“เสี่ยวปอกินเยอะๆ นะ” แม่ของเซี่ยเจิงคีบสามชั้นตุ๋นน้ำแดงลงไปในชามของชวีเสี่ยวปอ “เห็นลูกผอมมากเลย”
“ขอบคุณครับคุณป้า” ชวีเสี่ยวปอหัวเราะขึ้นมาสองที “ที่จริงผมไม่ได้ผอมนะครับ เนื้อเยอะมาก” หลังจากที่พูดจบ สายตาสองข้างที่อยู่ด้านข้างก็ชำเลืองมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ในตอนที่ชวีเสี่ยวปอหันไปมอง เซี่ยเจิงก็ก้มหน้าลงไปทานข้าว
ชวีเสี่ยวปอจึงเตะเขาใต้โต๊ะไปทีหนึ่ง
“แค่ก” ด้วยความที่ไม่คาดคิดมาก่อน จึงทำให้เซี่ยเจิงเกือบจะพุ่งโจ๊กที่อยู่เต็มปากออกมา
“เป็อะไรลูก? ” แม่ของเซี่ยเจิงหยุดการเคลื่อนไหว มองไปยังลูกชายพลางถามขึ้นมาว่า : “ร้อนไปเหรอ? ” ขณะที่พูดก็ดันผักดองที่อยู่ตรงหน้าของเธอไปทางฝั่งของเซี่ยเจิง “อย่ากินแต่โจ๊ก กินผักดองนี้ด้วยสิ”
“แม่” เซี่ยเจิงเคาะชามไปสองครั้ง “ผมยังเป็ลูกแท้ๆ ของแม่อยู่หรือเปล่าเนี่ย? ทำไมให้เขากินหมูแล้วผมกินแค่ผักดองล่ะครับ? ”
“ก็ลูกบอกว่าอยากกินโจ๊กไม่ใช่เหรอ? ” แม่ของเซี่ยเจิงพูดออกมาตามความจริง “ผักดองก็อร่อยมากเลยนะ แม่ดองเอง สะอาดถูกหลักอนามัยแน่นอน”
“ได้” เซี่ยเจิงถูไถชวีเสี่ยวปอใต้โต๊ะ “สำหรับแม่ผมมันตกกระป๋องไปแล้วนี่”
“สตรีผู้ไม่เป็ที่โปรดปรานในวังเหรอ สนมเซี่ย” ทันใดนั้นชวีเสี่ยวปอก็ยกมือขึ้นมาเหนือศีรษะ พร้อมทั้งทำท่ามินิฮาร์ทให้แม่ของเซี่ยเจิง “รักนะครับ คุณป้า”
แม่ของเซี่ยเจิงทานน้อย ทั้งยังทานเร็วด้วย สุดท้ายแล้วจึงเหลือแค่เซี่ยเจิงและชวีเสี่ยวปอเพียงสองคนที่กำลังทานพลางพูดคุยกันไปด้วย บทสนทนาที่พวกเขาคุยกันเรื่อยเปื่อยล้วนเป็เื่ในโรงเรียน ในตอนที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่จู่ๆ แม่ของเซี่ยเจิงก็พูดแทรกขึ้นมาว่า :
“ลูก ใกล้จะถึงวันเกิดลูกแล้วนี่”
“ฮะ? ” หูของชวีเสี่ยวปอตั้งขึ้นมาทันที จากนั้นจึงหันตัวกลับไปมองแม่ของเซี่ยเจิงที่กำลังนั่งเปิดปฏิทินอยู่บนโซฟา “วันที่เท่าไหร่เหรอครับ? ”
“เดือนหน้าวันที่สามจ้ะ” แม่ของเซี่ยเจิงนับดูอยู่ครู่หนึ่ง “เหลืออีกไม่ถึงครึ่งเดือนแล้ว”
“อีกตั้งนาน” เซี่ยเจิงเอนตัวพิงด้านหลัง ไม่ได้แสดงอารมณ์ใดออกมา ทำราวกับเื่วันเกิดนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา
“ใกล้แล้วๆ ” ชวีเสี่ยวปอลุกขึ้นยืนจนเก้าอี้เลื่อนออกมา แล้วจึงเดินเข้าไปดูปฏิทินข้างๆ แม่ของเซี่ยเจิง พลางทำเสียงจิ๊ปากขึ้นมา “เซี่ยเจิง วันเกิดนายนี่ช้ามาเลยนะเนี่ย”
“ใช่แล้ว หน้าหนาวปีนั้นที่แม่คลอดเสี่ยวเจิงออกมามันหนาวมากเลยละ” เซี่ยเจิงไม่ได้พูดอะไร แม่ของเขาจึงเล่าขึ้น “ป้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมปีนั้นหิมะถึงได้ตกเร็วนัก ตกทั้งคืนจนถึงเช้า ออกไปข้างนอกนี่แทบมิดเท้าเลยละ ตอนนั้นก็ไม่ไม่มีรถด้วย แต่ดีที่พ่อเขา...”
