ในเมืองั บริเวณข้างจัตุรัสเทพันั้นมีตึกสูงห้าชั้นซึ่งรูปร่างของตึกนี้คล้ายกับพระราชวัง เมื่อมองดูจากภายนอก รู้สึกได้ถึงความขรึมขลังและเข้มแข็งความยิ่งใหญ่และงดงาม แต่ภายในนั้นตกแต่งอย่างเรียบง่ายสไตล์หรูหรา นี่เป็อาคารสำนักงานแห่งใหม่ของฉินหวังกรุ๊ปที่อยู่ในเกมพระราชัิหวัง ซึ่งมีความสูงเป็ลำดับสองรองจากพระราชวังั
ในเวลานี้ฉินหวังกรุ๊ปได้พัฒนาเป็มหาอำนาจที่มีพนักงานมากกว่าสามล้านคนซึ่งไม่ใช่ลูกแมวเพิ่งหัดเดินเหมือนในตอนแรกอีกแล้วทุกการเคลื่อนไหวจะส่งผลกระทบทั้งในเกมและในโลกแห่งความเป็จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมผลิตอาวุธและอุปกรณ์นั้นราคาได้เพิ่มขึ้นไปมาก ซึ่งไม่เป็การกล่าวเกินจริงเลยถ้าไม่นับเหมืองแร่ของระบบแล้วเหมืองแร่ส่วนตัวที่มีผลผลิตเทียบได้กับเหมืองขนาดใหญ่ของวังเทพแห่งตะวัน ก็ยากที่จะเทียบได้ถึงแม้จะมีการค้นหาเหมืองแร่อื่นๆ เพิ่ม แต่ก็ยากที่จะหาได้เหมือนเนื่องจากปริมาณแร่นั้นค่อนข้างต่ำ ทำให้ไม่น่าสนใจที่จะขุด นอกจากนี้ยังมีเหมืองที่เป็ส่วนตัวเพียงแค่สามเหมืองเท่านั้นแต่ก็เพียงพอที่จะตอบสนองต่อความ้าของตนเองเท่านั้นไม่เพียงพอที่จะนำส่งออกไปขายได้เนื่องจากการพัฒนาของตัวเกมและระดับเลเวลของผู้เล่นทำให้การใช้อาวุธมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกวันเมื่อมีการเพิ่มความ้าในการใช้อาวุธและยุทโธปกรณ์นั่นก็เป็เหตุผลที่ทำให้ฉินหวังกรุ๊ปตกอยู่ในสายตาของกองกำลังต่างๆ เพิ่มมากขึ้น
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ส่งผลดีต่อฉินหวังกรุ๊ปเลย
ที่ชั้นสี่ของพระราชัิหวังณ ห้องประชุม ทุกเดือนจะมีการประชุมกลุ่มกันที่นี่แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะล่าช้าออกไปราวหนึ่งอาทิตย์จากบรรยากาศที่ตึงเครียดทำให้ทุกคนััได้ถึงบางสิ่งที่ผิดปกติไป สีหน้าของแต่ละคนดูจริงจังแม้ว่าการประชุมยังไม่ได้เริ่มขึ้น แต่บรรยากาศก็เต็มไปด้วยความเคร่งเครียดเสียแล้ว
ในการประชุมครั้งนี้มีผู้คนเป็จำนวนมากั้แ่รองประธานชูหลิง หัวหน้าแผนกการเงินโจวถิง หัวหน้าแผนกจัดซื้ออู๋ชั่งชั่ง หัวหน้าแผนกขนส่งเสี่ยวเว่ยหัวหน้าแผนกการผลิตไช่เชวียน หัวหน้าแผนกเหมืองแร่หวังเล่ยหัวหน้าแผนกเก็บรวบรวมจ้าวหงชาง หัวหน้าแผนกการขายกัวเถียนเถียน หัวหน้าแผนกตรวจสอบวิจัยจ่างเกาหู่ หัวหน้าแผนกบริการลูกค้าและแผนกพัฒนาบุคคลถงเสี่ยวฉิงหัวหน้าแผนกโฆษณาหวังเสี่ยเฟย หัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยอู๋กวงชั่วและกองเลขาธิการกัวกั่ว หัวหน้าทุกแผนกได้มาอยู่พร้อมกันที่นี่ นอกจากนี้หวังโหรว ประธานเบอร์1 ผู้ซึ่งไม่ค่อยปรากฏตัวให้เห็นในเกมก็มาประชุมในครั้งนี้ด้วยทำให้ทุกคนให้ความสำคัญกับการประชุมในครั้งนี้เป็อย่างมาก
