ซูเฟยหยิ่งใช้วิชาเซียนอาชา์ท่องนภาเพื่อไล่ตามแขนเปลวเพลิงทั้งสองของราชันหั่วยวินเยา ส่วนเย่เฟิงและสามสาวที่เหลือต่างหยุดพักที่ฝั่งทะเลตะวันออก
“ตอนนี้เราจะทำยังไงดี?”
หลงหว่านเอ๋อร์เอ่ยถามหลังจากหยุดพัก
“หาที่พักก่อนเถอะ แล้วดูว่าจื่อเจี้ยนหลานไม่มีอาการอะไรผิดปกติ ท่านอาจารย์คงจะส่งสัญญาณมาบอกพวกเรา”
เย่เฟิงเอ่ยเสียงทุ้มพลางก้มมองจื่อเจี้ยนหลานในอ้อมแขน เขารู้สึกได้ว่าพิษอัคนีกระจายไปทั่วร่างกายเธอ ตอนอยู่กลางอากาศ เย่เฟิงพยายามช่วยเธอขับพิษนี้แล้ว แต่พบว่ามันยากจะสำเร็จ เนื่องจากระดับพลังของเขาเอง พิษอัคนีของราชันหั่วยวินเยาเป็สิ่งที่แม้แต่ซูเฟยหยิ่งเองยังต้องใช้พละกำลังอย่างมากในการยับยั้ง พอมันมาอยู่ในร่างของจื่อเจี้ยนหลานจึงสาหัสยิ่งกว่า
ตอนนี้มีทางเดียวคือต้องนำน้ำแข็งพันปีออกมา เพราะมันอาจจะยับยั้งพิษอัคนีที่อยู่ในร่างของเธอได้ ซูเฟยหยิ่งรู้ว่าเย่เฟิงมีน้ำแข็งพันปีอยู่กับตัว จึงเลิกสนใจจื่อเจี้ยนหลานชั่วคราว มิฉะนั้นแล้ว... ต้องพูดเลยว่าท่านอาจารย์ต้องเข้าใจผิดแน่ๆ คงคิดว่าสาวงามทั้งสามที่เย่เฟิงพามาล้วนเป็ผู้หญิงของเขา แต่ไม่รู้ว่าจื่อเจี้ยนหลานนั้นไม่ใช่
ชายหนุ่มสับสนเล็กน้อย เดิมทีเขามาที่นี่เพื่อคุยกับท่านอาจารย์เกี่ยวกับการเตรียมตัวก่อนมุ่งหน้าไปทะเลทราย แต่ตอนนี้ยังไม่ทันได้คุยอะไรก็ต้องแยกจากกันอีกแล้ว แม้แต่จะแนะนำจื่อเจี้ยนหลานและซูเมิ่งหานก็ไม่ทันได้ทำ แต่ตราบใดที่จัดการราชันหั่วยวินเยาได้ ช้าหรือเร็วก็ต้องมีโอกาสบอกอยู่ดี
เย่เฟิงเชื่อว่าซูเฟยหยิ่งสามารถจัดการราชันหั่วยวินเยาที่ได้รับาเ็สาหัสถึงสองครั้งได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งตอนนี้ร่างกายหลักของมันก็แข็งแกร่งน้อยกว่าหยางเสินแปลงกายเสียอีก สามารถคาดการณ์ได้ว่าการะเิรุนแรงบนเกาะรอบนอกทะเลตะวันออกจะต้องเรียกความสนใจจากผู้เกี่ยวข้องของประเทศได้แน่นอน และเย่เฟิงจะต้องรีบจากไปให้เร็วที่สุด
เมื่อคำนวณเวลาที่ส่งมอบจุดวาร์ปซึ่งพังเสียหายให้สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติเพื่อถ่วงเวลา หากล่าช้าอีกครั้ง คาดว่าความอดทนของอีกฝ่ายที่มีต่อเย่เฟิงคงจะหมดลงได้
เมื่อมองหาป่าบนชายฝั่งทะเลตะวันออก เย่เฟิงก็ให้หลงหว่านเอ๋อร์กับซูเมิ่งหานออกไปรอบๆ เพื่อเฝ้าระวัง ส่วนเขาก็อุ้มจื่อเจี้ยนหลานแล้ววิ่งไปด้านหลังก้อนหินขนาดใหญ่เพื่อเตรียมดูอาการเธอ
