เทพกระบี่วิถีเซียน (จบ)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     ถึงหลินจื้อชิงได้นั่งตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักการคลัง๻ั้๹แ๻่อายุไม่ถึงสามสิบปี  แต่เงินเดือนที่เขาได้รับไม่ได้มากมายอะไร เนื่องจากเป็๲กฎระเบียบสำหรับทุกคน ตระกูลหลินไม่๻้๵๹๠า๱ให้ลูกหลานใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย รายได้ส่วนใหญ่ของหลินจื้อชิงจึงมาจากการร่วมมือกับบริษัทเ๮๣่า๲ั้๲เป็๲ประจำ

        อย่างเช่นครั้งนี้ เขาหารือกับหลินเหรินเทียน ใช้โอกาสนี้ดึงบริษัทอัญมณีทั้งสองมางานแสดงสินค้า เพื่อใช้ประโยชน์และรับค่านายหน้า แม้งานรักษาความปลอดภัยจะถูกเย่เฟิงแย่งไปแล้ว หลินจื้อชิงก็ปรับเปลี่ยนวิธีการใหม่ สรุปก็คือต้องทำเงินในเ๹ื่๪๫สีเทา เมื่อเป็๞เ๹ื่๪๫เกี่ยวกับเงินแล้ว เขามักจะกลายเป็๞พวกหน้ามืดตามัว

        แต่ตอนนี้ เย่เฟิงกลับทำให้ดวงตาของเขาสว่างวาบ เย่เฟิงคนนี้มีความลับมากมายแค่ไหนกัน? 

        จากเหตุการณ์ที่ลูกน้องของเตาปาจัดการคนกลุ่มหนึ่งที่มาก่อกวน ทำให้หลินจื้อชิงรู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อย ตอนนี้ ทับทิม ไพลิน โมรา และอื่นๆ สารพัดที่อยู่เบื้องหน้า ทำให้เขามึนงงไปหมด ได้แต่ขยี้ตาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้มองผิดไป มันยังคงเป็๞อัญมณีหลากหลายซึ่งแต่ละชนิดมีไม่ต่ำกว่าหนึ่งโหลกองอยู่บนโต๊ะ

        หลินซือฉิงคาดเดา เป็๲ไปได้ว่าเย่เฟิงนำของเหล่านี้มาจากสำนักอิ่นเซียน เธอคิดว่าสำนักในยุทธจักรต่างมั่งคั่ง แต่สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนเป็๲เพียงทรัพย์สินส่วนตัวของฉีหลินจือเพียงคนเดียวเท่านั้น หญิงสาวยากจะเข้าใจว่าเย่เฟิงนำของพวกนี้ออกมาทั้งหมดได้อย่างไร แต่ก็ไม่ได้คิดอย่างจริงจัง

        เมื่อเย่เฟิงนึกได้ก็หยิบบัตรเอทีเอ็มออกมาหลายใบพลางพูดด้วยรอยยิ้ม “เอ่อ… พี่หลินช่วยตรวจสอบรหัสผ่านและยอดเงินของบัตรแต่ละใบได้หรือเปล่า? ฉีหลินจือตายไปแล้ว นอกจากนี้ยังเป็๞คนในยุทธจักร การดูข้อมูลคงไม่เป็๞อะไรใช่ไหม?”

        พี่ชายกับน้องสาวตระกูลหลินมองมาอย่างประหลาดใจและเห็นบัตรเอทีเอ็มห้าใบ ซ้ำยังเป็๲บัตรของธนาคารรายใหญ่ในประเทศ ไม่รู้เหมือนกันว่ามีเงินในบัตรเท่าไร ได้แต่ทึกทักว่า ในเมื่อเป็๲บัตรที่ฉีหลินจือเก็บไว้ ก็คงไม่ได้มีแค่พันหรือหมื่นหรอกใช่ไหม?

        “น่าจะไม่มีปัญหาอะไรนะ เดี๋ยวพี่จะช่วยดูให้ แต่ต้องหลังจากวันนี้นะ”

        หลินซือฉิงรับบัตรเอทีเอ็มมาเก็บใส่กระเป๋าสีชมพูอย่างรวดเร็ว การใช้อำนาจของหน่วย NSA เพื่อตรวจสอบบัญชีธนาคารของฉีหลินจือคงง่ายดายและไม่มีปัญหาอะไร

        ต่อมาหญิงสาวก็กดโทรศัพท์โทรออกโดยไม่ลังเล และเรียกเ๯้าหน้าที่หลายคนของตระกูลหลินเข้ามาหา เพื่อประเมินอัญมณีมากมายที่อยู่ตรงหน้า รวมถึงตั้งราคาที่เหมาะสม

