เยว่เยียนเยียนที่ได้แต่ยืนมองเฉินไฮว่ชิงต้มยาอยู่ข้างๆ รู้สึกว่าตนช่างไร้ประโยชน์ยิ่งนัก แล้วคุณหนูใหญ่ที่มีความมั่นใจและเย่อหยิ่งเปี่ยมล้นนั้น จะยอมให้ตัวเองกลายเป็คนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ดังนั้น เยว่เยียนเยียนจึงโบกพัดในมือของตน พลางแต่งตั้งตำแหน่งหนึ่งให้กับตัวเอง เป็ผู้คุมงาน
ทว่าผู้คุมงานคนนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีประโยชน์อะไรที่เป็รูปธรรมเลย เพียงเป็การวนเวียนวอแวอยู่รอบๆ เฉินไฮว่ชิง พูดง่ายๆ ก็คือ เหมือนกับผึ้งน้อยตัวหนึ่งนั่นเอง…
สำหรับหน้าที่รับผิดชอบที่ผู้คุมงานคนอื่นๆ ควรจะทำนั้น เยว่เยียนเยียนทำไม่ได้เลยสักนิด แต่เป็เช่นนี้เฉินไฮว่ชิงก็พอใจอย่างมากแล้ว ถึงอย่างไรแค่คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ก่อปัญหาให้ตนก็เป็เื่ที่ดีมากแล้ว ยังจะกล้าโลภมากให้เยว่เยียนเยียนช่วยงานอะไรตนได้อย่างไรกัน?
เมื่อเห็นหม้อต้มยาเดือดปุดๆ เฉินไฮว่ชิงจึงเริ่มเป็ห่วงเหยียนเฟยขึ้นมาอีกครั้ง ยาร้อนลวกปากขนาดนี้ หากเยว่เยียนเยียนไม่พอใจอะไรขึ้นมา แล้วเอายากรอกปากเหยียนเฟย เช่นนั้นเหยียนเฟยจะโดนลวกตายหรือไม่?
เฉินไฮว่ชิงลืมตัวส่ายหัวอย่างแรง เขายังไม่อยากให้เพื่อนต่างวัยที่รอดจากห่าฝนหนาวเหน็บมาได้ แต่หนีไม่พ้นยาดีช่วยชีวิตที่คู่อาฆาตป้อนให้ ถึงตอนนั้นยาดีก็กลายเป็ยาพิษ ดีไม่ดีอาจถูกนางลากเข้ากองสันติบาล บอกว่าตนไร้จรรยาแพทย์ไร้มโนธรรม ฆ่าคนไข้ที่ได้แต่นอนรอความตาย!
“ท่านส่ายหัวทำไมหรือ อาจารย์?”
เยว่เยียนเยียนที่ไม่รู้เข้ามาใกล้ั้แ่เมื่อไหร่ ทำให้เฉินไฮว่ชิงใสะดุ้งเฮือกขึ้นมา เฉินไฮว่ชิงสั่นสะท้านเล็กน้อย แล้วจึงรีบโบกมือเอ่ยอย่างลนลาน “ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร ข้าก็แค่คิดว่ายานี้มันขมเกินไป ประเดี๋ยวเหยียนเฟยคงต้องคิ้วขมวดแน่”
เื่เพ้อเจ้อมั่วนิ่มเช่นนี้ใครฟังก็รู้ทั้งนั้นว่าต้องเป็คำพูดไร้สาระแน่นอน แต่น่าเสียดายที่เยว่เยียนเยียนองค์หญิงน้อยผู้หัวรั้นของเรานั้น นางฟังไม่ออกจริงๆ ทั้งยังเอียงหัวอย่างน่ารักน่าเอ็นดู “เช่นนั้น เดี๋ยวข้าต้องไปเอาผลไม้เชื่อมมาให้เหยียนเฟยสักหน่อยหรือไม่?”
...
