“ร้านคาราโอเกะวังัทอง” ออกจากประตูโรงเรียน ฉินหลางได้ขึ้นรถแท็กซี่
“15!” คนขับแท็กซี่เรียกเก็บค่าโดยสารตรงๆ ดูเหมือนเขาไม่เตรียมจะเก็บค่าโดยสารด้วยมิเตอร์แล้ว
ฉินหลางรู้ว่าวันเสาร์ตอน 6 โมงเย็นหารถยากมาก จึงไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยอะไร
ผ่านไปหลายนาที รถจอดอยู่ที่หน้าประตูร้านวังัทอง คนขับแท็กซี่หันกลับมาพูดกับฉินหลาง “มาถึงแล้ว 50!”
“50? นายแน่ใจเหรอ?” ฉินหลางสบถด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ “อย่าได้คืบแล้วจะเอาศอก เป็คนอย่าโลภมากเกินไป!”
“เ้าหนู นั่งรถแล้วไม่อยากจ่ายเงินเหรอ!”
เห็นได้ชัดว่าคนขับแท็กซี่ไม่ได้เห็นเด็กนักเรียนอย่างเขาอยู่ในสายตา ยื่นหัวออกไป พูดกับอันธพาลหน้าประตูร้านคาราโอเกะวังัทอง “พี่เหมา มาสูบบุหรี่สักมวน!”
ในขณะที่กำลังพูด คนขับแท็กซี่จ้องฉินหลางด้วยสายตาเหี้ยมโหด นี่เขากำลังประกาศศักดา! เขา้าจะบอกกับฉินหลาง “เห็นรึยัง บิดากับอันธพาลของวังัทองสนิทกันไม่น้อย วันนี้ถ้าแกไม่จ่าย 50 แล้วละก็ แกจะต้องเดือดร้อนแน่นอน!”
อันธพาลที่เขาเรียก ‘พี่เหมา’ เป็คนสูงห้าศอกตัวหนาสามศอก รูปร่างสูงใหญ่กำยำ ที่แขนทั้งสองข้างมีรอยสัก ด้วยความที่เขาเป็คนน่าเกรงขาม ดังนั้นจึงถูกเรียกให้มาเฝ้าประตูที่นี่
ฉินหลางไม่สนใจคนขับแท็กซี่ดังกล่าว โยนเศษ 15 หยวนไปให้เขาตรงๆ
‘พี่เหมา’ รู้จักคนขับแท็กซี่คนดังกล่าว และเขาก็รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นจึงแสดงสีหน้าเหี้ยมโหด ขวางฉินหลางเอาไว้ “เ้าหนู นายอยากจะเบี้ยวค่ารถใช่รึเปล่า!”
“มารดาแกสิ! เ้าเหมา นายเบลอขี้ตาไปแล้วรึไงวะ ขนาดพี่ฉินก็ยังไม่รู้จัก!”
ทันทีที่ “พี่เหมา” พูดจบ ก็ถูกตบเข้าที่หลังหัวอย่างแรงทันที เขาหันกลับไปมองด้วยความโมโห แต่เห็นว่าคนที่ตบหัวเขานั้น กลับเป็พี่ผมยาว รีบกลืนอาการโมโหเมื่อครู่ของตนลงไปทันที พูดในใจ แม่มเอ๊ยฉันจะไปรู้ได้ยังว่าเ้านี่ก็คือ ‘พี่ฉิน’ อ่ะ
เ้าเหมาไม่กล้ามีเื่กับเ้าผมยาว จึงนำความโมโหทั้งหมดที่มีมาลงกับคนขับรถแท็กซี่ เขาสะบัดมือตบหน้าคนขับแท็กซี่ “มารดาเถอะ! เป็เกียรติแค่ไหนที่พี่ฉินของเรานั่งรถแก แกยังกล้ามารีดไถพี่ฉินอีก แกกำลังรนหาที่ตายเหรอ…แม่มเอ๊ย ยังไม่รีบคืนเงินค่ารถให้พี่ฉินอีก…50! 50 มารดาแกสิ! เอามา 500!”