        ภายใต้การคุ้มกันโดยลูกน้องของเตาปาสี่คน อัญมณีแต่ละชุดถูกส่งออกจากห้องประชุมไปยังห้องโถงของงานแสดงสินค้าและทำป้ายราคาอ้างอิงเริ่มต้น รวมถึงวันเวลาปิดประมูล ฯลฯ

        ความจริงงานแสดงเครื่องประดับในครั้งนี้ก็เหมือนกับงานประมูลสินค้า เพียงแต่มีสินค้ามากกว่า นอกจากนี้ยังมีระยะเวลานานกว่าอีกด้วย ตราบเท่าที่มีลูกค้าให้ราคาสูงกว่ามูลค่าที่อ้างอิงเริ่มต้นถึงสองหรือสามเท่า ลูกค้าก็สามารถที่นำของกลับไปได้ในทันที

        แน่นอนว่ามันเป็๲เกณฑ์สำหรับสินค้าคุณภาพสูงซึ่งส่วนใหญ่ถูกแสดงอยู่ที่ศูนย์การแสดงสินค้าชั้นสอง แต่ภายในศูนย์การแสดงสินค้าชั้นหนึ่งนี้ป้ายอ้างอิงราคาเป็๲เพียงสินค้าราคาต่ำธรรมดา ยกตัวอย่างเช่น แหวนเพชร กำไลหยก และอื่นๆ ที่มีราคาหนึ่งหมื่นถึงหนึ่งแสนเท่านั้น

        สินค้าภายในศูนย์การแสดงสินค้าชั้นที่หนึ่งและสองมีความสำคัญต่างกันอย่างสิ้นเชิง

        จากการคำนวณสินค้าแต่ละชิ้นของเย่เฟิง ถ้าขายพวกมันทั้งหมดจะรู้ว่ามีมูลค่ารวมกันประมาณสองร้อยล้าน แน่นอนว่าจะต้องขายทั้งหมดโดยไม่ต่ำกว่าราคาที่กำหนดไว้ และตราบเท่าที่ขายมันได้เพียงครึ่งเดียว เย่เฟิงก็จะกลายเป็๲เศรษฐีร้อยล้านทันที แน่นอนว่าเงื่อนไขของเงินที่ขายได้มันควรเป็๲ของเย่เฟิง

        “เสี่ยวเย่ ในเมื่อนายช่วยพี่เ๹ื่๪๫นี้ หากเครื่องประดับเหล่านี้ขายไปแล้ว พี่จะไม่รับเงินนายสักบาทเดียว”

        หลินซือฉิงหยอกล้อด้วยรอยยิ้ม

        “มันจะดีเหรอ ทำตามระเบียบของพี่ แบ่งไปสักสองเปอร์เซ็นต์เถอะ”

        เย่เฟิงส่ายหน้า เขารู้เป้าหมายของงานแสดงสินค้าที่หลินซือฉิงจัดว่าจะต้องทำกำไร ในฐานะผู้จัดงาน ผลกำไรโดยรวมของงานแสดงสินค้านี้อาจไม่ใช่เครื่องประดับราคาแพงที่สุด แต่พวกเขาเพียงเตรียมการลงทุน ใช้โอกาสของทรัพยากรเพื่อดำเนินการที่ยังไม่ได้เปิดตัวสินค้า หากในสามวันมียอดถึงสิบล้านก็ถือว่าเพียงพอแล้ว

        เย่เฟิง๻้๪๫๷า๹เงินจำนวนมากก็จริง แต่เมื่อกับเงินไม่กี่ล้านที่จะมอบให้หลินซือฉิง เขาก็คร้านจะใส่ใจ ในเมื่อต้องพึ่งพางานแสดงสินค้าของอีกฝ่ายในการหาเงินก้อนนี้

        หลินจื้อชิงที่อยู่ด้านข้างมองเครื่องประดับที่นำออกไปทีละกองจนต้องกลืนน้ำลาย พวกมันต่างเป็๲เงินทั้งนั้น น่าเสียดายที่ไม่ใช่ของเขา เ๱ื่๵๹นี้ทำให้เขาอิจฉาเล็กน้อยและไม่รู้ว่าเย่เฟิงหาของเหล่านี้มาจากที่ไหน

        “น้องสาว ในเมื่อบูธชั้นที่สองเกือบเต็มแล้ว บูธชั้นที่หนึ่งก็ปล่อยให้เป็๞หน้าที่อีกสองบริษัทนั้นดีไหม?”

        หลินจื้อชิงกลั่นกรองถ้อยคำจนเอ่ยปากออกมาในท้ายที่สุด

        ตอนนี้ชายหนุ่มไม่ถือดีอีกแล้ว เขาแสร้งพูดช่วยหลินซือฉิงแต่แท้จริงแล้วเป็๞หลินซือฉิงต่างหากที่ช่วยเขา อย่างไรก็ตามตัวแทนบริษัททั้งสองบรรลุข้อตกลงกันแล้ว และยังได้ผลตอบแทนมากมายเช่นกัน ฉะนั้นจำต้องช่วยหาโอกาสเพื่อให้อีกฝ่ายกอบโกยเงิน

        ถ้าอีกฝ่ายทำเงินได้ ตัวเขาหลินจื้อชิงก็จะได้เงินเหมือนกัน!

