“ท่านผู้บังคับบัญชาโจวเหย้าเวยมีคนมาประกันตัวออกไปแล้วครับ!” ใบหน้าของลู่ซานชุนเต็มไปด้วยความโมโหพร้อมทั้งแจ้งข่าวที่เพิ่งได้รับมา
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของผู้บังคับบัญชาฉินมลายหายไป “ไม่ใช่ว่าเขาถูกกักขังอยู่ในสำนักงานย่อยเหรอ เป่าเจียมีโอกาสรอดเขาก็ยังเป็ผู้ต้องหาพยายามฆ่าที่ถูกปักเอาไว้บนบอร์ดอยู่ดีตระกูลโจวยังจะกล้ามาประกันเขาอีก? นี่มันเอากฎหมายไปไว้ที่ไหนกัน!”
คุณตาแสนใจดีคนนั้นหายไปในพริบตา ตอนนี้ท่าทางหนักแน่นในแบบของทหารเผยออกมาให้เห็นไปกว่าครึ่ง
“คุณปู่ฉิน อย่าเพิ่งโมโหไปเลยค่ะ ฟังสิ่งที่นายทหารลู่จะบอกก่อนจะดีไหมคะ?” เมื่อเห็นว่าคนแก่ตรงนั้นโมโหเสียจนใบหน้าบูดเบี้ยวแม้ว่าจะเป็เื่ของคนที่โตกว่า แต่เพิ่งจะผ่านจากการเครียดเื่เป่าเจียไปหลินลั่วหรานกังวลเื่สุขภาพของผู้บังคับบัญชาฉินจึงได้พูดแนะนำออกมาอย่างนุ่มนวล
และนี่ก็ทำให้ลู่ซานชุนมีโอกาสที่จะได้พูดขึ้นมา “แจ้งท่านผู้บังคับบัญชาดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ตระกูลโจวออกตัวมาประกันโจวเหย้าเวยแต่ทางสำนักย่อยก็ไม่ได้บอกมาชัดเจนน่าจะเกี่ยวกับหน่วยงานลับที่เข้ามาแทรกแซงครับ ด้วยอำนาจศาลที่มีไม่พอเลยไม่สามารถจะทราบสถานการณ์อย่างละเอียดได้”
หน่วยงานลับ เหมือนกับพวก “หน่วยั” ที่มักจะเห็นบ่อยๆ ในนิยายน่ะเหรอ?
หลินลั่วหรานขมวดคิ้ว เื่ที่ในรัฐบาลมักจะมีหน่วยงานลับเป็เื่ธรรมดาแต่การที่ออกมาประกันตัวผู้ต้องสงสัยในการฆ่าคน นี่ต่างหากที่ดูผิดปกตินอกเสียจากผู้ต้องสงสัยคนนี้จะไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป...เมื่อนึกไปถึงเส้นเืในสมองที่แตกจนไม่อาจจะหยุดได้และอวัยวะภายในที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักของเป่าเจีย หลินลั่วหรานก็รู้สึกว่าปริศนาทุกอย่างล้วนแต่อยู่ภายใต้ตัวคุณชายโจวเหย้าเวยที่กล้าขับรถชนคนคนนี้
เมื่อได้ยินว่าไม่ใช่ตระกูลโจวที่ออกตัว ความรู้สึกต่างๆก็ผสมกันปนเปเข้ามาภายในความคิดของผู้บังคับบัญชาฉิน
เกิดเื่ขึ้นกับเป่าเจีย แถมยังาเ็อยู่ในเงื้อมมือของลูกชายคนเดียวของตระกูลโจวเื่นี้สร้างผลกระทบในเมืองหลวงมากกว่าผลกระทบจากตัวเื่นี้เองไปไกลจากความขัดแย้งระหว่างทั้งสองตระกูล ค่อยๆกลายเป็ความขัดแย้งระหว่างระบบรัฐบาลและระบบทหาร
สิทธิ์การพูดในยุคที่ประเทศมีแต่ความสงบสุข เดิมทีก็ไม่ได้มีอย่างใน่ยุคาเป็เื่ที่คนระดับผู้นำประเทศถึงจะพูดได้มากกว่าไปแล้ว
