“อะไรนะ!”
จ้าวเหว่ยใ แก้วเบียร์ในมือหกออกมา “ฉินหลาง นายพูดจริงหรือว่าพูดเล่นอ่ะ? นายเตรียมจะเปิดบริษัทจริงๆ เหรอ ตามแผนธุรกิจนี้?”
“ใช่” ฉินหลางพยักหน้า “ไม่อย่างนั้น ฉันจะให้นายทำแผนธุรกิจทำไม แล้วยังต้องเสียเงินเชิญนายกินข้าวในที่หรูๆ แบบนี้อีก ถ้าไม่ใช่เพราะ้าให้นายเข้าร่วมด้วย”
“ฉันเหรอ? อันนี้…ฉันยังไม่เคยคิดเลย! ฮึๆ” จ้าวแบบพูดอย่างเขินอาย “ฉันเป็แค่นักเรียนมัธยมธรรมดาๆ คนหนึ่ง ยังไม่จบมัธยมด้วยซ้ำถ้ามาทำธุรกิจกับนายเลย มันจะดีเหรอ?”
“ฉันก็เหมือนกับนายนั่นแหละ เด็กมัธยมอย่างฉันทุ่มเงินเปิดบริษัทได้ ทำไมนายจะมาช่วยฉันจัดการบริษัทไม่ได้?” ฉินหลางกล่าว “แล้วอีกอย่าง ถ้าหากเป็คนอื่น ฉันก็ไม่ไว้ใจด้วย”
ฉินหลางชวนจ้าวเหว่ยมาเข้าร่วมด้วย เขาคิดทบทวนมาดีแล้ว ไม่ได้เป็การกระทำที่ไม่ได้คิด เพราะว่าฉินหลางตั้งใจจะเปิดบริษัทรักษาความปลอดภัย ดูจากกฎหมายแล้ว เป็บริษัทที่ถูกต้องแน่นอน แต่ในด้านของบัญชีและเงินหมุนเวียนในบริษัท จะต้องมี ‘ความลับ’ ในนั้นแน่ ถ้าจ้างให้คนอื่นมาจัดการ ฉินหลางกลัวว่าตัวเองจะกินไม่ได้นอนไม่หลับ
ถึงแม้จ้าวเหว่ยจะอายุน้อย แต่เขามีพร์ในการทำธุรกิจ แล้วยังเรียนมาจากพ่อเขาอีกไม่น้อย การออกงานสังคมก็คงจะไม่เลวเหมือนกัน ฝึกฝนอีกสักปีสองปี ก็น่าจะทำทุกอย่างได้เองแล้ว แล้วยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ยังมีฮานซานฉาง กับกระทิงที่อยู่ในวงการมานาน บริษัทรักษาความปลอดภัยในเมืองเซี่ยหยาง จึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
“สหาย…ในเมื่อนายถึงเชื่อใจฉันขนาดนี้ งานนี้ฉันทำ!” จ้าวเหว่ยยกเหล้าในแก้วขึ้นดื่มรวดเดียวหมด
วัยรุ่น ต่อให้ไม่เคยมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจ แต่ว่ามีพลังมหาศาลในการทดลองทำทุกอย่าง!
เห็นจ้าวเหว่ยตกลงแล้ว ฉินหลางจึงเริ่มคุยรายละเอียดของการเปิดบริษัท รวมไปถึงข้อควรระวังต่างๆ
“อ้าว เ้าหนู นายมาที่นี่ได้ยังไง! นี่นายคิดว่าจะเอาค่าใช้จ่ายทั้งเดือนมากินข้าวที่นี่เลยเหรอ?” ในขณะที่ฉินหลางกับจ้าวเหว่ยกำลังคุยกันยุ ชายอ้วนวัยกลางคนก็เดินเข้ามา ยื่นมือมาตบๆ หัวของจ้าวเหว่ยเบาๆ
“เชี่ย—พ่อ พ่อเองเหรอ?” โดนคนอื่นตบหัว เดิมทีจ้าวเหว่ยเดือดมาก แต่เมื่อเขาหันกลับไปดูคนที่ตบหัวเขาคือพ่อของเขาเอง จึงต้องทำใจเป็ธรรมดา พลางอธิบายว่า “พ่อ เพื่อนผมเลี้ยงต่างหาก นี่ฉินหลาง—ฉินหลาง นี่พ่อฉันเอง”
“สวัสดีครับคุณอาจ้าว” ฉินหลางยืนขึ้นทักทายพ่อของจ้าวเหว่ย
“สวัสดีเ้าฉิน” พ่อของจ้าวเหว่ยก็อัธยาศัยดีมาก เขารู้สึกว่าเพื่อนนักเรียนที่สามารถเลี้ยงข้าวลูกชายตัวเองในที่แบบนี้ได้ ที่บ้านจะต้องมีฐานะดีแน่นอน ดังนั้นจึงมองฉินหลางดีขึ้นด้วย
“ผู้จัดการจ้าวรีบเข้าไปเถอะ—นี่ลูกชายคุณเหรอ เรียกไปดื่มด้วยกันสิ!”
