สิ่งต่างๆ บนโลกนี้ล้วนมีความแปลกประหลาดในตัวของมันเอง ยกตัวอย่างเช่น มิตรภาพ
เมื่อเย่ชิงหานสัญญาว่าจะไม่ไปตามจีบเยว่ชิงเฉิง ทำให้เฟิงจื่อและฮวาเฉ่าลดความแคลงใจลงถึงกับเรียกเย่ชิงหานเป็พี่น้องขึ้นมา ส่วนเสว่อู๋เหินและหลงสุ่ยหลิวแม้ภายนอกจะไม่ได้แสดงออกมากมาย แต่เพื่องานเลี้ยงรอบกองไฟที่จะจัดขึ้นในคืนนี้ เพื่อไม่ให้เย่ชิงหานก่อกวนทำให้พวกเขาที่ทำดีมาตลอดแต่กลับมาเสียตอนปลาย ดังนั้นพวกเขาจึงต้องแสร้งทำเป็มีไมตรีต่อเย่ชิงหาน
เกาะแห่งทะเลสาบแห่งความเงียบสงบขนาดไม่ใหญ่นัก แต่ทิวทัศน์บนเกาะสวยงามน่าหลงใหล อากาศหอมจรุงใจ และที่สำคัญสิ่งปลูกสร้างที่นี่ค่อนข้างมีเอกลักษณ์ บ้านเรือนที่อยู่อาศัยมีไม่มากซึ่งแบ่งออกเป็ สวนด้านทิศตะวันออก สวนด้านทิศตะวันตกและสวนด้านทิศเหนือ สวนด้านทิศตะวันออกมีบ้านอยู่ไม่มากเพราะใช้เพื่อรองรับแขก เวลาปกติจะไม่มีผู้อยู่อาศัย สวนด้านทิศตะวันตกบ้านพักค่อนข้างมากเป็ที่อยู่อาศัยของลูกหลานตระกูลเยว่ ส่วนสุดท้ายสวนทางด้านทิศเหนือเป็บ้านพักที่อยู่อาศัยของเหล่าผู้มีตำแหน่งระดับสูงของตระกูลเยว่ คนธรรมดาทั่วไปไม่มีสิทธิ์เหยียบย่างเข้าไปใกล้ ทำได้แค่เพียงมองดูจากที่ไกลๆ เท่านั้น
ทั่วทั้งเกาะแห่งทะเลสาบแห่งความเงียบสงบมีบ้านพักอยู่ทั้งหมดเพียงแค่แปดร้อยหลังเท่านั้น เมื่อเทียบกับที่พักของตระกูลเย่หรือตระกูลอื่นๆ แล้ว บ้านที่พักอาศัยของตระกูลเยว่น้อยจนน่าสงสาร แต่บ้านที่พักทั้งแปดร้อยหลังล้วนสร้างขึ้นจากไม้ไผ่สีเขียวที่เป็เอกลักษณ์
เหล่านายน้อยทั้งหลายถูกจัดให้พักอยู่ในสวนที่พักเล็กๆ ด้านตะวันออก ลานที่พักแห่งนี้มีชื่อว่าหอมรกต มีห้องพักอยู่หกเจ็ดห้อง ห้องโถงใหญ่หนึ่งห้อง
“นายน้อยทั้งหลายโปรดพักผ่อนอยู่ที่นี่ก่อน ตอนเย็นข้าจะมาพาพวกท่านไปเข้าร่วมงานเลี้ยงรอบกองไฟ!” เยว่เหนียงหลังจากนำพวกเย่ชิงหานเข้ามายังภายในหอมรกต รินน้ำชาและเหล้าให้เสร็จแล้วจึงกล่าวออกมาด้วยความนอบน้อม
จากนั้นนางยิ้มออกมาอย่างลึกลับแล้วปรบมือขึ้น ไม่นานภายนอกหอมรกตก็มีสาวงามในชุดสีแดงหลายนางเดินเข้ามา สาวงามชุดแดงทั้งหลายหยุดยืนอยู่ภายในห้องโถงใหญ่พร้อมกับโค้งตัวลงคำนับครั้งหนึ่ง การมาของพวกนางดึงดูดสายตาของนายน้อยทั้งหลายให้หันมามองได้สำเร็จ เยว่เหนียงยิ้มออกมาแล้วเอ่ยขึ้น
“งานเลี้ยงรอบกองไฟตอนเย็นถึงจะเริ่ม เยว่เหนียงเกรงว่าคุณชายทั้งหลายจะเบื่อเลยเรียกสาวงามของตระกูลมาอยู่เป็เพื่อนคุณชายทั้งหลาย เชิญคุณชายทั้งหลายหาความสำราญได้เต็มที่ เยว่เหนียงขอตัวก่อน ตอนเย็นค่อยพบกัน”
อืม! คุณชายทั้งหลาย...เชิญหาความสำราญได้เต็มที่?
