บริษัทKA
ชั้นผู้บริหาร….
17:30น.
เอริ ฐิติมน….
พรึบ
“เอริ^_^”เสียงนุ่มละมุนเอ่ยขึ้นทันทีที่ฉันหันมาประจันหน้ากับเขาเข้าอย่างจัง
“มีอะไร?”ฉันเอ่ยถามขุนศึกไปอย่างสงสัยและเดินถือแก้วกาแฟออกมาจากห้องครัวที่ทางบริษัทจัดไว้ให้พนักงานได้มาพักผ่อนหาของว่างกินกันซึ่งคนที่ทำหน้าที่ซื้อของว่างพวกขนมเค้กขนมคุกกี้สารพัดขนมและกาแฟเครื่องดื่มชูกำลังและของกินก็คือฉันเอง พวกเขาอุตส่าห์ทำงานให้เราก็ต้องดูแลพวกเขาดีๆหน่อย
พรึบ
“วันนี้วันอะไร…ริจำได้ไหมคะ^_^”ขุนศึกเอ่ยถามฉันพร้อมกับเดินมาดักหน้าฉันที่เดินถึงโต๊ะทำงานด้านหน้าห้องของเขาพอดี ฉันก็ผ่อนลมหายใจอย่างเบื่อหน่ายออกมาและเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าขุนศึกด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“วันนี้วันอังคาร…”ฉันตอบขุนศึกไปพลางยกแก้วกาแฟเตรียมจะดื่มแต่แล้วก็โดนขุนศึกแย่งแก้วกาแฟไปจากมือฉันอย่างรวดเร็ว
พรึบ
“ขุน!!”ฉันตวาดเขาเสียงดังอย่างไม่พอใจที่เขาเอาแต่วอแวฉัน เขาก็มองหน้าฉันแววตาสั่นไหวอย่างงุนงงและแปลกใจเพราะฉันไม่เคยเป็แบบนี้มาก่อน แต่ต่อไปนี้ ฉันคงจะเป็แบบนี้และมันจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆแน่นอน
“ริเป็อะไรอ่ะ?”ขุนศึกเอ่ยถามฉันอย่างสงสัยเสียงของเขาแ่เบาอย่างใกับท่าทางและสายตาที่เปลี่ยนไปของฉันในตอนที่มองเขา
“ก็เบื่อไง”ฉันบอกเขาไปพลางจ้องมองหน้าเขาและทำสายตาไม่พอใจใส่เขาก่อนจะลุกขึ้นยืนหยิบกระเป๋าแบรนด์เนมของตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานขึ้นมาสะพายไหล่เพื่อจะกลับบ้าน
“เมื่อตอนบ่าย…ริไปไหนมา…ขุนรอริตั้งนานน่ะ”ขุนศึกเอ่ยถามฉันขึ้นทันที ฉันก็เหลือบหางตาไปมองหน้าเขา ่บ่ายฉันไปหาแม่นายมานั้นแหละ ถึงว่าล่ะทำไมตอนกลับมาเห็นขุนศึกนั่งสัปหงกอยู่ที่โต๊ะทำงานของฉันซึ่งมันอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้าห้องทำงานเขาน่ะ
“ไปทำธุระมา….ขุนเป็เ้านายน่ะ…ไม่ใช่เ้าชีวิตของริ…”ฉันเอ่ยบอกขุนศึกไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ขุนศึกมีแววตาสั่นไหวและฉันก็เดินออกมาจากตรงนั้นเลยทันทีที่พูดจบ
พรึบ
“ริเป็อะไรอ่ะ?”ขุนศึกเอ่ยถามฉันในขณะที่เขาวิ่งมาจับข้อมือฉันเพื่อรั้งฉันไว้ ฉันถอนหายใจออกมาก่อนจะรวบรวมสติทั้งหมดและหันไปเผชิญหน้ากับขุนศึกอีกครั้ง
พรึบ
“ริไม่ได้เป็อะไร…แต่นี้มันเป็เวลาเลิกงานของริแล้ว”ฉันหันไปตอบเขาพลางทำสีหน้าเหนื่อยล้าไปด้วย ฉันว่าบางทีฉันก็แสดงละครเก่งเหมือนกันน่ะเนี่ย^_^