ก็เหมือนเื่ระบบที่แตกต่างของรัฐบาลและทหารเพียงแค่ไม่ขัดแย้งกันก็ดีมากแล้วแล้วจะไปพูดถึงเื่การสามัคคีจับมือกันได้อย่างไร ตระกูลโจวมาจากทางการเมืองตระกูลฉินมาจากการทหาร ต่างก็เป็คนที่เดินออกมาจาก่การปฏิวัติเมื่อไม่กี่สิบปีก่อนตอนนี้หากมีใครมาแบ่งปันอำนาจ เมื่อเวลาผ่านไปก็กลายเป็ความเกลียดชังขึ้นมา
ตอนนี้ลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูลโจวอาศัยอยู่ในเมืองหลวงอย่างเปิดเผยคนที่ไม่ได้รู้อะไร ก็คิดว่าเป็เพียงอุบัติเหตุธรรมดาเท่านั้นแต่คนที่มีระดับและรู้เื่มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าคุณชายตระกูลโจวตั้งใจจะฆ่าคนบนถนนอย่างเปิดเผย
ในประเทศที่สงบสุขแห่งนี้ ไม่ใช่ยุคสมัยที่เต็มไปด้วยาและ้าผู้กล้า ไม่ต้องพูดถึงในส่วนของความสกปรกโสมมภายใต้จุดบอดต่างๆการอาศัยอยู่ในเมืองหลวง อีกทั้งยังมีอิทธิพลต่อผู้คนเป็จำนวนมากโดยเฉพาะสถานภาพที่ต่างกันของทั้งสองตระกูล ไม่เพียงแค่คนแก่ในฝั่งทหารที่ไม่พอใจแม้แต่คนที่ทำงานในรัฐบาลเองก็ยังมีจำนวนไม่น้อยที่พากันขมวดคิ้ว
แน่นอนว่า ฝั่งตรงข้ามอย่างตระกูลโจวกำลังรอการตอบกลับจากผู้บังคับบัญชาฉิน
เหล่านายทหารแก่ในกองทัพต่างก็รู้กันทั้งนั้นว่าผู้บังคับบัญชาฉินกับคุณท่านตระกูลโจวมีความสัมพันธ์กันแม้ว่านายท่านจะเสียไปแล้ว แต่ความรู้สึกของคนเราไม่ได้ผ่านไปเร็วขนาดนั้นจึงได้แต่รอให้ผู้บังคับบัญชาฉินเป็คนเลือกด้วยตัวเอง
ถ้าหากว่าหลานสาวคนเดียวของตระกูลฉินตาย...ความขัดแย้งนี้คงไม่มีทางจะแก้ได้อีกความสัมพันธ์ที่มีมาก จะสามารถทดแทนเืเนื้อเชื้อไขเพียงคนเดียวได้อย่างนั้นเหรอ?
แต่ว่าตอนนี้เป่าเจียมีชีวิตอยู่...เื่ราวจึงกลายเป็ไม่แน่ชัดขึ้นมาจากที่ตอนแรกตั้งใจจะตอบกลับตระกูลโจวอย่างเอาเป็เอาตาย ก็ต้องหยุดเอาไว้ก่อนเพื่อรอการตอบสนองจากผู้บังคับบัญชาฉิน
ภายใต้ความคิดของผู้คนส่วนมากต่างก็คิดว่าเพียงแค่สุดท้ายฉินเป่าเจียไม่ตายการขัดแย้งของทั้งสองตระกูลก็อาจจะสามารถใช้ประโยชน์ในการแก้ปัญหาต่อกันได้
แต่เมื่อมาถึงในตอนนี้ คุณชายโจวไม่รอการประนีประนอมของทั้งสองตระกูลแล้วแต่กลับเลือกเส้นทางความอลหม่านนี้แทน แถมคนที่ไปหยิบยืมอำนาจก็เป็หน่วยงานเฉพาะ
ตอนนี้ตระกูลโจวพากันดีใจลูกชายเพียงคนเดียวที่ถูกสังคมเมืองหลวงหล่อหลอมให้กลายเป็คุณชายนั้นที่แท้ก็แอบมีความสัมพันธ์กับหน่วยงานพิเศษใครยังจะกล้าพูดว่าโจวเหย้าเวยเป็คุณชายที่ไม่ได้เื่สักอย่างอยู่อีก?