หลังจากที่เยว่เหนียงจากไป ข้างหูของทุกคนยังคงก้องไปด้วยเสียงพูดของเยว่เหนียง แน่นอนว่าพวกเขาเข้าใจในความหมายนั้น สาวงามทั้งหลายที่อยู่ตรงหน้าล้วนถูกสั่งมาให้ปรนนิบัติรับใช้นายน้อยอย่างพวกเขา เ้าสามารถทำอย่างไรก็ได้ ใช้อย่างไรก็ได้ เล่นอย่างไรก็ได้ เสพสุขอย่างไรก็ได้!
ทุกคนล้วนเป็สาวงามที่งามที่สุดของตระกูลเยว่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีไว้เพื่อต้อนรับแขกระดับสูง แม้ทั้งหมดจะยืนนิ่งๆ อยู่ตรงหน้า การแต่งกายไม่ได้โชว์เนื้อหนังอะไรมาก แต่รูปร่างหน้าตาและส่วนเว้าส่วนโค้งที่มองเห็นได้อย่างเด่นชัด บวกกับกลิ่นกายหอมธรรมชาติของหญิงสาวที่แผ่ออกมา กลับทำให้ผู้ที่มองรู้สึกอยากจะกระทำผิดร้ายแรงบางอย่างขึ้นมาทันที
พวกนางทั้งหมดที่อยู่ตรงนี้ไม่เหมือนกับศิษย์สายนอกของตระกูลเยว่ที่อยู่ในหอจันทรา แค่มองแวบเดียวก็รู้ว่าทั้งหมดเป็ศิษย์สายในของตระกูลที่ถูกบ่มเพาะฝึกฝนอย่างดีมาหลายปี วิชาสะกดจิตให้ลุ่มหลงล้วนฝึกฝนจนถึงระดับซึมเข้ากระดูกไปแล้ว ไม่จำเป็ต้องแสดงออกอะไรมากมาย แค่ยืนนิ่งๆ อยู่ตรงนั้นเสน่ห์เย้ายวนที่แผ่ออกมาจากตัวของพวกนางก็สามารถปลุกสัญชาตญาณตัวผู้ที่อยู่ในตัวของบุรุษให้พลุ่งพล่านขึ้นมาได้ ทำเอาไฟราคะที่อยู่บริเวณท้องน้อยของพวกเขาลุกโชนขึ้นมาอย่างร้อนรุ่ม
“อะแฮ่ม!”
หลงสุ่ยหลิวมีปฏิกิริยาตอบสนองเป็คนแรกกลืนน้ำลายขยับลูกกระเดือกขึ้นลงทีหนึ่ง แต่ทันใดนั้นเขาราวกับคนที่รู้ตัวว่าทำเื่ผิดอะไรบางอย่าง รีบร้อนกระแอมเสียงออกมาแล้วยกแก้วน้ำชาขึ้นมาจิบปกปิดอาการของตนเอง เขาเป็ลูกค้าขาประจำของหอจันทราจึงรู้ดีว่าสาวงามตระกูลเยว่นั้นทำให้เคลิบเคลิ้มได้มากมายขนาดไหน และตอนนี้เขาก็มีความ้าอย่างมากที่จะหาความสำราญกับเหล่าสาวงามที่อยู่ตรงหน้า ถึงขนาดว่าัน้อยที่อยู่ใต้ชุดเสื้อคลุมสีขาวของเขาเริ่มจะผงาดหัวขึ้นมาเล็กน้อยแล้วด้วย
เพียงแต่...เขาไม่สามารถขยับได้และไม่กล้าที่จะขยับ ไม่เพียงแต่เขา ทุกคนที่อยู่ภายในห้องโถงแห่งนี้ล้วนไม่มีใครกล้าขยับ ทำได้แค่เพียงอดกลั้นและพยายามไม่มองสาวงามที่เย้ายวนทั้งห้านั้น
จุดประสงค์ในการมาที่นี่ของพวกเขาแน่นอนว่าย่อมเป็การมาหาความสำราญกับสาวงามของตระกูลเยว่ แต่สาวงามของตระกูลเยว่ที่พวกเขา้าในตอนนี้คือคนที่สวยที่สุดและสูงศักดิ์ที่สุดอย่างธิดาศักดิ์สิทธิ์ หากยังไม่ได้นางมาพวกเขาล้วนยังไม่กล้าที่จะกระทำการใดๆ ที่เป็การทำลายภาพพจน์ของตนเองอย่างเด็ดขาด
