“น้องรอง เรากลับบ้านกันเถอะ” กู้เจิงเป็ห่วงสามี กู้อิ๋งและกู้เหยา แต่นอกจากรอแล้ว นางก็ทำอะไรไม่ได้อีก
กู้เจิ้งชินรับร่มจากนางกำนัลมากางให้พี่ใหญ่ เขาประคองนางขึ้นรถม้าขององค์ชายสิบสอง รถม้าค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไป
ภายในรถม้าขององค์ชายสิบสองกว้างขวางและหรูหรามาก ที่นั่งบนรถใช้ผ้าไหมมาปูเป็ที่นั่งนุ่มนิ่ม
แต่ต่อให้นุ่มแค่ไหน กู้เจิงก็นั่งอย่างไม่สบายใจ นางคิดถึงเสิ่นเยี่ยน ด้านนอกฝนยังคงตกหนักและมืดสนิท นอกจากเสียงฝนแล้ว ก็มีเพียงเสียงล้อรถม้าที่บดไปตามถนน
“หากข้าเข้ารับราชการเร็วกว่านี้ ก็คงสามารถช่วยพี่เขยใหญ่กับตวนอ๋องได้” กู้เจิ้งชินกล่าวอย่างเสียใจ ที่เขาไม่อาจช่วยอะไรได้มาก
กู้เจิงพึมพำกับตัวเอง “จะเป็เหมือนเหตุการณ์ที่ประตูเสวียนอู่[1]ไหมนะ?”
“เหตุการณ์อะไรนะขอรับ?” กู้เจิ้งชินถามขึ้น เพราะได้ยินกู้เจิงพูดไม่ชัดนัก
“น้องรอง เป็ไปได้ไหมว่าเสี่ยนอ๋องจะเลือกลงมือสังหารตวนอ๋องในคืนนี้?” กู้เจิงถามน้องรอง เพราะอย่างไรเสียตอนนี้เสี่ยนอ๋องก็กำลังตกที่นั่งลำบาก และเื่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็เป็เพราะตวนอ๋องจ้าวหยวนเช่อ ในเมื่อเขาไม่มีทางที่จะเล่นงานองค์รัชทายาทได้ จึงหันมาจัดการกับตวนอ๋องก่อน
กู้เจิ้งชินใ “เื่ของเสี่ยนอ๋อง พี่ใหญ่ก็รู้ด้วยหรือขอรับ?”
กู้เจิงพยักหน้า “ท่านพี่เล่าให้ข้าฟังทุกอย่าง”
กู้เจิ้งชินประหลาดใจมาก ทำไมพี่เขยใหญ่ถึงบอกพี่ใหญ่เกี่ยวกับเื่ในราชสำนักกัน? “ถึงแม้ข้าจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ข้าก็คิดแบบเดียวกับพี่ใหญ่ขอรับ”
การที่เสี่ยนอ๋องกับตวนอ๋องจะรบราฆ่าฟันกันเป็เื่ที่จะต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว เพียงแต่กู้เจิงคิดไม่ถึงว่าเสี่ยนอ๋องจะเลือกคืนนี้
“น่าเสียดายที่ข้าทำอะไรไม่ได้เลย” กู้เจิงพึมพำอย่างเสียใจ นางไม่อาจช่วยอะไรสามีได้เลย
ในตอนนั้นเอง กู้เจิงก็ได้ยินเสียงเป่าปากดังขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