กัวกั่วเป็ประธานการประชุมในครั้งนี้กัวกั่วลักษณะท่าทางดูดี ใบหน้ารูปไข่ ผิวขาวเนียน แต่ดูแล้วให้ความรู้สึกเ็า ทรงผมของเธอตัดสั้นเสมอหูทำให้ดูโดดเด่นอีกทั้งเธอยังฉลาดและมีความสามารถ น้ำเสียงไพเราะชัดเจนฟังแล้วให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เธอพูดจาฉะฉานแต่ก็ให้ความรู้สึกเย็นเยียบราวกับน้ำแข็งไม่ต่างจากฤดูใบไม้ผลิที่โผล่ขึ้นมากลางฤดูร้อน
"ใน่แรกของการประชุมฝ่ายบุคคลและฝ่ายบริการลูกค้า จะรายงานสถานการณ์ของเดือนที่ผ่านมา"
สำหรับถงเสี่ยวฉิง ถ้าไม่นับหวังโหรวกับชูหลิงความสวยของเธอก็ติดอยู่ 1 ใน 5 ของฉินหวังกรุ๊ปเธอมีใบหน้าอ่อนเยาว์ราวกับตุ๊กตา ใบหน้าสวยงามได้รูปไร้ที่ติ หน้าอกคู่นั้นงามตระหง่านดั่งขุนเขาทำให้ผู้คนที่ได้พบเห็นราวกับถูกคลื่นซัดสาดอย่างรุนแรงดวงตากลมโตคู่นั้นจ้องมองผู้คนด้วยความรู้สึกไร้เดียงสาแต่ทุกคนที่เคยได้รู้จักเธอย่อมรู้ดีว่า หากเพียงสับสนด้วยสายตาที่ไร้เดียงสาของเธอแล้วจะต้องตายอย่างน่าอนาถ จากความสามารถของเธอในตำแหน่งหัวหน้าแผนกบริการลูกค้าก็จะเห็นได้ว่าเธอไม่ใช่คนเรียบง่าย คนที่จะเข้ามาบริหารองค์กรบุคลากรนั้นเป็สิ่งที่สำคัญมากคนที่จะมาเป็หัวหน้าได้นั้นจะต้องมีความสามารถ ต้องไว้วางใจได้ และรักความถูกต้องมากที่สุด
"จนถึงเมื่อวานนี้ มีผู้สมัครงาน 23,501คน ในที่นี้แบ่งเป็ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรเหมือง 12,000 คน ผู้เชี่ยวชาญสายหลอมสร้าง 7,000 คนผู้เชี่ยวชาญเก็บรวบรวม 3,000 คน คนขุดแร่ระดับสูง 501คน และแผนกอื่นๆ อีก 1,000 คน เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อน จำนวนของคนที่ถูกจ้างงานลดลง 320% คุณภาพเพิ่มขึ้น 650% การเปลี่ยนแปลงจากจำนวนเป็คุณภาพได้เริ่มขึ้นในเวลานี้จำนวนคนที่อยู่ในอุตสาหกรรมเหมืองมี 3,125,012 คืออยู่ในอัตราการจ้าง99.9% ซึ่งเป็ไปตามมาตรฐานขององค์กร”
"นี่เป็การเริ่มต้นที่ดีการพัฒนาขององค์กรยังคง้าคนที่มีความสามารถ แต่เรายังไม่พูดถึงเื่นี้กันภารกิจต่อจากนี้มีความสำคัญยิ่งกว่า แต่ละแผนกคงต้องทำงานกันอย่างหนัก"คำพูดของชูหลิงยืนยันการทำงานของถงเสี่ยวฉิง ก่อนที่เธอจะพยักหน้าและนั่งลง
ต่อมาหัวหน้าแผนกจัดซื้ออู๋ชั่งชั่งหัวหน้าแผนกขนส่งเสี่ยวเว่ย หัวหน้าแผนกการผลิตไช่เชวียนหัวหน้าแผนกเหมืองแร่หวังเล่ย หัวหน้าแผนกเก็บรวบรวมจ้าวหงชางหัวหน้าแผนกการขายกัวเถียนเถียน แผนกตรวจสอบวิจัยจ่างเกาหู่และหัวหน้าแผนกโฆษณาหวังเสี่ยเฟย ได้รายงานอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีหัวหน้าระดับสูงหลายคนช่วยบริจาคเงินส่วนตัวในนามของฉินหวังกรุ๊ปพูดโดยรวมแล้ว บริษัทฉินหวังอุตสาหกรรมเหมืองแร่นั้น มีการพัฒนาและเติบโตขึ้นตามแนวโน้มซึ่งเป็ไปตามลำดับและมีทิศทางที่ดีมาก