ในห้องโถงมีเพียงเย่ชิงหานผู้เดียวที่ทำตัวเป็ธรรมชาติที่สุด เมื่อไม่มีความอยากจึงไม่ได้ถูกความปรารถนาของตนเองยั่วยวนไป เขาไม่ต้องกังวลสิ่งใดและไม่เรียกร้องอะไร ดังนั้นเขาจึงชื่นชมสาวงามทั้งห้าได้อย่างเป็ธรรมชาติ ตาหรี่ลงมองยิ้มออกมาอย่างชั่วร้ายและปากยังส่งเสียงชื่นชมจุ๊ๆ ออกมาอยู่ไม่ขาด
“สาวงามทั้งห้าพวกเ้าอย่ายืนอยู่เฉยๆ ตรงนั้นสิ แต่ละคนมานั่งเป็เพื่อนคุณชายทั้งห้าไม่ดีกว่ารึ?” เย่ชิงหานมองดูนายน้อยทั้งสี่ที่พยายามข่มอารมณ์ความอยากอย่างสุดกำลัง ดวงตาปรากฏแววสนุกสนานขึ้น จากนั้นสั่งการสาวงามทั้งห้าอย่างเป็ธรรมชาติ ในเมื่อพวกเ้าอยากจะขยับแต่ไม่กล้าขยับ อย่างนั้นนายน้อยเช่นข้าคนนี้จะช่วยให้พวกเ้าสมใจอยากเอง
“ไม่ต้อง!”
เกือบจะในเวลาเดียวกัน ภายในห้องโถงปรากฏเสียงสี่สายดังขึ้น น้ำเสียงทั้งเด็ดเดี่ยวทั้งอดกลั้นและเ็ปอย่างแสนเสียดายปะปนมาด้วยเล็กน้อย
“นายน้อยหาน เ้าเสพสุขไปคนเดียวเถอะ ข้ารู้สึกเหนื่อยไม่ค่อยมีแรง ไม่ต้องแล้วละ” เฟิงจื่อหัวเราะแหะๆ หันมองไปทางเย่ชิงหานแล้วกะพริบตาให้ประมาณว่า...เ้าเข้าใจความหมายของข้าดี
ฮวาเฉ่าก็กะพริบตาคู่ที่สวยงามของเขาให้เช่นกัน พูดออกมาอย่างขมขื่น “อืม นายน้อยหาน เ้าสำราญไปคนเดียวเถอะ ข้าไม่เคยชินอะไรแบบนี้”
“ถูกต้อง...ถูกต้อง!” หลงสุ่ยหลิวกล่าวเห็นด้วยออกมา พร้อมกับผงกหัวรัวๆ ราวกับนกน้อยที่กำลังจิกหาอาหาร ส่วนเสว่อู๋เหินเอาแต่ก้มหน้านิ่งเงียบไม่พูดจาใดๆ
“อ้อ! อย่างนั้นหรอกรึ?” เย่ชิงหานหัวเราะแหะๆ ออกมา แกล้งทำเป็ไม่เห็นสีหน้าของทุกคน จากนั้นจิบน้ำชาและพูดขึ้นด้วยความมีน้ำใจไมตรี “ในเมื่อทุกคนต่างก็เมื่อยล้าอ่อนเพลีย ถ้าอย่างนั้นก็พักผ่อนเถอะ รบกวนแม่นางทั้งหลายเต้นระบำที่งดงามและเร่าร้อนให้ดูสักหน่อยจะได้หรือไม่ ให้คุณชายทั้งหลายได้พักผ่อนอย่างมีความสุข”
“เอ่ออ...!”
ดวงตาของทั้งสี่มองมาที่เย่ชิงหานด้วยความโกรธราวกับว่าจะกินเขาลงไปอย่างไรอย่างนั้น แต่ก็ไม่สามารถพูดปฏิเสธออกมาได้เพราะจะเป็การเสียมารยาท ส่วนเย่ชิงหานก้มหน้าลงเขี่ยใบชาเล่นไปมาไม่ได้สนใจสายตาที่โกรธเป็ฟืนเป็ไฟของทั้งสี่คน ด้วยความอับจนปัญญาทั้งสี่จึงต้องนิ่งเงียบไป...