ในขณะนั้นเอง มีชายหัวล้านวัยกลางคนเดินมาทักทายกับพ่อของจ้าวเหว่ย ในน้ำเสียงฟังดูค่อนข้างหยิ่งผยอง ที่คอชายหัวล้านมีสร้อยทองเส้นเท่าโซ่ ดูเหมือนพวกเศรษฐีบ้านนอก
“เ้าฉิน ลูก ในเมื่อเจอหน้ากันแล้ว งั้นก็เข้าไปดื่มด้วยกันเถอะ” จ้าวหงฟางพูดกับฉินหลางและจ้าวเหว่ย
“ได้ครับ ในเมื่อเจอกันแล้ว ไม่ว่ายังไงผมก็ต้องดื่มกับคุณอาสักแก้ว” ฉินหลางพูดด้วยรอยยิ้ม เพราะไม่ว่ายังไง จ้างหงฟางก็เป็พ่อของจ้าวเหว่ย ก็เป็ผู้าุโของฉินหลางด้วย ในเมื่อเจอกันแล้ว ก็จะต้องดื่มเพื่อให้เกียรติเขาเป็ธรรมดา
จ้าวหงฟางและพวกจองห้องพิเศษไว้แล้ว ดังนั้นเมื่อพวกเขาไปถึง ไม่นานนักอาหารก็มาเสิร์ฟจนครบ
สำหรับคนอื่น ฉินหลางไม่คิดที่จะรู้จัก เขาให้พนักงานบริการรินเบียร์ให้หนึ่งแก้ว หันไปพูดกับจ้าวหงฟางว่า “คุณอาจ้าว พบกันครั้งแรก ผมหมดแก้วก่อนเพื่อแสดงความเคารพ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”
“เ้าฉิน ฝากเธอช่วยดูแลลูกชายฉันด้วยนะ” จ้าวหงฟางกล่าว
ฉินหลางดื่มเพื่อเคารพจ้าวหงฟางหนึ่งแก้วแล้ว ก็มองข้ามคนอื่นไป
จ้าวหงฟางเห็นว่าฉินหลางไม่ได้เตรียมจะดื่มให้เกียรติคนอื่นต่อ จึงรีบหันไปบอกจ้าวเหว่ยว่า “เ้าหนู ยังไม่ดื่มเคารพคุณอาทุกท่านอีก!”
จ้าวเหว่ยเตรียมไว้ั้แ่แรกแล้ว เขายกแก้วขึ้น เดินไปตรงหน้าของเ้าอ้วนหัวล้าน จ้าวหงฟางรีบแนะนำ “คนนี้คืออาหม่า อาหม่าทำธุรกิจทั้งดำและขาว ลูกจะต้องดื่มเพื่อเคารพอาหม่าดีๆ!”
“อาหม่านี่เจ๋งจริงๆ เลยนะครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ ผมดื่มเคารพคุณ—”
“เดี๋ยวก่อน—” เ้าอ้วนหัวล้านนั่งไม่ขยับเขยื้อน ชี้ไปที่ขวดเหล้าบนโต๊ะ “เ้าจ้าว ถ้าจะดื่มเคารพฉัน งั้นก็ต้องดื่มอันนี้!”
“เหล้าขาวเหรอครับ” จ้าวเหว่ยกล่าวอย่างลำบากใจ “อาหม่าครับ ผมคอไม่แข็ง ไม่ดื่มเหล้าขาวได้ไหมครับ?”
