หมี่หลันเยว่ปูทางสำหรับการเช่าพื้นที่ครึ่งหนึ่งของร้านค้าไว้เรียบร้อยแล้ว แถมยังนัดกับลุงหวังให้เข้าไปทำเื่ทันทีที่เปิดทำการในวันที่หก ทุกคนต่างยินดี ระหว่างทางกลับบ้าน พวกเขาพูดคุยกันอย่างออกรสถึงอนาคตที่สดใส หมี่จิ้งเฉิงมองดูแก้มแดงปลั่งของลูกสาวที่ฉีกยิ้มกว้าง ก็รู้ได้ว่าเธอดีใจจริงๆ
สองวันที่เหลือ เฉียนหย่งจิ้น หลินเผิงเฟย และหมี่หลันหยาง ต่างแยกย้ายกันไปหาช่างและหาวัสดุ ตั้งใจว่าจะเริ่มลงมือก่อสร้างทันทีหลังจากเซ็นสัญญาในวันที่หก การเช่าร้านค้าในยุคนี้ ก็แค่ทาสีใหม่เท่านั้น ไม่ได้ตกแต่งให้สวยงามเหมือนยุคหลังๆ แต่หมี่หลันเยว่อยากจะทำให้ร้านของตัวเองดูดีกว่าใคร
ดังนั้นพวกเขาจึงต้องรีบลงมือเสียก่อน อย่าให้รอจนกว่าจะกำหนดวันเปิดร้าน แล้วคนอื่นเขาทาสีเสร็จไปแล้ว แต่พวกเขายังต้องสกัด เจาะ ทุบ จนฝุ่นฟุ้งกระจายเต็มร้าน แบบนั้นคงโดนด่าแน่นอน ลงมือก่อนได้เปรียบ เปิดร้านพร้อมคนอื่น จะได้ไม่โดดเด่นเกินไป
ทุกคนต่างวุ่นวายกับงานของตัวเอง พริบตาเดียวก็ถึงวันที่หก เช้าตรู่ คนงานในโรงงานก็มาทำงานกันแล้ว หมี่หลันเยว่รีบไปดูที่โรงงาน สั่งงานหลิวเสี่ยวหว่านอย่างรวดเร็ว โชคดีที่หมี่หลันเยว่มีไหวพริบ เตรียมผ้าและอุปกรณ์สำหรับเสื้อผ้าฤดูใบไม้ผลิไว้ั้แ่ก่อนตรุษจีน
จากนั้นก็รีบไปดูหลิวลี่ที่ร้าน หลิวลี่กำลังทำความสะอาดอยู่ ที่ร้านไม่มีอะไรต้องกำชับมากนัก แค่ทำความสะอาดเสร็จแล้ว ก็แขวนตัวอย่างสินค้าที่เหลืออยู่น้อยนิด
“พี่หลิวลี่ พี่จัดการแขวนตัวอย่างสินค้าเองนะคะ วันนี้พวกเรายุ่งกันมาก อาจจะไม่ได้แวะมา”
หลิวลี่ไม่้าให้หมี่หลันเยว่เป็ห่วง โบกมือไล่เธอไปเสียอย่างนั้น หมี่จิ้งเฉิงที่ตามลูกสาวมาติดๆ มองดูเธอสั่งงานอย่างคล่องแคล่วว่องไว ก็อดไม่ได้ที่จะแอบชื่นชมความสามารถในการทำงานของลูกสาว แม้แต่ตัวเขาเองในการทำงาน ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะทำได้ง่ายดายและรวดเร็วเช่นนี้
“พ่อคะ เราต้องรีบหน่อยนะคะ เราตกลงกันว่าจะไปแต่เช้า อย่าให้ลุงหวังต้องรอนานเลยนะคะ แถมทำเลที่ตั้งร้านค้า ยิ่งเซ็นสัญญาได้เร็วก็ยิ่งสบายใจ เผื่อว่ามีคนใหญ่คนโตกว่านี้มา ลุงหวังคงรั้งไว้ไม่อยู่ ถ้าเขาใหญ่กว่า ก็ข่มกันได้”