แม่ของเซี่ยเจิงหยุดไปทันทีเมื่อพูดถึงตรงนี้ จากนั้นก็ปิดปฏิทินลงเสียงดัง “ป้าบ”
เื่ราวที่เกี่ยวข้องกับอดีตมักจะมีใครคนหนึ่งที่เราไม่อยากเอ่ยถึงในปัจจุบัน แต่สิ่งที่ควบคุมไม่ได้คือ ไม่มีใครสามารถลบล้างการมีอยู่ของคำว่า “อดีต” ได้อย่างง่ายดายเลยสักคน
ชวีเสี่ยวปอมองแม่ของเซี่ยเจิงด้วยความกังวลเป็อย่างมาก แต่หลายวินาทีถัดมา แม่ของเซี่ยเจิงก็ถอดหายใจยาว ลุกขึ้นยืนพลางเอ่ยขึ้นว่า : “ป้ากลับห้องก่อนนะ” และไม่ได้มีความผิดปกติใดใดเกิดขึ้น ในตอนนั้นเองชวีเสี่ยวปอถึงสบายใจขึ้นมาอีกครั้ง
เขาเหลือบไปมองเซี่ยเจิง แล้วก็เป็อย่างที่คิดเขาเกร่งร่างกายท่อนบนขึ้นมา ราวกับกำลังเตรียมตัวรับมืออยู่อย่างไรอย่างนั้น
“พอแล้วๆ ” ชวีเสี่ยวปอเดินอ้อมไปยังด้านหลังของเซี่ยเจิง พร้อมทั้งยื่นมือออกไปบีบนวดคอของเขาเล็กน้อย ขณะนั้นกล้ามเนื้อด้านหลังของเขายังคงแข็งทื่ออยู่ “ไม่เป็ไร แค่พูดถึงนิดเดียว ยังไม่ได้พูดชื่อเลยด้วยซ้ำ”
“วันนี้ถือว่าโชคดี” เซี่ยเจิงตอบรับกลับไป พร้อมทั้งหลับตาลง เพื่อดื่มด่ำกับการนวดของชวีเสี่ยวปอที่ช่วยทำให้เขาผ่อนคลายลง จากนั้นจึงพูดขึ้นมาเสียงเบาว่า : “แต่ว่านายเก่งมากเลยนะ แม่ฉันเล่าเื่ในอดีตให้คนอื่นฟังน้อยมาก โดยเฉพาะเื่ที่เกี่ยวกับ...คนคนนั้น”
“ป้าหลี่ก็ไม่ได้เล่าให้ฟังเหรอ? ” ชวีเสี่ยวปอมองจากมุมสูงที่เขายืนอยู่ลงไปด้านล่าง ขนตาของเซี่ยเจิงสั่นเล็กน้อย อันที่จริงก็น่าจะเป็เพียงการเคลื่อนไหวไปตามการบีบนวดของตัวเอง และทั้งตัวของเขาก็กำลังเคลื่อนไหวเช่นกัน แต่ชวีเสี่ยวปอกลับคิดไปถึงคำคำหนึ่ง ซึ่งก็คือคำว่า เปราะบาง โดยเฉพาะท่าทางในตอนที่เซี่ยเจิงเตรียมตัวขึ้นมาเมื่อครู่นี้ ภายในเสี้ยววินาทีเดียวเขาก็เข้าสู่สภาพเช่นนั้น สิ่งนี้นอกจากจะทำให้ชวีเสี่ยวปอรู้สึกใแล้ว ที่มากไปกว่านั้นคือทำให้รู้สึกเ็ปใจขึ้นมาเป็อย่างมาก
“ไม่ได้เล่า” เซี่ยเจิงตอบ และยังคงเสียงเบาอยู่เช่นเดิม เขากลัวคนที่อยู่ในห้องจะได้ยินเข้า : “แม่ฉันก็เป็คนรักในศักดิ์ศรีเหมือนแหละน่า แต่ว่า คนคนนั้นเคยมาที่นี่ตั้งหลายครั้ง ศักดิ์ศรีอะไรน่ะเหรอ...เฮ้อ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมแม่ถึงเล่าให้นายฟัง คงจะเป็เพราะนายอายุยังน้อย พูดไปแล้วก็น่าจะไม่เป็ไรละมั้ง”
“อะไรคือฉันอายุยังน้อย” ชวีเสี่ยวปอหัวเราะ พลางเพิ่งแรงมือให้หนักขึ้น “เซี่ยเจิง วันเกิดฉันเร็วกว่าอีกไหมล่ะ? ”
“แค่ไม่กี่เดือนก็นับด้วย? ”
“หนึ่งนาทีก็นับ” ชวีเสี่ยวปอลูบศีรษะเซี่ยเจิงไปสองที ผมของเซี่ยเจิงยาวเร็วมาก เพิ่งจะตัดไปได้ไม่นาน แต่ตอนนี้กลับััได้ถึงผมนุ่มๆ แล้ว “เรียกพี่เลย”
“ไม่เรียก” เซี่ยเจิงพลิกมือขึ้นมาบีบเอวของชวีเสี่ยวปอทีหนึ่ง “ยังกินอีกไหม? ”
