ผ่านไปพักหนึ่ง ฉินหลางเริ่มใช้นิ้วมือกดหัวเข็ม ผ่านไปอีกราวๆ 20 นาที ฉินหลางถึงจะเอาเข็มออก จากนั้นบอกกับโหวกุยหยุนว่า “คุณปู่ ลองขยับมือดูสิครับ”
โหวกุยหยุนตื่นเต้นอยากจะลองตั้งนานแล้ว จึงรีบขยับแขนไปมา ยกแขนขึ้น กำหมัดหลวมๆ แล้วค่อยๆ กำแน่นขึ้นเรื่อยๆ จู่ๆ โหวกุยหยุนก็หัวเราะเสียงดังพร้อมกับพูดว่า “ดีมากเลย! แขนข้างนี้กลับมาแล้ว! บิดาไม่ต้องนอนติดเตียงไปตลอดชีวิตแล้ว!”
นอนติดเตียงมาหลายปี ความคับแค้นใจก็ถูกเก็บกดมานานหลายปีด้วยเช่นกัน ในที่สุดโหวกุยหยุนก็ได้ระบายออกมาแล้ว
“เ้าฉิน! เธอช่างเป็หมอเทวดา! เป็หมอเทวดาจริงๆ!” โหวกุยหยุนใช้มือที่เพิ่งกลับมาใช้งานได้ยกนิ้วโป้งให้ฉินหลาง
ลู่ชิงซานก็ชื่นชมเขาเช่นกัน ถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง เขาไม่มีทางเชื่อว่าเพียงชั่วอึดใจฉินหลางก็สามารถรักษาแขนของปู่เขาให้กลับมาใช้งานได้แล้ว
“พอแล้วครับ คุณปู่อย่ายอผมนักเลย วิชาการแพทย์ของผมมีคุณงามความดีเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น อีกครึ่งหนึ่งท่านต้องยกให้ตัวเอง ถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายของท่านค่อนข้างแข็งแรงอยู่แล้ว จึงสามารถกระตุ้นให้แข็งแกร่งขึ้นได้ ถ้าไม่อย่างนั้น ต่อให้วิชาการแพทย์ของผมจะสูงแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์” ฉินหลางไม่ได้ถ่อมตัว เพราะถ้าร่างกายชายชราไม่ไหวแล้วจริงๆ ฉินหลางก็จนปัญญาเหมือนกัน เข็มพิษทั้งห้าสามารถกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาทของมนุษย์ได้ แต่ถ้าร่างกายคนๆ นั้นทรุดโทรมมากจริงๆ ต่อให้กระตุ้นแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ไม่ใช่เหรอ?
“เ้าฉิน! รีบรักษาขาให้ฉันด้วยสิ! วันนี้ฉันจะได้ลงไปเดินแล้ว!” เห็นได้ชัดว่าโหวชิงหยุนตื่นเต้นที่จะได้กลับมาเดินเต็มทีแล้ว
“คุณปู่ ท่านอย่าเพิ่งรีบนะครับ” ฉินหลางอธิบายว่า “ข้าวต้องค่อยๆ กินทีละคำ วันนี้ผมรักษาแขนให้ท่านก่อน แล้วสัปดาห์หน้า ผมค่อยมารักษาขาทั้งสองข้างให้ท่านอีกครั้ง ท่านก็รู้ว่า เข็มของผมเป็เข็มพิษ แม้ว่าตอนนี้จะรักษาแขนของท่านได้ แต่ในขณะเดียวกันแขนของท่านก็มีสารพิษตกค้างอยู่เช่นกัน ดังนั้นท่านจึง้าเวลาหนึ่งสัปดาห์เพื่อขับพิษพวกนี้ออกจากร่างกาย พร้อมกับเตรียมความพร้อมโดยการบำรุงร่างกายก่อน”
หลังจากฟังที่ฉินหลางอธิบายแล้ว ลู่ชิงซานกับโหวกุยหยุนก็เข้าใจทันที
โหวกุยหยุนถอนหายใจ แล้วพูดว่า “ในเมื่อคุณหมอเ้าฉินพูดอย่างนี้แล้ว ปู่รออีกหน่อยก็ได้ ไหนๆ ก็รอมาตั้งหลายปีแล้ว รออีกสักสัปดาห์ก็ไม่เป็ไร”
“ต้องอย่างนี้สิครับ” ฉินหลางหัวเราะคิกๆ แล้วหันไปบอกลู่ชิงซานว่า “นายมีกระดาษกับปากการึเปล่า เดี๋ยวฉันจะเขียนใบสั่งยากับวิธีการดูแลคุณปู่ และการขับสารพิษออกจากร่างกายเบื้องต้นให้ก่อน แต่คุณปู่เคยได้รับาเ็ที่เอวอยู่จะยุ่งยากหน่อย เพราะแผลเก่ายังไม่หายดี ก็เลยทำให้ตอนนี้ปู่ขยับเขยื้อนร่างกายไม่ได้ ถูกไหมครับ?”
