เยว่เฟิงเกอคิดอย่างได้ใจอยู่ในใจว่า นางทำให้พวกเขาต้องผิดหวังแล้วจริงๆ แม้เ้าของร่างเดิมจะไม่กินเนื้อไก่ แต่นางไม่เหมือนกัน เนื้อไก่เป็สิ่งที่นางชื่นชอบที่สุด
ทุกคนที่รวมกันอยู่ ณ ที่แห่งนั้น ไม่เว้นกระทั่งชิงจื่อที่ยืนอยู่ด้านหลังเยว่เฟิงเกอยังอดมองผู้เป็นายของตนกินเนื้อไก่เ่าั้เข้าไปอย่างรวดเร็วด้วยสายตาตกตะลึงเป็อย่างยิ่งไม่ได้
ม่อหลิงหานส่งสายตาเ็าไปยังฉินหว่าน เมื่อก่อนไม่ใช่นางที่เคยบอกเขาว่าเยว่เฟิงเกอไม่กินเนื้อไก่หรือ แค่คนต้องเห็นเนื้อไก่ก็ถึงขั้นคลื่นเหียนอาเจียนออกมา?
แต่ตอนนี้...นี่มันอะไรกัน ที่เยว่เฟิงเกอทำอยู่นี้นี่หรือที่เรียกว่าไม่ชอบเนื้อไก่?
ฉินหว่านถูกสายตาของม่อหลิงหานจ้องเขม็งจนขนลุก เพียงเพื่อจะได้เป็การพิสูจน์ว่านางไม่ได้พูดโกหก จึงรีบเปิดปากเอ่ยถามเยว่เฟิงเกอ “พระชายา ไม่ใช่ว่าไม่ทรงโปรดเนื้อไก่มาตลอดหรือเพคะ? ”
“ใครบอกว่าเปิ่นกงไม่ชอบเนื้อไก่ ดวงตาคู่ไหนของเ้าเห็นว่าเปิ่นกงไม่ชอบกินเนื้อไก่? ” ยามที่เยว่เฟิงเกอกำลังพูด ปีกไก่ชิ้นหนึ่งถูกนางกินเกลี้ยงเหลือแค่กระดูก
นางยกตะเกียบขึ้นแล้วคีบเนื้อไก่อีกชิ้นมา จากนั้นหรี่ตาลงเพื่อเสพสุขกับรสชาติตรงหน้า
การได้ตบหน้าคนอื่นแรงๆ เช่นนี้เป็สิ่งที่เยว่เฟิงเกอชอบทำที่สุดเลย
เมื่อต้องเห็นท่าทางพ่ายแพ้ของฉินหว่าน เยว่เฟิงเกอก็ให้รู้สึกอารมณ์ดียิ่งนัก
ทว่า ภายในห้องอาหารที่เงียบเชียบแห่งนี้ จู่ๆ ก็เกิดเสียงดัง ปั้ง! ดังขึ้น
ม่อหลิงหานทิ้งตะเกียบลงอย่างแรง จากนั้นจึงยืนขึ้นด้วยคิดจะเดินออกไป
“ท่านอ๋องไม่เสวยแล้วหรือเพคะ? ” เยว่เฟิงเกอถามทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้ว
ม่อหลิงหานทำเพียงแค่นเสียงเ็า ก่อนจะเดินก้าวยาวๆ ออกไปจากห้องอาหาร
รอจนม่อหลิงหานจากไปแล้ว น้ำเสียงแฝงความเยาะหยันของฉินหว่านก็ดังขึ้น
“แหม คิดไม่ถึงว่าพระชายาจะเสแสร้งเก่งเพียงนี้ ไม่ใช่ว่าเ้าไม่ชอบกินเนื้อไก่หรือ แค่เห็นเนื้อไก่ก็อยากจะอาเจียนออกมาแล้วมิใช่หรือ ดูท่าคงจะเสแสร้งหลอกลวงให้คนอื่นเห็นเสียทั้งหมดกระมัง เพราะท่าทางการกินของเ้าในตอนนี้ หากใครไม่รู้ อาจจะคิดไปว่าตัวเ้าเป็ขอทานข้างถนน ไม่ได้กินเนื้อไก่มาแปดชาติแล้วก็เป็ได้”