เนื่องจากชุดกระโปรงสีม่วงของจื่อเจี้ยนหลานถูกเปลวเพลิงแผดเผาไปมาก จึงเผยให้เห็นผิวขาวเนียนราวหิมะ เย่เฟิงที่อุ้มเธออยู่พลอยได้กำไรไปไม่น้อย
แน่นอนว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาคิดเื่เช่นนี้
หลังจากผ่านการฝึกฝนไปสองเดือน ซูเมิ่งหานก็ขยายเส้นลมปราณและเพิ่มขีดจำกัดของระดับพลังได้ถึงสิบปี และใช้หยางเสินและจิตหยั่งรู้ได้สำเร็จ น่าเสียดายที่วันดีๆ ของทุกคนต้องมาถึงทางตัน เพราะสมบัติ์แต่ละชนิดในแหวนมิติถูกใช้หมดแล้ว และการฝึกฝนก็เป็ไปอย่างเชื่องช้า
ซูเมิ่งหานถอดเสื้อนอกและคลุมตัวจื่อเจี้ยนหลาน จากนั้นหมุนตัวเดินออกไปเฝ้าระวังด้านนอก ประสบการณ์การต่อสู้ของเธอเห็นได้ชัดว่าด้อยกว่าหลงหว่านเอ๋อร์ แต่ด้วยทักษะจิตหยั่งรู้ บอกได้เลยว่าเธอสามารถทำงานได้อย่างง่ายดาย
“น้ำแข็งพันปี...”
เย่เฟิงวางจื่อเจี้ยนหลานลงบนก้อนหินขนาดใหญ่ และหยิบผลึกน้ำแข็งรูปทรงเหมือนเพชรออกจากแหวนมิติ และพบว่าน้ำแข็งพันปีชิ้นนี้เปล่งประกายมากกว่าสองเดือนที่แล้วเสียอีก ตัวผลึกน้ำแข็งเต็มไปด้วยกลิ่นอายเย็นะเื
“ดูเหมือนจะหนากว่าเมื่อวานอีกนะ”
เย่เฟิงรู้สึกถึงความเย็นะเืจากน้ำแข็งพันปี เขาสังเกตมันทุกวัน ้ารู้ว่ามันจะฟื้นฟูพลังเมื่อใด แต่น่าเสียดายที่ไม่มีการเคลื่อนไหวมาสองเดือนแล้ว รู้สึกได้ว่าอนาคตอันใกล้จะต้องดูดซับพลังฟ้าดินทั้งหมดจนสามารถทำให้ผู้ฝึกวิถีเซียนเพิ่มระดับพลังได้ถึงสิบปีในทันที แน่นอนว่าเย่เฟิงคงดูดซับมันไม่ได้แล้ว ส่วนหลงหว่านเอ๋อร์และซูเมิ่งหานกลับไม่มีปัญหาอะไร รวมถึงหนานฟาง เตาปา จ้าวอี้เปย และหลิงเฉินก็สามารถดูดซับพลังมันได้ ดูเหมือนน้ำแข็งพันปีจำเป็ต้องใช้เวลาสองเดือนในการเติมพลังตนเอง ระยะเวลายาวนานเช่นนี้ เย่เฟิงจะต้องไม่ทำให้มันเสียเปล่า
“น้ำแข็งพันปี มันสามารถสื่อสารกับฉันได้ไหมนะ?”
เย่เฟิงพยายามสื่อสารกับน้ำแข็งพันปีอีกครั้ง แต่ผลลัพธ์ก็เหมือนครั้งก่อน ราวกับหินที่จมลงในทะเลปราศจากเสียงตอบรับ
เขาส่ายหัวเลิกคิด และยื่นน้ำแข็งพันปีไปที่สองมือของจื่อเจี้ยนหลานให้เธอจับมันไว้แน่นๆ ทันใดนั้นกลิ่นอายเย็นะเืก็ออกมาจากน้ำแข็งพันปีแล้วแทรกซึมสู่ร่างเนียนนุ่มของจื่อเจี้ยนหลาน
เดิมทีเย่เฟิงหวังเพียงกลิ่นอายเย็นๆ เหล่านี้จะยับยั้งพิษอัคนีในร่างกายจื่อเจี้ยนหลานได้ทันที แต่ไม่ช้าสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เย่เฟิงประหลาดใจ เขาเห็นประกายแสงสีขาวบนน้ำแข็งพันปีแยกออกจากกันเป็ผลึกน้ำแข็งก้อนเล็กๆ หกก้อน และแยกไปฝังอยู่บนแขน ขา หน้าผาก และหน้าอกของจื่อเจี้ยนหลาน
กึก!