"หัวข้อถัดไปฉันขอเชิญหัวหน้าแผนกการเงินขึ้นกล่าวรายงาน" กัวกั่วพูดขึ้น
หัวหน้าแผนกการเงินโจวถิงยืนขึ้นแว่นตาที่เธอสวมเป็กรอบสีทองขอบบาง ดูแล้วให้ความรู้สึกที่เคร่งขรึม ตัวเธอนั้นกะทัดรัดประกอบกับมีใบหน้าที่หวานทำให้รู้สึกไม่ต่างจากหมู่บ้านกลางน้ำแห่งเจียนหนาน รายงานของเธอตรงไปตรงมาเป็การรายงานตามที่ได้รับแจ้งโดยไม่มีการนอกเื่แต่อย่างใด
"...เมื่อเทียบกับเดือนก่อนรายรับของเดือนนี้เพิ่มขึ้น 11.5% ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.1%มากกว่าที่คาดไว้คือ 0.03% เทียบเท่าหนึ่งหมื่นเหรียญทองในส่วนรายละเอียดของค่าใช้จ่ายนั้นแบ่งเป็เงินเดือนพนักงาน 12.3 ล้านเหรียญทอง เพิ่มขึ้น 5% จากเดือนก่อน, ค่าวัสดุ 5.6 ล้านเหรียญทอง เพิ่มขึ้น 8% จากเดือนก่อน, เงินช่วยเหลือพนักงาน 160,000 เหรียญทอง เพิ่มขึ้น 40% จากเดือนที่แล้วค่าจ้างทหารรับจ้าง 960,000 เหรียญทอง เพิ่มขึ้น 87% เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายในการเดินทางเจรจาธุรกิจและจัดซื้ออื่นๆ280,000 เหรียญทอง รายได้สุทธิของเดือนที่แล้วอยู่ที่ 10,000เหรียญทอง จบการรายงานค่ะ"
"ขอผมพูดหน่อย"อู๋กวงชั่วหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยพูดขึ้นมา เขาเป็ผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ใบหน้าคมเข้ม เขาเคยทำงานในกองทัพ ดวงตาคู่นั้นของเขาคมกริบราวกับเหยี่ยวไม่มีความโกรธเกรี้ยวและดุดัน "เนื่องจากการปรากฏของากลางเมืองทำให้ความสัมพันธ์อันดีก่อนหน้านี้ถูกทำลายไปจนหมดเ้าหน้าที่ของแผนกรักษาความปลอดภัยขาดแคลนอย่างหนักจนเวลานี้คนของเรามีไม่เพียงพอที่จะรับมือกับสถานการณ์ที่ค่อนข้างวุ่นวายนี้ผมจึงขอเพิ่มเ้าหน้าที่ขึ้นอีก"
สีหน้าของหวังเสี่ยเฟยหัวหน้าแผนกโฆษณาและประชาสัมพันธ์เปลี่ยนไป ปกติเธอก็ทำงานนอกเวลาในตำแหน่งการทูต คำพูดของอู๋กวงชั่วนั้นไม่ได้หมายถึงว่าเธอทำงานไม่มีประสิทธิภาพหวังเสี่ยเฟยนั้นเป็คนที่รูปร่างค่อนข้างดี เธอเคยเป็นางแบบ เธอจบมาจากมหาวิทยาลัยปักกิ่งสาขาศิลปะ และทำงานเป็นางแบบมาระยะเวลาหนึ่ง เธอนั้นเป็พนักงานกลุ่มแรกๆ ที่เข้ามาทำงานที่ฉินหวังกรุ๊ปเรียกได้ว่าเป็ผู้ร่วมบุกเบิกคนหนึ่งเลยทีเดียว หวังเสี่ยเฟยเม้มริมฝีปากแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรขึ้นมา
"ถ้าเราไม่จ้างทหารรับจ้าง ถึงอย่างไรก็ต้องมีการสูญเสียเกิดขึ้นอยู่ดี"จ้าวหงชางหัวหน้าแผนกเก็บรวบรวมพูดเสริมขึ้นมาทำไมเขาจะไม่รู้ว่าแผนกรักษาความปลอดภัยสูญเสียไปเท่าไร กลุ่มของแผนกเก็บรวบรวมเมื่อเดือนที่แล้วก็ถูกสังหารไปไม่ต่ำกว่า3,000 คน และมีมากกว่า 20 คน ที่ถูกสังหารถึงสองรอบเขาเองก็รู้สึกโกรธมาก
