ชิงหูเสนอความคิดเห็นให้กับหลินเมิ้งหยาอีกครั้ง สำหรับเขาแล้วนอกจากเ้าเด็กน้อยคนนี้ คนอื่นๆ มิต่างอะไรจากเมฆลอยละล่อง
ทว่าหลินเมิ้งหยากลับไม่สามารถทำเื่ไร้เยื่อใยเช่นนั้นได้ป๋ายจื่อปกป้องนางด้วยหัวใจ แม้แต่พี่น้องแท้ๆ ยังมิทำเช่นนาง
ดังนั้นนางมิอาจส่งป๋ายจื่อไปลำบากตรากตรำเช่นนั้นได้
“ดูจากท่าทีของฮ่องเต้ิเขาอยากรับป๋ายจื่อเข้าไปเป็สะใภ้เหลือเกิน ซีฟานมีหญิงสาวมากมายเหตุใดจึงต้องมาขอลูกสะใภ้จากต้าจิ้น!”
ในสวนดอกไม้ ป๋ายจื่อกำลังหัวเราะอย่างเบิกบานโดยไม่รู้เื่รู้ราวใดๆ
เมื่อเทียบกับตนเองแล้ว ป๋ายจื่อเป็เพียงหญิงสาวตัวเล็กๆ เท่านั้นเจิดจรัส อ่อนหวาน รอยยิ้มสดใสสวยงาม
แม้จะเคยเผชิญเื่ราวอันตรายมากมายแต่นางยังคงรักษาความดีงามในหัวใจของตนเองเอาไว้ได้
หลินเมิ้งหยาเพิ่งได้รู้ว่าป๋ายจื่อต่างหากที่เป็คนเข้มแข็งที่สุดในหมู่พวกนาง
“ไม่ได้ ข้าไม่มีทางยินยอมปล่อยให้ป๋ายจื่อแต่งงานกับหูเทียนเป่ย!”
ตัดสินใจเด็ดขาด ผุดลุกขึ้นยืนจากที่นั่ง จัดแต่งเสื้อผ้าตนเองก่อนจะเดินออกจากตำหนักหลิวซินโดยมิพาสาวใช้คนใดไปด้วย
ดูเหมือนนางจะต้องปรึกษาหลงเทียนอวี้เพื่อคิดหากลอุบายที่แยบยลออกมา
สาวเท้าถี่ๆ เวลาเพียงชั่วพริบตาร่างของหลินเมิ้งหยาพลันปรากฏที่หน้าห้องอ่านหนังสือของหลงเทียนอวี้
ทว่าตอนที่คิดจะเคาะประตู อยู่ๆ นางก็หยุดชะงัก
นางเป็คนทำให้เกิดเื่นี้ขึ้นเอง
หากมาร้องขอความเห็นใจจากหลงเทียนอวี้ มันจะสมเหตุสมผลหรือไม่?
นางครุ่นคิด เตรียมตัวหันหลังกลับ ทว่าทันทีที่หมุนตัว เสียงของหลงเทียนอวี้พลันดังออกมา
“ใครอยู่ข้างนอก?”
คิดไม่ถึงเลยว่าจะถูกจับได้เช่นนี้
หลินเมิ้งหยาทำได้เพียงทำใจให้สงบนิ่ง แง้มประตูเปิดออก
“หม่อมฉันเองเพคะ”
นี่เป็ครั้งแรกที่หลินเมิ้งหยามาขอร้องผู้อื่นโดยมิมีสิ่งใดแอบแฝง
ใบหน้าเรียวเล็ก รอยยิ้มน่ารักจิ้มลิ้มนางพยายามทำให้ตนเองดูอบอุ่นไร้เดียงสาที่สุด
หลงเทียนอวี้กำลังนั่งอ่านเอกสารทางราชการอยู่ด้านหลังโต๊ะอ่านหนังสือเงยหน้ามองนางก่อนจะเอ่ยถาม
“มีเื่อะไรก็พูดมาเถิด รอยยิ้มเช่นนี้...ไม่เหมาะกับเ้าหรอก”
รอยยิ้มอ่อนหวานพลันแข็งทื่อ
คิดไม่ถึงเลยว่าผู้ชายหน้านิ่งอย่างหลงเทียนอวี้จะเอ่ยวาจาทิ่มแทงใจผู้อื่นได้เจ็บแสบถึงเพียงนี้
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันมีเื่อยากขอร้องพระองค์จริงๆ เพคะไม่ทราบว่าท่านจะสามารถช่วยหม่อมฉันได้หรือไม่?”
