บทที่ 2: หอเรียกิญญา
หยางหลิงฟางวางตำราเล่มสุดท้ายลงบนโต๊ะอย่างแ่เบา เธอมองสบตาลึกเข้าไปในดวงตาของศัลยแพทย์หนุ่มอัจฉริยะตรงหน้า แววตาของเธอฉายประกายขบขันระคนกับความฉลาดเฉียบแหลม
“คุณหมอกงคะ... คำถามพื้นฐานขนาดนี้ คงไม่ได้กำลังทดสอบความรู้แพทย์แผนจีนเบื้องต้นของดิฉันอยู่ใช่ไหมคะ” น้ำเสียงของเธอเรียบ แต่แฝงไปด้วยความท้าทายเล็กๆ
“ไม่! ไม่ใช่แบบนั้นเลยครับ!” กงเฉินจื่อรีบปฏิเสธเป็พัลวัน ท่าทีลนลานอย่างจริงใจของเขาทำให้หยางหลิงฟางคลายความสงสัยลง เธอมองเห็นความสับสนว้าวุ่นในแววตาของเขาอย่างชัดเจน
“ถ้าอย่างนั้น...” เธอเปลี่ยนน้ำเสียงเป็เชิงวิเคราะห์มากขึ้น “สารที่ทำให้เกิดภาพหลอนได้เด่นชัดที่สุดก็คือ ‘ฝิ่น’ ค่ะ ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลางโดยตรง แต่แน่นอนว่ามันอันตรายถึงชีวิต”
เธอยังคงจ้องมองปฏิกิริยาของเขา “รองลงมาก็เป็เห็ดพิษบางชนิด หรือการใช้ยาแผนปัจจุบันเกินขนาด... ทั้งหมดนี้ล้วนส่งผลให้สมองทำงานผิดปกติและสร้างภาพลวงตาขึ้นมาได้”
“ผมยืนยันได้ครับว่าไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเ่าั้เลย” กงเฉินจื่อตอบเสียงหนักแน่น เขาพยายามจะเรียบเรียงเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้น แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร
หยางหลิงฟางเห็นท่าทีอึดอัดของเขาจึงเผยรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปาก เป็รอยยิ้มที่ทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลง “ถ้าอย่างนั้น ลองเล่าให้ฉันฟังหน่อยได้ไหมคะ ว่าภาพหลอนที่คุณหมอเห็น... มันเป็แบบไหน”
เธอหยุดมือจากการเก็บของ หันมาเผชิญหน้ากับเขาเต็มตัว เตรียมพร้อมที่จะรับฟังอย่างตั้งใจ
กงเฉินจื่อสูดหายใจเข้าลึก “เื่มันเริ่มจากเมื่อวาน ตอนที่ผมเข้ามาฟังอาจารย์บรรยาย... ่ที่อาจารย์เล่าถึงประวัติการรักษาผู้คนของตระกูลหยางในยุคาเมื่อพันปีก่อน... มีบางขณะที่ผมรู้สึกเหมือนตัวเองหลุดเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นจริงๆ ครับ”
เขาหยุดไปครู่หนึ่ง สีหน้าฉายแววกังวลชัดเจน “แต่ที่หนักที่สุดคือเมื่อเช้านี้... ตอนที่ผมมองกระจก”
“ครับ?”
“ภาพที่ผมเห็น... เป็ชายหนุ่มคนหนึ่ง ร่างกายผอมโซ สวมชุดจีนโบราณเก่าๆ ขาดๆ ... และที่น่าขนลุกที่สุดคือ... เขายิ้มให้ผม”
หยางหลิงฟางขมวดคิ้วมุ่น ความขบขันในแววตาของเธอหายไป ถูกแทนที่ด้วยความสนใจใคร่รู้อย่างเต็มเปี่ยม “คุณหมอแน่ใจนะคะว่าไม่ใช่ความฝัน หรืออาการตาลาย”
“ผมถึงต้องมาถามอาจารย์นี่แหละครับ! เพราะภาพมันชัดเจนและสมจริงเกินไป... จริงๆ แล้วที่ผมลงเรียนคลาสนี้ก็เพราะสนใจเื่ราวในประวัติศาสตร์ พอได้รู้ว่าอาจารย์คือทายาทสายตรงของตระกูลหยางที่ถูกบันทึกไว้ในตำราแพทย์โบราณ มันยิ่งทำให้ผมทึ่ง... แต่ไม่คิดว่าจะเจอเื่แบบนี้”
ความจริงใจและแววตาที่มุ่งมั่นของเขาทำให้หยาง หลิงฟางตัดสินใจบางอย่าง
