“มีอะไรกันให้แม่ของเ้าดูตรงนั้นเลยหรือ? เอ่อ… เสี่ยวอี้เ้าไม่เป็อันใดใช่หรือไม่?” เลี่ยวชิงเอ๋อร์เอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “พอเ้าเอ่ยถึงเื่นั้นขึ้นมา เ้าคงจะปวดใจมากใช่หรือไม่? ข้าขอโทษ ข้าแค่ถามเพราะอยากรู้อยากเห็น และเ้าก็บอกเื่ที่พ่อของเ้าทำร้ายแม่ของเ้าออกมาโดยไม่ปฏิเสธข้าเลย ช่างเถิด ข้าจะไม่อยากรู้อีกแล้ว เื่เปลี่ยนฐานะเป็ลูกสาวที่ชอบธรรมเอาไว้คุยกันทีหลังก็ได้ หากไม่ได้จริงๆ ข้าจะขอให้พ่อแม่ของข้ารับเ้าเป็บุตรบุญธรรม และเ้าก็จะสามารถออกเรือนกับคนดีๆ ได้”
เหอตังกุยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ชิงเอ๋อร์ ตระกูลเลี่ยวของพวกเ้าไม่มีปัญหาเช่นนี้ เ้าจึงไม่เข้าใจการต่อสู้แย่งชิงของภรรยาเอกและอนุ และเ้าก็ไม่สามารถรับความจริงที่ว่าสตรีมีฐานะต่ำต้อยกว่าบุรุษได้ เ้าถึงได้รู้สึกว่ามันยากที่จะเข้าใจ จริงๆ แล้วฐานะอนุบางคนก็ไม่ได้สูงไปกว่าสาวใช้มากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเ้านายของทั้งตระกูลมีเพียงนายท่านและฮูหยินสองคนเท่านั้น เื่ที่อนุไปปรนนิบัติพวกเขานั้นถือเป็เื่ภายในครอบครัว มีฮูหยินหลายคนที่ชอบใช้สิ่งนี้กลั่นแกล้งอนุที่เพิ่งแต่งงานเข้ามาในตระกูล ทำให้อนุเ่าั้รู้สึกน้อยใจและเกิดทะเลาะกับผู้เป็สามี”
“เ้าพูดอย่างกับว่าเ้ามีประสบการณ์มามากมาย” เลี่ยวชิงเอ๋อร์กอดเหอตังกุย เอ่ยด้วยรอยยิ้มกว้าง “หรือว่าเ้าเคยเห็นเซี่ยเฉียวเฟิงกับจูฉวน… เอ่อ พวกเขา... ”
"กรี๊ด กรี๊ด..." ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นที่ไหนสักแห่งในริมลำธาร เหอตังกุยและเลี่ยวชิงเอ๋อร์มองไปพร้อมกัน หนึ่งในนั้นเป็พี่น้องตระกูลเฉียนกำลังจะตกลงไปในลำธาร ขณะที่อีกคนจับตัวนางเอาไว้แน่น แต่สุดท้ายเรี่ยวแรงก็ดูเหมือนจะลดลง สตรีที่ถูกจับเอาไว้จึงร้องะโอย่างใก่อนจะตกลงไปในน้ำ
คุณหนูเฉียนที่อยู่บนฝั่งอีกผู้หนึ่งกำลังร้องะโ “เร็วเข้า ช่วยพี่สามของข้าเร็วเข้า นางว่ายน้ำไม่เป็”
เหล่าคุณชายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามได้ยินดังนั้นก็มองหน้ากัน แม้ว่าพวกเขามากกว่าครึ่งจะสามารถว่ายน้ำได้ แต่หากพวกเขาโอบกอดร่างบอบบางของคุณหนูเฉียนวัยสิบเจ็ดปี ภายใต้สายตาที่จับจ้องมองของทุกคน พวกเขาจะต้องแต่งงานกับนาง เว้นแต่นางจะปฏิเสธ เมื่อคิดเช่นนั้นก็ไม่มีใครขยับฝีเท้าแม้แต่คนเดียว พวกเขามองดูคุณหนูเฉียนที่ตะเกียกตะกายอยู่ในน้ำ จากนั้นก็จมลงสู่ผืนน้ำด้วยความหวาดกลัว ในที่สุดนางก็ไม่ได้โผล่ศีรษะขึ้นมาเหนือน้ำอีก