หลงเทียนอวี้เงยหน้า จ้องมองนางอีกครั้ง ครู่ต่อมาจึงพยักหน้าลง
หลินเมิ้งหยาไม่รีรอ เอื้อนเอ่ยสิ่งที่ติดอยู่ในใจ
“หม่อมฉัน้าขอร้องเื่ป๋ายจื่อนางมิใช่เพียงสาวใช้ของหม่อมฉัน แต่นางยังเปรียบเสมือนพี่น้องดังนั้นหม่อมฉันไม่อยากให้นางต้องไปแต่งงานหม่อมฉันไม่อยากให้นางได้รับความทุกข์ทรมาน”
แปลกยิ่งนัก หลินเมิ้งหยาเอ่ยปากขอร้องเขาเพียงเพราะสาวใช้คนหนึ่ง
แต่เมื่อลองไตร่ตรองดู มันไม่เหนือความคาดเดาของเขานัก
หลงเทียนอวี้วางปากกาในมือลง เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้านางก่อนจะหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมา
“นี่คือ...”
“นี่คือหลักฐานเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมมิชอบของหูลู่หนานที่พยายามจะ่ชิงบัลลังก์เ้ารู้หรือไม่ว่าต้องจัดการเช่นไร?”
นางพูดไม่ออก มองดูจดหมายลับในมือนางคิดไม่ถึงเลยว่าจะแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างง่ายดายเช่นนี้
“ไม่ได้ ท่านอ๋อง ของชิ้นนี้สำคัญมากจนเกินไปหม่อมฉันไม่...ไม่สามารถนำมันมาใช้ตามอำเภอใจได้”
ข้อมูลทุกอย่างล้วนแลกมากับชีวิตของผู้คนมากมาย
หลินเมิ้งหยาที่อยู่ในจวนอวี้รู้ดีที่สุดว่าของเหล่านี้มีความสำคัญเช่นไร
ทว่าหลงเทียนอวี้ตัดสินใจไปแล้ว
จับมือของนาง วางจดหมายลับเ่าั้ลงไป
“หากเ้าไม่ใช้ มันจะเป็เพียงกระดาษเปล่าเท่านั้นข้ายังมีเื่ให้ต้องทำ เ้าออกไปก่อนเถิด”
ไม่อาจปฏิเสธได้ ทว่าคิ้วของหลงเทียนอวี้ไม่แม้แต่จะขมวดเข้าหากัน
หลินเมิ้งหยาอ้าปาก แต่สุดท้ายกลับกำจดหมายลับเอาไว้แน่นแล้วหมุนตัวจากไป
ความอบอุ่นที่ส่งผ่านจากมือของหลงเทียนอวี้ยังคงอยู่ทั้งที่อุณหภูมิร่างกายมิต่างกัน แต่เหตุใดัันั้นจึงตราตรึงอยู่ในหัวใจ
ทั้งที่รวบรวมเอกสารที่เป็ประโยชน์ไว้ในมือมากมาย แต่หลงเทียนอวี้กลับมอบให้นางอย่างง่ายดาย
ป๋ายจื่อสำคัญกับนางมาก แต่สำหรับหลงเทียนอวี้ ป๋ายจื่อกลับไม่มีความสำคัญใดๆทั้งสิ้น
ตกลงหลงเทียนอวี้ทำแบบนี้เพื่ออะไร?
ตอนนี้หลินเมิ้งหยาที่เคยฉลาดเฉลียวเสมอมาเริ่มรู้สึกสับสน
นางไม่อาจบอกตัวเองว่าหลงเทียนอวี้เป็เพียงเ้านายธรรมดาได้อีกต่อไป
สมองว้าวุ่น หลินเมิ้งหยาเดินผ่านสวนดอกไม้ของจวนไป
ราวกับมองไม่เห็นสายตาอาฆาตคู่หนึ่งที่กำลังจับจ้องมองทางนาง
ภายในศาลาเล็กที่สวนดอกไม้ หลินเมิ้งหยานั่งลงที่นั่งปล่อยให้สายลมกระทบใบหน้าเพื่อไล่อุณหภูมิความร้อนออกไป
ถูกต้อง ั้แ่ชาติก่อนจนกระทั่งชาตินี้หลินเมิ้งหยาไม่เคยหน้าแดงเพียงเพราะถูกััตัวเช่นนี้มาก่อน
นางหัวเราะขมขื่นพลางใช้มือจับใบหน้านวลของตนเองนี่นางกำลังรู้สึกเขินอายเหมือนสาวน้อยแรกแย้มอย่างนั้นหรือ?
