“พวกข้าจะเป็อะไรได้ นี่ไม่ใช่ว่ากำลังทานข้าวดีๆ อยู่หรือ”
เจินจูส่งยิ้มไปทางเขา
“ผิงอัน ไปเรียกให้เสี่ยวเอ้อนำถ้วยกับตะเกียบมาอีกชุดหนึ่งที”
“รับทราบ” ผิงอันออกจากห้องไป
หลัวจิ่งเดินเข้ามาใกล้นาง สายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกทึ่งและสลับซับซ้อน ทั้งยังมีความไม่แน่ใจอยู่เล็กน้อยด้วย เขากับหลัวสือซานนำกำลังคนไปซ่อนตัวเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ด้านนอกคฤหาสน์โดยตลอด ไม่พบว่าองค์ไท่จื่อเข้าคฤหาสน์ไปั้แ่ตอนไหน แต่จนถึงเมื่อสักครู่ด้านนอกคฤหาสน์ ข่าวคราวที่พวกเขาสืบมาได้ ราวกับพื้นที่ราบเรียบมีเสียงฟ้าร้องกัมปนาทขึ้นก็ไม่ปาน
รถม้าของนางกับโหยวอวี่เวยเพิ่งออกจากคฤหาสน์ไปได้ไม่นาน ซื่อจื่อเฉิงเอินโหวก็ใช้กำลังทหารปิดล้อมทั้งคฤหาสน์อย่างใทำอะไรไม่ถูก สตรีมากกว่าครึ่งไม่สามารถออกมาได้ แน่นอนว่าสตรีเ่าั้ไม่ยินยอมให้ถูกล้อมแต่โดยดี ในหมู่พวกนางมีภรรยาและลูกๆ ของครอบครัวตระกูลขุนนางอำมาตย์และตระกูลสูงศักดิ์มาเป็เวลายาวนาน อีกทั้งยังมีฮูหยินที่ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ [1] ระดับขั้นสูงกระจายอยู่เต็มไปทั่ว ต่างทยอยกันซักถามซื่อจื่อเฉิงเอินโหวขึ้น ว่าผู้ที่ถูกลอบสังหารเป็คนที่มีฐานะถึงขั้นไหน ถึงได้คุมตัวพวกนางที่เป็สตรีในครอบครัวขุนนางไว้เช่นนี้
ซื่อจื่อเฉิงเอินโหวหมดหนทางเลี่ยง เขาไม่กล้าล่วงเกินสตรีจากครอบครัวขุนนางทั่วทั้งเมืองหลวงเช่นกัน สุดท้ายเขาเพียงกล่าวออกไปว่าผู้ที่ถูกลอบสังหารจนสิ้นชีพ คือองค์ไท่จื่อหานเซี่ยน
ทันใดนั้น สตรีในครอบครัวขุนนางทั้งหมดต่างก็เงียบลงไม่กล่าวสิ่งใดขึ้นอีก
“องค์ไท่จื่อสิ้นแล้ว เ้าทราบหรือไม่?”
หลัวจิ่งจ้องนางเขม็ง
เมื่อข่าวการตายขององค์ไท่จื่อได้รับการยืนยันอย่างแน่ชัดแล้ว เจินจูจึงเลิกคิ้ว
“เ้าอยากถามอะไร?”
พวกนางเข้าไปในคฤหาสน์ไม่ถึงสองชั่วยาม ภายในเวลาสั้นๆ นางก็รอจนหาองค์ไท่จื่อพบ แล้วยังจัดการเขาทิ้งอย่างราบรื่นอีกด้วย หลัวจิ่งยากที่จะเชื่ออยู่บ้าง
“เ้า... ทำได้อย่างไร?”
