สวี่เหราคิดไม่ถึงว่าอาลักษณ์หลี่จะสามารถคิดได้ยาวไกลถึงขนาดนี้ มีความรู้สึกเหมือนหาสหายที่รู้ใจเจอ ตอนกลางคืนจึงไม่ได้ทำงานล่วงเวลา แล้วเชิญอาลักษณ์หลี่ไปดื่มสุราพูดคุยกันที่เรือน
อาลักษณ์หลี่ผู้นี้ หลังจากสอบติดก็ไม่ได้สอบต่อขั้นต่อไป แต่ใช้ความสัมพันธ์ในครอบครัวมาหางานเป็อาลักษณ์ของสำนักงานเขตนี้ โชคดีที่อาลักษณ์ของสำนักงานเขตเองก็มีลำดับขั้น ค่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ ต่อไปไม่แน่สามารถเป็ผู้พิพากษาท้องถิ่นซึ่งเป็ขุนนางขั้นเจ็ดได้
แล้วก็โชคดีที่เหอซีทางนี้เงื่อนไขการใช้ชีวิตไม่ค่อยดี ไม่มีใครคิดที่จะมาเป็ขุนนางที่นี่ อาลักษณ์หลี่จึงทำงานอยู่ที่นี่หลายสิบปีแล้ว
ป้าเหอผัดอาหารที่ถนัดมาให้หลายชนิด สวี่ตี้เองก็เอาสุราบ๊วยที่ตนเองขุดเอาไว้ใต้ดินตรงกำแพงทางทิศใต้ขึ้นมา สุราสองไหนี้เป็เหล้าที่ตนเองทำขึ้นจากบ๊วยที่เอากลับมาจากทางใต้ตอนที่เดินทางไปที่นั่นเมื่อปีก่อน เขาคิดว่าน่าสนใจมาก จึงฝังมันลงไปในดินตรงกำแพงทางทิศใต้ หาได้ยากที่ท่านพ่อจะพาเพื่อนที่ทำงานกลับมาด้วย สวี่ตี้จึงมอบสุราสองไหนี้ให้
อาลักษณ์หลี่เป็คนทางใต้ แน่นอนว่าต้องชอบสุราบ๊วยอยู่แล้ว แต่ว่าทางเหอซีอยู่ห่างไกล ตอนนี้การเดินทางก็ไม่สะดวก อยากจะเอาบ๊วยจากทางใต้มานั้นไม่ง่ายเลย
อาลักษณ์หลี่ดื่มเข้าไปหนึ่งอึก แล้วจุ๊ปาก ก่อนจะถอนหายใจ “รสชาติสุรานี้ไม่เลวเลยจริงๆ”
สวี่เหรารีบรินให้อีก “รสชาติไม่เลวเช่นนั้นท่านก็ดื่มอีกขอรับ ดื่มเยอะแล้วก็ไม่ต้องกลัว อีกเดี๋ยวข้าจะจัดคนให้พาท่านไปส่งก็พอ”
อาลักษณ์หลี่หัวเราะเสียงดังออกมา “ภรรยาของข้าคนนั้น กลัวว่าข้าจะออกไปดื่มสุราด้านนอกมากที่สุด กลัวว่าข้าจะดื่มมากไปจนไปหกล้มอยู่บนพื้น”
สวี่เหราหัวเราะ “เหมือนกันๆ ภรรยาของข้าเองก็กังวลเช่นนั้นเหมือนกัน พวกเราต้องเข้าใจพวกนางนะ ดูแลเื่งานเรือน ดูแลลูกแล้วยังต้องมาดูแลพวกเราอีก ไม่ง่ายเลยจริงๆ”
อาลักษณ์หลี่คิดไม่ถึงว่าสวี่เหราจะสามารถพูดเช่นนี้ออกมา ความรู้สึกดีที่มีต่อสวี่เหราก็เพิ่มขึ้นมาก ยิ่งพูดคุยกันมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสในการลงทุน
อาลักษณ์หลี่เอ่ย “เหอซีของพวกเราน่ะ หลายปีมานี้เพราะว่าอยู่ใกล้กับด่านเยี่ยนเหมิน ถึงแม้จะพูดว่าทุกฤดูหนาวจะต้องระมัดระวังอย่าวางใจ แม้ในตอนสุดท้ายจะไม่เคยถูกคนมาปล้นสะดมมาก่อน แต่พวกเราไม่สามารถลดการระมัดระวังตัวลงได้ ด่านเยี่ยนเหมินเป็ปราการที่แข็งแกร่ง หากพวกเป่ยตี้มาแอบลักลอบเข้ามาจากทางอื่น แล้วเข้ามาตีพวกเราจากด้านหลังเล่า?”