เฉินไฮว่ชิงที่หยุดการเคลื่อนไหวในมือลง นิ่งเงียบไปชั่วขณะ แล้วจึงหยิบเปลือกส้มตากแห้งในจานใบเล็กอีกด้านหนึ่งมาสองสามแผ่น โยนเข้าไปในหม้อต้มยาแบบลวกๆ “ไม่ต้อง ไม่ต้องหรอก... เ้าดูสิ ข้าเพิ่มเปลือกส้มตากแห้งให้เขาสองแผ่นแล้ว เปรี้ยวๆ หวานๆ คือข้านั่นไง~” [1] พูดจบ เฉินไฮว่ชิงนั้นอดกลั้นความคิดชั่ววูบที่อยากจะร้อง ‘เย่’ ออกมา แล้วปิดปากสนิท
“เอาเถอะ” เยว่เยียนเยียนที่ไม่ประสบความสำเร็จในการแนะนำผลไม้เชื่อมผิดหวังอย่างยิ่ง แต่ถึงอย่างไรตนก็ไม่ใช่หมอเสียหน่อย ถึงแม้จะรู้วิชาแพทย์อยู่เล็กน้อย แต่ยามที่ร่ำเรียนกับเฉินไฮว่ชิงที่นี่ สามวันจับปลาสองวันตากแห [2] ไม่ได้มีความสามารถอะไรติดตัวจริงจัง แต่วิชาความรู้ในตำราก็พอใช้ได้อยู่บ้าง
“ได้แล้ว ได้แล้ว รีบเอาไปเถอะ หากยังไม่ไปเหยียนเฟยคงจะตายเพราะพิษไข้จริงๆ แล้ว...” ต่อให้เฉินไฮว่ชิงจะเป็คนอารมณ์ดีแค่ไหน แต่ก็อดทนกับ ‘ผึ้งน้อย’ ตัวหนึ่งที่เอาแต่บินหึ่งๆ อยู่ข้างกายไม่หยุดหย่อนมากพอแล้ว เขารีบช่วยเยว่เยียนเยียนจัดแจงยาต้มให้เรียบร้อย แล้วโน้มน้าวให้นางรีบเอายาไปให้เหยียนเฟย
เยว่เยียนเยียนมุ่ยปากไม่เอ่ยอะไร แล้วประคองชามยาต้มเดินออกไป ผ่านไปครู่หนึ่งเฉินไฮว่ชิงก็ราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้อีกครั้ง เขาไล่ตามหลังไปะโตักเตือนประโยคหนึ่ง “นี่ ยาต้มร้อนมาก เ้าอย่าลวกเขาตายเสียล่ะ!”
“ข้ารู้แล้ว ข้ารู้แล้ว ท่านนี่วุ่นวายจังอาจารย์!” เยว่เยียนเยียนส่งเสียงตอบด้วยความรำคาญ แล้วไม่ได้เอ่ยอะไรอีก
เฉินไฮว่ชิงยืนก้มหน้าอยู่กับที่ เขายักไหล่แล้วคิดในใจ เฮ้อ น่าเป็ห่วงเ้าวีรบุรุษเพื่อนต่างวัยของตนเสียจริง ว่าอาจจะถูก... ถูกยาลวกตายเอาได้
ภายในห้องเงียบงัน มีเพียงเสียงของเหยียนเฟยที่นอนซมอยู่เท่านั้น เยว่เยียนเยียนอ่อนโยนนุ่มนวลอย่างหาได้ยาก นางผลักประตูเปิดออกอย่างแ่เบา ทว่าในใจนั้นยังคงมีความหวั่นกลัวอยู่บ้าง ถึงอย่างไรนางก็ไม่รู้ว่าเหยียนเฟยผู้นี้มีนิสัยชอบนอนเปลือยกายหรือไม่ บางที…
บางทีหาก ‘ร่างงามทอดกาย’ อยู่บนเตียง… เช่นนั้นจะไม่เป็การทำลายความบริสุทธิ์ของทั้งสองไปหมดสิ้นหรอกหรือ?!