ไม่คิดเลยว่าลูกสาวจะมองการเมืองได้ทะลุปรุโปร่งขนาดนี้ มองเห็นฐานะของตัวเอง ไม่หลงตัวเอง ลูกสาวคนนี้ช่างฉลาดจริงๆ ไม่รู้ว่าโตมาได้อย่างไร หมี่จิ้งเฉิงเต็มไปด้วยความภูมิใจ นี่มันลูกสาวแท้ๆ ของเขานี่นา ใครกันจะเลี้ยงลูกให้เก่งกาจได้ขนาดนี้ ยีนของเขามันแข็งแกร่งจริงๆ
หมี่หลันเยว่ไม่สนใจความคิดฟุ้งซ่านของพ่อ เพียงแค่ก้าวเท้าเล็กๆ วิ่งเหยาะๆ ไปยังสำนักงานพาณิชย์ ไม่น่าเชื่อว่าการวิ่งขึ้นลงเขาเมื่อก่อน จะเป็การฝึกความแข็งแรงของร่างกายอย่างดี วิ่งเหยาะๆ แบบนี้ แทบจะทิ้งพ่อไว้ข้างหลัง หมี่จิ้งเฉิงไม่ยอมแพ้ลูกสาว ถึงแม้จะไม่ได้วิ่ง แต่ก็ก้าวเท้าอย่างรวดเร็ว พยายามตามให้ทัน
เมื่อทั้งสองไปถึงสำนักงานพาณิชย์ ประตูสำนักงานเพิ่งจะเปิด ทำให้หมี่หลันเยว่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ถ้าไม่ใช่เพราะรู้ว่าวันแรกของการทำงานหลังวันตรุษจีน หน่วยงานจะเปิดทำการช้ากว่าปกติหนึ่งชั่วโมง ถึงเธอจะกังวลเื่งานในโรงงานมากแค่ไหน ก็จะมารายงานตัวที่สำนักงานก่อน
“ยังดีที่มาถึงก่อนเปิดทำการ”
หมี่จิ้งเฉิงยังไม่เข้าใจว่าทำไมลูกสาวถึงต้องรีบมาให้ทันก่อนที่สำนักงานจะเปิดทำการด้วย แค่มาเซ็นสัญญาเอง ไม่ใช่มาตอกบัตรเข้างาน
“เราไม่ต้องรีบขนาดนี้ก็ได้มั้ง ดูสิ ที่นี่ก็ยังไม่มีใครมาเลย”
หมี่จิ้งเฉิงคิดว่าลูกสาวกลัวคนอื่นจะมาแย่งตัดหน้าไปเสียก่อน ถึงได้รีบมา แต่ที่นี่กลับไม่มีใครมาเลย คงไม่มีใครมาเช้าขนาดนี้หรอกมั้ง เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่า หวังเ้าชิ่งบอกว่าข่าวจะประกาศในวันนี้
“พ่อคะ การทำแบบนี้ไม่ใช่เพื่อแย่งสัญญา แต่เป็การทำให้คนในสำนักงานเห็นค่ะ ให้พวกเขาเห็นความตั้งใจจริงและความน่าเชื่อถือของเรา ลุงหวังบอกเื่ของเราให้คนในแผนกของเขาทราบแล้ว การที่เรามาถึงเร็วที่สุด พวกเขาจะััได้ถึงจริงใจของเรา”
หมี่หลันเยว่อธิบายให้พ่อฟัง พลางผลักประตูใหญ่เข้าไปในสำนักงาน ไม่นานก็หาห้องทำงานของหวังเ้าชิ่งเจอ เธอเคาะประตูเบาๆ ข้างในตอบมาว่าเชิญครับ
“ลุงหวังคะ หนูมาแล้วค่ะ”
หวังเ้าชิ่งเงยหน้าขึ้น มองเห็นหมี่หลันเยว่ก็ใเล็กน้อย
“โอ้ หลันเยว่ มาเช้าจังนะ”
