เยี่ยนเจาเจาไม่แยแส นางเดินเปิดทางออกไปข้างนอก เสี่ยวชุ่ยจึงหยิบร่มมากางกันฝนให้ อาเหวินและอาอู่ก็หามเยี่ยนฟางหวาที่โดนมัดเป็บ๊ะจ่าง เดินตามออกไปทันที
เหล่าสาวใช้ที่คอยเฝ้าตรงระเบียงทางเดินซ้ายขวาเห็นแส้สีทองพันรอบมือเยี่ยนเจาเจา ต่างทยอยคุกเข่าหลีกเลี่ยงความน่ายำเกรงของโอรส์ แต่ในยามที่ทุกคนไม่สนใจ บ่าวหญิงที่เพิ่งล้มลงคนนั้นก็ลุกขึ้นแล้วเผ่นแผล็วจากไป
ซึ่งความจริงเยี่ยนเจาเจาสังเกตการเคลื่อนไหวของบ่าวหญิงั้แ่เกิดเื่เอะอะขึ้นแล้ว
บ่าวหญิงคนนั้นคือเมิ่งซื่อ [1] เป็ผู้ติดตามมาจากบ้านเดิมของฮูหยินเฒ่า แม้ไม่เฉลียวฉลาดนัก แต่กลับหาคนหนุนหลังถูกเสมอ ทุกคราวที่เกิดเื่ ยายแก่คนนี้จะหนีซมซานกลับไปหานายเก่าของตนเองเป็คนแรก
วันนี้เยี่ยนเจาเจาเปิดฉากโจมตีกะทันหัน จุดประสงค์หนึ่งก็เพื่อบีบคั้นเมิ่งซื่อให้ไปเรียกฮูหยินเฒ่ามา
ฮูหยินเฒ่า หลิวซื่อ คือท่านทวดของเยี่ยนเจาเจา และเป็ฮูหยินตราตั้งขั้นหนึ่งแห่งราชวงศ์ต้าซี บุคคลผู้มีวาจาประกาศิตที่สุดในสกุลเยี่ยน
เยี่ยนหลิวซื่อลำเอียงรักแต่บ้านใหญ่มาตลอด อีกทั้งยังโปรดปรานเหลนสาวอย่างเยี่ยนฟางหวาเหนือผู้ใด ชาติก่อนทุกคราวที่เยี่ยนฟางหวาขัดแย้งกับคนอื่น เยี่ยนหลิวซื่อก็จะออกโรงปกป้องนางโดยไม่ยอมฟังคำชี้แจงเสมอ
บางทีวาทศิลป์ของเยี่ยนฟางหวาอาจได้รับการถ่ายทอดมาจากเยี่ยนหลิวซื่อก็เป็ได้ เพราะเยี่ยนหลิวซื่อไม่เพียงเข้าข้างเหลนสาวคนนี้เท่านั้น ยังหาเหตุผลก่ายกองช่วยแก้ต่างแทนเยี่ยนฟางหวาอีกด้วย
คราวนี้เมิ่งซื่อก็ต้องกลับไปร้องทุกข์กับเยี่ยนหลิวซื่อแน่ แต่น่าเสียดายที่ชาตินี้เยี่ยนเจาเจาไม่กลัวฮูหยินเฒ่าสักนิด
ในอีกสองปีข้างหน้า ฮูหยินเฒ่าก็กระทำการใดๆ ต่อไม่ได้แล้ว เพราะหายนะจากไสยเวทของบ้านใหญ่จะทำให้นางล้มป่วย และสิ้นใจในอีกเดือนถัดไป
เดิมทีเยี่ยนเจาเจาก็ไม่ตั้งใจจะมัดเยี่ยนฟางหวาเข้าวังเช่นนี้จริงๆ หรอก นางแค่้าข่มขู่ และบังคับให้เยี่ยนหลิวซื่อออกมาเท่านั้น
เยี่ยนเจาเจาคำนวณเรียบร้อยแล้ว บ่าวหญิงนั่นฝีเท้าว่องไว ส่งข่าวรวดเร็ว เมื่อเยี่ยนหลิวซื่อมาถึง กลุ่มของเจาเจาจะยังไม่ออกจากประตูข้างของสวนมวลบุปผาหอม