อีกทั้งหน่วยงานพิเศษยังอยู่ภายใต้ชื่อของหน่วยงานทหารอีกด้วยคุณนายโจวที่คิดว่าตัวเองถูกรังแกอยู่ในตอนแรก อยู่ๆก็รู้สึกว่าคำพูดเ่าั้ยังคงกระทบไปถึงตัวของผู้บังคับบัญชาฉินด้วย เป็คนในระบบของพวกคุณเองแท้ๆ ไม่ใช่ว่าก็มีปัญหาภายในด้วยไม่ใช่หรือไง?
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นๆหลินลั่วหรานไม่อาจจะรับรู้ความคิดลับหลังของคนมากมายเหล่านี้ได้เมื่อเห็นว่าหลังจากผู้บังคับบัญชาฉินได้ยินว่าเป็การก้าวก่ายของหน่วยงานพิเศษกลับไม่ได้มีท่าทีรีบร้อนเร่งรีบอะไร ตัวเธอเองก็ไม่ได้เข้าใจสถานการณ์มากนักจึงไม่รู้ว่าออกความเห็นอย่างไร
หลังจากที่ผู้บังคับบัญชาฉินและลู่ซานชุนเดินออกไปหลิ่วเจิงก็บอกว่ามีธุระเช่นกัน ภายในห้องพักของเป่าเจียจึงหลงเหลือเพียงหลินลั่วหรานเท่านั้น
พยาบาลคนก่อนหน้าเปิดประตูออกด้วยความระมัดระวัง เธอยื่นใบหน้าเข้ามาในมือของเธอถือกล่องรักษาอุณหภูมิเอาไว้ที่แท้ก็ไปซื้อโจ๊กมาให้หลินลั่วหรานนี่เอง
โจ๊กเห็ดหอม? เมื่อเปิดฝาออกสูดดมกลิ่นหอมหลินลั่วหรานก็รู้สึกว่าความจริงเธอนั้นไม่ใช่ซูเปอร์ฮีโร่อะไร ห้าวันที่ไม่ได้กินอะไร มีชีวิตอยู่ได้ด้วยน้ำเกลือเมื่อได้ัักับกลิ่นหอมของอาหาร ก็รู้สึกว่าท้องจะร้องขึ้นมา
หลังจากกินโจ๊กเข้าไปแล้ว เมื่อเห็นท่าทางนอนหลับอย่างเงียบสงบของเป่าเจียทั้งที่รู้สึกกังวลมาก แต่ก็รู้สึกสบายใจที่เป่าเจียในตอนนี้ไม่เป็อะไรแล้วทำให้หลินลั่วหรานไม่รู้ว่าในตอนนี้เธอควรจะทำอย่างไรดี
เมื่อคิดขึ้นมาได้ว่าตัวเองหลับใหลไปห้าวันหลินลั่วหรานก็ตบหัวตัวเองทันที ก่อนจะโทรศัพท์ไปหาพ่อกับแม่ที่บ้าน
ปลายสายอย่างพ่อและแม่ไม่ได้กังวลเท่าไรอีกทั้งยังสั่งว่าถ้าไม่ได้มีเื่อะไรก็ให้หลินลั่วหรานอยู่ที่เมืองหลวงนานหน่อยเพื่อที่จะได้อยู่เป็เพื่อนคุณตาของเป่าเจีย
หลินลั่วหรานถึงได้รู้ว่า ที่แท้ในตอนที่เธอสลบไปนั้นผู้บังคับบัญชาฉินก็ได้โทรไปหาพ่อกับแม่ของเธอด้วยตัวเอง เื่ที่เกิดขึ้นจริงๆที่นี่ก็ไม่กล้าที่จะบอกออกไปจึงเพียงแต่บอกว่าหลินลั่วหรานมีเื่เล็กน้อยรัดตัว จึงไม่ว่างกลับบ้านสักระยะพร้อมบอกไม่ให้ทั้งสองกังวลไป
พ่อและแม่ของหลินลั่วหรานไม่ได้รู้ว่าอีกฝ่ายเป็ผู้บังคับบัญชากองทหารจึงคิดไปว่าผู้บังคับบัญชาฉินเป็คนแก่ขี้เหงาที่้าให้ลูกหลานอยู่ด้วยถึงได้บอกให้หลินลั่วหรานอยู่ที่เมืองหลวงไปสักพัก