ขณะนั้นเองชวีเสี่ยวปอถึงนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเพิ่งจะทานข้าวไปแค่ครึ่งเดียว แต่ในตอนนี้ก็อิ่มไปเกือบแปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว เขาจึงตบหน้าท้องของตัวเอง “ไม่กินแล้ว เก็บเถอะ”
ทั้งสองคนทำงานกันอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาทีก็เก็บล้างจนสะอาดเป็ที่เรียบร้อย ตอนแรกชวีเสี่ยวปออยากจะช่วยล้างชาม แต่เซี่ยเจิงกลับหยิบนมเปรี้ยวขวดหนึ่งออกมาจากตู้เย็นยัดเข้าไปในมือของชวีเสี่ยวปอ ให้เขายืนรออยู่ด้านข้าง
“นายคิดว่าจะฉลองวันเกิดยังไงเหรอ? เรียกซือจวิ้นกับพวกของเขามาด้วย หรือว่าจะฉลองแค่เราสอง? ” เมื่อพูดถึงหัวข้องานวันเกิดแล้ว ชวีเสี่ยวปอก็มีเื่ที่จะอยากพูดขึ้นมามากมาย ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาฉลองวันเกิด เขาทั้งคู่ยังไม่ได้คบกัน ่ที่ความสัมพันธ์ที่ยังไม่ชัดเจนแต่ก็เกือบจะถึงขั้นเผยสิ่งที่อยู่ในใจออกมาจนทำให้ทั้งสองคนต้องอยู่ในสภาพที่เกี่ยวโยงกันอย่างทุกข์ทรมาน กระทั่งตอนนี้ชวีเสี่ยวปอเองก็ยังคงจำมันได้อย่างชัดเจน ดังนั้นในครั้งนี้เขาจึงวางแผนที่จะจัดงานฉลองวันเกิดดีๆ ให้เซี่ยเจิงสักครั้ง
“ปอเอ๋อร์” เซี่ยเจิงปิดก๊อกน้ำพูดขึ้นเสียงเบาว่า : “ฉันไม่อยากฉลองวันเกิด”
“ไม่อยากฉลอง? ” ชวีเสี่ยวปอผงะไป ความตื่นเต้นเมื่อครู่นี้หายลับไปทันที ราวกับโดนน้ำเย็นกะละมังหนึ่งสาดเข้ามาตรงหน้า คำตอบเช่นนี้เป็คำตอบเขาไม่คาดคิดเลยแม้แต่น้อย “ทำไมอะ? ”
“ตอนฉลองงานวันเกิดปีที่แล้ว” เซี่ยเจิงถอนหายใจ พลางดึงกระดาษทิชชูขึ้นมาเช็ดมือที่เปียกอย่างลวกๆ “เซี่ยรุ่ยเซินมาก่อความวุ่นวาย”
“เขามีสิทธิ์อะไร? ” ชวีเสี่ยวปอพูดโพล่งออกมา ถึงแม้ว่าในตอนที่เซี่ยเจิงพูดขึ้นมาเมื่อครู่นี้ เขาจะนึกถึงสาเหตุนี้เอาไว้อยู่แล้ว แต่เมื่อคำพูดออกมาจากปากของเซี่ยเจิงแล้ว ชวีเสี่ยวปอจึงรู้สึกว่าความไม่สบายใจนี้มันซ้อนทับขึ้นไปเป็เท่าตัว
“มาไม้เดิมนั่นแหละ เมาแล้วก็พูดทำนองว่าเขาเป็พ่อฉัน วันเกิดฉันยังไงก็ต้องสำนึกบุญคุณเขาอะไรประมาณนั้น” เมื่อพูดถึงตรงนี้เซี่ยเจิงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างเย้ยหยันขึ้นมา “นายว่าเขาคิดอะไรอยู่ ถึงได้ใช้คำว่าสำนึกบุญคุณคำนี้”
สำนึกบุณคุณบ้านเขาสิ
ชวีเสี่ยวปออดกลั้นเอาไว้ แต่ในใจกลับมีคำหยาบคายมากมายสถบออกมาไม่หยุด
เซี่ยรุ่ยเซินไอ้สารเลวคนนี้นอกจากจะให้สเปิร์มใน่ที่ยังแต่งงานกันอยู่ ที่เหลือก็ไม่ได้ทำอะไรสักอย่างเลย คนแบบนี้ยังจะกล้ามาพูดคำว่า “สำนึกบุณคุณ” ต่อหน้าเซี่ยเจิงอีก
และที่น่าโมโหไปกว่านั้นคือยังมาทำลายวันเกิดปีที่แล้วของเซี่ยเจิงด้วย
“ฉลอง! ห้ามคิดที่จะไม่ฉลองเด็ดขาด! ” ชวีเสี่ยวปอพยักหน้าอย่างหนักแน่น ทั้งยังคว้าข้อมือของเซี่ยเจิงเอาไว้ “ฉันจะฉลองกับนายเอง”