“เดี๋ยวขุนไปส่ง”เขาว่าเสียงอ่อนอย่างออดอ้อนตามสไตล์นิสัยของเขา
“ริเอารถมา….”ฉันตอบขุนศึกไป เขาก็ทำสีหน้างอแงใส่ฉัน
“แต่ขุน….”เขากำลังจะแย้งฉันแต่ก็เจอฉันทำสายตาดุแข็งใส่เขาซะก่อนเลยทำให้เขาหยุดชะงักที่จะพูดต่อ
“ขอตัวค่ะ…ท่านประธาน…”ฉันบอกเขาพลางก้มหน้าลงไปมองที่ข้อมือฉันที่โดนฝ่ามือของขุนศึกจับอยู่และดูเหมือนเขาจะไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยข้อมือฉันให้เป็อิสระเลย ฉันจึงต้องบิดข้อมือตัวเองเพื่อให้เขาปล่อยฉัน
“ปล่อยค่ะ…”ฉันกดเสียงต่ำพูดออกไปพลางจ้องเขาเขม่น ขุนศึกเลยจำใจต้องยอมปล่อยมือจากข้อมือของฉันอย่างช้าๆ
พรึบ
ทันทีที่ข้อมือฉันเป็อิสระฉันก็หันหลังเดินออกมาจากขุนศึกเลย โดยที่ไม่ได้หันไปมองว่าเขากำลังทำสีหน้ายังไงอยู่
“กลับแล้วเหรอคะ….พี่เอริ^_^”ทันทีที่ฉันเดินผ่านหน้าเคาน์เตอร์ต้อนรับของบริษัทก็เจอเข้ากับน้องนักศึกษาฝึกงานทักทายฉันที่เธอกำลังถือเอกสารเพื่อจะเดินไปที่ไหนสักที่ ซึ่งฉันเองก็ไม่ค่อยรู้
“จ้า….ไว้พรุ่งนี้เจอกันนะ^_^”ฉันเอ่ยบอกน้องนักศึกษาไปอย่างเป็มิตร น้องคนนี้จัดว่าเป็ผู้หญิงที่สวยน่ารักคนหนึ่งเลยล่ะ ทั้งจมูกที่โด่งริมฝีปากดวงตาดูรวมๆแล้วก็มีเสน่ห์น่ารักสวยไปในแบบของเธอ
“ค่ะ….สวัสดีค่ะ^_^”เธอยิ้มหวานให้ฉันก่อนจะยกมือขึ้นไหว้ฉันอย่างเคารพ ฉันก็ยิ้มและยกมือรับไหว้เธอ
“พี่รีบ…พี่ไปก่อนนะจ๊ะ^_^”
“ค่ะ…ขับรถกลับบ้านดีๆนะคะ^_^”ฉันก็ยิ้มให้เธอที่เธอนิสัยดีอยู่เป็น่ะเนี่ย ฉันเดินออกมาจากเธอมุ่งหน้าไปยังลานจอดรถเพื่อจะไปยังรถของฉันแต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น
พรึบ
“อื้อออ!!”ฉันร้องออกมาอย่างใที่อยู่ๆร่างของฉันก็โดนใครสักคนสวมกอดจากทางด้านหลังอย่างไวแถมยังจับข้อมือทั้งสองข้างของฉันไขว้ไปด้านหลังอีกพร้อมกับเสียงดังแกร๊กเหมือนเหล็กดีดตัวเข้าหากัน
แกร๊ก
“ขุนศึก!!”ฉันโวยออกไปเสียงดังทันทีที่รู้ว่าใครเป็คนมาจับร่างของฉันแถมยังถือวิสาสะเอากุญแจมือที่ล็อคนักโทษมาล็อคข้อมือทั้งสองข้างของฉันที่ไขว้ไปด้านหลังอีก
“ก็คุยด้วยดีๆแล้วริไม่ยอมให้ขุนไปส่ง…ก็ต้องเจอแบบนี้แหละครับ^_^”เขาเอ่ยบอกฉันมาพลางยื่นหน้ามาจากด้านหลังของฉันมามองหน้าฉัน
“หึย!”ฉันมองหน้าเขาพลางทำเสียงไม่พอใจออกมา ขุนศึกก็ยกยิ้มที่มุมปากอย่างกวนโอ้ย
“ไปครับ…”ขุนศึกเอ่ยขึ้นพลางจับไหล่ของฉันดันเบาๆให้ฉันออกแรงขยับขาเดินไปข้างหน้าแต่ฉันก็ไม่ยอมทำตามที่เขาสั่ง
