แล้วนี่ข้าเรียกอาวุธิญญาได้หรือยัง?
จู่ๆความคิดนี้ก็ผุดขึ้นมาก่อนข้าจะวาดมือไปบนอากาศแล้วพูดออกมาเสียงดัง “จงออกมากระบี่คมจันทราของข้า!”
ชวิ้ง!
แสงที่ส่องประกายออกมามันสว่างจ้าจนลืมตาไม่ขึ้นแต่เป็เพราะพลังิญญาที่ยังไม่มากพอทำให้กระบี่ปรากฏขึ้นเพียงครึ่งนาทีแล้วก็สลายไป
ก๊อก!ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนจะตามด้วยเสียงของพี่เสวียนยิน“เสี่ยวเชวียน เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”
แต่อยู่ๆข้าก็รู้สึกอ่อนแรงจนตกจากม้านั่งไปกองอยู่บนพื้นนึกไม่ถึงว่าร่างกายตัวเองจะอ่อนแอขนาดนี้ ราวกับไม่ใช่ข้าคนเดิมเลยสักนิด
พอคลานไปเปิดประตูได้นางก็รีบเข้ามาพยุงเหมือนรู้อยู่แล้วว่าเื่ต้องเป็แบบนี้เมื่อพยุงมาถึงเตียงนางก็ถามขึ้น “เห็นสภาพแบบนี้แสดงว่าเ้าคงจะเริ่มใช้พลังิญญาอีกครั้งด้วยตัวเองแล้วสินะ”
ข้าพยักหน้ารับด้วยความสุข“อื้ม ถึงแม้ว่าพลังจะลดลงไปมาก และพลังิญญาก็มีไม่ถึงหนึ่งในสิบของเมื่อก่อนแต่ก็ดีกว่ากลายเป็พวกไร้น้ำยาไปตลอดชีวิต”
“สวี่ลู่ ไปเอาของเข้ามา”
“ได้”
สวี่ลู่เดินกลับเข้ามาพร้อมกับแสงจันทร์ที่สาดส่องตามช่องประตูจึงได้รู้ว่าตอนนี้ก็ดึกมากแล้วข้ารู้สึกละอายใจเหลือเกินที่ทำให้นางทั้งสองต้องลำบากยืนรอจนดึกดื่นแบบนี้
สวี่ลู่เดินถือกล่องใส่อาหารเข้ามาเมื่อเปิดออกกลิ่นหอมๆ ก็ลอยมาเตะจมูกทันที ข้ารับรู้ว่ามันต้องอร่อยมากแน่ๆ...เนื้อ!
“มีเนื้อหรือเปล่า?” ข้าว่าแล้วทำตาโต
ปู้เสวียนยินพูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะโมโหนิดหน่อย“ดูสภาพเ้าตอนนี้สิ นั่งให้มันดีหน่อยๆตอนนี้ลมปราณของเ้ามันอ่อนแอจนจะถึงที่สุดแล้ว เดี๋ยวข้าป้อนเองกินเสร็จแล้วจะได้ไปนอนพัก”
“ขอบคุณท่านมากเลยนะพี่เสวียนยิน”
พอกินเข้าไปได้คำหนึ่งก็รับรู้ถึงความสดใหม่และความนุ่มลิ้นแบบเกินบรรยาย“นี่มันเนื้ออะไรกันท่านพี่ ทำไมข้าถึงไม่เคยกินเนื้อที่อร่อยเท่านี้มาก่อนเลย”
“อร่อยก็กินเข้าไป จะถามอะไรเยอะแยะ?” ปู้เสวียนยินพูดด้วยน้ำเสียงแบบเดิม
สวี่ลู่ที่ยืนพิงมุมโต๊ะพูดขึ้น“นี่คือเนื้อของเสือัที่เป็สัตว์หายากชนิดหนึ่งมันเต็มไปด้วยสิ่งบำรุงร่างกายและพลังิญญาทำให้ลมปราณที่เสียไปของเ้าฟื้นฟูกลับมาได้เร็วกว่าเดิมหลายเท่าราคาของเนื้อทั้งหมดนี่ตกอยู่ที่หนึ่งแสนห้าหมื่นเหรียญหลงหลิงหรือเท่ากับเงินเดือนของท่านรองเ้าสำนักทั้งเดือนเลยล่ะ”
ฮะ!!