ทว่าความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเยว่เยียนเยียนนั้นคิดมากไป อย่างไรเสียเหยียนเฟยก็เป็ชายชาตรี ชายชาตรีที่ไหนชอบนอนเปลือยกายกัน? หากแต่เยว่เยียนเยียนยังคงปิดตาของตนเอาไว้เล็กน้อย หลังจากที่มั่นใจแล้วว่าเหยียนเฟยยังสวมเสื้อผ้าอยู่หลายชิ้น นางถึงวางยาต้มในมือลง พร้อมกับใช้ปลายนิ้วจิ้มที่ไหล่ของเหยียนเฟย
“นี่ ตื่นๆ กินยาได้แล้ว!”
เหยียนเฟยที่อยู่ในห้วงนิทราพลิกตัวเล็กน้อย ก่อนลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ พลันเห็นดวงตากลมโตคู่หนึ่งของเยว่เยียนเยียนกำลังจ้องเขม็งมายังตนอย่างเอาเป็เอาตาย เหยียนเฟยใจนดีดตัวสะดุ้งขึ้นมาโดยไม่พูดไม่จา แล้วกอดผ้าห่มถดไปข้างหลังไม่หยุด กระทั่งถดไปถึงมุมเตียง
“เ้า เ้า เ้า... เ้าเป็คนหรือเป็ผีกัน!”
อาจเพราะเยว่เยียนเยียนนั้นไม่รู้ว่า ในความฝันของเหยียนเฟย นางปรากฏตัวด้วยภาพลักษณ์เลวร้ายไม่น้อย เหยียนเฟยที่ยามนี้ป่วยไข้จนสติเลอะเลือน ยังนึกว่าตนอยู่ในความฝัน จึงตัดสินเหมารวมเยว่เยียนเยียนที่โผล่มากะทันหันเป็ปีศาจงูสาวไปเสียแล้ว
“นี่ เ้าบ้าไปแล้วหรือ!” เยว่เยียนเยียนเองก็ถูกการกระทำของเหยียนเฟยทำเอาตกอกใ นางย่นจมูกสวยอย่างไม่พอใจยิ่ง แล้วจึงประคองยาขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจ
“ข้าหวังดีนำยามาให้เ้า แล้วเ้ามาบอกว่านางฟ้าชุดขาวที่นำยามาให้เ้า เป็คนก็ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิงหรือ? เ้านี่ช่างไร้มโนธรรมยิ่งนัก รู้เช่นนี้ข้าน่าจะปล่อยให้เ้าป่วยตายไปพ้นๆ เสีย!” เยว่เยียนเยียนหย่อนตัวนั่งลงข้างเตียงของเหยียนเฟย นางยกมือขึ้นใช้ช้อนแกงคันเล็กคนผสมยาต้มในชาม พลางเรียกเหยียนเฟยที่หดตัวอยู่ที่มุมกำแพงผู้นั้นอีกครั้ง “เข้ามาสิ เ้าอยากป่วยตายจริงๆ หรืออย่างไร?”
กระทั่งแน่ใจแล้วว่าเยว่เยียนเยียนเบื้องหน้านั้นเป็คนไม่ใช่ผี เหยียนเฟยจึงมีความกล้าขยับตัวไปข้างหน้าในที่สุด “จู่ๆ เ้าเกิดใจดีขนาดนี้ได้อย่างไร?”
ยาขมเข้าปากไปคำหนึ่ง เหยียนเฟยถึงกล้าเอ่ยถามเช่นนั้น แววตาของเยว่เยียนเยียนพลันปรากฏร่องรอยความรู้สึกอันยากจะอ่าน จากนั้นนางก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่ยี่หระอีกครั้ง “ข้าเป็คนจิตใจดีมากอยู่แล้ว เพียงแค่ไม่แสดงออกมาให้เ้าเห็นง่ายๆ เท่านั้นเอง ฮึ!”