“เธอรู้ว่าฉันได้รับาเ็ที่เอวเหรอ?” โหวกุยหยุนถามด้วยความใ
“เมื่อกี้ตอนฝังเข็ม ผมสังเกตเห็นว่าในร่างกายท่านมีหลายจุดที่เืลมไหลผ่านไม่ได้ ดูแล้วคนที่ต่อสู้กับท่าน ทำให้ท่านาเ็ไม่น้อยเลย” ฉินหลางถอนหายใจ
“เื่ตอนนั้น…อย่าพูดถึงเลย” ดูเหมือนว่าโหวชิงหยุนไม่อยากจะพูดถึงเื่ในอดีต “ไม่ว่ายังไง ฉันก็ต้องขอบใจเธอมากนะ เ้าฉิน รอให้ฉันหายเมื่อไหร่ ค่อยขอบคุณเธออีกทีนะ!”
“ไม่เป็ไรครับคุณปู่” ฉินหลางจึงลากลับ “ตอนนี้ก็สายมากแล้ว งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ วันนี้ผมยังต้องกลับไปที่เมืองเซี่ยหยางอีก”
“ได้ไงล่ะ! อย่างน้อยก็กินข้าวก่อนสักมื้อสิ!” โหวกุยหยุนพูดด้วยความจริงใจ เพียงแต่ฉินหลางรู้ว่าตัวเองขาดเรียนมานานมากแล้ว เขาควรจะกลับไปแล้วจริงๆ ไม่อย่างนั้น เขาไม่รู้ว่าจะต้องบอกกับเถารั่วเซียงยังไง
เห็นฉินหลางยืนยันจะกลับ โหวกุยหยุนจึงไม่รั้งไว้อีก ดังนั้นเขาจึงบอกให้ลู่ชิงซานไปส่งฉินหลาง อย่างไรเสียลู่ชิงซานก็ต้องออกไปซื้อยาอยู่แล้ว เขาจึงออกไปพร้อมกับฉินหลางเลยทีเดียว
ออกมาถึงหน้าบ้าน ลิงขาวกำลังนั่งแทะปลาตัวใหญ่อยู่ในสวน ไม่บอกก็รู้ว่าเ้าลิงขาวจับปลาตัวนี้มาจากในแม่น้ำ ลู่ชิงซานคงเห็นจนชินแล้วจึงไม่รู้สึกแปลกใจแล้ว เขาเพียงหันไปบอกกับเ้าลิงขาวว่า “เ้าไป๋ ดูแลคุณปู่ให้ดีๆ นะ!”
เ้าลิงขาวพยักหน้ารับ เห็นได้ชัดว่ามันฟังรู้เื่ว่าลู่ชิงซานพูดอะไร
“ลิงขาวตัวนี้ฉลาดมากเลย” ฉินหลางมองเ้าลิงขาวแล้วพูดขึ้น
“ใช่ แต่ว่าลิงขาวตัวนี้ไม่ได้เป็ของฉัน มันเป็ของคุณปู่ เ้าไป๋อยู่กับคุณปู่มา 20 กว่าปีแล้ว แต่เ้าไป๋น่าจะไม่ได้มีอายุแค่ 20 หรอก” ลู่ชิงซานพูดถึงอายุของเ้าลิงขาว แววตาเขาดูหม่นหมองอย่างอดไม่ได้ เพราะเขารู้ว่าเ้าลิงขาวตัวนี้มีเวลาเหลืออีกไม่มากแล้ว
เมื่อฉินหลางกับลู่ชิงซานกลับมาถึงท่ารถ ไม่อยากเชื่อว่า ‘พี่แช่น้ำร้อน’ คนนั้นก็ยังคงยืนเถียงกับพนักงานประชาสัมพันธ์ของท่ารถอยู่ นับได้ว่าเ้าหมอนี่เป็อีกหนึ่งสิ่งมหัศจรรย์แล้ว
รถที่จะไปเมืองเซี่ยหยางได้จอดรออยู่ที่ท่ารถแล้ว ฉินหลางจึงให้ลู่ชิงซานรีบกลับไปซื้อยาให้ปู่ของเขาก่อน ลู่ชิงซานลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เหมือนเขามีอะไรที่เก็บไว้ในใจมาตลอด ในที่สุดเขาก็รวบรวมความกล้าพูดออกมา “ฉินหลาง บุญคุณของนายฉันจะจำไว้ในใจ! ฉันก็เป็ชาวยุทธ์เหมือนกัน ขอแค่นายรักษาปู่ฉันให้หายได้ ต่อไปฉันจะเสี่ยงเป็เสี่ยงตายแทนนายเอง!”