ข้าชะงักไปก่อนจะพูดขึ้น“พี่เสวียนยิน...ข้าขอโทษจริงๆ ที่ทำให้ท่านต้องเสียเงินเยอะขนาดนี้”
“รีบกินเข้าไปเถอะน่า มันแพงมากนะรู้ไหม...”สีหน้านั้นบ่งบอกว่านางเองก็เสียดายเงินที่จ่ายไปเหมือนกันเพราะไม่ใช่จำนวนเงินที่น้อยเลย!
สวี่ลู่พูดขึ้นอีกครั้ง“เสือัเป็สัตว์ที่หาไม่ได้ทั่วไปนะท่านรองเ้าสำนักต้องเดินทางเข้าค่อนคืนไปถึงเมืองหลิงหยุนเหนื่อยหนักแค่ไหนก็ไม่หวั่น เ้าเองก็รักพี่สาวเ้าให้มากๆ หน่อยละกันเพราะนางก็เหมือนรักเ้าอยู่ไม่น้อย”
ปู้เสวียนยินหันหน้าไปถลึงตาใส่นางก่อนจะพูดขึ้น“ทำไมวันนี้เ้าถึงพูดมากนักนะสวี่ลู่!”
สวี่ลู่แลบลิ้นปลิ้นตาแล้วพูดต่อ“ข้าไม่พูดแล้วก็ได้ เสี่ยวเชวียน เห็นว่าเ้ากินเยอะนอกจากเนื้อนั่นแล้วยังมีแผ่นแป้งย่างด้วยนะ เ้าจะกินเลยไหม?”
“อืมๆ”
หลังจากกินอย่างมูมมามจนอิ่มแปล้ร่างกายก็ค่อยๆ อุ่นวาบขึ้นมาเป็อย่างที่สวี่ลู่พูดไว้ไม่มีผิดว่าเนื้อเสือัที่หายากนี้เป็ยาที่ช่วยฟื้นฟูได้ดีจริงๆ
พอเห็นว่าข้าผ่อนคลายมากขึ้นและหลับเป็ตายแล้วพวกนางก็กลับไป
...
วันต่อมา
หลังจากเสียงของนาฬิกาปลุกดังขึ้นข้าก็ตื่นขึ้นมาพร้อมความสดชื่นมีชีวิตชีวา รวมทั้งพลังิญญาในตัวก็ค่อยๆเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน แม้ว่าพลังจะฟื้นฟูได้ไม่ถึงหนึ่งส่วนแต่อย่างน้อยข้าก็ไม่ใช่คนที่ใครก็จะมารังแกได้อีกแล้ว!
งานของข้าก็ยังคงเป็การเกลากระบี่และนำไปส่งยังสนามฝึกซ้อมเช่นเดิม
หลังจากทำงานลุล่วงได้เกินครึ่งแล้วข้าก็มาถึงสนามที่แปดอีกครั้งซึ่งซูเหยียนและศิษย์ประจำห้องของนางก็กำลังฝึกฝนกันอยู่เหมือนเคย
การกลับมาเจออะไรเดิมๆแบบนี้ ทำให้รู้สึกว่าจะต้องเกิดเื่ไม่ดีขึ้นแน่ๆ
ขณะที่ซูเหยียนกำลังฝึกฝนกระบี่ท่ามกลางศิษย์ที่ติดตามกระบี่ก็ปลดปล่อยพลังิญญาให้เห็นอยู่เป็รางๆ นางหันมามองข้าแต่ไกลเพียงครู่เดียวนางก็หันกลับไปจดจ่อกับการฝึกตามเดิม
หลังจากเอากระบี่ลงจากรถและกำลังจะเข็นออกมาก็มีเสียงะโเรียกดังมาจากใต้ต้นไม้ข้างสนาม “เห้ย! เ้าศิษย์สำรองคนนั้นน่ะ!”
ข้าหันกลับไปตามเสียงเรียกก็พบว่าเ้าของเสียงนั้นคือเฉิ่นลั่งเวรกรรมจริงๆ เลย!
“มีเื่อะไร?”