“…อ่า อะไรคือทำได้อย่างไร ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่ใช่ว่าข้ากลับมาตรงเวลาอย่างว่านอนสอนง่ายหรอกหรือ” เจินจูหัวเราะแสร้งทำเป็ไม่เข้าใจ
ต้องเป็หญิงสาวผู้นี้ทำอย่างแน่นอน หลัวจิ่งกัดฟันดังกรอด พอได้ยินข่าวการตายขององค์ไท่จื่อ ดวงตาของนางไม่กะพริบเลยสักนิด เห็นได้ชัดว่ารู้อยู่ก่อนแล้ว
“เ้า…”
ขณะที่กำลังจะซักไซ้นาง ผิงอันก็นำทางเสี่ยวเอ้อเข้ามา
กระทั่งอาหารจัดวางเรียบร้อย เจินจูกวักมือมาทางเขา “ทานข้าวก่อน อากาศหนาวยิ่งนัก อีกเดี๋ยวจะเย็นแล้ว”
“พี่ชายยู่เซิง ทานข้าวกัน ขาหมูในวันนี้ทำได้ไม่เลวเลย”
ผิงอันคว้าขาหมูปรุงน้ำแดงขึ้นในมือ แล้วทานอย่างเอร็ดอร่อย
หลัวจิ่งในตอนนี้ไหนเลยจะมีอารมณ์มานั่งทานอาหาร แต่เห็นพี่สาวน้องชายสองคนทานกันอย่างมีความสุข คงจะไม่ดีหากเขากล่าวอย่างอื่นขึ้น
เขานั่งลงด้วยความไม่พอใจอัดแน่นอยู่เต็มอก ประคองถ้วยข้าวขึ้นทานตามพวกนาง
เมื่ออาหารร้อนอุ่นเข้าปาก เขาถึงนึกได้ว่าท้องของตนหิวจนร้องโครกครากมานานแล้ว
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่ได้ทำเสียงอะไรออกมาอีก สามคนก้มหน้าทานข้าวกันอย่างเงียบเชียบ
เมื่อทานอาหารเสร็จ ถ้วยกับตะเกียบถูกเก็บออกไป แทนที่เข้ามาด้วยน้ำชาร้อนๆ
สีหน้าของหลัวจิ่งไม่ได้หนักหน่วงเหมือนเช่นตอนแรก ไม่ว่าองค์ไท่จื่อจะตายอย่างไร สำหรับเขาแล้วล้วนเป็เื่ควรค่าแก่การฉลองยินดีทั้งสิ้น แม้ไม่สามารถลงมือฆ่าศัตรูด้วยตัวเองได้ก็รู้สึกเสียดายอยู่เล็กน้อย แต่ในเมื่อได้รับการแก้แค้นก็เป็์มีตามากแล้ว
เขาพลันนึกถึงความน่าเวทนาเมื่อสี่ปีก่อน ความแดงก่ำจู่โจมขึ้นที่เบ้าตาทันที
ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเศร้ารันทดหนึ่งสาย
เจินจูปิดปากสนิท ทอดถอนใจอยู่ข้างใน
“ผิงอัน เ้าอุ้มเสี่ยวฮุยกลับไปพักผ่อนเถอะ วิ่งมาครึ่งวันคงเหนื่อยแล้ว”
ผิงอันสังเกตเห็นอารมณ์ที่หม่นหมองของหลัวจิ่งได้อย่างเฉียบแหลมว่องไว เขาจึงอุ้มเสี่ยวฮุยกลับห้องตัวเองไปอย่างว่าง่าย
“วันนี้เ้าพาเสี่ยวฮุยกับเสี่ยวเฮยไปคฤหาสน์นั่น เป็การคาดเดาไว้แล้วใช่หรือไม่?” หลัวจิ่งได้สติกลับมา ย่อมวนมาที่หัวข้อสนทนานี้อีกครั้ง
เจินจูเห็นเขาไม่ได้ระทมทุกข์เพียงนั้นแล้ว จึงลื่นไหลไปตามหัวข้อสนทนานั้น แล้วเล่าเื่ราวให้เขาฟัง
คิ้วหนาสีดำสนิทของหลัวจิ่งขมวดจนมากองรวมกัน โชคของหญิงสาวผู้นี้ดีจริงๆ พอเข้าคฤหาสน์ไป ไม่นานก็พบร่องรอยขององค์ไท่จื่อได้เลย องค์ไท่จื่อแอบนัดพบกันกับโหยวเสวี่ยชิง นั่นจึงเป็่เวลาที่องครักษ์ข้างกายน้อยที่สุดพอดี อาศัยผงม่านถัวหลัวเทใส่องครักษ์ฝีมือไม่ธรรมดาสองคน แล้วใช้วิธีเดียวกันจัดการองค์ไท่จื่อที่อยู่บนเตียงกับโหยวเสวี่ยชิง
“เ้าไปได้ยางของต้นเกาทัณฑ์พิษมาจากที่ใด?” ยางของต้นเกาทัณฑ์พิษเมื่อเจอเข้ากับหลอดเืจะทำให้ลมหายใจถูกปิด ความร้ายแรงของพิษรุนแรงยิ่ง มักใช้เคลือบอยู่บนอาวุธลับ แต่ต้นเกาทัณฑ์พิษมีน้อยไม่ค่อยปรากฏให้ได้เห็น และเมื่อโดนพิษชนิดนี้เข้าไปก็ยากที่จะมีชีวิตรอดได้ ดังนั้นมูลค่าของมันจึงเทียบได้กับทองคำเลยทีเดียว
“เอ่อ ข้าสอบถามเ้าของร้านหลิวเลยได้มันมา” นางสารภาพตามความจริง
เ้าของร้านหลิวของฝูอันถัง? ยางของต้นเกาทัณฑ์พิษหากจะมีอยู่ในมือของเขาก็ไม่แปลก แต่หญิงสาวตรงหน้าเขานี้วางแผนไว้ล่วงหน้าอยู่แล้วใช่หรือไม่ เพราะอย่างนั้นถึงได้เตรียมของชนิดนี้ไว้พร้อมอยู่ก่อนแล้ว
เขามองนางด้วยสายตาอึมครึม “เ้าคิดการณ์ไว้ล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้ว?”