อีกฝั่งหนึ่งของลำธาร มีคุณหนูไม่เกินสิบคนที่สามารถว่ายน้ำได้ มีสามสี่คนกลัวว่าพวกนางจะขาดอากาศหายใจเพราะน้ำเย็นจัด ไม่เพียงแต่ช่วยคนไม่ได้แต่ยังทำให้ตัวเองเดือดร้อนด้วย อีกสามคนพวกนางก็กลัวว่าร่างกายของพวกนางจะได้รับาเ็จากน้ำเย็น กลัวว่าคราบเืที่กระจายอยู่ในน้ำจะทำให้ผู้คนหัวเราะเยาะ และอีกสองคนที่ว่ายน้ำได้ก็คือเหอตังกุยและเลี่ยวชิงเอ๋อร์ เหอตังกุยไม่เพียงคุ้นเคยกับน้ำเท่านั้น แต่ยังมีวิชาตัวเบาที่สามารถทำให้ ‘น้ำไม่กระเพื่อม และใบหญ้าไม่ปลิวไสว’ นางไม่จำเป็ต้องะโลงน้ำเพื่องมคนขึ้นมา เพียงแค่เหยียบไปบนผืนน้ำแล้วเอื้อมมือเข้าไปในน้ำก็สามารถดึงคนอ่อนแอขึ้นมาได้... แต่กระนั้นก็ล้วนขึ้นอยู่กับว่านางจะยอมเปิดเผยวรยุทธ์ของนางต่อหน้าผู้อื่นหรือไม่? เลี่ยวชิงเอ๋อร์ขมวดคิ้วพลางครุ่นคิดในใจ ‘แม้ว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลเฉียนจะเป็คู่แข่งของนาง แต่นางก็ไม่สามารถปล่อยให้คุณหนูเฉียนตายได้ น้ำเย็นก็น้ำเย็นสิ’ เมื่อคิดเช่นนี้นางจึงก้าวไปที่ริมลำธารอย่างรวดเร็วและกางแขนออกก่อนทำท่าจะะโลงน้ำ แต่ทันใดนั้นเหอตังกุยกอดนางจากทางด้านหลังเพื่อหยุดเอาไว้
เลี่ยวชิงเอ๋อร์หันกลับไปมองนางด้วยความไม่เข้าใจ เหอตังกุยส่ายหัวเล็กน้อยแล้วกระซิบกับเลี่ยวชิงเอ๋อร์สองสามประโยคจึงทำให้นางสงบลง เป็เพราะสายตาของทุกคนกำลังจับจ้องไปที่คุณหนูเฉียนที่ตกลงไปในน้ำ จึงไม่มีใครสังเกตเห็นเหตุการณ์นี้ เหอตังกุยถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะจับแขนของเลี่ยวชิงเอ๋อร์ให้ดูสถานการณ์ไปก่อน จะเป็คนดีนั้นเป็ได้ แต่ก็ไม่จำเป็ต้องเป็คนดีเกินไป หากชิงเอ๋อร์ลงไปในน้ำเวลานี้ คงจะเป็เื่ไร้ประโยชน์และสิ้นเปลืองแรงเปล่าๆ