"พวกทหารรับจ้างไม่ค่อยมีความซื่อสัตย์และภักดีเวลาที่พวกเขาพบกับกลุ่มศัตรูที่ทรงพลัง เพราะพวกเขาค่อนข้างจะไม่ค่อยมีเงินก็มักจะวิ่งหนี เราคงทำอะไรไม่ได้" อู๋กวงชั่วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"ถ้าสามารถหากองทหารรับจ้างที่แข็งแกร่งกว่ากลุ่มโจรพวกนี้ก็เป็เื่เล็กน้อย ไม่น่าจะหยุดการเดินหน้าของฉินหวังกรุ๊ปได้ หวังเล่ยหัวหน้าแผนกเหมืองแร่พูดขึ้นอย่างลังเลเนื่องจากตัวเขาเองไม่ค่อยสูงนัก จึงเลือกเผ่าคนแคระ พอเวลาที่เขานั่งก็เลยดูว่าตัวเขาเตี้ยกว่าคนอื่นทั่วไปราวครึ่งหนึ่ง ซึ่งเขานั้นเป็คนที่มาจากภาคเหนือทำให้เป็คนอารมณ์ร้อนพูดจาขวานผ่าซาก
อู๋กวงชั่วมองไปที่หวังเล่ยและพูดเสียงดังขึ้นเล็กน้อย "รู้ไหมว่าตอนนี้มีโจรอยู่มากมายแค่ไหนกัน จากเหนือจรดใต้ในเวลานี้มีกองกำลังที่ต่อต้านเราไม่ต่ำกว่า 12 กลุ่ม และยังมีกองทหารระดับกลางอีก5 แห่ง "กองทหารรับจ้างหมาป่าโลหิต" ก็เป็กองทหารที่มีขนาดใหญ่มีไพร่พลอยู่ไม่ต่ำกว่า 100,000 และมีตระกูลอาหารเพื่อสุขภาพอีกคิดว่าสถานะของกลุ่มพวกนี้เป็อย่างไร นอกจากนั้นก็มีกลุ่มอื่นที่น่าจะรู้จักกันดีรวมทั้งปราสาทแห่งความมืดที่คอยจ้องเล่นงานเราอยู่ นี่ยังเป็เพียงส่วนน้อยยังมีกลุ่มโจรพวกนี้อีกมากมาย
สีหน้าท่าทางของหวังเล่ยถึงกับเปลี่ยนไปใน่เวลาที่ผ่านมาเขาก็อยู่แต่ในเหมืองไม่ได้ออกมาภายนอกเลย จึงไม่รู้ว่าใน่เวลาหนึ่งเดือนฉินหวังกรุ๊ปจะมีศัตรูมากมายถึงเพียงนี้ ซึ่งเกินความคาดหมายของเขาไปมาก เขาเองก็ไม่เข้าใจแต่ก็เคยได้ยินเื่ของกลุ่มอาหารเพื่อสุขภาพกับปราสาทแห่งความมืดอยู่บ้างว่าเป็กลุ่มที่ทรงพลังไม่น้อยไปกว่าฉินหวังกรุ๊ปเลย
ชูหลิงเงยหน้าขึ้นก่อนจะกวาดตามองไปที่ทุกคนด้วยสายตาที่เ็าซึ่งทุกคนรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่มองไม่เห็น ทำให้ร่างกายถึงกับชาไม่กล้าแม้แต่จะเคลื่อนไหวก่อนจะเปลี่ยนเป็ความรู้สึกเคร่งเครียด ั้แ่ย้ายเข้ามา ชูหลิงไม่ใช่เพิ่งจะเข้ามารับตำแหน่งแค่สองสามวันแต่เป็แรงกดดันที่เกิดขึ้นเองตามปกติ บวกกับอารมณ์ของเธอที่เป็คนตรงไปตรงมาพูดจาโผงผาง ไม่ค่อยใส่ใจความรู้สึกใคร ทำให้ผู้คนที่ต้องเผชิญหน้ากับเธอถึงกับหวาดกลัวไม่น้อย
ชูหลิงพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวว่า "ดูจากการพัฒนาขององค์กรแล้วเมื่อสภาวะแวดล้อมภายนอกมีการเปลี่ยนแปลงองค์กรของเราจึงจำเป็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ดูจากปฏิกิริยาของทุกคนใน่เวลาที่ผ่านมา ก็แบ่งออกได้เป็สองเสียง ข้อหนึ่งก็คือเผชิญหน้ากับกลุ่มที่มีอิทธิพล โดยการค้นหาแนวร่วม หรือข้อสอง จะพัฒนากองกำลังของเราขึ้นมาและฝึกฝนกองทหารของเราขึ้นเอง โดยไม่ขอความช่วยเหลือจากคนอื่นในวันนี้เราจะมาหารือกัน ทุกคนมีอิสระในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาในด้านการรักษาความปลอดภัยที่เป็ปัญหาใหญ่มากและเราจะมาหาข้อสรุปร่วมกัน"