สวี่เหราถอนหายใจก่อนจะเอ่ย “ข้าเองก็กังวลเช่นนี้มาตลอด ตอนนี้ในมือของพวกเรามีเงินแล้ว ข้าก็อยากจะซ่อมกำแพงเมืองให้ดี ซ่อมให้มันแข็งแรงหน่อย หากมีสถานการณ์อะไร ยังสามารถต้านทานได้”
อาลักษณ์หลี่จับจอกสุราแล้วหมุนในมืออยู่หลายครั้ง “เงินของสำนักงานพวกเรา จะต้องรีบใช้มันออกไป ข้ากลัวว่าผู้ช่วยเฉียนจะมีความคิดอะไร หากทำคนเบื้องบนรู้เข้า ไม่แน่ว่าเงินพวกนี้จะถูกคนเอาไปจริงๆ”
สวี่เหราเอ่ย “พูดเช่นนั้น พรุ่งนี้พวกเราก็มาคำนวณ อย่างไรผู้ช่วยเฉียนก็ไม่ได้ดูแลเงินค่าอาหาร พวกเรารีบไปหาคนมาซื้อวัสดุสร้างกำแพงขึ้นมาก่อน ข้าวางแผนที่จะสร้างคลังอาหารที่เขตเมืองแล้วก็ทางจวนแม่ทัพ แต่ว่าเื่นี้จะให้คนรู้เยอะไม่ได้”
อาลักษณ์หลี่วางจอกเหล้าลงเบาๆ “เื่นี้ค่อนข้างทำยาก ประเด็นก็คือคนที่จับตามองเยอะเกินไป ลงมือยากยิ่ง”
สวี่เหราพูดเสียงเบา “ดังนั้นข้าถึงได้มาหาท่านอย่างไรเล่า พี่ชาย ข้าให้ที่ดินด้านนอกเมืองกับท่านเพื่อสร้างจวนขนาดใหญ่เป็อย่างไร?”
อาลักษณ์หลี่ฟังแล้วก็เข้าใจเื่ราวว่าเป็อย่างไรแล้ว “เช่นนั้นคนงานสร้างบ้านเล่าจะทำอย่างไร?”
สวี่เหราตอบ “ข้าปรึกษากับแม่ทัพเว่ยแล้ว จะเอาคนที่ทางเขาส่งมา ถึงแม้ตอนนี้จะสงบสุข แต่พวกเราจะต้องเตรียมตัวเอาไว้ก่อนถึงจะดี”
อาลักษณ์หลี่พยักหน้า “ไม่มีปัญหา พอดีเลย เรือนที่ข้าอยู่ก็เล็กไปหน่อย ลูกสะใภ้ก็เพิ่งจะตั้งครรภ์ สร้างเรือนให้ใหญ่หน่อยคนอื่นก็ไม่สามารถพูดอะไรได้”
หลังจากทั้งสองคนปรึกษากันแล้ว สวี่เหราก็จัดคนให้พาอาลักษณ์หลี่ไปส่งกลับเรือน ส่วนตนเองก็ไปเรือนด้านหลัง
สร้างคลังเก็บอาหารใต้ดินที่เป็ความลับเช่นนี้ เป็เื่ที่หลังจากสวี่เหราปรึกษากับเว่ยหลางอยู่นานถึงได้ตัดสินใจทำเช่นนี้ สวี่เหราคิดได้ชัดเจนมาก ตอนนี้ตนเองเป็ผู้ปกครองเหอซี เช่นนั้นก็มีหน้าที่ปกป้องเมืองแห่งนี้ ปกป้องประชาชนที่อยู่ในเมือง เพราะว่าอยู่ใกล้กับชายแดน หากมีาอะไร จะเผชิญหน้ากับอะไรไม่ต้องคิดก็รู้อยู่เต็มอก
สวี่เหราได้เดินทางไปทั่วทั้งเหอซีแล้ว ความเป็ไปได้ที่คนเป่ยตี้จะมาโจมตีด่านเยี่ยนเหมินมีไม่มาก แต่หากมาโจมตีจากทางอื่น อย่างเช่นมาโจมตีจากทางด้านเหอซีล่ะ?