สาวงามทั้งห้าเห็นว่าไม่มีใครคัดค้านจึงตอบรับออกมาคำหนึ่งทำความเคารพแล้วหลบออกไปผ่านไปชั่วครู่พวกนางกลับเข้ามาอีกครั้ง ชุดที่สวมใส่ยังคงเป็ชุดสีแดงเช่นเดิม เพียงแต่...ชุดที่สวมใส่ขาดหายไปหลายชิ้น เหลือเพียงแค่ชุดผ้าบางๆ ที่ปกปิดร่างกายท่อนบนบริเวณทรวงอกไว้ และชุดผ้ากระโปรงโปร่งบางที่สั้นจนไม่สามารถจะสั้นได้อีกที่ปกปิดร่างกายท่อนล่างไว้ จากนั้นพวกนางจึงเริ่มเต้นรำขึ้นภายในท่ามกลางห้องโถง
ระบำก็งดงาม คนร่ายระบำยิ่งงดงาม สาวงามที่นุ่งน้อยเริงระบำยิ่งงดงามขึ้นไปอีก! บรรยากาศภายในห้องโถงเริ่มคึกคักขึ้น เสียงกลืนน้ำลาย เสียงลูกกระเดือกขยับขึ้นลง เสียงลมหายใจที่ยิ่งนานยิ่งรุนแรงขึ้นทุกที บวกกับเสียงจุ๊ปากของเย่ชิงหานที่ยังมาอยู่ไม่ขาด ทำให้บรรยากาศภายในห้องโถงเร้าร้อนขึ้นทุกที...
“พอแล้ว พอแล้ว...ขอบคุณแม่นางทุกคนมาก พวกเ้าหลบออกไปก่อนเถอะ” เสว่อู๋เหินดื่มน้ำชารวดเดียวไปสี่แก้ว แต่กลับรู้สึกว่ายิ่งดื่มยิ่งร้อน กำลังเตรียมที่จะดื่มแก้วที่ห้า แต่ในที่สุดก็ข่มอารมณ์เร่าร้อนภายในใจลงได้จึงร้องบอกออกไป
“ใช่ๆ! พอได้แล้ว ข้ารู้สึกว่ายิ่งดูยิ่งรู้สึกเมื่อยล้าอ่อนแรง!” เฟิงจื่อดื่มชาลงไปแก้วหนึ่ง แต่ยังรู้สึกไม่หนำใจจึงกระดกตามลงไปอีกแก้ว หายใจหอบออกมาแล้วพูดขึ้น
“ถูกต้องๆ!” หลงสุ่ยหลิวผงกหัวราวกับนกน้อยหาอาหารอีกครั้ง สีหน้าดูจริงจังมากกว่าคราวที่แล้วเป็อย่างมาก
ฮวาเฉ่าไม่ได้กล่าวสิ่งใด ทำเพียงแค่พยักหน้าแล้วก็ก้มหน้าลงไปราวกับว่าไม่กล้าที่ส่งสายตาไปมองสาวงามทั้งห้าอีกแม้แต่สักครั้งเดียว
“ทำไมกันเล่า?”
เย่ชิงหานเด็ดองุ่นที่อยู่บนโต๊ะข้างๆ มาโยนเข้าปากเคี้ยวไปด้วยพูดไปด้วย “ระบำก็เต้นได้ไม่เลว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหาได้ยากที่จะมีโอกาสได้รับการต้อนรับที่ยอดเยี่ยมจากตระกูลเยว่เช่นนี้ พวกเราน่าจะหวงแหนโอกาสเช่นนี้ไว้ถึงจะถูก ทำไม? พวกเ้ารู้สึกว่าแม่นางทั้งห้าเต้นระบำได้ไม่ดีพออย่างนั้นรึ?”
“แน่นอนว่าเต้นได้ดี เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน...นายน้อยหาน!” เฟิงจื่อมองเย่ชิงหานอย่างรำคาญ สายตาส่อแววตำหนิต่อเจตนาก่อกวนของเขา เน้นเสียงหนักไปที่ชื่อของเขาด้วยความโกรธแล้วพูดขึ้น “เพียงแค่พวกข้าไม่เคยชินแบบนี้ ถ้าหากเ้าชอบละก็ละก็ ข้ายกแม่นางที่มาปรนนิบัติข้าให้เ้าไปเลยก็ได้”
“ถูกต้อง! นายน้อยหานเป็พี่น้องที่มีน้ำใจขนาดนี้ ตัวข้าเองก็เหนื่อยแล้ว แม่นางที่มาปรนนิบัติข้าก็ยกให้เ้าเช่นกัน!” ฮวาเฉ่าเงยหน้าขึ้นมาแล้วพูดออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง
หลงสุ่ยหลิวและเสว่อู๋เหินมองตากัน จากนั้นจึงพูดออกมาพร้อมๆ กัน “พวกข้าก็เช่นกัน นายน้อยหานค่อยๆ หาความสำราญเถอะ พวกข้าไม่เคยชินกับอะไรแบบนี้!”
