะเป็เพราะเขามีเ้าของร้านเป็เื้ัใหญ่โต ทว่าหากไร้ความสามารถย่อมไม่อาจผลักดันภัตตาคารเยว่เค่อในชิงหยางที่เต็มไปด้วยเหล่าพยัคฆ์หมอบัซ่อนเร้นจนขึ้นเป็ภัตตาคารอันดับหนึ่งได้!
ยิ่งผู้ดูแลฮวาตรึกตรองมากเท่าไร เขาก็ยิ่งพอใจมากขึ้นเท่านั้นจนถึงกับฮัมเพลงออกมาเบาๆ
“ผู้ดูแลฮวา ไม่ได้เห็นท่านดูอารมณ์ดีเช่นนี้มานานแล้ว เกิดเื่ดีๆ ขึ้นหรืออย่างไร?”
หลิวฉินผลักพวกเสี่ยวเอ้อร์ที่พยายามเข้ามาขวางออกไป โดยมีหลินฟู่อินเป็ผู้นำเดินเข้ามาในภัตตาคารเยว่เค่อ
มองไปที่ผู้ดูแลฮวาที่กำลังฮัมเพลงในลำคอเบาๆ มือดีดลูกคิดเล่น รอยยิ้มพออกพอใจลอยอยู่บนใบหน้าขาวอวบอ้วนดูอารมณ์ดี
หลินฟู่อินแสยะยิ้มในใจ เกรงว่าอีกฝ่ายคงคิดว่านางจะโดนเ้าพวกนักเลงนั่นทำให้ลำบากไปแล้วกระมัง?
แน่นอน หากไร้ซึ่งพ่อลูกสกุลหลิวอย่างเถ้าแก่หลิวกับหลิวฉิน เกรงว่านางคงต้องเจอเื่เสียเปรียบเข้าแล้วจริงๆ
ดังนั้นก่อนหน้านี้นางจึงได้โกรธมาก
แต่ตอนนี้นางไม่โกรธแล้ว
ตอนที่เอ่ยปากพูดกับผู้ดูแลฮวา นางจึงยังมีรอยยิ้มบางๆ เป็รอยยิ้มจริงใจอยู่บนหน้า
แต่เมื่อผู้ดูแลฮวาเห็นนาง รอยยิ้มบนใบหน้าอีกฝ่ายก็หายไปทันที ปรากฏสีหน้าซีดเผือดขึ้นมาแทน
เหตุใดนางเด็กน่ารังเกียจนี่จึงวิ่งมาที่ร้านเขาได้? มิใช่ป่านนี้ควรจะร่ำไห้อยู่ในบ้านตัวเองแล้วหรือ?
“ทำไมเ้าคะ มิใช่ผู้ดูแลฮวาอยากพบฟู่อินหรือ? เหตุใดจึงทำหน้าน่ารังเกียจเช่นนี้เล่า?” หลินฟู่อินหัวเราะ แต่เมื่อผู้ดูแลฮวาเห็นใบหน้าเล็กๆ นั้นหัวใจก็ทิ้งดิ่ง
--------------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] มู่เซียง หมายถึง โกฐกระดูก
[2] จื่อเขอ หมายถึง พืชในตระกูลส้มชนิดหนึ่ง
[3] หยวนหู หมายถึง พืชในสกุล Corydalis ชื่อวิทยาศาสตร์คือ Corydalis yanhusuo W. T. Wang
[4] จือจื่อ หมายถึง ลูกพุด
[5] จินเฉียนเฉ่า หมายถึง Lysimachia christinae Hance
[6] ต้าหวง หมายถึง โกฐน้ำเต้า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้