เส้นทางชายแดนต้าเหลียงมีทหารปกป้องอยู่หลายแสนนาย เพื่อป้องกันคนจากเป่ยตี้ลงมาทางใต้ ทหารหลายแสนนายนี้ แบ่งออกไปปกป้องยังสถานที่ต่างๆ ซึ่งกลุ่มศัตรูสามารถบุกเข้ามาจากที่อื่นๆ ได้ หากพูดว่าอยากจะใช้ม้าเร็วบุกเข้ามาโดยไม่มีอะไรกีดขวาง เช่นนั้นจะต้องโจมตีทำลายด่านเยี่ยนเหมินให้แตก โจมตีที่อื่นๆ ทหารป้องกันที่อยู่ใกล้ๆ ก็ล้อมเข้ามา แล้วปิดล้อมทหารของเป่ยตี้มาขังอยู่ด้านใน ปิดประตูตีหมา ดังนั้นหากเป่ยตี้อยากจะใช้ม้าเร็วบุกเข้ามาโดยไม่มีอะไรขวางมีทางเดียวคือแค่ทำลายด่านเยี่ยนเหมินทิ้งเท่านั้น นี่จึงเป็ความสำคัญของด่านเยี่ยนเหมิน
เมื่อถึงตอนที่เป่ยตี้โจมตีเข้ามาจากทางอื่นๆ ด่านเยี่ยนเหมินกับเหอซีจะมารวมเข้าด้วยกันและขังศัตรูเอาไว้ แล้วโจมตีพร้อมกันจากด้านหน้าและด้านหลัง คนในเมืองมีแค่ต่อต้านปกป้องด่านเยี่ยนเหมินเอาไว้ เช่นนี้ศัตรูกลุ่มใหญ่จากด้านนอกก็เข้ามาไม่ได้ สิทธิ์ในการลงมือก่อนอยู่ในมือของตนเอง ถึงจะสามารถปกป้องความปลอดภัยอันห่างไกลที่อยู่ด้านหลังด่านเยี่ยนเหมินได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดของการปิดเมืองป้องกันนอกจากเื่ป้องกันแล้วก็เป็เสบียงที่สำคัญที่สุด
ใกล้ๆ กับจวนแม่ทัพมีคลังเก็บเสบียงอยู่ ซึ่งเก็บธัญพืชของทหารที่เฝ้าด่านเยี่ยนเหมินเอาไว้ สวี่เหราเข้าใจดีมากว่าไข่ไก่ไม่สามารถเก็บเอาไว้ในตะกร้า เพราะเื่นี้จึงปรึกษากับเว่ยหลางอยู่นานมาก ถึงได้ตัดสินใจสร้างเรือนหลังใหญ่ๆ เช่นนี้ที่ทิศตะวันตกของเมืองเหอซี ซึ่งเป็ทิศตะวันออกของด่านเยี่ยนเหมิน จากนั้นก็สร้างคลังเก็บเสบียงเอาไว้ที่ใต้ดินของเรือน
สวี่เหราคิดเื่งานไปพลางขณะกลับไปที่เรือนหลัง หลังจากเข้าห้องมาแล้ว สวี่จือก็ยกน้ำล้างเท้าเข้ามา สวี่เหราแช่เท้าแล้วก็พูดกับสวี่จือสองสามประโยค ก่อนที่สวี่จือจะกลับไปพักผ่อนที่ห้องของตนเอง
สวี่ตี้กำลังเขียนแผนการต่อจากนี้ เื่ในไร่ เื่ของเรือนเพาะชำ แล้วก็น้ำพริก แป้งพริกของตนเองอยู่บนโต๊ะ อากาศเปลี่ยนมาเป็หนาวแล้ว หลายเื่จำเป็จะต้องจัดการดีๆ
จางจ้าวฉือมองสีหน้าของสวี่เหรา “ดูจากท่าทางเ้าดูหนักใจ เกิดเื่อะไรขึ้นหรือไม่?”
สวี่เหรานอนลงบนผ้านวมบนตั่งอย่างหาได้ยาก แล้วบิดี้เีก่อนจะเล่า “เมื่อครู่ข้าปรึกษาเื่สร้างเรือนกับเหล่าหลี่ คลังเก็บเสบียงที่พูดกับพวกเ้าครั้งที่แล้ว ข้ากับเว่ยหลางปรึกษากันแล้ว ว่าจะสร้างเรือนหลังใหญ่เอาไว้ทางตะวันตกของเมือง จากนั้นก็ขุดใต้ดินทำเป็คลังเก็บเสบียง”
สวี่ตี้ฟังแล้วก็วางพู่กันในมือลงแล้วพูดด้วยความตื่นเต้น “อันใดกัน พวกท่านเตรียมตัวจะออกรบหรือ?”