นางกำลังรอเยี่ยนหลิวซื่ออยู่
แม้นเยี่ยนหลิวซื่อจะรักใคร่เยี่ยนฟางหวามากเพียงใด ทว่าในสายตานาง ไม่มีสิ่งใดล้ำค่าไปกว่าชื่อเสียงและเกียรติยศของจวนเยี่ยน
เยี่ยนหลิวซื่อเต็มใจยกย่องเยี่ยนฟางหวา มิเพียงเพราะนางเป็เหลนสาวคนโตสุดของตนเอง ยังเป็เพราะเยี่ยนฟางหวานำความริษยาและรุ่งโรจน์มากมายมาสู่จวนเยี่ยนด้วย
จวนเยี่ยนมีตำแหน่งโหว [2] ประดับอยู่ แต่บารมีอ่อนแอลงทุกวัน บ้านใหญ่ของผู้สืบทอดบรรดาศักดิ์น่าผิดหวังไม่เอาการเอางาน หากมิใช่บ้านสามมีเยี่ยนเหิง เป็จอหงวนคนล่าสุดและแต่งองค์หญิง เกรงว่าจวนเยี่ยนคงล่มจมไปนานแล้ว
เยี่ยนฟางหวาเองก็มีชื่อเสียงในเมืองเซียงเฉิงประมาณหนึ่ง จวนเยี่ยนเลยพลอยมีหน้ามีตาไปด้วย
เมื่อสักครู่นี้ เยี่ยนเจาเจาเตือนอาเหวินกับอาอู่แล้วว่าหากมีคนมาขวางมิให้พวกเขาออกไป จงรอนางอยู่ที่เดิมเป็พอ
มีเพียงข้อเดียวคือห้ามใครปล่อยเยี่ยนฟางหวาเด็ดขาด ต่อให้เป็คำสั่งของฮูหยินเฒ่าก็ไม่ต้องสนใจ
เยี่ยนเจาเจาจงใจเดินช้าลง เมื่อมาถึงบริเวณประตูด้านข้างสวนมวลบุปผาหอม จึงเห็นว่าเยี่ยนหลิวซื่อได้เผชิญหน้ากับอาเหวินและอาอู่มาได้สักพักแล้ว
บ่าวหญิงชราหลายคนยืนกางร่มให้เยี่ยนหลิวซื่ออยู่ข้างกาย เยี่ยนหลิวซื่อโกรธขึงจนใบหน้าแดงก่ำ ทว่าอาเหวินและอาอู่กลับแบกเยี่ยนฟางหวาเงียบๆ ไม่เอื้อนเอ่ยคำใดราวก้อนหิน
นี่เป็หนึ่งในเหตุผลที่เยี่ยนเจาเจาตั้งใจอ้างถึงฮองเฮา องครักษ์ในจวนคนอื่นๆ แม้จะเชื่อฟังนางแค่ไหน ย่อมถูกฮูหยินเฒ่ายับยั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทว่าอาเหวินกับอาอู่ไม่ใช่ พวกเขาเป็องครักษ์ที่ฮองเฮาทรงคัดเลือกมา พวกเขาจึงมีนายเพียงคนเดียว นั่นคือฮองเฮา
เยี่ยนหลิวซื่อหันหน้ามาเห็นนางทันที เยี่ยนเจาเจากำลังยืนสงบนิ่งท่ามกลางสาวใช้รายล้อม ดั่งดอกกล้วยไม้บานสะพรั่ง ทั่วร่างแผ่กลิ่นหอมเย้ายั่วเหมือนมารดาราวกับเคาะกันออกมา
“หนูห้า เ้ากำลังทำอะไร? มีน้องสาวที่จับพี่สาวมัดอย่างเ้าด้วยหรือ!”