แน่นอนว่าหลินลั่วหรานก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรจึงได้แต่ไหลไปตามช่องทางที่ผู้บังคับบัญชาฉินได้ปูเอาไว้ให้ ถ้าไม่ได้เห็นคุณโจวโดนลงโทษตามที่สมควรจะได้รับ หลินลั่วหรานก็คงจะไม่กลับไป
แม้ว่าตอนนี้ร่างกายของเป่าเจียจะไม่มีปัญหาอะไรแล้วแต่ว่าก็ไม่ได้ลบเื่ที่โจวเย่าเวย้าจะฆ่าเธอออกไปได้ไม่ว่าอย่างไรหลินลั่วหรานก็ไม่สามารถลืมภาพเป่าเจียที่นอนอยู่บนเตียงผ่าตัดลมหายใจเบาบางแบบนั้น...หากคนเราสามารถทำเื่แย่ๆได้โดยที่ไม่มีใครแก้แค้นเอาคืน โลกนี้คงจะไม่มีความหมายอยู่อีกต่อไป
ติดหนี้ก็ต้องใช้ ชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต มันไม่ใช่เพียงประโยคคุ้นหูแต่เป็ลำดับขั้นตอนของโลกใบนี้ แน่นอนยังมีประโยคที่ว่าคนที่อ่อนแอย่อมต้องยอมให้แก่คนที่แข็งแกร่งกว่า มีคนบางส่วนที่สามารถตอบโต้กลับไปได้และบางคนที่ไม่มีกำลังพอ จึงได้แต่คิดว่าโลกนี้ไม่ยุติธรรมอยู่ภายในใจ
แล้วตัวเราล่ะ? สามารถมั่นใจในโชคชะตาชีวิตของตัวเองได้จริงเหรอ?
หลินลั่วหรานนึกถึง “ความฝัน” เธอพยายามที่จะวาดลวดลายลึกลับนั่นออกมาแต่กลับนึกถึง่ที่คนสวมชุดยาวโบราณหันมามองเธอ เมื่อนึกถึงดวงตาสีดำขลับยากที่จะเข้าใจราวกับเผชิญผ่านการเปลี่ยนแปลงของโลกใบนี้มามากมายหลายครั้งหลินลั่วหรานก็รู้สึกเ็ปราวกับหัวของเธอถูกทิ่มแทง
เธอไม่ทันได้กลับไปคิดถึงสัญลักษณ์ลึกลับนั่น หัวก็ปวดเสียจนคิดอะไรต่อไปไม่ได้ราวกับมีเข็มนับพันเล่มปักลงมาที่ตัวของเธอ หลินลั่วหรานถอนหายใจออกมาร่างของเธอราวกับเพิ่งขึ้นมาจากน้ำ ภายในชั่วเวลาสั้นๆ นั้นร่างกายของเธอกลับเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ!
เธอปาดเม็ดเหงื่อบนหน้าผากออกด้วยความยากลำบาก หลินลั่วหรานฝืนยิ้มออกมาความโลภมากในใจไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆเธอกำลังคิดอยากได้พลังที่ยังไม่เหมาะกับตัวของเธอในตอนนี้ขึ้นมาแต่ว่าเมื่อนึกกลับไปถึงแววตาของคนคนนั้นแล้ว สติของเธอก็ถูกทำลาย!
แต่ว่า ไม่มีทางที่จะสามารถลอกเลียนสัญลักษณ์นั้นออกมาได้จริงเหรอ?
หลินลั่วหรานจมลงสู่ภวังค์ความคิด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้