สวี่เหราถอนหายใจ “พวกเราพิจารณาจากสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดก่อน หากที่อื่นถูกทำลาย พวกนั้นจะต้องมาโจมตีที่ด่านเยี่ยนเหมินของพวกเรา เหอซีกับด่านเยี่ยนเหมินอยู่ติดกัน ข้าไม่เพียงจะสร้างคลังเก็บเสบียงเอาไว้ใต้ดิน ข้ายังต้องซ่อมกำแพงเมืองให้ดี ต่อเติมให้มันสูงใหญ่อีกนิด มั่นคงอีกหน่อย ถึงตอนนั้นจริงๆ กำแพงเมืองและคลังอาหารใต้ดินก็เป็ของที่รักษาชีวิตพวกเราได้นะ”
สวี่ตี้เอ่ย “ในเมื่อเป็เช่นนี้ ท่านพ่อ เช่นนั้นพวกเราจะต้องขุดทางใต้ดินหรือไม่ ให้มันไปต่อกับในูเานอกเมือง? หากถึงตอนนั้นจริงๆ คนแก่สตรีอ่อนแอในเมืองจะได้อพยพไปทางนั้น แล้วในเมืองก็ทำถนนออกมา ถึงตอนนั้นจริงๆ พวกนั้นก็จะได้คาดไม่ถึง เช่นนี้ดีหรือไม่?”
สวี่เหราตอบ “พูดนั้นมันง่าย แต่ทำจริงมันยากมาก คนในเมืองมากมายขนาดนั้น ทุกคนต่างมีคนหนุนหลังเป็ของตนเอง ผู้ใดจะรู้ว่าตอนนั้นใครเป็มิตรใครเป็ศัตรู? มีเมืองเท่าไหร่แล้วที่กำแพงเมืองแตกเพราะสหายที่ไว้ใจน่ะ? อย่าให้ถึงตอนที่พวกเราเตรียมของปกป้องชีวิตกลายเป็สิ่งที่จะมาทำลายทุกคน”
สวี่ตี้ครุ่นคิดก่อนจะเอ่ย “เื่นี้ก็จริงนะ ท่านพ่อ ท่านทำงานมาปีกว่าแล้ว ข้ารู้ว่าเสื้อขนแกะเอาไปขายกับท่านลุงสามได้เงินกลับมาเยอะมาก แล้วก็ยังมีของอย่างอื่นอีกใช่หรือไม่? ท่านบอกกับข้ามา ในมือของท่านตอนนี้มีเงินเท่าไหร่แล้ว?”
สวี่เหราตอบ “ไม่เยอะๆ ก็แค่ไม่กี่หมื่นตำลึง ถึงจะดูเยอะ แต่ใช้ไม่พอหรอก ทั้งซ่อมกำแพง ทั้งซ่อมบ้าน เงินแค่นี้ไม่พอใช้ เว่ยหลางบอกว่าทางนั้นได้ขนแกะมาอีกชุดใหญ่ ข้าหวังว่าลุงสามของเ้าจะรีบเอาไปขายนะ”
ทุกครั้งที่จางจ้าวจื่อมารับขนแกะไปมักจะให้เงินก่อน
สวี่ตี้เอ่ย “ตอนนี้ข้าหวังว่าปีหน้าทุกคนจะสามารถเตรียมอาหารได้ทัน สามารถให้เวลาพวกเราเตรียมตัวมากกว่านี้ก็คงจะดี”
จางจ้าวฉือกล่าว “เว่ยหลางฝึกทหารพอได้ ข้ารู้สึกว่า พวกเราน่าจะปลอดภัยพอสมควร”
สวี่เหราโบกมือก่อนจะเอ่ย “สถานการณ์ทางด้านเป่ยตี้ไม่ได้ดีมากนัก ทางพวกเราก็ได้รับรายงานมาหลายครั้ง บอกว่าทางนั้น่นี้ระส่ำระสายมาก ทางด้านเมืองหลวงของพวกเราก็วุ่นวายตามไปด้วย กลัวก็แต่ว่าเมืองหลวงจะมีคนอาศัยในจังหวะนี้จัดการคนทรยศให้สิ้นโดยไม่ได้สนใจประชาชนบริสุทธิ์”
จางจ้าวฉือฟังแล้วก็ขมวดคิ้ว “เช่นนี้ก็อันตรายพอสมควร เฮ้อ สวี่ตี้ แต่ก่อนตอนปิดเทอมฤดูร้อนกับหนาวเ้าก็ตามกลุ่มทหารไปฝึกมิใช่หรือ? เ้าไปช่วยเว่ยหลางฝึกสักหน่อยได้หรือไม่?”