ในขณะที่เ้าเหมากำลังสั่งสอนและไถเงินคนขับแท็กซี่อยู่นั้น ฉินหลางกับเ้าผมยาวได้เดินเข้าไปในห้องส่วนตัวบนชั้นสามของร้านคาราโอเกะวังัทองแล้ว
ที่นี่ฉินหลางได้พบกับฮานซานฉางที่ดื่มจนเมามายด้วยความไม่สบอารมณ์
เมื่อเห็นฉินหลางมาถึงแล้ว ฮานซานฉางสั่งให้ทุกคนออกไปจากห้อง ก่อนจะยื่นซองเอกสารซองใหญ่ให้ฉินหลาง “พี่ฉิน ข้างในนี้เป็รูปถ่ายของอันเต๋อเซิ่ง ที่อยู่ และข้อมูลกิจการส่วนหนึ่งของเขา ที่ผมสืบมาได้ก็มีแค่นี้แหละครับ”
“ขอบใจ” ฉินหลางเก็บเอกสารดังกล่าว
ฉินหลางเห็นฮานซานฉางเหมือนมีอะไรจะพูด แต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา ทำให้เขานึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ และถามขึ้นว่า “อาฉาง เจอปัญหาอะไรรึเปล่า?”
ฮานซานฉางได้ยินฉินหลางถาม จึงถอนหายใจพลางพูดขึ้น “แม่ม มีคนคิดจะมายึดถิ่นผม!”
“ไหนลอง เล่าให้ฟังหน่อยสิ” ฉินหลางรินเหล้าหนึ่งแก้ว ฟังฮานซานฉางเล่าต้นสายปลายเหตุ
ฮานซานฉางมีเื่เดือดร้อน ฉินหลางเดาได้ั้แ่แรกแล้ว ในเมื่อพวกนั้นกล้าวางยาฮานซานฉาง จะต้องไม่กลัวอิทธิพลของเขาอยู่แล้ว เพียงแต่ฮานซานฉางไม่ได้พูดถึง ฉินหลางจึงไม่สะดวกที่จะถามก่อน ไม่งั้นเดี๋ยวฮานซานฉางจะคิดว่าฉินหลางอยากเป็พี่ใหญ่ซะเอง
“ลูกพี่ของกระทิง ซางคุนได้บอกเงื่อนไขแล้วว่า พวกเขาจะให้ผมยกถนนเส้นหน้าโรงเรียนให้พวกมัน!” ฮานซานฉางพูดอย่างเคียดแค้น
ถนนเส้นหน้าโรงเรียนชีจงเก็บค่าคุ้มครองได้เยอะมาก ฮานซานฉางจึงเสียดายเป็ธรรมดา อีกอย่าง ถ้าเสียพื้นที่ในปกครองไป ก็เท่ากับยอมรับว่าตนอ่อนกว่า
“ดูไปแล้ว เหมือนว่านายจะสู้ซางคุนนี่ไม่ได้?” ฉินหลางยังคงพูดขึ้นด้วยท่าทีนิ่งเฉย
“ใช่ครับ” ฮานซานฉางก็ไม่ได้ปกปิด “สองวันมานี้คนของผมแตะต้องพวกมันแบบลับๆ ทว่าทั้งจำนวนคน และความแข็งแกร่ง คนของผมต่างก็เสียเปรียบทั้งสิ้น!”
“ถ้าอย่างนั้นนายจะยอมยกพื้นที่ให้เขาเหรอ?” ฉินหลางถามขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
ฮานซานฉางคิดว่าฉินหลางจะเสนอตัวช่วยเขาซะอีก เพราะศิลปะการต่อสู้ของฉินหลางก็เป็ที่ประจักษ์ต่อทุกสายตา แต่ฉินหลางกลับไม่ได้คิดดังกล่าว แต่เมื่อฮานซานฉางทบทวนดูอีกครั้ง ยังไงซะฉินหลางก็เป็เพียงเด็กนักเรียน อาจไม่มีความสนใจในวงการนี้ ถ้าเป็อย่างนั้นก็ไม่จำเป็ต้องช่วยเขา
“เื่นี้…”
ฮานซานฉางถอนหายใจยาวๆ ยกเหล้าขึ้นซด “ผมไม่มีทางยกให้มันแน่! เื่ที่ซางคุนวางยาผม แล้วไปก็ได้ แต่เ้านี่มันเป็คนบ้าไม่มีอะไรที่มันไม่กล้าทำ ถ้ามันได้ถนนเส้นหน้าโรงเรียนไป มันต้องขายยาเสพติดให้นักเรียนแน่ กลายเป็จะคอยฉุดดึงนักเรียนพวกนั้นลงเหวมากยิ่งขึ้น!”