ชาติก่อนเยี่ยนเจาเจาฟังประโยคนี้จนเบื่อแล้ว
ข้างหลังเยี่ยนหลิวซื่อมีบ่าวหญิงชราเรียงแถวยาวเหยียด ดูเปี่ยมอำนาจยิ่ง
ร่างกายของนางแข็งแรงเสมอต้นเสมอปลาย แม้นขณะนี้อายุเจ็ดสิบกว่าปีแล้ว เสียงกลับยังดังก้องกังวาน หากมิใช่เพราะเื่ไสยเวททำร้ายจิตใจ ชาตินี้นางคงอายุยืนกว่านี้สักสิบปี
“หนูห้า รีบบอกพวกเขาปล่อยพี่สาวเ้าเร็วเข้า!หากคนนอกมาเห็นเข้า จวนเยี่ยนจะเสียหน้าเอา!”
เยี่ยนหลิวซื่อมองเยี่ยนฟางหวาอย่างสงสาร ก่อนจะรู้ตัวว่าต้องเรียกบ่าวหญิงไปกางร่มให้นาง
น่าเสียดายที่ระหว่างทางนางโดนฝนสาดกระเซ็นจนหนาวเหน็บ มวยผมเอียงกระเท่เร่ เครื่องประทินโฉมบนหน้าหายเกลี้ยง ท่าทีตกที่นั่งอย่างถึงที่สุดเลยทีเดียว
“ท่านทวด ท่านต้องตัดสินแทนหวาเอ๋อร์นะเ้าคะ!เดิมทีหวาเอ๋อร์ไปขอโทษน้องหญิง คาดไม่ถึงว่านางจะเรียกคนมามัด หยามเกียรติของข้า ท่านทวดได้โปรดทวงคืนความยุติธรรมให้ข้าด้วยเ้าค่ะ!”
เยี่ยนฟางหวาร้องไห้ได้ถูกเวลา ถ้อยคำมีแต่ความอึดอัดคับข้องใจ ทำหน้าราวกับยกฮูหยินเฒ่าเป็์
ซึ่งนั่นก็ทำให้ความภาคภูมิใจของเยี่ยนหลิวซื่อยิ่งพุ่งกระฉูด หันกลับมาจ้องเยี่ยนเจาเจาเขม็ง
เยี่ยนเจาเจาเฝ้ามองทั้งสองเข้าขากันเป็ปี่เป็ขลุ่ยด้วยสายตาเย็นใจ แม้ในใจจะเหลืออด แต่ใบหน้ากลับแสดงความเคารพยำเกรง
“เจาเจาคารวะฮูหยินเฒ่าเ้าค่ะ”
ในชาติก่อน เยี่ยนเจาเจาตกอยู่ภายใต้การยุยงของเยี่ยนฟางหวา จึงเกลียดเยี่ยนหลิวซื่อสุดๆ ไม่เคยทำสีหน้าดีๆ ยามพบหน้า กระทั่งคารวะยังไม่ยอม เลยโดนคำตำหนิที่ไม่จำเป็อยู่บ่อยครั้ง
แม้นชาตินี้นางยังเกลียดเยี่ยนหลิวซื่อ แต่นางมิได้โง่ และไม่อยากฟังคำพูดไร้สาระเ่าั้อีก
เยี่ยนเจาเจาประสานมือโค้งคำนับ ท่าทางงามล้ำ รัศมีบนร่างพุ่งกำจายออกมาทันที
ชาติก่อนนางประสบความลำบากต่างๆ นานา จากการติดตามเหลียงอินที่ถูกลดขั้นเป็สามัญชน ซึ่งการคารวะก็เป็หนึ่งในนั้นที่นางได้เรียนรู้
เวลาต่อมา ต่อให้ขานางจะยืนไม่มั่นคง เมื่อเผชิญหน้ากับคนที่ตนเองชิงชังที่สุด กลับยังสามารถคารวะด้วยท่วงท่างามสง่า ไม่มีใครหาข้อผิดพลาดพบแม้แต่คนเดียว
เยี่ยนหลิวซื่อประหลาดใจ แต่ก่อนเยี่ยนเจาเจาคารวะอย่างขอไปที พอมีวินัยอย่างวันนี้ นางจึงรู้สึกแปลกประหลาดนัก
“น้องหญิงห้า เ้าจะว่าข้าหรือมัดข้าก็ไม่เป็ไรหรอก แต่พบท่านทวดยังไม่คุกเข่าคำนับ เ้าไม่เห็นท่านทวดอยู่ในสายตาเลยใช่หรือไม่?”