“…แหะๆ ใช่ที่ไหนเล่า ข้าแค่เตรียมตัวไว้ล่วงหน้าเท่านั้นเอง” หากเขารู้ว่าที่ตัวนางยังปลูกเกาทัณฑ์พิษไว้อีกหนึ่งต้นใหญ่ จะเดือดดาลจนกระทืบเท้าปึงปังใช่หรือไม่นะ
“องค์ไท่จื่อถูกลอบสังหาร ภายในเมืองหลวงจะต้องอยู่ใน่คับขันไปพักหนึ่งแน่ ห้ามวิ่งออกไปทั่ว เข้าใจหรือไม่?” แม้องค์ไท่จื่อไม่ได้รับการยกย่องจากประชาชน แต่การปฏิบัติตามหลักการที่ต้องทำก็ควรต้องทำ จวนศาลาว่าการแห่งเมืองหลวงกับแม่ทัพเก้าประตู [2] ต้องตรวจสอบทั่วทั้งเมืองหลวงอย่างละเอียดหนึ่งรอบแน่
ในเมืองหลวงแห่งนี้ไม่ปลอดภัยแล้ว หัวคิ้วของหลัวจิ่งขมวดขึ้นอีกครั้ง
เจินจูมองสีหน้าอึมครึมของเขาหนึ่งรอบพลางเบะปาก เ้าหมอนี่จวนจะกลายเป็เปาบุ้นจิ้นหน้าดำอยู่แล้ว
“องค์ไท่จื่อสิ้นแล้ว ไม่ใช่ว่าพอดีหรอกหรือ? เ้าจะทำสีหน้าไม่น่ามองทำไมกัน?”
สีหน้าไม่น่ามอง? หลัวจิ่งจับใบหน้าตัวเองขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว เขาแค่รู้สึกว่าคิดไม่ถึงเล็กน้อย พวกเขามาถึงเมืองหลวงได้ไม่กี่วัน พอนางลงมือเป้าหมายก็สำเร็จทันที
ต้องรู้ไว้ว่าคนมากมาย้าชีวิตของหานเซี่ยน หลายปีมานี้เขาฉวยโอกาสในขณะที่ฮ่องเต้ประชวรหนัก ละเลยในการบริหารบ้านเมือง กระทำพฤติกรรมชั่วมีลับลมคมนัยไปไม่น้อย คนที่โกรธแค้นเขาเกรงว่าคงจะล้อมได้ทั่วทั้งวัง
แต่ไม่เคยมีใครสามารถแตะต้องเขาได้แม้แต่ขนเส้นเดียว การดักซุ่มและลอบสังหารทั้งหมดตั้งกี่ครั้งก็ไม่สามารถทำให้เขาาเ็ได้เลยแม้แต่น้อย
นาง... โชคดีเกินไปแล้วจริงๆ
“ั้แ่พรุ่งนี้ผู้ตรวจการของจวนศาลาว่าการ ต้องค้นหาคนที่มีตัวตนน่าสงสัยไปตามแต่ละบ้านแน่นอน ข้ากังวลว่าคนที่มาสืบค้นจะสร้างความลำบากให้เ้า ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้พวกเ้าไปอยู่ที่จวนท่านโหวเหวินชางเป็การชั่วคราวสักพักเถอะ รอให้สถานการณ์ผ่านไปแล้ว พวกเราค่อยออกเดินทางกลับกัน”
การตายขององค์ไท่จื่อ ต้องมีคนบริสุทธิ์เป็แพะรับบาปแน่ เวลาเช่นนี้หากตกเป็ผู้ต้องสงสัยเข้า ไม่ตายก็ต้องถูกถลกิั
“เช่นนั้นพวกเ้าจะทำอย่างไร?” นางกับผิงอันหลีกเลี่ยงได้ แต่เขาล่ะ?