ม้าที่พวกกู้เจิงนั่งมา ตื่นใกับเสียงเป่าปาก พวกมันพยศอย่างบ้าคลั่ง
“คุณชายรองกู้ ข้าคุมม้าไม่ได้แล้วขอรับ” คนขับรถม้าที่กรีดร้องด้วยความตื่นตระหนก
เสียงเป่าปากนี้เหมือนกับที่หน้าสถานที่จัดงานโคมไฟ กู้เจิงจำได้
“ข้าน้อยคุมม้าไม่อยู่ขอรับ” คนขับรถม้าพูดซ้ำอีกรอบด้วยความหวาดกลัว
กู้เจิ้งชินกำลังจะออกไปช่วยสารถีที่หน้ารถ แต่จู่ๆ ม้าก็ทยานตัวขึ้น รถม้าสั่นโคลงรุนแรง กู้เจิ้งชินจึงล้มลงอย่างแรง
“น้องรอง?” กู้เจิงรีบเข้าไปช่วยน้องชาย แต่รถม้าสั่นโคลงเคลงไม่หยุด ทำให้นางไม่สามารถทรงตัวได้ อีกทั้งถนนก็ขรุขระ นางจึงทำได้เพียงะโบอกสารถีว่า “รีบหยุดม้าซะ คิดหาวิธีให้ม้าหยุด”
ไม่มีเสียงตอบจากด้านนอกของรถม้า
กู้เจิงใจหาย นางค่อยๆ ขยับร่างไปที่หน้าประตูรถ และดึงตะขอที่เกี่ยวผ้าม่านไว้เพื่อเปิดออก ทันใดนั้นลมฝนก็พัดกรูเข้ามา ที่หน้ารถไม่มีแม้แต่เงาของคนขับรถม้า
กู้เจิงหันมองรอบด้าน นางเห็นแต่ม่านฝนและความมืดมิด เส้นทางที่ม้าวิ่งพุ่งไปข้างหน้าเข้าสู่ผืนป่าใหญ่
ตอนนี้ไม่มีเวลาให้กลัวอีกแล้ว กู้เจิงรีบคลานออกไปด้านหน้า เพื่อดึงเชือกม้าไว้ แต่หญิงสาวตัวเล็กๆ เช่นนาง ไหนเลยจะมีแรงดึงม้าสองตัวที่กำลังบ้าคลั่งไว้ได้ “น้องรอง รีบมาช่วยข้าเร็ว”
ในที่สุดกู้เจิ้งชินก็ล้มลุกคลุกคลานเดินออกมาช่วยจับเชือกที่ผูกม้าเอาไว้ได้ แต่แรงของเขาก็ไม่ได้มากไปกว่ากู้เจิงนัก
ฝนที่ตกลงมาทำให้เสื้อผ้าของทั้งสองคนเปียกโชกอย่างรวดเร็ว เม็ดฝนกระทบใบหน้าจนเจ็บแปลบไปหมด
“รีบะโลงจากรถม้าเร็ว” กู้เจิงะโสั่งกู้เจิ้งชิน “รีบะโสิ ะโเร็ว”
กู้เจิ้งชินหน้าซีดเผือด ั้แ่เล็กจนโต เขาไม่เคยเจอเื่แบบนี้มาก่อน เขาไม่กล้าะโ
เสียงเป่าปากยิ่งหวีดแหลมมากขึ้น ราวกับกำลังสั่งการให้ม้าวิ่งตรงไปข้างหน้า สติที่ยังหลงเหลืออยู่ของกู้เจิงบอกนางว่านี่เป็วิธีการที่ศัตรูใช้ม้ามาพาพวกนางไปหามัน ถ้าพวกนางติดไปกับรถม้ามีแต่จะต้องตายสถานเดียว นางจึงตัดสินใจถีบกู้เจิ้งชินอย่างแรงให้ตกลงไปจากรถ