“มีแน่นอนอยู่แล้วเ้าทำให้ข้าโดนตาแก่จากฝ่ายอบรมตำหนิร่วมครึ่งวันจนข้าหูชาแล้วคิดว่ามันจะจบง่ายๆ งั้นเหรอ?” เ้าของเส้นผมสีทองที่ปลิวสยายไปตามแรงลมแสยะยิ้มก่อนจะพูดขึ้น“ถ้ายังไม่ได้สั่งสอนเ้าสักที ข้ารู้สึกว่ามันครั่นเนื้อครั่นตัว”
“เ้ายังอยากโดนบ่นสั่งสอนอีกรอบงั้นเหรอ?” ข้าอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
เฉิ่นลั่งพูดอย่างเรียบๆ“สั่งสอน?ฝันไปเถอะ ครั้งนี้ข้าจะไม่โดนอบรมอีกแน่ๆส่วนครั้งก่อนเป็เพราะท้าประลองกับคนที่อ่อนแอกว่าเลยผิดกฎของสำนักแต่ว่าครั้งนี้ข้าตั้งใจมาจะอัดเ้าตรงๆอย่างมากก็แค่มีโทษเื่ทะเลาะวิวาทติดตัวและพอถึงตอนนั้นมันก็ไม่ใช่เื่ที่สำนักหมื่นิญญาจะเข้ามายุ่งแล้วล่ะเพราะจะเป็หน้าที่ของฝ่ายป้องกันเมืองหลินเสี่ยและที่สำคัญ...เ้ารู้หรือเปล่าว่าพ่อข้าเป็ใคร?”
ศิษย์ที่อยู่ข้างๆเฉิ่นลั่งพูดขึ้นมาพร้อมกันหลายคน “หัวหน้าของฝ่ายป้องกันเมืองหลินเสี่ย!”
ข้าเกือบจะอาเจียนออกมาแล้วเชียวนี่กำลังขู่ให้ข้ากลัวอยู่งั้นเหรอ? ทำไมคนที่ดูอายุมากกว่าข้านี่ถึงไม่ดูเป็ผู้ใหญ่สักนิดเลยนะ!
“ไม่สู้”
ข้าพูดตัดบทไปดื้อๆเพราะถึงแม้ว่าพลังของข้าจะฟื้นฟูขึ้นมาได้หนึ่งในสิบส่วนแล้วแต่ถ้าต้องประลองกับเฉิ่นลั่งละก็ ยังไงก็ไม่มีทางชนะ และคติประจำใจของข้าก็คือสู้ไม่ได้ก็จะไม่สู้เลยดีกว่า!
และในตอนนี้เองก็มีเสียงหวานๆดังขึ้นมาจากด้านหลัง “สู้เลยสิ ทำไมเ้าถึงไม่สู้กับเขา?”
ข้าชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองก็พบกับหญิงสาวที่ยืนถือแก้วน้ำอยู่ และเหมือนจะเคยเจอที่ไหนมาก่อน...อ๋อนางก็คือคนที่ซูเหยียนเรียกว่า อาเหยาที่ดูสดใสร่างเริงแถมยังตาใสฟันสวยอีกต่างหากชายกระโปรงที่ปลิวขึ้นตามแรงลมทำให้เห็นปลอกขาที่มีกริชสั้นเสียบอยู่ถึงเจ็ดเล่ม
เฉิ่นลั่งขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์“ตั้นไถเหยา อย่ามายุ่งดีกว่า เพราะเื่นี้มันไม่เกี่ยวกับเ้า!อย่าคิดว่าตัวเองอยู่ในสิบอันดับต้นๆ แล้วมาอวดดี อย่าลืมสิว่าเ้ามันก็แค่ผู้ฝึกฝนที่คอยสนับสนุนเท่านั้น!”
“ข้าก็ไม่ได้บอกว่าจะลงมือเองสักหน่อย!”
ตั้นไถเหยากะพริบตาใสๆคู่นั้นก่อนจะพูดขึ้นอย่างเ้าเล่ห์ “ข้าก็แค่ชอบเห็นคนตีกันเท่านั้นเองปู้อี้เชวียน เ้าต้องสู้นะแล้วข้าจะคอยให้กำลังใจเ้าเอง สู้ให้สบายใจและเต็มที่ข้าชอบเื่แบบนี้ที่สุดแล้ว!”
ข้าพูดขึ้นอย่างงงๆ“แต่เ้าก็รู้นี่ ว่าข้าสู้เฉิ่นลั่งไม่ได้...”
ตั้นไถเหยาโยนแก้วน้ำในมือทิ้งก่อนจะเอามือเท้าสะเอวแล้วยืดอกพูดขึ้นมา“เ้านึกว่าที่ข้าบอกเป็เพียงคำพูดให้กำลังใจแบบลมๆ แล้งๆ งั้นเหรอ? วางใจได้ กำลังใจของข้ามันมีอยู่จริง!”
ถึงข้าจะฟังไม่เข้าใจแต่กลับรู้สึกว่านางกำลังเอาน้ำมันมารดไฟให้ลุกลามกว่าเดิม
...