ปากพูดว่าหมี่หลันเยว่มาเช้า แต่บนใบหน้ากลับเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม เห็นได้ชัดว่าพอใจกับการมาของหมี่หลันเยว่เป็อย่างมาก
เด็กสาวคนนี้ตั้งใจจริง แค่จุดนี้ เด็กสาวคนนี้ก็ทำธุรกิจได้แน่นอน ความคิดแบบนี้ไม่ใช่คนทำธุรกิจทั่วไปจะมีได้
“ก็ต้องมาเช้าสิคะ ไม่ได้ตกลงกับลุงหวังไว้แล้วเหรอคะ พูดแล้วต้องทำตามคำพูด ความซื่อสัตย์เป็คำขวัญของคนทำธุรกิจค่ะ”
คำพูดของหมี่หลันเยว่ ทำให้หวังเ้าชิ่งหัวเราะออกมา
“ดี ถ้าเธอรักษาน้ำใจแบบนี้ไว้ได้ตลอด ไม่ว่าเธอจะทำอะไร ต่อให้ไม่ได้ทำธุรกิจ เธอก็ประสบความสำเร็จแน่นอน”
“มาเถอะ ไปห้องประชุมกับลุง วันนี้ลุงจะพูดเื่การแบ่งเช่า พวกเธอมาฟังด้วยกัน แล้วก็ถือโอกาสนี้ กำหนดเื่ร้านค้าของพวกเธอไปด้วยเลย”
หวังเ้าชิ่งมองหมี่จิ้งเฉิงที่เดินตามหลังหมี่หลันเยว่เข้ามา
หมี่จิ้งเฉิงไม่คิดว่าวันนี้จะได้รับผลประโชยน์จากลูกสาว ได้เข้าร่วมการประชุมที่หน่วยงานอื่นจัดขึ้น ตัวเองเคยเข้าร่วมการประชุมแค่ที่สำนักงานศึกษาธิการหรือที่หน่วยงานรัฐเท่านั้น การเดินตามหลังลูกสาวและหวังเ้าชิ่ง หมี่จิ้งเฉิงรู้สึกว่าเื่แบบนี้มันเหมือนฝันจริงๆ
“มา หลันเยว่ เข้ามาสิ”
หวังเ้าชิ่งเปิดประตูห้องประชุม ให้หมี่หลันเยว่เข้าไปข้างใน หมี่หลันเยว่จะไม่ยอมให้ลุงหวังเปิดประตูให้ รีบยื่นมือไปจับขอบประตู ทำท่าเชิญ
“คุณหวังเชิญก่อนเลยค่ะ”
หมี่หลันเยว่เห็นว่าในห้องประชุมมีคนนั่งอยู่หลายคนแล้ว จึงเปลี่ยนคำเรียกขานทันที ทำให้หวังเ้าชิ่งพอใจในตัวเด็กสาวคนนี้มากยิ่งขึ้น สายตาไวแบบนี้ หาที่เปรียบไม่ได้แล้ว
“ทุกคนครับ นี่คือผู้ประกอบการรุ่นเยาว์ที่ช่วยเราไว้มาก ที่ผมบอกพวกคุณเมื่อสองวันก่อน หมี่หลันเยว่ ปรบมือต้อนรับหน่อยครับ และนี่คือหมี่จิ้งเฉิง พ่อของหมี่หลันเยว่”
หวังเ้าชิ่งไม่ได้ถือตัวกับหมี่หลันเยว่ ก้าวเท้าเข้าไปในห้องประชุม พลางแนะนำผู้มาใหม่ให้ทุกคนรู้จัก
ในห้องประชุมมีเสียงปรบมือดังขึ้น หวังเ้าชิ่งเดินไปนั่งที่หัวโต๊ะ เลขาข้างๆ รีบส่งเอกสารและข้อเสนอที่ต้องประกาศในวันนี้ให้ หมี่จิ้งเฉิงพาลูกสาวไปนั่งที่ท้ายห้อง พวกเขาแค่มาฟัง ไม่จำเป็ต้องทำตัวเด่น