“คิดไม่ถึงว่านายก็มีมุมที่ผดุงคุณธรรมเหมือนกัน” ฉินหลางยิ้มจางๆ
ฮานซานฉางหน้าแดง ก่อนจะพูดด้วยท่าทีจริงจัง “พี่ฉิน ผมรู้ว่ามีบางเวลาที่พี่ดูถูกผม ผมก็แค่อันธพาลคนหนึ่งในวงการนี้ ถึงแม้คนอย่างผมจะอยู่ในวงการนี้ แต่ผมก็มีมาตราฐานของตัวเอง ต้องมีความภักดีต่อพวกพ้อง ไม่แตะต้องสิ่งเสพติด ไม่ข่มขืนบังคับใจผู้หญิง!”
“พี่ฉาง ฉันไม่ได้จะดูถูกพี่” ฉินหลางพูดด้วยความสงบนิ่ง “มีขาวก็ต้องมีดำ ฉันเข้าใจสัจธรรมข้อนี้ดี ถนนเส้นหน้าโรงเรียน ที่แบบนั้นจะต้องมีคนในวงการจับจ้องเป็ธรรมดา พี่ฉางมีมาตราฐานในตัวเอง ก็ดีมากแล้ว”
ฉินหลางใช้คำว่า ‘พี่ฉาง’ เรียกฮานซานฉางอีกครั้ง เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาไม่เคยที่จะดูถูกฮานซานฉาง หลายปีมานี้ฉินหลางโดนตาเฒ่าพิษกรอกอะไรเข้ามาหลายอย่าง เขาคงไม่ไร้เดียงสาจนมองว่าโลกนี้เป็โลกที่ทุกคนเท่าเทียมกัน สงบร่มเย็น เต็มไปด้วยเสียงร้องเพลงและการเต้นรำหรอก ฮานซานฉางยังคงรักษามาตราฐานของตัวเองได้ก็นับว่าดีมากแล้ว
ฮานซานฉางคิดไม่ถึงว่านักเรียนมัธยมอย่างฉินหลางจะมองอะไรได้ทะลุปรุโปร่งขนาดนี้ ทำให้เขานับถือมากขึ้นไปอีก ดังนั้นฮานซานฉางจึงถือโอกาสพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา “พี่ฉิน ผมรู้ว่าพี่มีฝีมือการต่อสู้ที่ล้ำเลิศ ถ้าหากว่าพี่ยอมช่วยละก็ ผมจะสามารถรักษาไว้ได้ทั้งถิ่นฐานและชื่อเสียงของผม…พี่วางใจได้ ผมไม่ให้พี่ช่วยเปล่าๆ แน่นอน เอาอย่างนี้ ต่อไปพี่เป็ลูกพี่ใหญ่ของผม!”
ฉินหลางรู้ว่าฮานซานฮางคิดอะไรั้แ่แรกแล้ว ที่เขาไม่ได้เสนอตัว ก็เพราะกำลังรอให้ฮานซานฉางเอ่ยปากอยู่นี่แหละ ตาเฒ่าพิษจะให้ฉินหลางรับ่กิจการทั้งหมดของอันเต๋อเซิ่ง และต้องเป็การรับ่อย่างถูกกฏหมายด้วย ไม่อย่างนั้นวันที่รับ่กิจการของอันเต๋อเซิ่ง รุ่งขึ้นตำรวจคงเข้ามาจับเขาถึงบ้านแน่นอน ดังนั้นฉินหลางได้วิเคราะห์แล้วว่าวิธีที่ดีที่สุดคือการทำผ่านมือของฮานซานฉาง ฮานซานฉางถือเป็มาเฟียในวงการ คุ้นเคยอิทธิพลทั้งสายขาวและสายดำในเมืองเซี่ยหยาง จะต้องมีวิธี่ชิงกิจการของอันเต๋อเซิ่งมาแบบถูกกฏหมายแน่นอน
“ฉันเป็ลูกพี่ใหญ่นายไม่ได้หรอก” ฉินหลางส่ายหน้าพลางกล่าว “ต่อไป นายจะไม่ได้เป็เพียงลูกพี่ใหญ่ในพื้นที่นี้เท่านั้น แต่นายจะเป็พี่ใหญ่ในเขตหรือแม้แต่พี่ใหญ่ของทั้งเมืองเซี่ยหยาง!”