หลินเมิ้งหยาที่กำลังตกอยู่ในความคิดของตนเองไม่ทันสังเกตเห็นสายตาอาฆาตคู่นั้นที่กำลังจับจ้องมาที่จดหมายลับในมือของนาง
ขณะที่เ้าของสายตาคู่นั้นกำลังคิดจะปรากฏตัวเพื่อแย่งจดหมายในมือของหลินเมิ้งหยาร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้น
“ใครกันน่ะ!”
ร่างดำส่งเสียงเ็า ก่อนจะพุ่งตัวเข้าไป
กว่าหลินเมิ้งหยาจะรู้สึกตัว ทั้งสองคนนั้นกำลังต่อสู้เพล้งพล้างกันอยู่หลายกระบวนท่าแล้ว
เสียงการต่อสู้ดังขึ้นกลางอากาศในที่สุดหลินเมิ้งหยาก็ดึงสติกลับมา
รีบเก็บจดหมายลับเข้าไปไว้ในอ้อมกอดของตนเองคนที่กำลังต่อสู้กันอยู่ตรงหน้าทำให้คิ้วของหลินเมิ้งหยาขมวดเข้าหากัน
“หยุด!”
หลินเมิ้งหยาร้องยับยั้งการต่อสู้คนหนึ่งสวมใส่ชุดสีดำสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าส่วนอีกคนคือชิงหูที่มักจะหัวเราะคิกคักเสมอ
ทว่า คิ้วของชิงหูขมวดเข้าหากันแน่น สายตาบ่งบอกถึงความไม่สบอารมณ์
ราวกับว่าอีกฝ่ายมีทักษะการต่อสู้ที่ค่อนข้างสูงดังนั้นเขาจึงััได้ถึงความร้ายกาจของชายคนนั้น
“เ้าเด็กน้อย เ้านี่แอบตามเ้าอยู่เงียบๆ ข้ารู้อยู่นานแล้วเ้านี่ไม่ได้หวังดีกับเ้า!”
ขยับเพียงหนึ่งก้าวก็เข้ามาหยุดยืนต่อหน้าหลินเมิ้งหยาราวกับว่าเขากำลังอารักขาหลินเมิ้งหยาอย่างไรอย่างนั้น
ทว่าหลินเมิ้งหยากลับใช้นิ้วมือเคาะเข้าที่หน้าผากของเขาเพื่อทำให้เขาเลิกแสดงท่าทีเคร่งขรึม
“ข้าเชื่อว่าเ้ามิได้คิดร้ายกับข้า แต่เ้าเป็ใครกัน? เหตุใดจึงติดตามข้า?”
ชิงหูยังคงดื้อดึง ทว่าหลินเมิ้งหยากลับสงบนิ่ง
นางไร้ซึ่งวิทยายุทธ์ หากไร้ซึ่งชิงหูและป๋ายซูเช่นนั้นชีวิตของนางก็อาจดับสูญได้อย่างง่ายดาย
ฉะนั้นนางเชื่อว่าชายชุดดำตรงหน้ามิได้มาเพื่อฆ่าแกงนางอย่างแน่นอน
“ข้าน้อยขอถวายคำนับพระชายา ข้าน้อยเป็องครักษ์ลับประจำตัวของท่านอ๋องนามว่าเย่ ตอนนี้ทำหน้าที่คุ้มครองอารักขาพระชายาพ่ะย่ะค่ะ”
องครักษ์ลับ? เพราะเหตุนี้ นางจึงไม่เคยรู้สึกว่ามีคนกำลังติดตามนางอยู่
เขาคือคนที่หลงเทียนอวี้ส่งมาให้นางอย่างนั้นหรือ? หลินเมิ้งหยาครุ่นคิด รู้สึกว่าความอบอุ่นบางอย่างกำลังก่อเกิดขึ้นในหัวใจของตนเอง
“ฮึ! อารักขาเ้าเด็กน้อยอย่างนั้นหรือแค่ข้าเพียงคนเดียวก็เพียงพอแล้ว จะเอาเ้ามาเป็ภาระทำไมกัน?”
ที่แท้ก็เป็พวกเดียวกัน แต่ถึงกระนั้นชิงหูก็ยังส่งเสียงฟึดฟัดออกมาเพราะความไม่พอใจแม้ฝีมือการต่อสู้ของเ้านี่จะไม่เลว
แต่หน้ากากที่สวมใส่ทำให้เขาดูลึกลับแปลกประหลาดเพียงได้เห็นก็รู้สึกว่าเขามิใช่คนดี
“ใช่แล้ว เ้าไม่ใช่ภาระ แต่เ้าเป็โทรโข่งต่างหาก”
หลินเมิ้งหยาถลึงตาใส่ชิงหูเพื่อให้เขาหุบปากลง นางมององครักษ์ลับนามว่าเย่
“องครักษ์ลับ...ปกติจะไม่ปรากฏตัวให้เห็นง่ายๆ มิใช่หรือ? หรือว่าเมื่อครู่ยังมีใครอื่นอยู่ที่นี่อีก?”