ที่ลู่ชิงซานลังเล ไม่ใช่เพราะเขาไม่เต็มใจทำงานให้ฉินหลาง แต่เขากังวลว่างานที่ฉินหลางจะให้เขาทำมันจะขัดกับจรรยาบรรณของเขา เพราะเขายังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับฉินหลาง ไม่รู้ว่าฉินหลางทำ ‘ธุรกิจ’ อะไรในยุทธภพ เขาแค่รู้สึกว่าฉินหลางต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ
เหมือนว่าฉินหลางจะดูออกว่าลู่ชิงซานกังวลเื่อะไรอยู่ จึงหัวเราะคิกๆ แล้วพูดว่า “นายวางใจได้ ฉันไม่ได้ทำความรู้จักกับนายเพราะอยากให้นายมาช่วยงานฉัน แค่นั้นไม่พอ เพราะฉันเห็นนายเป็เพื่อนพ้อง เป็พี่น้อง ไม่ได้้าให้นายมาเป็มือปืนให้ฉัน!”
ลู่ชิงซานได้ฟัง ความกังวลบนใบหน้าก็หมดไป เขาพูดด้วยความยินดีว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันก็สบายใจแล้ว”
“ดูแลปู่นายให้ดีๆ ก่อน ส่วนเื่อื่น ต่อไปค่อยว่ากัน” ฉินหลางตบไหล่ลู่ชิงซานเบาๆ ในขณะพูด
จากนั้นฉินหลางก็ก้าวขึ้นไปบนรถโดยสารที่จะไปยังเมืองเซี่ยหยาง
เหน็ดเหนื่อยกับการนั่งรถจนถึงตอนเลิกเรียน ในที่สุดฉินหลางก็กลับมาถึงโรงเรียนแล้ว
ตอนที่ฉินหลางมาถึงประตูรั้วโรงเรียน เสียงกริ่งเลิกเรียนก็ดังขึ้น นักเรียนกรูออกมาจากโรงเรียนราวกับผึ้งแตกรัง ไม่ต่างกับตอนเปิดเขื่อนกั้นน้ำ เห็นได้ชัดว่าวันนี้มีนักเรียนมากผิดปกติ ฉินหลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เพิ่งจะสังเกตว่าวันนี้เป็วันเสาร์แล้ว เพราะพรุ่งนี้เป็วันหยุดสุดสัปดาห์ ดังนั้นเด็กหอบางส่วนก็กลับบ้านด้วยเช่นกัน
ฉินหลางเดินทวนฝูงชนเข้าไป เมื่อเข้ามาในโรงเรียนแล้ว เขาค่อยโทรศัพท์ไปหาเถารั่วเซียง “น้าเถาครับ ผมกลับมาแล้ว”
“นายไปตายที่ไหนมา?” ดูเหมือนเถารั่วเซียงกำลังโมโหมาก “ฉันไม่น่าติวให้นายทุกคืนเลย ฉันลำบากติวให้นายทุกวัน สรุปแล้วยังเยอะไม่เท่าที่นายหนีเรียนเลย…”
ฉินหลางไม่ได้ตอบ เขาจะรอให้เถารั่วเซียงได้ระบายจนหมดก่อน หลังจากที่เถารั่วเซียงบ่นฉินหลางไปสักพัก น้ำเสียงของเธอก็เริ่มอ่อนลงจริงๆ ด้วย “ตอนนี้นายรู้สึกดีขึ้นแล้วเหรอ?”
“ดีขึ้นแล้วครับ” ฉินหลางหัวเราะ
“นายนี่เลือกเวลาเก่งจริงๆ เลยนะ รู้ว่าพรุ่งนี้เป็วันอาทิตย์ วันนี้นายก็รู้สึกดีขึ้นเลย” เถารั่วเซียงสบถ “เอาเถอะ ไหนๆ ก็วันหยุดสุดสัปดาห์แล้ว นายก็รีบกลับบ้านได้แล้ว พักผ่อนอีกหนึ่งวัน อาทิตย์หน้าจะได้ตั้งใจเรียน!”
“ครับ แล้วน้าเถาไม่โกรธผมแล้วใช่ไหมครับ?”
“ฉันเป็อาจารย์ จะถือสานักเรียนอย่างนายได้ยังไง” เถารั่วเซียงพูดเหมือนหายโกรธแล้ว “ไม่พูดละ นายรีบกลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ”
จากนั้นเถารั่วเซียงก็กดตัดสาย
เื่ที่ฉินหลางขาดเรียนอย่างไม่มีสาเหตุ ทำให้เถารั่วเซียงโมโหมากจริงๆ ระยะนี้เธอติวให้ฉินหลางทุกคืน เพราะคิดว่าเ้าหมอนี่จะกลับตัวกลับใจและตั้งใจเรียนแล้ว คิดไม่ถึงว่าเขาขยันเพียงไม่กี่วัน ก็เผยธาตุแท้ออกมาแล้ว
โยนโทรศัพท์ไปบนโซฟาแล้ว เถารั่วเซียงก็เริ่มเลือกชุดในตู้ เตรียมจะแต่งตัวสวยๆ ออกไปกินข้าวกับเพื่อนสมัยเรียน ในเวลานี้เองจู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ใครอะ?” เถารั่วเซียงเอ่ยถาม
“จดมิเตอร์น้ำ—” เสียงที่ไม่คุ้นหูดังมาจากหน้าประตูห้อง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้