เยว่เยียนเยียนมือข้างหนึ่งถือชาม และอีกข้างหนึ่งถือช้อนแกง ค่อยๆ ป้อนยาเข้าปากของเหยียนเฟยไปทีละคำ “ทว่าเื่ในครั้งนี้ ข้าขอบคุณเ้านะ”
“หา?” เหยียนเฟยตกตะลึงกับคำพูดของเยว่เยียนเยียนจนทำอะไรไม่ถูก ยังนึกว่าตนป่วยเลอะเลือนจนหูแว่วไปอย่างนั้น จึงต้องเอ่ยถามใหม่อีกครั้ง “ข้าไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม เมื่อครู่ที่คุณหนูใหญ่พูดคือ… ขอบคุณหรือ?”
“หุบปากเสีย คำพูดดีๆ ไม่มีถึงสองครั้งหรอก!” เยว่เยียนเยียนรีบเร่งให้เหยียนเฟยดื่มยาคำสุดท้ายให้หมด จึงกลอกตาแล้วเอ่ยต่อ “เห็นแก่ที่เ้าดูแลข้าเมื่อวานนี้จนตัวเองล้มป่วย คุณหนูเช่นข้าจึงมาดูแลเ้า หากเ้ายังปากมาก ข้าจะทุบชามให้แตกแล้วยัดเข้าปากเ้าเสีย...”
เหยียนเฟยได้ยินเช่นนั้นพลันแย้มยิ้มอีกครั้งอย่างไม่รู้ตัว รู้สึกว่าแม่นางตรงหน้าผู้นี้ช่างน่ารักยิ่งนัก ก็แค่ซื่อบื้อไปนิด หากนางฉลาดได้อีกสักหน่อย ก็คงจะดีกว่านี้
แต่นิสัยนางก็เลวร้ายยิ่ง ทว่าความน่ารักก็สามารถทำให้พอจะมองข้ามนิสัยแย่ๆ ของนางไปได้
เหยียนเฟยที่ดื่มยาหมดแล้วยกแขนเสื้อเช็ดปากของตน เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ก็ได้ๆ ข้าไม่กล้าเด็ดขาดเลย” เดิมทีเหยียนเฟยนึกอยากจะบ่นเื่น้ำหนักตัวของเยว่เยียนเยียนสักหน่อย แต่เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของตน จึงได้ทิ้งเื่นี้ไป
“ข้าทำอาหารกินยากไปหน่อยจริงๆ เช่นนั้นคราวหน้าสู้ให้เ้ามาทำจะดีกว่า”
ไม่รู้เพราะเหตุใด คุณหนูใหญที่มักจะสูงส่งหยิ่งทะนงอยู่เสมอถึงทบทวนความผิดพลาดของตนขึ้นมาเองได้ นางเขี่ยนิ้วไปมาแล้วเอ่ยขึ้นเช่นนั้น แต่ครั้งนี้กลายเป็เหยียนเฟยที่สับสนแทน ถึงอย่างไรเขา…
“แม้เ้าจะทำอาหารไม่อร่อยจริงๆ แต่ว่าข้า...” เหยียนเฟยนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ผ่านไปสักพัก ในที่สุดเขาก็เอ่ยขึ้น “แต่ว่าข้าทำอาหารไม่เป็นะ! ฮ่าฮ่าฮ่า...”
เชิงอรรถ
[1] เปรี้ยวๆ หวานๆ คือฉันนั่นไง (酸酸甜甜就是我) เพลงของนักร้องชาวจีน จางหานอวิ้น (张含韵) หรือ Baby Zhang
[2] สามวันจับปลาสองวันตากแห ( 三天打鱼两天晒网) หมายถึงทำอะไรไม่จริงจังตลอดรอดฝั่ง เดี๋ยวทำเดี๋ยวเลิก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้