อู๋ชั่งชั่งหัวหน้าแผนกจัดซื้อ ได้พูดขึ้นเป็คนแรกว่า "ฉันสนับสนุนตัวเลือกแรกเนื่องจากในเวลานี้เรากำลังเผชิญปัญหา แต่หลังจากผ่าน่นี้ไปมันก็จะกลับกลายเป็จุดเริ่มต้น ถึงแม้ว่าจะยังไปไม่ถึงขั้นที่เลวร้ายและการเจรจาต่อรองกับกองกำลังอื่นส่งผลดีกับเราอยู่บ้าง แต่ในอีกไม่กี่ปีเราจะพบปัญหามากและมากขึ้นไปอีก ซึ่งสาเหตุหลักก็มาจากากลางเมืองและยิ่งเวลาผ่านไปนาน าก็จะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นตามเวลาสิ่งนี้จะไม่ส่งผลดีกับเราอย่างแน่นอน ฉันคิดว่ายิ่งเราตัดสินใจได้เร็วก็จะทำให้เรารอดจากกระแสน้ำวนนี้ไปได้เร็วขึ้นเท่านั้น"
ถึงแม้ว่าชื่อของอู๋ชั่งชั่งจะดูแปลกไปเสียหน่อย แต่เธอก็เป็คนที่สวยมากมีเส้นผมที่ยาวสลวยสวยเหมือนน้ำตก ช่างดูอ่อนโยนและสง่างาม ในองค์กรเธอเป็คนตามหาคนหนุ่มสาวที่มีพร์โดดเด่นเพื่อมาทำให้บริษัทมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
เสี่ยวเว่ยหัวหน้าแผนกขนส่งพยักหน้าเห็นด้วย "พวกเรานั้นทำธุรกิจการเป็มิตรที่ดีทำให้เกิดความมั่งคั่ง ข้อห้ามที่สำคัญที่สุดในวงการก็คือ การต่อสู้กันอย่างยุติธรรมถึงแม้ว่าากลางเมืองนั้นทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายและสร้างปัญหาให้กับเราเป็อย่างมากแต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าเป็โอกาสเช่นเดียวกันซึ่งเป็ประโยชน์สำหรับกลุ่มของเราในการขยายอาณาเขตและความแข็งแกร่งเราควรจะคว้าโอกาสนี้ไว้พร้อมทั้งพัฒนาความแข็งแกร่งของเราแทนที่จะเสียเวลาไปกับการต่อสู้เพื่อความถูกต้อง
เสี่ยวเว่ยเป็คนที่ทั้งตัวเตี้ยและก็อ้วนอีกด้วยตลอดวันนั้นส่วนใหญ่จะมีแต่รอยยิ้ม เป็คนที่พูดเก่งมากคนหนึ่ง อันที่จริงแล้วเขาค่อนข้างจะอารมณ์ดีอีกทั้งยังเป็คนที่ไม่กล้าทำตัวเป็ปฏิปักษ์กับผู้อื่น ได้แต่โอนอ่อนผ่อนตามร่ำไปและยังไม่เคยได้ยินว่าเขาจะทำให้ใครเคยโกรธมาก่อนเลย
กัวเถียนเถียนหัวหน้าแผนกการขาย พูดขึ้นทันทีว่า "ฉันเห็นด้วยกับตัวเลือกแรกสำหรับองค์กรแล้วสภาวะแวดล้อมถือเป็เื่ที่สำคัญเป็อย่างมากพวกเราทุกคนนั้นไม่สามารถที่จะละเลยมันได้ อย่างปัญหาที่เกิดขึ้นมากใน่นี้นั้นอันที่จริงสาเหตุใหญ่ก็เกิดมาจากพวกเราทำให้เกิดขึ้นเองตามความเข้มแข็งที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้กลุ่มผู้นำอื่นๆ เริ่มอิจฉา ถ้าเรายิ่ง้าพัฒนากองกำลังของตัวเองขึ้นมาความสัมพันธ์กับกลุ่มอื่นๆ ก็จะยิ่งกลายเป็ตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดเราก็อาจจะตกเป็เป้าการโจมตีของกองกำลังอื่นๆซึ่งเื่นี้ไม่ส่งผลดีต่อองค์กรของเราอย่างแน่นอน ตรงกันข้ามถ้าหากเราเลือกที่จะร่วมกับหนึ่งในกองกำลังเหล่านี้เราก็จะสามารถคงความสัมพันธ์เช่นนี้ไปได้ ข้อแรกพวกเขาก็จะเข้าใจเจตนารมณ์ของพวกเราได้อย่างชัดเจนว่า มีเพียงแค่เื่การทำธุรกิจเท่านั้นไม่ได้มีความ้าที่จะต่อสู้เพื่อแย่งชิงดินแดน ส่วนข้อสอง ถ้าเราปล่อยข่าวนี้ออกไปก็จะสามารถเบี่ยงเบนความสนใจของผู้คนไปอย่างถาวร กองกำลังอื่นๆ ก็จะไม่กล้าเข้ามาวุ่นวายกับเราอีกแต่พวกเราควรจะต้องใช้ความระมัดระวัง เพราะไม่ว่าเราจะเข้าร่วมกับกองกำลังใดๆ ก็ตามก็จะเกิดความเสียหายขึ้นกับกองกำลังที่เหลือ ปัญหาของเราในตอนนี้ถ้าสามารถแก้ไขได้ทันทีก็จะทำให้เรามีเวลามากพอที่จะพัฒนาธุรกิจของเรา ซึ่งจะส่งผลดีกับเรามากกว่า
กัวเถียนเถียนรูปร่างสูงโปร่ง ท่าทางฉลาด อีกทั้งยังมีหน้าตาที่สวยงามไม่ต่างจากบุปผาซึ่งผู้คนที่ได้พบต่างก็รู้สึกประทับใจั้แ่แรกเห็นแต่เมื่อสังเกตอย่างใกล้ชิดแล้วจะพบว่า ดวงตาของเธอนั้นชวนให้หลงใหลเป็พิเศษ เป็ดวงตาที่มีเสน่ห์คล้ายกับเส้นไหมเหมือนกับดอกท้อในฤดูใบไม้ผลิ ในระหว่างที่หมุนตัวกลับ ก็เผยให้เห็นลักษณะที่แตกต่าง ด้วยสีหน้าท่าทางที่เ็าทำให้รู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่ไม่มีใครเหมือน จนไม่สามารถลืมได้ลงเมื่อได้พบเห็นเพียงครั้งแรก
"ผมเลือกตัวเลือกที่สอง" จ่างเกาหู่หัวหน้าแผนกตรวจสอบวิจัย ได้ะโขึ้น รูปร่างของเขาค่อนข้างเตี้ยแต่แข็งแรง มีน้ำเสียงค่อนข้างดังทำให้ผู้คนต่างใจนแก้วหูแทบแตก "มันน่าจะดีกว่าถ้าพึ่งพาตนเองเราเองก็มีอาวุธ ไม่จำเป็ต้องไปพึ่งพาคนอื่น” ถ้าตามความเห็นของเขาแล้วความวุ่นวายนี้ดูเหมือนจะไม่ได้เป็ปัญหาแล้ว “ตราบใดที่เราแสดงจุดยืนที่มีอย่างแน่วแน่เมื่อมองเห็นราตรีที่เต็มไปด้วยความสุข ใครหน้าไหนจะกล้าทำตัวป่าเถื่อนถ้าเรามัวแต่กลัวหัวหด คนอื่นๆ จะคิดว่าใครๆ ก็รังแกเราได้"ทั้งหมดที่พูดมาก็หมายถึงว่า ถ้าเราอ่อนข้อให้ ต่อไปมันก็จะนำปัญหากลับมาให้เสมอ
สีหน้าของอู๋กวงชั่วเริ่มเปลี่ยนไปจนดูไม่ได้หลังจากที่จ่างเกาหูพูดจบ ท่าทางและสีหน้าของเขาค่อยผ่อนคลายลงบ้างก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเข้มว่า "ผมเองก็ไม่เข้าใจในหลักการแต่คนที่นิสัยดีมีน้ำใจมักจะถูกคนขี้โกงเอาเปรียบทั้งๆ ที่รู้ว่ามีกฎเมื่อตนเองมีความแข็งแกร่ง เมื่อนั้นคำพูดจึงจะมีน้ำหนัก กฎนั้นถูกสร้างขึ้นมาจากผู้ที่แข็งแกร่งเนื่องจากเงื่อนไขนี้ ทำไมเราจึงต้องทำตามกฎของคนอื่นด้วย นี่ไม่เป็การมัดมือตนเองอย่างนั้นหรอกหรือ?"
