ลึกเข้าไปในป่า จ้าวต้านเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ทหารลับที่อยู่ด้านหลังรวมถึงหลานเยว่เฉิงก็ตามเขามาติดๆ
คนเ่าั้กำลังล้อมเป็วง คิดจะจับเขากลับไป
ลูกธนูดอกหนึ่งพุ่งผ่านไหล่จ้าวต้าน ไปปักอยู่ที่ต้นไม้เบื้องหน้า จ้าวต้านมีแววตาที่เยือกเย็นยิ่งขึ้น พลันเปลี่ยนทิศทางทันที
จากประสบการณ์ล่าสัตว์ ทำให้เขาคุ้นเคยกับผืนป่าแห่งนี้เป็อย่างดี
“ท่านแม่ทัพต้าน ในเมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ เหตุใดถึงไม่กลับไปที่พระราชวังล่ะ? ฮ่องเต้มอบหมายให้ข้าตามหาท่านอยู่ตลอด ท่านจะไม่หยุดเพื่อมาอธิบายให้ข้าฟังหน่อยหรือขอรับ?”
หลานเยว่เฉิงมีวิชาตัวเบาที่เป็เลิศ การะโเพียงครั้งเดียวก็ทำให้เขาได้โอกาสประจันหน้ากับจ้าวต้าน
จ้าวต้านไม่เอ่ยคำใด สายตาของเขามองไปเบื้องหน้าเพื่อหาจังหวะหนี
ยามนี้โจวอวี่ชางน่าจะออกจากป่าได้สำเร็จแล้ว
“แม่ทัพต้าน”
หลานเยว่เฉิงโค้งริมฝีปาก สายตาเ็าจับจ้องไปที่ผ้าคลุมหน้าของจ้าวต้าน เขาเอื้อมมือออกไปจะดึงออก แต่จ้าวต้านก็พลันเบี่ยงตัวหลบได้จากด้านข้าง
ทั้งสองรวดเร็วมาก เหล่าทหารลับจึงถูกทิ้งไว้เพราะตามไม่ทัน
“แม่ทัพต้าน” หลานเยว่เฉิงลอยตัวลงพื้น ใบหน้ามีรอยยิ้มจอมปลอม เขาประสานมือทำความเคารพจ้าวต้านที่ยืนอยู่บนกิ่งไม้
“ข้าน้อยมิได้ชื่อต้าน”
เสียงที่ฟังดูอ่อนโยนของบุรุษดังขึ้น หลานเยว่เฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย
มันเหมือนกับเสียงของต้านอวี้เสวียนมาก
“ข้าเป็เพียงคนที่ผ่านเข้ามาขอรับ มิได้ตั้งใจจะแอบฟังเื่ของพวกท่าน เดิมทีข้าคิดจะแอบออกไปเงียบๆ ไม่คิดเลยว่าจะทำให้คุณชายแตกตื่น คุณชายอย่าได้เอาความข้าเลยขอรับ”
น้ำเสียงของจ้าวต้านสงบนิ่ง เขาคอยสังเกตการเคลื่อนไหวของหลานเยว่เฉิง เตรียมตัวรับมือมิให้อีกฝ่ายโจมตีกะทันหัน
“จะใช่ต้านอวี้เสวียนหรือไม่ ข้าขอทดสอบดูหน่อยก็แล้วกัน”
หลานเยว่เฉิงแทงดาบไปด้านหน้า จ้าวต้านเตรียมตัวรับมือไว้อยู่แล้วจึงหลบได้อย่างง่ายดาย ทั้งสองเริ่มปะทะกัน
......
เมื่อทหารลับตามมาทัน ขณะนั้นจ้าวต้านเป็ฝ่ายที่ได้เปรียบอยู่ หลานเยว่เฉิงถูกโจมตีจนถดถอยลงเรื่อยๆ
แต่ยิ่งเป็เช่นนั้น เขาก็ยิ่งกระตือรือร้น
“แม่ทัพต้าน มิได้พบกันเสียนาน วิทยายุทธของท่านยอดเยี่ยมกว่าเดิมอีกนะขอรับ” ขณะที่พูด หลานเยว่เฉิงก็พุ่งเข้าไปอีกครา
หลังจากที่ผ่านไปสี่เพลงรบ จ้าวต้านก็ควบคุมดาบของอีกฝ่ายไว้ได้ มันตกลงพื้น ร่างของหลานเยว่เฉิงเต็มไปด้วยาแ
จ้าวต้านมิได้ปรานีแม้แต่น้อย ในขณะที่หลานเยว่เฉิงกำลังหายใจหอบ จ้าวต้านก็ใช้คมดาบพุ่งเข้าไปที่หัวใจของอีกฝ่าย
หลานเยว่เฉิงรวบรวมแรงขยับร่างเล็กน้อย เบี่ยงตัวให้คมดาบไปโดนที่ไหล่ และใช้อีกมือหนึ่งสาดผงเครื่องหอมออกไปที่หน้าของจ้าวต้าน
จ้าวต้านสะดุ้ง ยกมือขึ้นปัดผงเครื่องหอมพลันใช้มืออุดปากและจมูก แต่มันสายเกินไป กลิ่นหอมแปลกๆ ได้กระจายไปทั่วในอากาศแล้ว
“คุณชายซู”
“คุณชายซูไม่เป็อันใดนะขอรับ?”
......
ทหารลับที่อยู่บนพื้นรับตัวหลานเยว่เฉิงไว้ได้
หลานเยว่เฉิงยืนนิ่ง ยกแขนปาดเืออกจากปากแล้วเอามือกุมาแไว้ เขามองดูร่างของจ้าวต้านที่โซเซ ก่อนจะยิ้มด้วยสีหน้าชั่วร้าย
ต้านอวี้เสวียนเป็เทพเ้าา นอกจากวิชาตัวเบาแล้วหลานเยว่เฉิงด้อยกว่าเขาในทุกด้าน เพื่อให้มั่นใจว่าจะฆ่าเขาได้สำเร็จ จึงเตรียมการมาเป็พิเศษ
เครื่องหอมชนิดนี้มีตระกูลขุนนางผลิตขึ้นมาในเมืองหลวง โดยใช้เวลาสองเดือน คนธรรมดาจะได้กลิ่นเป็เครื่องหอมทั่วไป แต่สำหรับผู้ที่มีเนี่ยนหานกู่อยู่ในร่างนั้นมันเป็อาหารเลี้ยงชั้นดี อาจเรียกได้ว่าเป็ตัวกระตุ้นให้หนอนกู่แผลงฤทธิ์
จ้าวต้านรู้สึกถึงความเย็นในร่างเพราะหนอนกู่กำลังตื่นขึ้น ความเ็ปที่ไม่เคยเป็มาก่อนแผ่กระจายไปทั่วร่าง
“ตุ้บ-”
ดาบของเขาร่วงหล่นบนพื้น ร่างกายอ่อนยวบ เขาคุกเข่าลงบนพื้นข้างหนึ่ง สติค่อยๆ เลือนราง ดวงตาเปลี่ยนเป็สีแดงก่ำขึ้นเรื่อยๆ
“เหตุใดยังยืนนิ่งอยู่ได้? แหฟ้าตาข่ายดินล่ะ [1] ? รีบไปจับมา!” ดวงตาของหลานเยว่เฉิงเป็ประกาย ขณะที่มองจ้าวต้านด้วยสีหน้าเยาะเย้ย
แหฟ้าตาข่ายดินถูกโยนลงมาบนตัวจ้าวต้าน ทหารลับที่ได้รับการฝึกมาอย่างดียืนล้อมรอบเขา เมื่อช่วยกันดึงเชือก ตาข่ายก็หดตัวและมัดร่างไว้แน่น
หลานเยว่เฉิงก้มลงหยิบดาบขึ้นมาจากพื้น เดินเข้าไปหาเขาเล็กน้อยและยืนนิ่งอยู่เบื้องหน้า
“ท่านแม่ทัพต้าน ประชาชนล้วนคิดว่าท่านตายไปแล้วจึงร่วมกันสร้างสุสานรำลึกถึงท่าน เพื่อไม่เป็การหักหลังความประสงค์ดีของประชาชน ข้าจะช่วยสงเคราะห์ให้แล้วกัน”
แต่ทันใดนั้น จู่ๆ หลานเยว่เฉิงก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ข้อมือ เขาจึงปล่อยดาบโดยไม่รู้ตัว เมื่อสงบสติอารมณ์ก็พบว่ามีเข็มเงินปักลึกที่ข้อมือ
“ผู้ใด?” เขาดึงเข็มเงินออกมาพลันมองไปรอบๆ ในป่าอย่างระมัดระวัง
เมื่อได้ยินเสียงของเ้านาย ทหารลับก็ชักดาบออกเตรียมตั้งรับ
“อ๊าก—” เสียงกรีดร้องดังขึ้น ทหารลับคนหนึ่งล้มลงกับพื้น ดิ้นรนด้วยความเ็ป ร่างของเขาถูกเข็มเงินฝังอยู่เล่มหนึ่ง
“บังข้าไว้” เมื่อไม่รู้ทิศทาง หลานเยว่เฉิงจึงออกคำสั่งอย่างเ็า
ทหารลับถอยหลังมาล้อมเขาไว้ตรงกลาง
เวินซีที่อยู่ในมุมมืดมองดูพวกเขาอย่างเยือกเย็น ถือเข็มเงินที่เหลือเพียงสามเล่มไว้ในมือ พลันค่อยๆ เคลื่อนตัวไปทางจ้าวต้าน
ลมหนาวพัดผ่านไป เสียงใบไม้พลิ้วไหวดังขึ้น
“เตรียมธนู” หลานเยว่เฉิงออกคำสั่ง
ทหารลับทั้งหมดหยิบคันธนูออกมาจากหลัง แล้วยิงออกไปทั่วทิศทางอย่างต่อเนื่อง
ลูกธนูดอกหนึ่งตกลงเบื้องหน้าเวินซี นางหยุดการเคลื่อนไหว ก่อนจะมีอีกดอกที่ยิงมาในทันใด นางเบี่ยงตัวหลบ เท้าไปเหยียบโดนใบไม้แห้งจนเกิดเสียง
“อยู่ตรงนั้น”
เสียงดังเข้าหูของทหารลับ ทุกคนต่างพุ่งตัวไปยังทิศทางนั้น