“เ้าวางใจ ทางข้าไม่เป็ไร เ้าไปพักอยู่จวนท่านโหวเหวินชางให้ดี ผ่านไปอีกไม่กี่วัน ข้าค่อยไปหาพวกเ้า” พวกเขาสกุลหลัวยังพอมีทรัพย์สมบัติที่ดินในเมืองหลวงอยู่บ้าง เมื่อก่อนล้วนแอบติดต่อเป็การส่วนตัว กลัวมากว่าจะเปิดเผยร่องรอยออกมา แต่ตอนนี้องค์ไท่จื่อสิ้นพระชนม์แล้ว ยังจะมีผู้ใดมาสนใจพวกเขาไม่เลิกอีก
ถือโอกาส่เวลานี้ แจ้งข่าวให้ท่านพี่ของเขาทราบก่อน หากท่านพี่ได้ทราบเื่ต้องดีใจมากแน่ๆ แล้วเขาค่อยไปจัดการหลุมศพให้ท่านพ่อท่านแม่และบรรดาญาติพี่น้องต่อไป ศัตรูตัวฉกาจได้รับการแก้แค้น ดวงิญญาผู้เป็บิดามารดาบน์ก็จากไปอย่างสงบได้แล้ว
...ในขณะเดียวกัน
กู้ฉีที่ได้รับข่าว
เขาใอย่างสุดขีดเช่นเดียวกัน
เื่โหยวอวี่เวยกับเจินจูไปร่วมงานเลี้ยงที่คฤหาสน์ร้อยสัตว์ เขาทราบดี
พอองค์ไท่จื่อออกจากประตูข้างฝั่งตะวันออกของวังไปั้แ่เช้าตรู่ เขาก็สลัดผู้สอดแนมที่คอยติดตามออก หลังจากนั้นไม่ทราบร่องรอยอีกเลย คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะไปคฤหาสน์ร้อยสัตว์ด้วย
และยิ่งคิดไม่ถึงไปมากกว่านั้นคือ เขาจะเอาชีวิตไปทิ้งไว้ที่คฤหาสน์ร้อยสัตว์ได้
“เื่ราวเป็มาอย่างไรทราบหรือไม่?”
“ยังไม่ทราบแน่ชัดขอรับ รู้เพียงว่าองค์ไท่จื่อประสบกับการลอบสังหารอยู่ภายในคฤหาสน์ พอทราบการเสียชีวิตแน่นอน ซื่อจื่อเฉิงเอินโหวก็ใช้กำลังทหารปิดล้อมคฤหาสน์ไว้ และม้าเร็วลงแส้เข้าเมืองหลวงไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้แล้วขอรับ” บนใบหน้าของเฉินเผิงเฟย ระงับความปีติยินดีไม่อยู่
พรรคพวกองค์ไท่จื่อ นับั้แ่ที่ทราบว่าโสมคนคุณภาพดีเยี่ยมเป็จวนสกุลกู้ถวายขึ้นไปให้ฉีกุ้ยเฟย พวกเขาก็เริ่มบีบจวนสกุลกู้ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง การก่อกวนเล็กๆ น้อยๆ เป็การส่วนตัวยิ่งมีมาไม่ขาดสาย โดยเฉพาะพุ่งเป้าไปที่การค้าขายของบ้านรองและบ้านสามทางนั้น มักมีพวกรับมือได้ยากที่อยู่เื้ัและไม่เกรงกลัวจวนสกุลกู้ ไปก่อความวุ่นวายคุกคามขึ้นบ่อยครั้งเป็ระยะๆ
บ้านรองและบ้านสามมาร้องทุกข์ด้วยน้ำตานองหน้ากับบ้านใหญ่ กู้ซ่างซูก็จนปัญญาอย่างยิ่ง วิธีการเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าเป็ลักษณะการลงมือของพรรคพวกองค์ไท่จื่อ เขาคงไม่สามารถไปกราบเรียนฮ่องเต้เพื่อเื่เสี้ยนหนามเหล่านี้ได้กระมัง