พ่อของสวี่เหราเป็คนที่อยู่กับคณะปฏิวัติเก่า มีสวี่เหราและพี่น้องหกคน สวี่เหราเป็น้องเล็ก พี่ชายสี่คนพี่สาวหนึ่งคน พี่ชายพี่สาวต่างเข้าร่วมรบกันนานแล้ว พี่สาวของสวี่เหราเป็หมอภายในที่โรงพยาบาลคอยให้การสนับสนุน พี่ชายสี่คนก็เริ่มจากการเป็ทหารเล็กๆ ค่อยๆ เติบโตขึ้นมา พวกเขาประสบความสำเร็จในอาชีพเป็อย่างยิ่ง
สกุลสวี่จนถึงรุ่นของสวี่ตี้ ปู่เป็คนที่รังเกียจพวกเด็กๆ ที่ถูกเลี้ยงมาอย่างทะนุถนอม จึงออกกฎหนึ่งเอาไว้ เด็กผู้ชายในบ้านั้แ่อายุหกขวบเป็ต้นไปปิดเทอมฤดูร้อนจะต้องไปฝึกซ้อมกับกองทัพ กินนอนกับทหารใหม่ เขาฝึกอย่างไรเราก็ฝึกอย่างนั้น พวกเขาเรียนเกี่ยวกับอาชีพเ้าก็เขียนการบ้าน ั้แ่เด็กสวี่ตี้ก็ตามไปฝึกซ้อมตลอด ได้รับความลำบากมาไม่น้อย
สวี่ตี้ฟังคำพูดของมารดาตนเองก็ขมวดคิ้ว “ท่านแม่ ท่านเป็แม่ของข้านะ ท่านไม่รู้จักการโผล่หน้าออกไปก่อนจะถูกโจมตีหรือ? ข้าเป็เด็กอายุสิบสองสิบสาม วันๆ เอาแต่หมกตัวอยู่ในไร่ จู่ๆ ไปฝึกกับคนอื่นเขา ท่านพูดกับข้าสิว่าข้าจะไปเอาความสามารถมาจากไหน?”
จางจ้าวฉือเอ่ย “เ้าเคยออกทะเลกับลุงมาก่อนไม่ใช่หรือ?”
สวี่ตี้กลั้วหัวเราะ “ใช่ เคยออกทะเลมาก่อน แต่ว่าเคยเรียนการป้องกันตัวมาก่อนที่ไหน? จะต้องหาทางออกที่สมเหตุสมผลมาให้ได้นะ ข้าจะพูดกับท่านหนึ่งประโยค ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ไม่ขาดแคลนคนฉลาด”
จางจ้าวฉือถอนหายใจ ไม่ได้พูดต่อ สวี่เหราครุ่นคิด “ไม่เช่นนั้นเ้าเขียนแผนการฝึกมาให้ข้า ข้าอ่านเสร็จแล้วจะไปพูดกับเว่ยหลางดู”
สวี่ตี้โบกมือ “ท่านพักเถอะ ท่านจะไปพูดอันใด? ใครไม่รู้บ้างว่าคุณชายสามของจวนหย่งหนิงโหวเป็คนที่บ่าแบกไม่ไหวมือยกไม่ขึ้นน่ะ ท่านจะไปมีความสามารถทำแผนการฝึกออกมาได้อย่างไร?”