“ไม่ไปดีๆใช่ป่ะ?”ขุนศึกจับร่างของฉันให้หันไปมองหน้าเขาพลางกดเสียงต่ำเข้มอย่างจริงจัง ฉันก็จ้องตาเขากลับอย่างไม่ยอมแพ้เขาเช่นกัน เราจ้องตากันเนิ่นนานมันมีทั้งความรู้สึกที่ลึกซึ้งและอะไรหลายๆอย่างระหว่างเราสองคนเพราะอาจจะเป็เพราะเราคบกันและรู้จักนิสัยของกันและกันมาเนิ่นนานแล้วก็ได้
“ประจำเดือนมาเหรอไงเอริ….ถึงได้ดูหงุดหงิดและมองจะรำคาญขุนจัง?”เขาเลิกคิ้วพลางเอ่ยถามฉันออกมาอย่างสงสัยในขณะที่เราสองคนจ้องตากันและต่างคนต่างเงียบ แต่ขุนศึกก็เป็ฝ่ายเอ่ยพูดขึ้นมาก่อน
“เปล่า….แค่วันนี้รู้สึกเบื่อขี้หน้านาย”ฉันตอบเขาไปเสียงอ้อมแอ้มทำให้ขุนศึกขมวดคิ้วมองหน้าฉันอย่างสงสัยและสายตาของเขาสั่นไหววูบหนึ่งแต่ก็แค่แวบเดียว
“ริ….กำลังล้อขุนเล่นใช่ไหม?”เขาเอ่ยถามฉันพลางยิ้มขึ้นมาแต่เขาก็ต้องหุบยิ้มลงเมื่อฉันไม่ได้ยิ้มตอบเขาไปแต่กลับทำสีหน้าจริงจังใส่เขา
“ปล่อย”ฉันเอ่ยบอกขุนศึกไป เขาก็เอาแต่มองหน้าฉันนิ่งไม่ยอมทำตามคำที่ฉันบอกให้เขาปล่อยกุญแจมือที่ใส่ข้อมือฉันอยู่ให้ออก
“ขุนศึก”ฉันเรียกเขาเสียงเข้ม เขาก็ทำลอยหน้าลอยตาไม่ยอมทำตาม ฉันหรี่ตามองหน้าเขาอย่างเอาเื่
“ปล่อย!!”ฉันะโสุดเสียงเท่าที่เสียงของฉันจะดังได้ได้ใส่หน้าเขาไป
“ไม่ปล่อย”เขาก็ขยับศีรษะไปมาพลางบอกฉันกลับมาด้วยสีหน้าเ้าเล่ห์
“ขุนศึก!”
“เอริ^_^”เขาเรียกฉันกลับพลางยิ้มหวานให้ฉันก่อนที่เขาจะเอามืออีกข้างล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกงของเขา ฉันก็มองหน้าเขาสลับกับมือของเขาที่ล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างนึกหวาดกลัวความบ้าบิ่นของขุนศึก
พรึบ
“ขุนจะทำอะไรอ่ะ?”ฉันเอ่ยถามขุนศึกไปพลางขยับขาถอยหลังหนีเขาแต่ก็โดนขุนศึกที่ยังไม่ปล่อยมือออกไปจากไหล่ฉันจับฉันไว้แน่นก่อนจะรั้งฉันไว้ไม่ให้หนีเขา
พรึบ
“อื้ออออ!”ฉันดีดดิ้นสุดแรงและพยายามเบือนหน้าหนีเขาที่ตอนนี้เขาได้หยิบเนคไทออกมาจากกระเป๋ากางเกงสแล็คผ้าเนื้อดีขึ้นมาสองเส้นและใช้หนึ่งเส้นปิดปากฉันโดยการมัดปมเนคไทไว้ด้านหลังของฉัน
“อื้ออออ!!”ฉันร้องเสียงอู้อี้อย่างไม่เป็ภาษาเพราะตอนนี้ปากของฉันได้ถูกเนคไทของขุนศึกปิดปากฉันได้สำเร็จแล้ว เขาก็ยิ้มหวานให้ฉันหนึ่งทีผิดกับฉันที่จ้องเขาตาเขม่นอย่างเอาเื่ นี้เขาเล่นบ้าอะไรอยู่เนี่ย ดีนะที่ตอนนี้ไม่มีผู้คนเดินไปเดินมาน่ะไม่งั้น เขาคงคิดว่าอีตาขุนศึกนี่กำลังจะลักพาตัวฉันแน่ๆ
“อื้ออออุน!”ฉันเบิกตาโตขึ้นอีกครั้งที่คราวนี้ขุนศึกยิ้มที่มุมปากอย่างมีเลศนัยทำให้ฉันนึกหวั่นในใจขึ้นมาและมันก็จริงอย่างที่ฉันคิด เขานำเนคไทอีกเส้นที่เหลือมาปิดตาฉันเพราะเส้นนี้มีขนาดความกว้างและความยาวที่ใหญ่กว่าเส้นที่เขาเอามาปิดปากฉันให้ฉันคาบอยู่เนี่ยมากกว่านิดหน่อย!