ส่วนหญิงชราฮูหยินใหญ่แห่งสกุลกู้ได้ให้บ้านรองและบ้านสามปิดการค้าภายนอกจำนวนหนึ่งไปเสียเลย องค์ไท่จื่อนิสัยดุร้ายมากเกินไป พวกเขาทำการปะทะเด็ดขาดโต้งๆ ไม่ได้ ทำได้เพียงเลี่ยงคมดาบและจัดการอย่างเงียบเชียบเท่านั้น
พอเป็เช่นนี้ก็ดียิ่งนัก องค์ไท่จื่อสิ้นพระชนม์แล้ว พรรคพวกขององค์ไท่จื่อไร้เสาหลัก ยังจะมีผู้ใดมาสร้างปัญหาให้แก่จวนสกุลกู้ได้อีก
หลังกู้ฉีใก็เกิดความปีติยินดีตามมาทันที
เมื่อไม่มีองค์ไท่จื่อผู้ที่เป็ดั่งกระดูกแข็งติดอยู่ในลำคอ ก็ไม่รู้ว่าทั้งเมืองหลวงคนมากมายเท่าไรอยากจุดประทัดเพื่อใช้เฉลิมฉลองความยินดีนี้
ขุนนางที่สนับสนุนองค์ไท่จื่อมีไม่น้อย แต่ผู้ที่หลบต่อต้านอยู่ลับๆ มีมากยิ่งกว่า
ผู้ใดก็ล้วนไม่อยากให้คนอุปนิสัยดุร้าย อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้ผู้หนึ่ง ขึ้นมาบัญชาการอนาคตของต้าสยากันทั้งนั้น
แต่ข้างกายองค์ไท่จื่อมีผู้ที่มีฝีมือสูงเสียดฟ้า นักฆ่าปะปนเข้าไปลอบสังหารเขาได้อย่างไรกันนะ?
กู้ฉีคิดขึ้นได้ แววตาที่ดูลึกซึ้งตราตรึงของหญิงสาวผู้นั้น
ไม่... ไม่มีทาง นางเป็หญิงสาวธรรมดาที่ไม่มีวรยุทธ์ จะหลบซ่อนองครักษ์มากมายเพียงนั้นไปได้อย่างไร
ถ้าอย่างนั้น… หากเป็แมวตัวนั้นล่ะ?
คิดถึงแมวดำตัวนั้นขึ้น ฝีเท้าว่องไวท่วงท่าสง่างาม เขายิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าสิ่งนี้มีความเป็ไปได้ยิ่งนัก
นางตั้งใจพาเสี่ยวเฮยมาด้วยก็เพื่อจุดประสงค์นี้ใช่หรือไม่?
...ทันทีที่เจิ้นกั๋วกงเซียวฉิงได้รับข่าว
สำเร็จแล้วอย่างนั้นหรือ!
เขาเหนือความคาดหมายอย่างมาก
เ้าหนุ่มสกุลหลัวนั่นมีความสามารถยิ่งนัก
เซียวฉิงมีลางสังหรณ์ว่าผู้กระทำการต้องเป็พวกเขาแน่ เขาเพียงเผยข่าวไปเล็กน้อยก็ลงมือเข้าเป้าแล้ว ช่างทำให้คนต้องขยี้ตามองใหม่จริงๆ
“ท่านพ่อ!” เซียวจวิ้นเดินกะเผลกเข้ามาในห้องหนังสือของผู้เป็บิดา
เซียวฉิงขมวดคิ้วขึ้น รีบเข้าไปพยุงเขาทันที
“เ้าวิ่งมาทำไมกัน มีเื่อะไรก็ให้คนมาเรียกข้าไปหาไม่ได้งั้นหรือ”
เซียวจวิ้นนั่งลงบนเก้าอี้ไม้จันทน์ที่พนักพิงฝังหินอ่อนของผู้เป็บิดา นับั้แ่ขาของเขาได้รับาเ็มา นอกจากออกไปโรงเตี๊ยมกว่างฟาแล้ว แม้แต่ลานบ้านเขาก็ไม่เคยออกไปเลยสักครั้ง
“ท่านพ่อ ได้ยินผู้าุโพานกล่าวว่า องค์ไท่จื่อสิ้นพระชนม์แล้วหรือขอรับ?”