จางจ้าวฉือยังพูดอย่างไม่ยอมแพ้ “เช่นนั้นเ้าจะทำอย่างไร? ทั้งๆ ที่เ้ามีวิธีการฝึกที่ดีขนาดนี้ก็ยังไม่เอาออกมาใช้ ฝึกซ้อมทหารได้ดีแล้วก็สามารถเอาไปปกป้องเมืองได้ ปกป้องเมืองได้แล้วก็ปกป้องพวกเราทุกคนได้ ข้าหวังว่าคนที่ข้ารู้จักจะไม่เกิดอุบัติเหตุเพราะว่าข้าศึกบุกเข้ามาหรอกนะ”
สวี่ตี้มองท่าทางเ็ปของมารดาตนเองก็เอ่ย “เอาล่ะๆ รอหาเวลาว่างให้เว่ยหลางมา ข้าจะพูดกับเขา อย่างอื่นไม่พูดถึง จะต้องฝึกหน่วยทหารสู้รบพิเศษออกมาก่อน นั่นคือทหารชูโรงของสนามรบเชียวนะ”
พอเห็นสวี่ตี้เอาเื่นี้ไปเป็ธุระจริงจังแล้ว สวี่เหราก็มองไปทางจางจ้าวฉือ ซึ่งจาวจ้าวฉือเองก็มองสวี่เหรา ทั้งสองคนถอนหายใจออกมา พวกเขารู้ว่าลูกชายคนตนเองคนนี้ไม่มีใจที่จะเข้าทหาร คิดอยากจะทำการวิจัยอย่างเดียว ลุงทั้งสี่คนชอบหลานชายคนเล็กมากที่สุด เพราะว่ามีพร์ด้านการทหารมากที่สุด
ปิดเทอมฤดูร้อนของสวี่ตี้ก็จะผลัดกันไปหาลุงๆ ทั้งสี่คน ทางทะเล ทางพื้นดิน ทางอากาศก็ตามไปฝึกมาหมดแล้ว จนถึงกลุ่มหน่วยรบพิเศษก็ตามไปฝึกมาใน่ปิดเทอมฤดูร้อนด้วย หลังจากการฝึกซ้อมจบลงคนฝึกไม่อยากจะปล่อยไป สุดท้ายพอเห็นว่าสวี่ตี้ไม่มีใจที่จะอยู่ ถึงได้ปล่อยออกมาด้วยความช้ำใจ ต่อมาได้ยินว่าพวกเขามักจะไปหาลุงของสวี่ตี้ที่เป็เ้านายของครูฝึกคนนี้บ่อยๆ เพื่อที่จะให้ลุงของสวี่ตี้พาเขามาเข้าทหารให้ได้
จางจ้าวฉือรู้สึกว่าสวี่ตี้สามารถทำได้ถึงขั้นนี้ ตัวเขามีสติปัญญาที่สูง เรียนรู้ไวนั้นก็เป็เื่หนึ่ง ที่สำคัญที่สุดก็คือสวี่ตี้เป็คนที่สามารถฝืนทรมานถีบตัวเอง เข้มงวดกับตัวเองมากเป็พิเศษ เรียนอะไรก็จะตั้งใจทุ่มเท ไม่บรรลุเป้าหมายก็ไม่ยอมหยุด ไม่เช่นนั้นจะสามารถเรียนได้จนสุดท้ายก็ได้เป็ดอกเตอร์หรือ? วิจัยที่สวี่ตี้ทำออกมานั้นเป็วิจัยที่ล้ำหน้าที่คนปกติยังวิจัยออกมาไม่ได้
สวี่ตี้เอ่ย “อย่างอื่นไม่ค่อยเร่งด่วนเท่าไหร่ แต่กำแพงจะต้องรีบซ่อม ไม่พูดว่าจะซ่อมให้เหมือนกับด่านเยี่ยนเหมิน อย่างน้อยก็จะต้องทำให้กำแพงไม่ถูกทำลายได้ง่ายๆ เฮ้อ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าปูนซีเมนต์ทำออกมาอย่างไร ไม่เช่นนั้นจะทำปูนซีเมนต์ออกมา พวกเราก็เอาไปทำเป็กำแพงคอนกรีต แบบนั้นถึงจะแข็งแรง”
สวี่เหราหัวเราะแล้วเอ่ย “ไม่มีเหล็กเส้น แค่ใช้ปูนซีเมนต์ก็เอาไม่อยู่หรอก ข้ารู้สึกว่าวิธีการสร้างกำแพงเมืองตอนนี้ก็ดี ข้าจะซื้อหินมาเยอะหน่อย ทำกำแพงหนาสักเล็กน้อย แบบนี้ก็มั่นคงเหมือนกัน”
พูดกับพ่อแม่ได้สักพัก สวี่ตี้ก็กลับไปที่ห้องของตนเอง จุดเทียน หยิบกระดาษออกมา แล้วเริ่มเขียนแผนการฝึก เขียนมาได้สักพักก็รู้สึกว่าตนเองนั้นมีชีวิตที่ต้องทุ่มเทแรงกายใจ หากรู้ว่าเป็เช่นนี้นะ ช่างเถิด เป็เช่นนี้ไปแล้ว คิดมากไปก็ไม่มีความหมายอะไร รีบเค้นสมองของตนเอง แล้วหาวิธีที่สามารถใช้ได้ออกมา คิดมากไปก็ไม่มีความหมาย