เยว่เฟิงเกอไม่มองฉินหว่านแม้แต่น้อย นางคีบกระดูกชิ้นหนึ่งขึ้นมาจากจานอย่างใจเย็น จากนั้นออกแรงที่ข้อมือเพียงเล็กน้อย ฉับพลันนั้นกระดูกไก่ชิ้นนั้นก็พุ่งไปทางฉินหว่าน
ฉินหว่านเห็นว่าเยว่เฟิงเกอก้มหน้าไม่พูดไม่จาเป็นานจนนางยังนึกไปว่าวาจาของตนทำร้ายคนได้อีกครั้งแล้ว จึงหัวเราะฮ่าฮ่าออกมาด้วยความสะใจ
แต่ในตอนที่ฉินหว่านอ้าปากหัวเราะนั้น กระดูกไก่ชิ้นหนึ่งก็บินเข้ามาอุดอยู่ในลำคอนางทันที
“แค่กแค่กแค่ก...” ฉินหว่านรู้สึกเหมือนมีกระดูกไก่อุดอยู่ในลำคอ นางจึงกุมลำคอไว้แล้วไอออกมาอย่างรุนแรง
นางอยากจะไอเอากระดูกไก่ในลำคอออกมา เพียงแต่ยิ่งไอ กระดูกไก่ชิ้นนั้นก็ราวกับยิ่งเข้าลึกไปในลำคอนางมากขึ้น
ฉินหว่านเริ่มหายใจลำบากแล้ว นางไอจนหน้าแดงก่ำ เส้นเืบนลำคอปูดโปน
ฉินหว่านจับมือของเฉี่ยวอวี้ที่อยู่ด้านหลัง แม้ใจจะคิดพูดอะไร แต่กลับพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว นางทำได้แค่มองเฉี่ยวอวี้อย่างไร้เรี่ยวแรงพยายามสูดลมหายใจเข้า
“นายหญิง ท่านเป็อันใดไป? ” เฉี่ยวอวี้มีท่าทีตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก ทว่า ในสายตาของนางกลับมีความขบขันเจือปนอยู่
“นายหญิงอย่าทำให้บ่าวใสิเ้าคะ ท่านรีบบอกมาเถิดว่าท่านเป็อะไรไป? ” เฉี่ยวอวี้ไม่ได้รีบร้อนตามหมอหลวงประจำจวนในทันที นางอยากเห็นท่าทีทรมานของเ้านายนางให้เต็มตา
ใครใช้ให้ยามที่เ้านายเห็นว่าดวงตานางได้รับาเ็แล้วยังทำเป็ไม่เห็นกันเล่า จนถึงตอนนี้คนยังไม่เรียกหมอมาช่วยรักษาดวงตาให้นางอีก
ทำให้นางต้องลงมือพันแผลด้วยตนเอง จนถึงตอนนี้ดวงตาของนางก็ยังเจ็บอยู่
โชคดีที่หินก้อนนั้นดีดมาถูกเบ้าตาของนาง ไม่ใช่ลูกตา เพราะหากดีดเข้าลูกตาจริง เกรงว่านางคงได้ตาบอดไปนานแล้ว
ฉินหว่านจับมือของเฉี่ยวอวี้ไว้อย่างเอาเป็เอาตาย ตอนนี้นางทรมานจนตัวสั่นไปทั้งร่าง หน้าผากมีเหงื่อผุดพราย
สำหรับกระดูกไก่ที่ติดอยู่ในลำคอ กลืนไม่ได้ คายออกมาก็ไม่ได้
สาวใช้น่าตายนี่กลับยังถามนางอีกว่าเป็อันใด หรือว่าอีกฝ่ายจะตาบอดไปแล้ว ถึงได้ยังดูไม่ออกว่ายามนี้นางทรมานเพียงใด?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้