กู้เจิ้งชินร้องออกมาด้วยความใ ร่างของเขากลิ้งเข้าไปในพงหญ้าข้างทาง
กู้เจิงกำลังจะโยนบังเหียนทิ้งและะโลงจากรถม้า แต่ฉับพลันนั้น จู่ๆ ม้าก็หมุนตัวและวิ่งตะบึงไปอีกทิศทางหนึ่ง กู้เจิงหงายเอนไปด้านหลังตามแรงโน้มถ่วง นางยังไม่ทันจะะโก็ดันล้มกลับเข้าไปในรถม้าอีก นางใช้เวลาอยู่พักหนึ่งถึงจะตะเกียกตะกายก็ออกมาที่หน้ารถได้ใหม่ แต่นางก็ต้องตกตะลึง
เวลานี้ม้าได้วิ่งขึ้นเขามาแล้ว มันวิ่งทะยานฝ่าดงต้นไม้เพื่อตรงไปยังทิศทางด้านหน้าอย่างบ้าคลั่ง กู้เจิงเกิดกลัวขึ้นมา นางไม่กล้าะโจริงๆ เพราะหากนางะโไม่ดีอาจถูกกิ่งไม้แทงทะลุเข้าหน้าอกแน่
แต่หากนางไม่ะโออกจากรถม้านี้ นางก็ต้องตายเช่นกัน
ม้าวิ่งขึ้นไปบนยอดเขาอย่างรวดเร็ว พงหญ้ายิ่งหนาแน่นขึ้น เมื่อใกล้ถึงยอดเขา จู่ๆ พวกม้าก็เริ่มวิ่งช้าลง
กู้เจิงใจชื้นขึ้นมา นางรีบฉวยโอกาสนี้ะโลงจากรถ
หลังจากกลิ้งไปหลายตลบ ร่างนางก็ชนเข้ากับต้นไม้ ความเ็ปจากการโดนกระแทกทำให้กู้เจิงหายใจไม่ติดขัด โชคดีที่นางสวมเสื้อผ้ามาหลายชั้น เศษหินและกิ่งไม้จึงไม่ได้บาดผิวนางมากนัก แต่นั่นก็ทำให้เสื้อผ้าของนางขาดรุ่งริ่ง
กู้เจิงเช็ดน้ำบนใบหน้าที่ไม่รู้ว่าเป็น้ำตาหรือหยดน้ำฝนกันแน่ นางเบิกตากว้างและหันมองรอบด้าน เวลานี้ นางกำลังโทษเสิ่นเยี่ยน โทษที่เขาไม่ได้ไปส่งนางกลับบ้านด้วยตัวเอง โทษที่เขาทิ้งนางไปเพื่อคนอื่น
นางสูดหายใจเข้าปอด แล้วบอกกับตัวเองว่า ช่างมันเถอะ เอาไว้เจอหน้าค่อยบ่นแล้วกัน
กู้เจิงกำลังจะลุกขึ้นยืน ก็พลันมีเงาร่างสองร่างลอยผ่านเหนือศีรษะของนางไป นางหดคอลงอย่างหวาดกลัวและรีบย่อตัวลงซ่อนใต้พงหญ้า
กู้เจิงคลานไปหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง นางยื่นมือไปดึงพุ่มไม้มาบังตัวเองไว้ แต่พุ่มไม้นั้นดันมีหนาม นางเจ็บจนเกือบจะร้องไห้ออกมา
ขณะนั้นเอง ก็มีเสียงบุรุษพูดคุยกันดังแว่วมา “ไม่มีใครอยู่ในรถม้า”
“น่าจะะโลงกลางทาง”
"คนที่อยากจับก็จับได้แล้ว คนที่ไม่อยากจับก็มาส่งมอบให้เองแล้ว คนในรถม้าคันนี้เป็ใครกัน?”