“หัวข้อการประชุมของเราในวันนี้ คือ หลังจากที่บริษัทเสื้อผ้าของรัฐได้รับการปรับปรุงแก้ไขแล้ว เราจะจัดการกับทรัพย์สินส่วนนี้อย่างไร ทางรัฐได้ส่งเอกสารมาแล้ว พวกเราทุกคนคงได้เห็นกันแล้ว งานที่มอบหมายให้เรา คือ ในเวลาที่สั้นที่สุด ให้เช่าอาคารพาณิชย์ของบริษัทเสื้อผ้าออกไปให้ได้”
หวังเ้าชิ่งหยิบเอกสารในมือขึ้นมา เริ่มต้นการประชุมในวันนี้
“แน่นอนว่า พวกเรากำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่อยู่เช่นกัน การทำธุรกิจส่วนตัวเพิ่งจะเริ่มต้น จำนวนผู้ประกอบการรายย่อยในเมืองของเรายังมีไม่มาก การที่จะแบ่งเช่าอาคารพาณิชย์ออกไป จึงไม่ใช่เื่ง่าย”
หมี่หลันเยว่รู้ว่าบริษัทเสื้อผ้ามีสามชั้น แต่ตอนที่ยังเปิดทำการอยู่ มีแค่ชั้นเดียวที่ใช้เป็ร้านค้า ส่วนชั้นสองและชั้นสามใช้เป็สำนักงานและโกดัง แต่ตอนนี้ฟังจากที่ลุงหวังพูด ดูเหมือนว่าชั้นสองและชั้นสามก็้าจะแบ่งเช่าด้วย เธอต้องถามให้ชัดเจนว่าพวกเขา้าจะใช้ทำอะไร
ถ้าไม่ใช้เป็ร้านค้า แต่ให้เช่าเป็สำนักงาน เธอก็ต้องรีบคว้าโอกาส แต่ความคิดนี้แค่แวบเข้ามาในหัว หมี่หลันเยว่ตอนนี้สิ่งที่กังวลมากที่สุด คือ การเซ็นสัญญาร้านค้าทั้งห้าห้องให้ได้ก่อน ทำทีละอย่าง การตั้งเป้าหมายสูงเกินไปไม่ใช่สไตล์ของหมี่หลันเยว่
“ดังนั้น สำนักงานของเราจึงตัดสินใจว่า ให้แบ่งเช่าร้านค้าที่ชั้นหนึ่งออกไปก่อน ส่วนชั้นสองและชั้นสามจะใช้อย่างไร เราค่อยมาหารือกันอีกที”
คำพูดของหวังเ้าชิ่งสั้นและชัดเจน ดูเหมือนว่าจะเป็ผู้นำที่ลงมือทำจริงๆ หมี่หลันเยว่พอใจมาก การทำงานกับผู้นำแบบนี้ เธอจะได้รับประโยชน์มากขึ้น
“เชิญทุกคนแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับเื่การแบ่งเช่านี้ได้เลยครับ”
นี่คือการเปิดโอกาสให้ทุกคนแสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่ แต่ใน่เวลานี้ การทำธุรกิจส่วนตัวยังเป็จุดด้อยอยู่จริงๆ ไม่มีประสบการณ์อะไรให้พูดถึง คุยกันไปคุยกันมา หัวข้อสนทนาก็เปลี่ยนไปที่หมี่หลันเยว่
เพราะทุกคนคิดว่า การเช่าร้านค้าคงไม่ใช่เื่ง่าย แต่ความคิดที่หมี่หลันเยว่เสนอให้ ดูเหมือนว่ายังใช้ได้ดี
“ทุกคนครับ สู้ให้คุณหมี่หลันเยว่พูดถึงความคิดเห็นของเธอก่อนดีไหมครับ พวกเราจะได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์บ้าง”