เมื่อเห็นทหารลับที่กำลังจะมาถึง เวินซีก็ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว หยิบขวดกระเบื้องเคลือบออกจากอก เปิดออก และสาดไปเบื้องหน้าของเหล่าทหาร
“อ๊าก อ๊าก-”
เสียงร้องด้วยความเ็ปดังก้องไปทั่วทั้งป่าทำให้ทุกคนหยุดชะงัก
ทหารลับที่ถูกผงพิษเอามือปิดหน้าและดิ้นอยู่บนพื้นด้วยความเ็ป ควันเย็นพุ่งออกมาจากเสื้อผ้าของพวกเขา เสียงกรีดร้องยังคงดังขึ้นต่อเนื่อง กลิ่นเหม็นเน่าโชยออกจากร่างของพวกเขา
คนอื่นๆ ไม่กล้าเดินหน้าไปชั่วขณะหนึ่ง สายตาที่มองมาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เวินซีก็ประหลาดใจเช่นกัน
นี่เป็ครั้งแรกที่นางใช้ผงสลายกระดูก ไม่คิดเลยว่าผลลัพธ์จะดีกว่าที่จินตนาการไว้มาก น่าเสียดายที่นางพกมาแค่ขวดเดียว
“จับนางมาให้ข้าทั้งเป็”
หลานเยว่เฉิงมองดูทหารลับที่ดิ้นอยู่บนพื้นรวมถึงขวดกระเบื้องเคลือบ เขาเกิดความคิดที่อยากจะเอามาใช้เอง
ผงพิษนี้ร้ายแรงกว่าพิษใดๆ ที่เคยรู้จัก หากได้มัน เขาก็คงมิต้องก้มหัวรับใช้ผู้ใดในเมืองหลวงแล้ว
“ขอรับ”
ทหารลับรับคำสั่ง แล้วดึงดันมุ่งหน้าเข้าไป
เวินซีถือมีดพร้าพุ่งเข้าใส่พวกเขาอย่างคล่องแคล่ว นางสามารถรับมือได้สบาย
เหล่าทหารล้มลงกับพื้นทีละคน ในขณะที่นางเองก็ถูกแทงหลายคราจากการลอบโจมตี จนกระทั่งร่างนี้เริ่มจะทนไม่ไหว การเคลื่อนไหวจึงเริ่มช้าลง
หลานเยว่เฉิงเผยรอยยิ้ม เขามองเห็นความเปลี่ยนแปลงของนางชัดเจน พลันหยิบดาบพุ่งเข้าไป
ทันทีที่เขาเข้าร่วมการต่อสู้ ทหารลับก็ฮึกเหิมขึ้นมาทันใด เข้าโจมตีรุนแรงขึ้น
เวินซีมองเห็นภาพเบื้องหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ก่อนจะสาดเครื่องหอมออกไปในระหว่างที่หลบการโจมตี
“เร็วเข้า ปิดปากปิดจมูกไว้”
“ปิดปากปิดจมูกเสีย”
“ห้ามหลบ โจมตีนางต่อ”
......
หลานเยว่เฉิงจะปล่อยให้โอกาสที่จะจับนางหลุดลอยไปได้อย่างไร เขาตะคอกสั่งทหารลับที่ทำท่าจะถอยกลับ
ทหารลับปิดปากและจมูกไว้ แล้วโจมตีต่อไป
เครื่องหอมพิษแทรกซึมเข้าไปได้เล็กน้อย ใบหน้าของพวกเขาเริ่มแสดงความเ็ป ด้วยเครื่องหอมพิษที่ช่วยไว้ เวินซีจึงกลายเป็ฝ่ายได้เปรียบ
ทุกคนต่อสู้กันอย่างยากที่จะหยุดยั้ง แต่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นเลยว่าจ้าวต้านที่อยู่ในตาข่ายได้เสียสติไปแล้ว เขามองทุกคนด้วยดวงตาที่แดงก่ำ ขณะนั้นมือก็คลำไปเจอมีดพร้าที่ตกลงเมื่อครู่ ชั่วพริบตาตาข่ายก็ถูกฟันจนขาดเป็ริ้วกระจัดกระจายอยู่บนพื้น
ความอาฆาตและดุร้ายแผ่ออกมาจากร่างของเขา ก่อนที่เขาจะวิ่งเข้าไปในการต่อสู้อย่างรวดเร็ว
เชิงอรรถ
[1] แหฟ้าตาข่ายดิน 天罗地网 ในเนื้อเื่เป็ชื่อของตาข่ายที่ใช้จับแม่ทัพต้าน แหฟ้าตาข่ายดินเป็สุภาษิตจีนที่หมายความว่าได้ล้อมรอบศัตรูไว้อย่างหนาแน่น ศัตรูไม่มีทางหนีพ้น