“ถ้าใครไม่เกี่ยวข้อง ก็ฆ่าทิ้งซะ”
ทั้งสองคุยกันพลางเดินออกไปไกลจากนางมากขึ้น
กู้เจิงนั่งรอจนแน่ใจว่ารอบข้างไม่มีใครอยู่แล้ว นางจึงลุกขึ้นและเริ่มเดินลงเขา
กู้เจิงเดินสะเปะสะปะอย่างเหน็ดเหนื่อย หลังจากเดินไปได้สักหนึ่งก้านธูป เบื้องหน้าก็เป็ทางโล่ง กู้เจิงดีใจมาก นางคิดว่าเดินมาถึงตีนเขาแล้ว จึงรีบวิ่งพุ่งทะลุออกไป และนางก็ต้องตะลึงตาค้าง ด้านหน้าที่เป็ที่โล่ง กลับเป็ไหล่เขา จากมุมนี้นางมองเห็นแต่ทุ่งนากว้างใหญ่ด้านล่าง ไม่เห็นแม่แต่บ้านคนสักหลัง
กู้เจิงเก็บน้ำตาที่อยากจะร้องไห้ไว้ นางคิดเพียงว่าต้องลงจากเขาให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน แต่ตรงหน้าไม่มีหนทางไหนเลยนี่สิ
เสียงกรีดร้องอย่างหวาดกลัวดังขึ้นจากทางข้างหน้า “เ้ากล้าแตะต้องข้าหรือ? ข้าเป็ถึงพระชายาของตวนอ๋อง หากเ้ากล้าแตะต้องแม้เส้นผมของข้า ตวนอ๋องและจวนสกุลกู้ไม่มีทางปล่อยเ้าไว้แน่”
“อย่าว่าแต่เ้าที่เป็แค่พระชายาตวนเลย ต่อให้ฮองเฮาอยู่ที่นี่ วันนี้ก็หนีไม่พ้นหรอก” เสียงหัวเราะอันต่ำทรามของบุรุษดังแว่วมา
“กรี๊ด อย่าแตะต้องข้า อย่าแตะต้องข้า” เสียงดิ้นรนด้วยความกลัวของกู้อิ๋งดังลั่นผืนป่า
กู้เจิงเบิกตากว้างพร้อมกำหมัดแน่น นางรีบวิ่งไปในทางที่ได้ยินเสียง ที่ทางข้างหน้านางเห็นชายร่างกำยำคนหนึ่งกำลังฉีกเสื้อผ้าบนร่างของกู้อิ๋ง
กู้อิ๋งขัดขืนดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง
กู้เจิงหันมองรอบข้าง มีเพียงผู้ชายคนนี้คนเดียว นางดึงปิ่นออกจากมวยผมด้วยมืออันสั่นเทิ้ม ชั่วพริบตาเดียว นางก็ะโขึ้นบนหลังของชายคนนั้นอย่างไม่ลังเล และยกมือขึ้นใช้ปิ่นปักผมเสียบเข้าที่ท้ายทอยของอีกฝ่ายอย่างแรง
ชายหนุ่มใ เขาสะบัดกู้เจิงลงกับพื้น และหันกายกลับมา พอใบหน้าดุดันได้เห็นกู้เจิง ดวงตาก็ส่องประกายหื่นกระหาย “ของดีนี่” เขาหมายจะเดินเข้ามาจับกู้เจิง แต่เพิ่งย่างเท้ามาได้สองก้าวร่างกายก็แข็งทื่อ และล้มลงนอนตัวตรงอยู่บนพื้นพร้อมชักกระตุก
“พะ พี่ใหญ่?” กู้อิ๋งหวาดกลัวมาก นางคิดว่าตัวเองไม่อาจจะรักษาความบริสุทธิ์ไว้ได้แล้ว นางโผเข้าไปกอดกู้เจิงแล้วร้องไห้
กู้เจิงกอดปลอบกู้อิ๋งแล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“นี่ไม่ใช่เวลาร้องไห้ พวกเราต้องรีบลงจากเขา” กู้เจิงพยายามตั้งสติสะกดกลั้นความกลัว
“พี่ใหญ่ เหยาเอ๋อร์ยังอยู่ในถ้ำเ้าค่ะ” กู้อิ๋งร่ำไห้ “คนชุดดำพวกนั้นเป็พวกเดรัจฉาน มันไม่ปล่อยพวกนางไปแน่”
------------------------------------------------------------
[1] เหตุการณ์ประตูเสวียนอู่ เป็เหตุการณ์ศึกสายเืสามพี่น้องของราชวงศ์ถัง โดยองค์ชายรอง ''หลี่ซื่อหมิน'' พร้อมกองพลได้ลงมือสังหารองค์ชายรัชทายาท ''หลี่เจี้ยนเฉิง'' และองค์ชายสาม ''หลี่หยวนจี๋'' ที่ประตูเสวียนอู่ ซึ่งเป็ประตูทางเข้าของพระราชวัง เนื่องจากเกิดการขัดแย้งกัน หลังจากทั้งสองตายไป ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันก็สละราชสมบัติ และให้หลี่ซื่อหมินขึ้นเป็ฮ่องเต้ นามว่า ''ถังไท่จง''