“นั่นสิ เ้านี่ยังต้องกลับไปเรียนที่โรงเรียนอีก ดื่มจนเมากลับไปไม่ค่อยดีมั้ง พี่หม่า ช่างเถอะครับ” จ้าวหงฟางออกมาช่วยพูด
“ไอ้หนุ่ม คออ่อนก็ต้องฝึกฝนสิ” เ้าอ้วนหัวล้านกล่าว “เ้าจ้าว เหล้านี่ราคาแพงมากนะ ดื่มลงไปคำหนึ่ง ก็ราคาเป็ 100 หยวนแล้ว ดื่มสบายด้วย เธอดื่มเคารพพวกอาๆ ครบรอบ ต่อไปอยู่ในเมืองเซี่ยหยาง อาหม่าจะคุ้มครองไม่ให้ใครมารังแกเธอเอง! ถ้าใช้เบียร์เคารพ มันดูไม่มีความจริงใจเท่าไหร่”
เ้าอ้วนหัวล้านพูดอย่างนี้ จ้าวหงฟางก็เริ่มรู้สึกลำบากใจ เ้าอ้วนหัวล้านนี่ชื่อหม่าหงเลี่ยง ในเมืองเซี่ยหยางเขาก็มีชื่อเสียงอยู่พอสมควร หลายปีนี้เขาทำเงินจากการขายเหล็กได้ไม่น้อย ดังนั้นเขาจึงเริ่มร่ำรวยขึ้นไม่น้อย บวกกับเขามีพื้นหลังในทางสายดำไม่น้อย จ้าวหงฟางจึงไม่กล้ามีเื่กับเขา ความจริงแล้ว มื้อนี้จ้าวหงฟางตั้งใจเลี้ยงเพื่อสานสัมพันธ์กับหม่าหงเลี่ยงโดยเฉพาะ
“ไม่อย่างนั้นลูกก็ดื่มเคารพอาทุกคนสักรอบเถอะ” จ้าวหงฟางกล่าวอย่างลำบากใจ เขารู้สึกเสียใจไม่น้อยที่เรียกลูกชายเข้ามาด้วย
จ้าวเหว่ยเหลียวมองขวดเหล้าบนโต๊ะ ถึงแม้มันจะเป็เหล้าราคาแพง แต่ในสายตาจ้าวเหว่ยกลับเหมือนะเิเวลา เพราะเขาแทบจะไม่เคยดื่มเหล้าด้วยซ้ำ นานๆ ทีจะดื่มสักแก้ว ถ้าต้องเคารพทุกคนจนครบรอบวง เขาจะต้องอวกแตกแน่ๆ
“คุณหม่าครับ ในเมื่อจ้าวเหว่ยดื่มเหล้าขาวไม่ได้ คุณที่เป็ผู้าุโกว่าก็อย่าไปบังคับเขาสิครับ” ฉินหลางพูดแทรกขึ้นมาคำหนึ่ง
“เ้าหนู นายก็รู้เหรอว่าตรงนี้มีแต่ผู้าุโ นายมีสิทธิ์จะพูดแทรกด้วยเหรอ!” หม่าหงเลี่ยงสบถเย็นเยือก ตอนนี้เ้าหมอนี่มีเงินแล้วความกล้าก็มากขึ้นตามไปด้วย แต่ใจกลับยิ่งอยู่ยิ่งแคบ เมื่อกี้นี้ฉินหลางดื่มเคารพจ้าวหงฟางคนเดียว ทำให้หม่าหงเลี่ยงเริ่มรู้สึกไม่สบอารมณ์แล้ว ตอนนี้ยังจะพูดแทรกอีก ยิ่งทำให้หม่าหงเลี่ยงเดือด
“พี่หม่า พี่ใจเย็นๆ ก่อน” จ้าวหงฟางหันมาส่งสายตาให้ฉินหลาง “เ้าฉิน รินชาให้พี่หม่าหน่อย พี่หม่าเป็ผู้ใหญ่ใจกว้าง ไม่ถือสาเด็กนักเรียนอย่างพวกเธอหรอก”
หม่าหงฟางพูดอย่างนี้ ก็เพราะหวังดี ไม่อยากให้ฉินหลางมีปัญหากับคนอย่างหม่าหงเลี่ยง
“รินน้ำชาอย่างเดียวไม่ได้หรอก ถ้าจะขอโทษละก็ จะต้องรินเหล้า” หม่าหงเลี่ยงสบถหนึ่งคำ เตรียมให้ฉินหลางรินเหล้าให้เพื่อเป็การขอโทษ
“ฉันได้พูดว่าจะรินน้ำชาให้นายเหรอ?” จู่ๆ ฉินหลางก็สบถเย็นเยือก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้