เมื่อเห็นว่าสายตาของทุกคนมองมาที่ตัวเอง หมี่หลันเยว่มองไปที่หวังเ้าชิ่ง เห็นเขายิ้มและพยักหน้าให้กำลังใจ หมี่หลันเยว่ตัดสินใจว่า เธอจะพูดสักหน่อย ยังไงซะ เธอมีประสบการณ์มากมายจากชาติก่อน เคยเข้าร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการและการประชุมการค้ามามากมาย เธอไม่กลัวเวที
“เมื่อไม่กี่วันก่อนได้เจอกับคุณหวัง คุณหวังรู้ว่าฉันเปิดร้านค้า ก็เลยพูดถึงเื่ที่บริษัทเสื้อผ้าจะแบ่งเช่า ขอให้ฉันช่วยสนับสนุนการทำงานของสำนักงาน ในเื่การแบ่งเช่า ให้ความช่วยเหลือที่เป็รูปธรรมกับสำนักงานค่ะ”
หมี่หลันเยว่พูดถึงความสัมพันธ์ของเธอกับหวังเ้าชิ่งอย่างคร่าวๆ ว่าเป็เื่ของการทำงานที่บริสุทธิ์ใจ แถมยังเน้นย้ำว่าหวังเ้าชิ่งให้ความสำคัญกับงานมากขนาดไหน แม้กระทั่งในวันหยุด ก็ยังให้ความสำคัญกับงานเป็อันดับแรก คิดถึงงานที่ได้รับมอบหมายจากเบื้องบนอยู่ตลอดเวลา
แบบนี้ต่อให้มีคนคิดไม่ซื่อ ก็ไม่มีพื้นที่ให้แสดงออก หวังเ้าชิ่งมองหมี่หลันเยว่อย่างลึกซึ้ง เด็กสาวคนนี้ ไม่ว่าจะมองยังไง ก็ไม่เหมือนเด็กผู้หญิงอายุแค่สิบปี สมองของเธอนี่มันร้ายกาจจริงๆ
“วันนี้ได้รับเกียรติให้มานั่งอยู่ที่นี่ ฉันขอเสนอแนะเล็กๆ น้อยๆ ให้คุณลุงคุณป้าลองฟังดูนะคะ ถ้ามีประโยชน์ ก็ถือว่าฉันได้ทำคุณประโยชน์ให้กับสำนักงานของเราบ้าง ถ้าไม่มีประโยชน์อะไร ก็ฟังฉันเล่านิทานไปก็แล้วกันนะคะ”
คำพูดของหมี่หลันเยว่ ทำให้คุณลุงคุณป้าเ่าั้ยิ้มออกมา เด็กสาวคนนี้ช่างน่าสนใจจริงๆ
“ความคิดของฉัน คือ ในเมื่อเราปล่อยเช่าร้านค้าออกไปไม่ได้ง่ายๆ สู้คิดหาวิธี ทำให้ผู้เช่ารู้สึกว่าไม่ใช่ว่าเราปล่อยเช่าออกไปไม่ได้ แต่เป็เพราะพวกเขาอยากเช่าก็ไม่ใช่เื่ง่าย”
หมี่หลันเยว่พูดถึงความคิดของตัวเองออกมาอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าหลังจากที่ได้รวบรวมข้อมูลมาสองวัน ความคิดของเธอก็ราบรื่นมากยิ่งขึ้น การประชุมแบ่งเช่าของสำนักงานพาณิชย์ในครั้งนี้ ในที่สุด หมี่หลันเยว่ก็กลายเป็จุดสนใจ ความคิดเห็นของเธอได้รับการยอมรับทีละเล็กทีละน้อย หมี่จิ้งเฉิงมองดูลูกสาวที่เปล่งประกายบนโต๊ะประชุม