และดูเหมือนว่าเฉิ่นลั่งจะหมดความอดทนแล้วด้วย“ปู้อี้เชวียน เ้ายังเป็ผู้ชายอยู่หรือเปล่าคิดจะมัวแต่หลบอยู่ใต้กระโปรงของผู้หญิงหรือยังไง”
พอข้าได้ยินอย่างนั้นก็กัดฟันแน่นแล้วตอบรับกลับไป“สู้!”
“ดี ข้าก็รอคำนี้แหละ!”เฉิ่นลั่งร้องออกมาเสียงดังก่อนจะเผยให้เห็นพลังิญญาที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายและเรียกกระบี่สลายิญญาที่คมแวววับส่องประกายแสงออกมา
“เอาเลย! เอาเลย!”
ตั้นไถเหยายิ้มออกมาอย่างชอบใจเหมือนกลัวว่าจะไม่เป็ไปเื่อย่างที่นาง้า ก่อนจะยื่นมือทั้งสองข้างออกมาด้านหน้าเพียงครู่เดียวอาวุธิญญาก็ปรากฏขึ้นและนั่นก็คือ ไม้เท้าเวทน้ำแข็ง ที่มีกลิ่นอายความเย็นปกคลุมอย่างหนาทึบอยู่ในมือนางชูไม้เท้าขึ้นแล้วใช้อีกมือชี้มาทางหน้าอกของข้าแล้วหลับตาลงท่องคาถาอะไรสักอย่างมวลพลังบางค่อยๆ แผ่ซ่านไปทั่วบริเวณชายกระโปรงปลิวสะบัดไปตามแรงจนเกือบจะเห็นชั้นในก่อนที่นางจะลืมตาขึ้นแล้วะโเสียงดัง “เพิ่มพลัง!”
วูบ!!!
ข้าสั่นไหวไปกับพลังอันแข็งแกร่งที่พุ่งเข้ามาและหลอมรวมอยู่ในตัวนางทำให้พลังิญญาของข้าเพิ่มขึ้นห้าเท่าเป็อย่างน้อย พลังที่เพิ่มขึ้นมาอย่างเต็มเปี่ยมทำให้ข้ารู้สึกพอใจเป็ที่สุด
ข้ามัวแต่ดีใจจนกระทั่งตั้นไถเหยาร้องบอกพร้อมกับแววตาที่ใกลัว“ระวัง!!”
เฉิ่นลั่งพุ่งเข้ามาพร้อมกับแกว่งกระบี่ฟันลงแนวเฉียง
ข้าะโถอยหลบมาครึ่งก้าวแล้ววาดมือบนอากาศเรียกกระบี่ออกมาพริบตาเดียวอาวุธิญญาระดับเงินที่ดำสนิททั้งด้ามก็เผยออกมา เจอกันอีกแล้วนะกระบี่คมจันทรา!
พอข้าเรียกกระบี่คมจันทราออกมาเฉิ่นลั่งก็ตกตะลึงข้าจึงฉวยโอกาสนี้ใช้พลังจากเคล็ดวิชาการต่อสู้ส่งมอบไปยังกระบี่คมจันทราที่มือทั้งสองจับไว้แน่นปลายกระบี่ที่ยกสูงแผ่ซ่านพลังที่เหมือนลูกคลื่นใหญ่ขาวบริสุทธิ์ม้วนลงใส่อีกคนอย่างดุเดือด
ตูม!!!
เกิดเสียงะเิดังขึ้นในอากาศการฟาดฟันของข้าครั้งนี้มันเหมือนใช้กระบี่ฟันลงบนกระสอบทรายด้วยแรงกระแทกทำให้เฉิ่นลั่งกับกระบี่ประจำกายปลิวหายเข้าไปในพงหญ้าก่อนจะชนเข้ากับต้นไม้เสียงดังสนั่น จนนกกาแตกรังบินว่อนออกมาอย่างแตกตื่น
“พี่เฉิ่น! พี่เฉิ่น!” พวกลูกสมุนหลายคนรีบพุ่งเข้าไปช่วยพยุงเขาขึ้นมาแต่ดูเหมือนจะแค่สลบไปเท่านั้นไม่ได้เป็อะไรมาก
กระจอกซะจริงๆ!
...