“อ้อ! เป็อย่างนั้นหรอกรึ?” เย่ชิงหานยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย ภายในใจแทบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ เ้าพวกนี้หากไม่ได้อยู่ที่นี่ตอนนี้กลัวว่าจะแย่งกันเสียด้วยซ้ำ เย่ชิงหานนิ่งเงียบไปสักพักแล้วจึงเอ่ยขึ้นด้วยความเกรงอกเกรงใจ “ไม่ดีมั้ง...ข้าจะทำเช่นนั้นได้อย่างไรกัน?”
“ไม่เป็ไร ไม่เป็ไร! ข้างๆ ยังมีห้องอยู่อีกเยอะแยะ!” เฟิงจื่อลุกยืนขึ้นโบกมือใหญ่หนาของเขาอย่างใจกว้างแสดงอาการบอกว่าให้เย่ชิงหานหาความสำราญได้เต็มที่ไม่ต้องเกรงใจ
“แหะๆ! ถ้าอย่างนั้น...ข้าคงไม่ปฏิเสธแล้วละ หากจะปฏิเสธก็จะเป็การแสดงความไม่เคารพ!” เย่ชิงหานยิ้มพรายขึ้นอย่างดีอกดีใจ จากนั้นลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย สายตามองไปยังสาวงามทั้งห้าแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ “แม่นางทั้งหลาย ในเมื่อพวกเขาไม่เคยชินกับอะไรแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราเข้าไปในห้องพร้อมๆ กันทั้งหมดนี่แหละ...ไปศึกษาเรียนรู้ศิลปะทางด้านร่างกายด้วยกันสักหน่อยเป็อย่างไร?”
สาวงามทั้งห้าไม่ได้กล่าวสิ่งใด ทำเพียงแค่พยักหน้าและยิ้มออกมาอย่างเขินอาย จากนั้นเดินรวมกันล้อมเย่ชิงหานไปยังห้องที่อยู่ด้านนอก
“นายน้อยทั้งหลาย ถ้าอย่างนั้นข้าขอตัวไปพักผ่อนก่อนแล้วกัน พวกท่านก็พักผ่อนกันให้ดีๆ ล่ะ ตอนค่ำจะได้มีแรงแสดงฝีไม้ลายมือกันได้เต็มที่ ข้าเชื่อมั่นและคอยเป็กำลังใจให้พวกท่าน...”
เย่ชิงหานเดินออกจากห้องโถงไปยังไม่ลืมที่จะพูดหยอกล้อออกมาประโยคหนึ่ง จากนั้นหัวเราะฮ่าๆ ขึ้นแล้วเลือนหายไปจากสายตาของทุกคน
“เดรัจฉาน...เดรัจฉานจริงๆ! เย่ชิงหานเ้าเดรัจฉานน้อยคนนี้กล้าลงมือจริงๆ...” เฟิงจื่อมองดูเงาร่างของเย่ชิงหานที่เลือนหายเข้าไปภายในห้อง สองมือกำหมัดแน่นพูดออกมาอย่างไม่พอใจ
ฮวาเฉ่าเองก็มองห้องที่ทำด้วยไม้ไผ่นั้นด้วยความอาลัยอาวรณ์พร้อมกับพูดออกมาอย่างมีโทสะ “ในชีวิตของข้าเกลียดที่สุดคือพวกไม่คำนึงถึงน้ำใจของพี่น้อง เดรัจฉานที่เห็นหญิงดีกว่าเพื่อน ต่อไปออกไปข้างนอกด้วยกันข้าจะบอกคนอื่นว่าข้าไม่รู้จักเขา...”
“เย่ชิงหานหลงระเริงอย่างไม่รู้จักควบคุมตนเองจริงๆ” เสว่อู๋เหินสะบัดพัดที่อยู่ในมืออย่างรวดเร็ว ราวกับว่าจะพัดเอาอารมณ์ที่คุกรุ่นและไม่สงบภายในใจให้หายไป
หลงสุ่ยหลิวไม่ได้ปริปากพูดสิ่งใดออกมา ทำเพียงแค่ใช้มือบี้องุ่นที่อยู่บนโต๊ะอย่างต่อเนื่องไม่หยุด...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้