เยี่ยนฟางหวาช่างพูดมาก พอคนหนุนหลังมาพร้อมแล้ว นางค่อยพูดจาแทงใจออกมา ไม่กี่คำก็ยั่วโทสะของเยี่ยนหลิวซื่อได้
อันที่จริง ตามธรรมเนียมของต้าซี ผู้เยาว์พบผู้าุโจำเป็ต้องคุกเข่าคำนับ ซึ่งเยี่ยนหลิวซื่อใส่ใจมารยาทเหล่านี้เป็อย่างยิ่ง
แต่เยี่ยนเจาเจาไม่จำเป็
นางกับท่านแม่ องค์หญิงฉงหยางได้รับความโปรดปรานหาใดเปรียบ ต่อให้พบฮองเฮาก็ไม่จำเป็ต้องคุกเข่า
แล้วจะให้นางคุกเข่าแก่เยี่ยนหลิวซื่อหรือ?
เป็การเพ้อฝันของคนปัญญาอ่อนเท่านั้นแหละ!
แม้ในใจดูถูกเหลือแสน แต่ใบหน้าเยี่ยนเจาเจากลับน่ารักไร้เดียงสามากขึ้นเรื่อยๆ
นางเหลือบมองเยี่ยนหลิวซื่ออย่างลังเล ก่อนเอ่ยปากคล้ายคนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ท่านป้าบอกว่าข้าไม่ต้องคุกเข่า ถือเป็บัญญัติของธิดา์ แม้นข้ามีใจ แต่ไม่กล้าขัดคำบัญชาเ้าค่ะ”
เยี่ยนฟางหวาด่าทอเยี่ยนเจาเจาว่าเ้าเล่ห์อยู่ในใจ ส่วนสีหน้าของเยี่ยนหลิวซื่อพลันไม่น่าดู
แต่เยี่ยนเจาเจาก็ไม่ให้โอกาสพวกเขาได้โจมตี นางกล่าวต่อทันที “พี่สาวลบหลู่ฝ่าาเข้าแล้ว และวันนี้ยังพูดจาเพ้อเจ้อต่อหน้าท่านทวดอีก ท่านคิดจะนำจวนเยี่ยนของเราต่อต้านพระบัญชาเช่นนี้ ้าให้สกุลเยี่ยนตกอยู่ในสถานะเอาใจออกหากหรือเ้าคะ?”
เยี่ยนหลิวซื่อยังไม่ทันโกรธก็ผงะกับคำพูดของนาง ลบหลู่ฝ่าาเป็โทษมหันต์ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เชิงอรรถ
[1] ซื่อ เป็ธรรมเนียมการเรียกขานสตรีที่แต่งงานของจีนจะใช้คำว่า ซื่อ (แปลว่านามสกุล) ต่อท้ายนามสกุลเดิมของสตรี และบางครั้งอาจเพิ่มนามสกุลของสามีไว้หน้าสุดเพื่อระบุให้ชัดเจน
[2] โหว หมายถึง ตำแหน่งบรรดาศักดิ์ของจีนโบราณ นับเป็ตำแหน่งที่สองของตำแหน่งผู้ครองนครรัฐรองจาก กง โดยมีทั้งหมด 5 ลำดับ เรียงลงมาเป็ กง โหว ป๋อ จื่อ หนาน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้