น้ำเสียงของฉินหลางราบเรียบ แต่กลับให้ความรู้สึกมั่นใจเต็มเปี่ยม นั่นทำให้ฮานซานฉางกระตือรือร้นขึ้นมาทันที ฮานซานฉางก็ไม่ใช่คนที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ เขาคิดได้อย่างรวดเร็วว่าการจะทำสำเร็จนั้นไม่ได้เป็เื่ง่ายเลย เพราะถึงแม้ฉินหลางจะมีผีมือดี แต่ในวงการนี้ ไม่ใช่ว่ามีฝีมือแค่อย่างเดียวก็จะสามารถครองแผ่นดินได้ ทว่าฮานซานฉางกลับเข้าใจความหมายของฉินหลางและพยักหน้าพลางกล่าว “ผมเข้าใจแล้วครับพี่ฉิน พี่จะเป็ลูกพี่ใหญ่ที่อยู่เื้ั”
ฮานซานฉางยอมให้ฉินหลางเป็ลูกพี่ใหญ่ได้ แน่นอนว่าจะต้องยอมให้เขาเป็ลูกพี่ใหญ่ที่อยู่เื้ัได้ด้วยเช่นกัน เพราะถ้าฉินหลางไม่ช่วยเหลือ เป็ไปได้สูงมากที่ฮานซานฉางจะแพ้ซางคุน ถึงตอนนั้นจะต้องเสียทั้งหน้าและพื้นที่ในการปกครองไปพร้อมๆ กัน เผลอๆ อาจจะโดนกวาดล้างจนหมดทั้งแก๊ง กลายเป็เหยื่อในโลกที่ปลาใหญ่กินปลาเล็กแบบนี้ ตรงกันข้าม ให้ฉินหลางเป็ลูกพี่ใหญ่ที่อยู่เื้ั นอกจากจะได้ขยายอาณาเขตการปกครองแล้ว ฮานซานฉางยังได้รับประโยชน์อีกไม่น้อย!
มีการร่วมมือเป็พื้นฐานแล้ว ต่อไป ก็จะคุยกันได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
ฮานซานฉางก็ไม่ได้อึดอัดมากเท่าเดิม และเริ่มปรึกษาหาวิธีรับมือกับซางคุน “ไอ้สารเลวซางคุนนั่น ไม่ได้มีพื้นเพอยู่ในเมืองเซี่ยหยาง มันเป็คนอุยกูร์ในจังหวัดซินเจียง พาพวกพ้องชาวอุยกูร์ที่ไม่กลัวตาย มายึดครองสถานีรถไฟในฝั่งตะวันออกไว้ ถึงได้รวยเป็เทน้ำเทท่า ที่สำคัญพวกมันอำมหิตและเหี้ยมโหดมาก รับมือยากมากจริงๆ ตอนแรกกระทิงกับซางคุนต่างก็ไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน คิดไม่ถึงว่าตอนนี้เ้าหมอนี่มาทำงานให้ซางคุนแล้ว เพราะฉะนั้นตอนนี้พวกมันแข็งแกร่งมาก”
“เื่นี้มันไม่ค่อยสมเหตุสมผลกันเลย” ฉินหลางครุ่นคิด “ฐานของซางคุนอยู่ตะวันออก ส่วนนายอยู่ทางใต้ ตราบใดที่เขายังไม่ได้อำนาจทั้งหมดในฝั่งตะวันออก ไม่มีเหตุผลที่เขาจะรีบประกาศศึกกับนาย”
“ผมเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะเป็แบบนี้” ฮานซานฉางกล่าว “เมื่อก่อนผมกับซางคุนต่างก็ไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน”
“อันดับแรก พวกเราต้องรู้จุดประสงค์ของพวกมันก่อน—” ฉินหลางใช้นิ้วเคาะแก้วเบาๆ วิเคราะห์หาที่มาที่ไปทั้งหมด ผ่านไปสักพัก เหมือนว่าเขาจะได้คำตอบแล้ว “ถนนเส้นหน้าโรงเรียน! ถนนเส้นหน้าโรงเรียนมีอะไรที่ทำให้เขาสนใจมากขนาดนี้?”