ไช่เชวียน หัวหน้าแผนกการผลิต ไม่ได้แสดงความคิดเห็นมาพักใหญ่ ท่าทางของเขาดูอ่อนโยนเมื่อคิดอย่างรอบคอบแล้วจึงพูดขึ้นว่า "ห้างสรรพสินค้าก็เปรียบได้กับสนามรบเราทำธุรกิจก็ไม่ต่างจากการรบ นี่เป็เพียงแค่สนามรบที่ใหญ่ขึ้นเท่านั้นเราไม่สามารถหยุดทำธุรกิจในสนามรบได้ด้วยเพียงคำพูด และอาจเป็เพียงด้านเดียวที่เห็น เนื่องจากเราอยู่ในสนามรบ ก็ต้องปฏิบัติตามกฎของสนามรบไม่อย่างนั้นทุกที่ก็คงอยู่ภายใต้การควบคุมสุดท้ายเมื่อกระทบกระทั่งกันต่างก็ต้องหัวร้างข้างแตก าเ็เืตกยางออกกันไปซึ่งเราเองก็ไม่ได้คิดที่อยากจะให้มันเกิดเป็ข้อพิพาทบาดหมางกันแต่สำหรับคนอื่นอาจจะกำลังคิดมุ่งร้ายอยู่ก็เป็ได้เราจึงจำเป็ต้องหาวิธีป้องกันตนเองก่อน และนี่อาจเป็วิธีสุดท้ายถ้าวันหนึ่งเกมเกิดความวุ่นวายขึ้นมา เราคงทำได้แค่ปรับตัวเองลง ปล่อยตัวไปตามกระแส ให้เป็เื่ของโชคชะตา โดยที่เรานั้นไม่สามารถควบคุมได้
"เห็นด้วย" หัวหน้าแผนกเก็บรวบรวมจ้าวหงชาง มีความหมายตามที่เลือก
หัวหน้าแผนกโฆษณาหวังเสี่ยเฟยและคนอื่นๆ นั้นเห็นด้วยกับแผนที่สอง อู๋ชั่งชั่งยังไม่เอ่ยปากแก้ต่างก็พบว่าชูหลิงหรี่ตาพร้อมกับจ้องมองมาที่เธอ ทำให้อู๋ชั่งชั่งถึงกับใไปชั่วครู่ก่อนจะหุบปากลงในทันที
ชูหลิงยิ้มรับก่อนที่จะเปลี่ยนเป็จริงจังและพูดขึ้นว่า"ดูเหมือนความคิดเห็นส่วนใหญ่จะเห็นพ้องกับฉันและประธานหวัง ถ้าอย่างนั้นต่อไปนี้ฉันขอประกาศว่า ให้ก่อตั้งแผนกรักษาความปลอดภัยขึ้นในทันที และจัดตั้งทีมบอดี้การ์ดขึ้นสำหรับฉินหวังกรุ๊ปของเราซึ่งมีเงื่อนไขเพียงสองข้อ ข้อแรกคือ ความซื่อสัตย์ส่วนข้อสองก็คือ ความแข็งแกร่ง ฉะนั้นยิ่งเร็วเท่าไรยิ่งดีมากเท่านั้นแผนกการเงินรีบจัดทำงบประมาณให้ทีมบอดี้การ์ดโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ในส่วนของแผนกอื่นๆ นั้นก็ให้คอยช่วยเหลือแผนกรักษาความปลอดภัย เพื่อไม่ให้มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น
อู๋กวงชั่วลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว สีหน้าแดงด้วยความยินดีก่อนจะพูดด้วยเสียงอันดังว่า "หัวหน้าชูโปรดวางใจรับประกันได้เลยว่าภารกิจนี้ต้องสำเร็จ"
ชูหลิงเผยรอยยิ้มที่สดใสราวกับดวงอาทิตย์ก่อนจะพูดขึ้นว่า "ขอเชิญประธานหวังกล่าวอะไรสักเล็กน้อย"
ทุกคนลุกขึ้นยืนตรงในทันทีและมองไปที่หวังโหรว ผู้ที่นั่งอยู่ในตำแหน่งหมายเลข 1 ของฉินหวังกรุ๊ปทุกสายตาจ้องมองด้วยความเคารพ