หกตำแหน่งบนร่างบอบบางของจื่อเจี้ยนหลานเปลี่ยนเป็ประกายโปร่งใสทันที จากนั้นผลึกน้ำแข็งทั้งหกก็สลายไป ผิวขาวเนียนของเธอใสและเนียนนุ่มกว่าเดิม ตอนนี้ผิวของเธอขาวใสราวกับหยกไปแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น?”
เย่เฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย วินาทีถัดมาเขาก็พบว่าจื่อเจี้ยนหลานลืมตาขึ้นแล้ว
ยังคงเป็ดวงตาที่สุขุมและสง่างาม ก่อนจะปรากฏแววสงสัยอะไรบางอย่าง ทันทีที่เธอลืมตาขึ้นมาก็เห็นสายตาเป็ห่วงของเย่เฟิง หญิงสาวรับรู้ว่าที่ลับส่วนบนของร่างกายโผล่ออกมา ใบหน้าก็พลันแดงก่ำ
“ฉันเป็อะไรไป?”
จื่อเจี้ยนหลานจำได้เพียงว่าเธอถูกแขนเพลิงจับไป จากนั้นเย่เฟิงก็มาช่วยแล้วเธอก็หมดสติไป
เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าปลอดภัยดี เย่เฟิงจึงเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้แล้วถาม “ตอนนี้เธอรู้สึกแปลกๆ ไหม? ถ้ามีอะไรรีบบอกฉันเลยนะ...”
สิ่งของอย่างน้ำแข็งพันปีนั้นหายากยิ่ง แม้แต่ซูเฟยหยิ่งเองก็ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ผลลัพธ์เมื่อครู่แม้แต่เย่เฟิงเองก็ยังไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“ไม่มีค่ะ”
จื่อเจี้ยนหลานหน้าแดงก่ำพลางยกมือขาวเนียนขึ้นมาปกปิดหน้าอกที่เผยออกมาครึ่งหนึ่งและหดขาทั้งสองข้างเข้าหากัน เธอรู้สึกแปลกๆ เมื่อมันถูกเปิดเผยต่อหน้าเย่เฟิงมากเกินไป แต่เมื่อได้ยินเสียงบางอย่าง สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนฉับพลัน
“มีใครบางคนกำลังคุยกับฉัน—” จื่อเจี้ยนหลานอุทานด้วยความใ
“ใคร?” เย่เฟิงถาม พลันนึกได้ทันทีว่าหรือจะเป็การฟื้นคืนของน้ำแข็งพันปี? เขารีบพูดต่อว่า “รีบสื่อสารกับเขาเร็ว!”
เดิมทีเย่เฟิงไม่ได้บอกจื่อเจี้ยนหลานเกี่ยวกับผู้ฝึกวิถีเซียนหรือน้ำแข็งพันปี แต่ตอนนี้เขาทำได้เพียงกล่าวอย่างง่ายๆ เท่านั้นโดยไม่ได้คำนึงถึงความประหลาดใจที่ปรากฏบนใบหน้าของจื่อเจี้ยนหลานเลย เขาเร่งให้เธอสื่อสารกับน้ำแข็งพันปี
นี่เป็โอกาสที่จะได้ทำความเข้าใจน้ำแข็งพันปี!
นอกจากนี้น้ำแข็งพันปียังถูกแยกออกเป็หกชิ้นและฝังในร่างกายของจื่อเจี้ยนหลาน ดูเหมือนว่ามันจะพอใจจื่อเจี้ยนหลานมาก อัตราความสำเร็จจึงนับว่าสูงมาก
เมื่อจื่อเจี้ยนหลานได้ยินดังนั้นก็พูดอะไรไม่ออก ผู้ฝึกวิถีเซียน? วิชาเซียน?
สมองเล็กๆ ของเธอแทบหมดสติ แต่หญิงสาวเป็คนฉลาดจึงหลับตาลงทันที และเริ่มพยายามพูดคุยกับเสียงที่มาจากในหัวของตัวเอง...
หลังจากนั้นไม่นานเธอก็หมดสติอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อน อากาศเย็นเยียบออกมาจากร่างกายของเธอและค่อยๆ ก่อตัวเป็ภาพรูปปั้นน้ำแข็งของสาวน้อยอยู่เหนือศีรษะของเธอ
น้ำแข็งพันปีตื่นขึ้นแล้ว!