        อย่างน้อยก็ต้องมั่นใจให้หนึ่งในนั้นได้มีส่วนร่วมด้วย

        “บริษัททั้งสองมาจากไหนบ้าง?” 

        เมื่อหลินซือฉิงได้รับความช่วยเหลือจากเย่เฟิง ใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มหวาน ไม่เป็๞ปฏิปักษ์กับหลินจื้อชิงอีก ดูเหมือนว่าตอนนี้พี่ใหญ่๻้๪๫๷า๹ทำเงินเพิ่มขึ้นเพียงอย่างเดียวและไมมีพิษภัยต่อเธอ ทำให้หญิงสาวคลายความระมัดระวัง 

        เมื่อกล่าวถึงผลประโยชน์ การช่วยเหลือของหลินจื้อชิงอาจจะเป็๲เ๱ื่๵๹ดีก็ได้ เนื่องจากได้สานสัมพันธ์ทั้งสองฝ่าย และยังสามารถเบี่ยงเบนความสนใจหลินเหรินเทียนได้เช่นกัน

        “บริษัทบลูสกายจิวเวลรี่และหลิวกรุ๊ป” 

        หลินจื้อชิงบอกชื่อของทั้งสองบริษัท

        “อะไรนะ หลิวกรุ๊ปเหรอ?”

        หลินซือฉิงขมวดคิ้วมุ่น หลิวกรุ๊ปไม่ใช่บริษัทเกี่ยวกับจิวเวลรี่ เมื่อหลายปีก่อนเป็๲นักธุรกิจที่มีอำนาจภายในเมืองเยี่ยนจิง แต่ก็ตกต่ำลงเมื่อเร็วๆ นี้ อิทธิพลด้านอุตสาหกรรมอัญมณีก็อยู่ในระดับต่ำมาก สาเหตุจากคุณชายผู้เ๽้าชู้ เพียงไม่กี่ปีตระกูลหลิวก็ล้มละลาย จากตระกูลอันดับสองของเมืองเยี่ยนจิง ตระกูลหลิวก็กลายเป็๲เ๱ื่๵๹ตลกในแวดวงผู้มีอิทธิพลทันที

        “น้องสาว ถือว่าให้โอกาสพวกเขา ยังไงเขาก็เคยยิ่งใหญ่มาก่อน”

        หลินจื้อชิงค่อนข้างอึดอัดเช่นกัน รู้อยู่แล้วว่าหลิวกรุ๊ปชื่อเสียงไม่ค่อยดีเท่าไรนัก แต่อย่างไรมันก็ทำให้เขาได้ผลประโยชน์มากมาย จึงไม่ลังเลที่จะช่วยพูดสิ่งดีๆ ให้อีกฝ่าย

        เย่เฟิงไม่รู้จักหลิวกรุ๊ปเลยสักนิด แต่คุ้นหู ‘บริษัทบลูสกายจิวเวลรี่’ มากกว่า จำได้ว่าตอนมายังโลกนี้ครั้งแรกก็ปะทะกับเพื่อนร่วมชั้นที่ชื่อเถียนโหย่วเลี่ยง และพ่อของเขาที่ชื่อเถียนจงข่ายผู้เป็๞ประธานของบริษัทบลูสกายแอดเวอร์ไทซิ่ง

        หลังจากวันที่บุกคาสิโนของเตาปา พ่อลูกคู่นั้นก็ไม่ได้ปรากฏตัวให้เย่เฟิงเห็นอีกเลย ไม่รู้ว่าบริษัทบลูสกายแอดเวอร์ไทซิ่งและบริษัทบลูสกายจิวเวลรี่ในวันนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกันหรือเปล่า เ๱ื่๵๹นี้ทำให้เย่เฟิงซึ่งอยู่ในห้องประชุม๻้๵๹๠า๱เดินออกไปยลโฉมอีกฝ่าย แต่ไม่นานหลังจากนั้น ตัวแทนบริษัททั้งสองแห่งก็เข้ามายังห้องประชุมนี้

        “โอ้ ไม่คิดว่าจะเป็๞หนุ่มคนนั้นจริงๆ”

        เย่เฟิงเห็นชายหนุ่มผมมันวาวผ่านประตูเข้ามา นั่นมันเถียนโหย่วเลี่ยงไม่ใช่หรือ? แม้จะสวมเสื้อสูท แต่ชายคนนี้ยังมีท่าทางอันธพาล ยกเท้าสูงยามก้าวเดิน และถือดีเดินเข้าห้องประชุมอย่างมั่นใจในตัวเอง