พรึบ
“อุน!!!”เสียงสุดท้ายของฉันที่เรียกเขาอู้อี้ก่อนทุกอย่างจะดับมืดลงเพราะดวงตาของฉันได้ถูกขุนศึกใช้เนคไทปิดตาฉันทั้งสองข้างแล้ว ฉันก็ดิ้นรนไม่ได้เพราะมือก็ถูกกุญแจมือล็อคไว้ ปากก็ถูกเนคไทปิด ดวงตาก็โดนบดบังไม่ให้มองเห็นอีก
พรึบ
“ริ….ดื้อกับขุนเองนะครับ…ที่รัก^_^”ขุนศึกกระซิบเสียงแ่เบาที่ข้างหูฉัน ทำให้ฉันนึกโมโหเขาอยู่ในใจเพราะทำอะไรไม่ได้ ด่าก็ไม่ได้ ตีเขาก็ไม่ได้ สรุปฉันทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง!
พรึบ
“อื้อออออุอ!!”ฉันร้องเสียงหลงทันทีที่ร่างของฉันถูกขุนศึกยกขึ้นพาดไหล่ของเขา ฉันก็ดิ้นรนไปมาก่อนจะต้องหยุดเพราะโดนฝ่ามือนุ่มๆของขุนศึกประทับลงมาบนก้นของฉันที่วันนี้ฉันใส่กระโปรงที่สั้นจู๋และรัดรูปมากทำให้เกิดความรู้สึกเจ็บเวลาที่โดนเขาตีก้น
เพลี๊ยะ
“อยู่นิ่งๆครับ…”เสียงของขุนศึกเอ่ยตามมาหลังการกระทำ ทำให้ฉันทำได้แต่ถอนหายใจฟุดฟิดอย่างไม่พอใจ ก่อนจะรู้ว่าขุนศึกอุ้มร่างฉันเดินมาที่รถของเขาหรือไม่ก็ของฉันนี่แหละก่อนจะวางร่างของฉันนั่งลงบนเบาะนั่งนุ่มๆกลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคยทำให้ฉันรู้ทันทีว่านี้เป็รถของขุนศึก
พรึบ
เสียงปิดประตูฝั่งฉันดังขึ้นหลังจากที่ขุนศึกจัดการจับให้ฉันนั่งเรียบร้อยแล้วพร้อมกับคาดเบลท์ให้เสร็จสรรพ ตามด้วยเสียงเปิดประตูรถฝั่งตรงข้าม
“อะอาอัอไอไออ?”ฉันเอ่ยถามขุนศึกไป ทันทีที่เสียงประตูฝั่งคนขับปิดลง
“ไม่บอก….”น้ำเสียงเ้าเล่ห์ที่เต็มไปด้วยน้ำเสียงสดใสของขุนศึกเอ่ยกระซิบที่ข้างหูฉันเหมือนเดิม ทำให้ฉันทำหน้าบู้บี้อย่างไม่พอใจเขา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้!!เพราะขุนศึกบ้าดีเดือดกว่าที่ใครๆหลายคนรู้!เพราะคงไม่มีคนดีๆที่ไหนทำกับผู้หญิงแบบที่ขุนศึกทำหรอก ทำเหมือนกำลังจะลักพาตัวฉันไปขายอย่างงั้นแหละ อีตาบ้าเอ้ย!