หวังโหรวไม่ได้เอ่ยอะไรแม้เพียงสักคำั้แ่เธอปรากฏตัวขึ้นเธอเพียงแค่นั่งเงียบเฉย รอยยิ้มบางๆ ของเธอให้ความรู้สึกราวกับขุนนางชั้นสูงทำให้คนทั่วไปไม่กล้าสบตาเธอโดยตรง น้ำเสียงนุ่มนวล อ่อนโยนแต่ฟังได้ยินอย่างชัดเจน ก่อนจะพูดขึ้นอย่างสบายๆ ว่า"การประชุมครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นออกมาได้อย่างเป็อิสระ บรรยากาศโดยรวมเป็ไปในทิศทางที่ดีมากฉันหวังว่าพวกเราจะคอยช่วยกัน ฉินหวังกรุ๊ปในเวลานี้กำลังเผชิญหน้ากับความยุ่งยากแต่จากสายตาของทุกคนแล้ว ฉันมองไม่เห็นความหวาดกลัวแม้แต่น้อยนั่นแสดงให้เห็นว่าทุกคนในกลุ่มของเรามีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม ซึ่งทำให้ฉันรู้สึกดีใจเป็อย่างมากในเื่นี้ที่ฉันมาวันนี้ไม่ได้เพียงแค่จะมาฟังการรายงานการประชุมแต่จะมาแจ้งข่าวดีให้กับพวกคุณด้วย หัวหน้าใหญ่ของเรานั้นรู้ปัญหาที่เกิดขึ้นในกลุ่มแล้วซึ่งเขารู้สึกโกรธมาก และเวลาเขาโกรธมักจะเกิดผลกระทบร้ายแรงขึ้นเสมอ นั่นทำให้กลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าโลหิตได้กลายเป็แค่อดีตไปแล้วเมื่อสิบนาทีก่อนหน้านี้ดังนั้นพวกคุณไม่จำเป็ต้องกังวลเกี่ยวกับเื่นี้อีกต่อไป ส่วนปัญหาอื่นๆ นั้นฉันคิดว่ามันจะดีขึ้นเมื่อเรามีเวลาในการทำงานมากขึ้นกว่านี้นั่นคือทั้งหมดที่ฉันจะพูดในวันนี้"
ทุกคนต่างรู้สึกตกตะลึงไปชั่วขณะจนถึงกับลืมปรบมือ เมื่อได้ยินข่าวล่าสุด แม้ว่าจะเป็คำพูดเพียงสั้นๆ ของหวังโหรวแต่ก็เป็เื่ที่สำคัญทั้งสองเื่ เื่แรกก็คือหัวหน้าผู้ลึกลับได้ปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว ส่วนเื่ที่สองกองทหารรับจ้างหมาป่าโลหิตได้ถูกทำลายลงแล้ว ''หมาป่าโลหิต'' เท่าที่รู้มานั้นมีไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นคนซึ่งถูกจัดอยู่ในลำดับ 9 จาก 10 อันดับของกลุ่มทหารรับจ้างขนาดใหญ่ เป็กลุ่มที่มีความรวดเร็วและไม่ขึ้นตรงกับใครชื่อของ ''เห้อเห้อเว่ย'' กองกำลังไม่ว่าเล็กใหญ่ก็ไม่มีใครกล้าตอแยแต่นี่ถูกกำจัดไปแล้ว ถ้าเป็เื่จริงนี่ถือว่าเป็เื่ใหญ่ที่ทำให้ผู้คนต้องตกตะลึงไปทั่วทั้งเขตเหยียนหวงเลยทีเดียวแต่ว่านี่เป็สิ่งที่พูดออกจากปากของประธานหวัง ไม่มีทางที่จะเป็เื่หลอกลวงแต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนถึงกับพูดไม่ออกเลยก็คือ หวังโหรวพูดถึงเื่ที่น่าตื่นเต้นเช่นนี้ด้วยน้ำเสียงและท่าทีสบายๆซึ่งทำให้คนทั่วไปรู้สึกราวกับไม่ใช่เื่จริง ถ้าดูจากสายตาของผู้อื่นเื่นี้ถือเป็เื่ที่สั่นะเืวงการ แต่สำหรับสายตาของเธอนั้นเป็แค่เื่ธรรมดาทั่วไปเท่านั้นความรู้สึกที่แตกต่างนี้ทำให้ผู้อื่นถึงกับตะลึงงันไปนานกว่าสิบวินาทีก่อนจะเริ่มปรบมือให้เธอ
ภายใต้เสียงปรบมือที่ดังสนั่นการประชุมก็สิ้นสุดลง