“ไม่นึกเลยนะคะว่าศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีล้ำสมัย จะหลงใหลในบันทึกเก่าแก่ได้มากขนาดนี้” เธอกล่าวพลางอมยิ้ม “ถ้าคุณหมอสนใจเื่ราวเหล่านี้จริงๆ ฉันมีสถานที่หนึ่งที่อยากจะเชิญคุณหมอไปชม รับรองว่าจะไม่ผิดหวัง”
เธอกวาดอุปกรณ์ชิ้นสุดท้ายลงกระเป๋า “ฉันเก็บของเสร็จพอดี เราไปกันตอนนี้เลยไหมคะ”
“ไปครับ!” เขารับคำโดยไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียว
รถยนต์เคลื่อนตัวออกจากมหาวิทยาลัย กงเฉินจื่อยังจมอยู่ในความคิด เขายอมรับกับตัวเองว่าชีวิตที่ใครๆ ต่างอิจฉานั้นน่าเบื่อหน่ายสำหรับเขา การแข่งขัน ชื่อเสียง และเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวล้ำ ไม่เคยเติมเต็มความรู้สึกโหยหาบางอย่างในใจได้เลย... เขาโหยหาบางสิ่งที่มีรากเหง้า มีเื่ราว และท้าทายความเข้าใจ... เหมือนกับร่องรอยอารยธรรมโบราณที่เขาสนใจ
รถของหยางหลิงฟางพาเขาเลี้ยวเข้าสู่ย่านชานเมืองเก่าแก่ ที่ซึ่งเวลาดูเหมือนจะเดินช้าลง ต้นไม้ใหญ่สองข้างทางแผ่กิ่งก้านสาขาจนแทบจะคลุมถนน กลืนกินแสงอาทิตย์ยามเย็นจนหมดสิ้น
กำแพงอิฐโบราณสูงใหญ่ของบ้านแต่ละหลังมีคราบตะไคร่น้ำสีดำเกาะกรัง บอกเล่าถึงกาลเวลาที่ผ่านไปอย่างยาวนาน
เมื่อรถวิ่งลึกเข้ามา บรรยากาศก็ยิ่งวังเวง ไฟถนนติดๆ ดับๆ ทำให้เงาไม้ทอดตัวยาวสั่นไหวไปมาน่าขนลุก ทั้งที่เพิ่งจะห้าโมงกว่า แต่บาง่ของซอยกลับมืดสนิท
“ดูคุณหมอจะเกร็งๆ นะคะ กลัวหรือเปล่า” หยางหลิงฟางเอ่ยทักอย่างอารมณ์ดี
“ไม่เคยรู้เลยว่าในเซี่ยงไฮ้ยังมีสถานที่แบบนี้หลงเหลืออยู่” เขาตอบ สายตายังกวาดมองทิวทัศน์รอบตัวอย่างทึ่งๆ
“ฉันเองก็ไม่ค่อยได้มาที่นี่บ่อยนักหรอกค่ะ” เธอยิ้ม “แต่ทุกครั้งที่มา ก็เหมือนได้ชาร์จพลังงานบางอย่างกลับไป”
รถวิ่งมาจนถึงเนินเขาที่สูงที่สุดในย่านนั้น ก่อนจะหยุดลงหน้าประตูไม้บานใหญ่...ซึ่งตอนนี้มันเปิดออกอย่างช้าๆ ราวกับเชื้อเชิญ จากนั้นชายชราสูงโปร่งในชุดเสื้อคอจีนเดินออกมารอต้อนรับด้วยท่าทีสงบนิ่ง
“สวัสดีค่ะ ลุงหวัง” หยางหลิงฟางลงจากรถแล้วเดินเข้าไปทักทายชายชราอย่างนอบน้อม
“ลุงหวังคะ นี่คุณหมอกงเฉินจื่อ... ว่าที่ศัลยแพทย์มือหนึ่งในใต้หล้าเลยนะคะ” เธอแนะนำพลางเหลือบมองเขาด้วยแววตาล้อเลียน
“สวัสดีครับคุณลุงหวัง อาจารย์หยางก็พูดเกินไป” เขากล่าวอย่างเกิ้อเขิน
ทว่าคำพูดของเขาก็ขาดหายไปกลางคัน เมื่อสายตาของเขาถูกตรึงไว้กับอาคารหลังหนึ่งที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านใน... มันเป็เรือนไม้โบราณทั้งหลัง มีลักษณะคล้ายหอคอยสามชั้น รูปทรงเก่าแก่และเปี่ยมมนตร์ขลังจนสะกดสายตา เขารู้สึกราวกับมีพลังงานบางอย่างดึงดูดให้เขาจับจ้องไปยังที่นั่น... แค่ที่นั่นที่เดียว
เขายืนนิ่งราวกับต้องมนตร์ ขณะที่หยางหลิงฟางยังคงพูดคุยบางอย่างอยู่กับลุงหวัง
และแล้วในเสี้ยววินาทีนั้น... กงเฉินจื่อก็เห็นมัน... แสงสว่างสีทองนวลตาที่สาดส่องออกมาจากหน้าต่างชั้นบนสุดของหอคอยไม้นั่น!
“คุณหมอคะ... คุณหมอ!”
ััอุ่นที่แตะลงบนแขนทำให้เขาสะดุ้งสุดตัว กงเฉินจื่อหลุดออกจากภวังค์และหันไปมองหยางหลิงฟางที่มองเขาด้วยแววตาเป็ห่วงปนสงสัย
“คุณหมอ... เป็อะไรหรือเปล่าคะ.!”