เคยได้ยินมาว่าพระชายาเป็คนฉลาด เย่ไม่เคยเชื่อ
ทว่าวันนี้ได้เห็นแล้วว่าเป็เื่จริง
เขาพยักหน้าลง หลังจากเหลือบมองชิงหูจึงเอ่ย
“เมื่อครู่มีคนคิดลอบทำร้ายพระชายา ตอนแรกข้าน้อยคิดจะเข้าไปจับตัวแต่กลับถูกเขาทำให้คนคนนั้นใและหนีหายไป”
เหลือบมองชิงหู หลินเมิ้งหยาจ้องหน้าเขาเขม็ง
มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ
เหตุใดนางจึงมีสหายสมองหมูเช่นนี้นะ
เงยหน้าถอนหายใจยาว หรือฮวงจุ้ยที่บ้านนางจะไม่ดีกันเหตุใดคนที่อยู่ภายนอกมักเก่งกาจ แต่พอมาอยู่ข้างกายนางกลับกลายเป็ตัวซวยเช่นนี้!
“ข้า...ไม่รู้เลย ข้าคิดว่าเขาจะทำมิดีมิร้ายเ้า”
ชิงหูแก้ตัวเสียงเบา แต่เพราะรังสีอำมหิตอันแข็งกล้าของหลินเมิ้งหยาทำให้เขาหยุดพูดกะทันหันและพยายามทำตัวให้เล็กที่สุด
“เื่นี้ไม่อาจโทษเขาได้พ่ะย่ะค่ะ คนผู้นั้นมิได้เก่งกาจแต่ก็พอจะสู้รบตบมือได้อยู่บ้างแม้แต่ข้าน้อยเองก็เพิ่งรู้สึกถึงการมีตัวตนของเขาตอนที่เขาคิดจะลงมือ”
เย่รายงานตามความจริง ไร้ซึ่งการแต่งเสริมเติมแต่งอีกทั้งมิได้ใส่ความรู้สึกส่วนตัวเข้าไป
หลินเมิ้งหยาเหลือบมองชิงหู แต่กลับได้เห็นเขาพยักหน้าลงท่าทางน่าสงสารเสมือนคนยอมรับผิด
นางถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ นวดคลึงขมับก่อนออกคำสั่ง
“ข้ารับรู้เื่นี้แล้วบางทีคนผู้นั้นอาจเตรียมใจเอาไว้แล้วเช่นกันคงยากที่จะทำให้เขาปรากฏตัวอีกในคราวหน้า”
คนผู้นี้เป็ใคร อันที่จริงหลินเมิ้งหยาพอจะเดาได้แล้ว
แต่นางกลับอดทนไว้ เหตุเพราะโอกาสยังมาไม่ถึง
“วันนี้ขอบคุณเ้ามาก”
เย่น้อมรับ เพียงพริบตาเดียว ร่างของเขาพลันหายไป
“ทักษะการหายตัวของเขาไม่เลวเลยทีเดียว”
เมื่อเขาหายไป ชิงหูจึงเอ่ยชมออกมาลับหลัง
หลินเมิ้งหยามองเขาด้วยความสงสัย
“หายตัว?มันเป็เพียงการแสดงตบตาคนมิใช่หรือ?”
ทว่าชิงหูกลับส่ายหน้าพลางกระซิบ
“ทักษะการหายตัวมีมานานแล้ว อีกทั้งยังเป็หนึ่งในทักษะอันเป็ความลับของเจียงหูอันที่จริงพวกเราต้องอาศัยสภาพแวดล้อมโดยรอบในการหายตัวเมื่อก่อนนักฆ่าในเถาฮวาอู๋ล้วนต้องเรียนรู้ทักษะการหายตัวขั้นพื้นฐานนี่จึงเป็สาเหตุที่นักฆ่าแห่งเถาฮวาอู๋ทำงานพลาดน้อยมาก”
เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางสงสัยของหลินเมิ้งหยา ชิงหูจึงหัวเราะอย่างมีเลศนัยพริบตาเดียว ร่างของเขาพลันหายไปจากสายตาของหลินเมิ้งหยา
นางยกมือขึ้นขยี้ตา แต่ไม่พบร่างของชิงหูอีกแล้ว
“เอ๋?ไปไหนแล้ว?”
ทว่าอีกวินาทีต่อมา ชิงหูพลันปรากฏตัวข้างกายนาง