ข้าสลายกระบี่แล้วหันมายิ้มให้ตั้นไถเหยา“ขอบคุณเ้ามากจริงๆ ถ้าเกิดวันนี้ไม่ได้เ้าช่วยไว้ละก็ข้าจะต้องอับอายอีกแน่ๆ ”
นางดูสวยมากเมื่อยิ้มออกมาร่างบางขยับเข้ามาใกล้แล้วกะพริบตาถี่ๆ และพูดขึ้น“ข้าก็แค่รู้สึกไม่ชอบใจเท่านั้น ในฐานะที่เป็ผู้ฝึกฝนิญญาถ้าเกิดไม่ชักดาบออกมาช่วยมันจะต่างอะไรกับคนตายกันล่ะถึงแม้ว่า...ข้าจะไม่มีดาบก็เถอะ”
ว่าแล้วนางก็หรี่ตาลงแล้วถามขึ้นอีกรอบ“ปู้อี้เชวียนเ้าคงจะไม่ใช่ผู้ที่ถูกขนานนามว่าเป็ผู้เก่งกล้าอันดับหนึ่งของแผ่นดินใหญ่ที่มาจากเมืองหยินเย่เฉิงคนนั้นใช่ไหม?”
“ข้า...”
นางที่เหมือนกับว่ารู้ทุกอย่างอยู่แล้วปัดมือพูดแบบขอไปที“เ้าไม่ต้องอธิบายแล้วล่ะ...พลังพร์ในการเพิ่มพลังของข้าสามารถเพิ่มพลังให้คนธรรมดาได้ไม่เกินห้าเท่าแต่ว่าเมื่อครู่นี้กลับเพิ่มให้เ้าอย่างน้อยห้าเท่านั่นแสดงว่ายังมีพลังอีกมากในตัวเ้าที่ไม่ได้นำออกมาใช้สินะ...เ้านี่มันน่าสงสัยจริงๆไม่ต้องขอบคุณข้าแล้วล่ะ และอีกอย่างข้าก็เป็เพื่อนสนิทของซูเหยียน เห็นนางบอกว่าจะไม่มาหาเื่เ้าแล้วล่ะไว้เจอกันคราวหน้านะ!”
ข้ามองแผ่นหลังของหญิงงามที่เดินไกลออกไปอย่างครุ่นคิด
ผู้หญิงในสำนักหมื่นิญญานี่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
พอหันกลับไปสภาพของเฉิ่นลั่งก็เหมือนจะได้รับาเ็เล็กน้อยอยู่เหมือนกัน...เฮอะๆ สมน้ำหน้าแบบนี้คงจะได้พักไปหลายวัน
เข็นรถกลับโรงเกลากระบี่ของข้าดีกว่า!
...
ไม่นานความมืดก็เข้าปกคลุมท้องฟ้าอีกครั้งหลังจากกินข้าวที่อิ่มได้เพียงครึ่งกระเพาะเหมือนเดิมก็จำได้ว่าเ้าเด็กซ้งเชียนนั่นสัญญาว่าจะจับกระต่ายมาย่างให้กินสักตัวแต่ก็ไม่รู้จะเอามาเมื่อไร
กว่าจะเกลากระบี่เสร็จเวลาก็ประมาณสามทุ่มกว่าแล้วข้าจึงหยิบกระบี่เหล็กนั่นขึ้นมาฝึกด้วยตัวเองสักหน่อย
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนกว่าข้าจะรู้สึกว่ามีคนกำลังมองมาอยู่
“หืม!?” ข้าหันกลับหลังอย่างรวดเร็วและก็เป็ไปตามคาดเมื่อเจอกับใครบางคนยืนอยู่ตรงนั้นจริงๆ ดวงตาคู่นั้นจ้องมองขณะที่ข้าฝึกมานานพอสมควรนางสวมชุดของสำนักหมื่นิญญาและสะพายกระเป๋าใบเล็กที่ดูประณีตงดงาม
ข้ามองอย่างมึนงงก่อนจะพูดขึ้น“ซูเหยียน? ไหนตั้นไถเหยาบอกว่าเ้าจะไม่มาหาเื่ข้าอีกแล้วไง?”
นางเม้มปากแน่นเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็เงียบไปนางเอาแต่นิ่งแบบนั้นอยู่นานกว่าจะพูดออกมา “ข้าไม่ได้มาหาเื่แต่ข้ามาหาเ้าต่างหาก...”
“ฮะ?” ข้ารู้สึกสับสนในใจว่านางมาหาข้าทำไมกัน?พอเห็นกระเป๋าที่นางสะพายก็คล้ายกับ้าจะหนีออกจากบ้านอะไรทำนองนั้นนี่นาง้าจะทำอะไรกันแน่?