“อื้ม เพิ่งได้รับข่าวมาว่าเขาถูกลอบสังหาร ซื่อจื่อเฉิงเอินโหวได้รุดไปขอรับโทษต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้แล้ว”
เหอะ ถึงตายไปก็ไม่สาสมกับบาปกรรมที่ก่อ หานเซี่ยนคนเช่นนั้นอุปนิสัยโเี้ไร้เหตุผลทั้งยังใช้อำนาจบาตรใหญ่ ตายไปคนมากมายเท่าไรที่ปรบมือชื่นชม อาศัยฐานะองค์ไท่จื่อกระทำเื่น่าละอายเพื่อตัวเอง ทั้งก่อกรรมทำชั่วแม้แต่์และคนต่างก็พากันเคียดแค้นมากเสียเท่าไรก็ไม่รู้
เดิมทีหากเขาไม่ได้มารุกรานที่ตัวเอง เซียวฉิงก็คร้านที่จะจัดการเช่นกัน แต่หานเซี่ยนกลับมาลงมือที่เซียวจวิ้นเสียนี่
เื่นี้ยากเกินกว่าจะทนได้ เซียวจวิ้นเป็เส้นตายของเขา ผู้ใดกล้าทำให้บุตรชายของเขาขนร่วงแม้แต่เส้นเดียว ก็อย่าได้โทษที่เขาไม่เกรงใจเลย
“ท่านพ่อ องค์ไท่จื่อถูกสังหาร พรุ่งนี้เมืองหลวงคงอยู่ในภาวะตึงเครียดแน่นอน ผู้ตรวจการเขตศาลาว่าการในเมืองหลวงฟางติ่งไม่ใช่คนนิสัยดีสักเท่าไรด้วย อืม... ให้หลัวจิ่งกับพี่น้องสกุลหูมาอยู่บ้านเราเถอะ จะได้เลี่ยงการสอบสวนที่ไม่จำเป็เ่าั้ได้นะขอรับ” เซียวจวิ้นกล่าวจนจบอย่างอ้ำอึ้งเล็กน้อย
คิ้วหนาของเซียวฉิงเลิกขึ้น จ้องบุตรชายแล้วยิ้มขึ้นทันที เขาคิดถึงสายตาที่เซียวจวิ้นมองแม่นางน้อยสกุลหูครั้งก่อนขึ้นได้ เด็กสาวผู้นั้นเป็คนที่มีบุคลิกลักษณะงดงามผู้หนึ่งเลย
นับั้แ่เซียวจวิ้นมีหมอนหญ้าสงบจิติญญา ปัญหาการนอนหลับก็มีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น เมื่อก่อนใต้ตาดำคล้ำ ในขณะนี้เหลือเพียงสีคล้ำจางๆ เท่านั้น สายตาอ่อนระโหยโรยแรงที่นอนไม่หลับมาตลอดทั้งปี ล้วนเปลี่ยนมาจนแจ่มใสขึ้นมาก
บุตรชายไม่เพียงมีอาการนอนไม่หลับและได้รับการปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้นเท่านั้น คนก็เติบโตขึ้นและเริ่มมีเื่ชายหนุ่มที่รักใคร่ชื่นชมสาวงามอยู่ในใจแล้ว
ยอดเยี่ยมยิ่งนัก ขอแค่เซียวจวิ้นชื่นชอบ วงตระกูลหรือฐานะครอบครัวล้วนไม่ใช่ปัญหาทั้งสิ้น
เชิงอรรถ
[1] ฮูหยินที่ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ หมายถึง บรรดาศักดิ์ที่ฮ่องเต้พระราชทานให้แก่มารดาหรือภรรยาของขุนนางระดับสูงในราชวงศ์ถัง ซ่ง ิและชิง โดยมีห้าขั้น ขั้นสูงที่สุดคือขั้นหนึ่ง
[2] แม่ทัพเก้าประตู คือ ตำแหน่งเ้าหน้าที่คอยตรวจการรักษาความปลอดภัยของเมืองหลวง คอยรักษาอยู่ตรงประตูเข้าออกภายในและภายนอกทั้งหมดเก้าประตู ได้แก่ ประตูเจิ้งหยาง ประตูฉงเหวิน ประตูเซวียนอู่ ประตูอันติ้ง ประตูเต๋อเซิ่ง ประตูตงจื๋อ ประตูซีจื๋อ ประตูเฉาหยาง ประตูฟู่เฉิง มีหน้าที่ลาดตระเวนกลางคืน ช่วยเหตุการณ์ไฟไหม้ ออกคำสั่งประกาศห้าม จับกุม ตัดสินคดี เป็ต้น