หลังจากนั้นก็ยังไม่มีบัณฑิตชายหรือหญิงคนใดคิดจะะโลงน้ำช่วยเหลือชีวิตของคุณหนูเฉียนและนางก็ไม่ได้โผล่ศีรษะขึ้นมาเหนือน้ำอีก เหอตังกุยและเลี่ยวชิงเอ๋อร์มองหน้ากันอย่างสงสัย พวกนางเริ่มลังเลว่าจะลงไปในน้ำเพื่อช่วยคุณหนูเฉียนหรือไม่ หลังจากรอไปครู่หนึ่งเหอตังกุยจึงไม่สามารถทนรอได้อีกต่อไป นางถอดจี้ทองของตนให้เลี่ยวชิงเอ๋อร์ และเอ่ยกระซิบว่า “ข้าจะลงไปดูสถานการณ์” เมื่อสิ้นประโยคนางก็หันกลับไปเพื่อจะะโลงไปในน้ำ แต่กลับมีร่างสีแดงเข้มะโลงไปก่อนท่าว่ายน้ำของคนผู้นั้นดูงุ่มง่าม ค่อยๆ แหวกว่ายไปที่จุดเกิดเหตุอย่างช้าๆ
เมื่อทุกคนมองไป ก็พบร่างอาจารย์เจิ้งจากสำนักศึกษาหญิง ทุกคนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกโดยเฉพาะคนที่ว่ายน้ำเป็และโอ้อวดกับเพื่อร่วมชั้นว่าตนว่ายน้ำเก่ง ถึงอย่างไรการมองคนเป็ๆ จมน้ำตายต่อหน้าต่อตาก็ถือเป็เื่ที่ทรมานจิตใจผู้คนเป็อย่างมาก ตอนนี้การปล่อยให้อาจารย์หญิงลงไปช่วยนางก็ถือว่าเป็เื่ที่เหมาะสม เพราะนางเป็ผู้ใหญ่กว่า ไม่ว่าเื่อะไรผู้ใหญ่ก็ควรออกหน้าทำก่อน
อย่างไรก็ตามอาจารย์เจิ้งที่อยู่ในน้ำกลับไม่สามารถร้องทุกข์ออกมาได้ ประการแรกคือนางว่ายน้ำได้จริง แต่นางไม่ได้ว่ายน้ำมาหลายปีแล้ว ประการที่สองเมื่อครู่นี้นางกลัวว่าหากนักเรียนจมน้ำเสียชีวิตนางจะต้องรับผิดชอบต่ออุบัติเหตุครั้งนี้ ดังนั้นนางะโลงน้ำโดยไม่ได้เตรียมตัว ไม่เพียงแต่กระโปรงผ้าฝ้ายและรองเท้าเท่านั้นที่มีน้ำหนักมากหลังจากดูดซับน้ำ แต่นางยังอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุมาก นางว่ายน้ำไปอย่างเชื่องช้า มันจะเร็วกว่าหากวิ่งไปที่จุดเกิดเหตุก่อนแล้วค่อยะโลงน้ำ หากทำเช่นนี้บัณฑิตเฉียนมู่ตันอาจจะตายในไม่ช้า และนั่นก็จะเป็หายนะสำหรับนางอย่างแท้จริง งานเลี้ยงฉวีสุ่ยซางนี้จัดขึ้นเป็เวลาหลายปีและไม่เคยมีเหตุการณ์คนจมน้ำเช่นนี้มาก่อน
เหอตังกุยก็สังเกตเห็นในส่วนนี้แล้วเช่นกัน ดังนั้นนางจึงหายใจเข้าลึกๆ และะโลงน้ำเป็คนที่สองถัดจากอาจารย์เจิ้ง นางรีบว่ายน้ำไปยังสถานที่ที่คุณหนูเฉียนปรากฏตัวครั้งสุดท้ายอย่างรวดเร็ว ร่างสีขาวท่ามกลางคลื่นน้ำสีมรกตแหวกว่ายไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็น “หญิงงาม” เช่นคุณหนูเหอตกลงไปในน้ำ คุณชายหลายคนก็ปรารถนาอยากจะะโลงไปช่วย น้ำเย็นมากขนาดนี้ อีกทั้งคุณหนูเหอก็ช่างบอบบางเหลือเกิน นางทนไม่ได้อย่างแน่นอน ขาของนางอาจเป็ตะคริวและจมน้ำตายได้ในไม่ช้า… หากฉวยโอกาสนี้ช่วยนางขึ้นมาจากน้ำ สาวน้อยคนงามที่พวกเขาได้แต่มองอยู่ไกลๆ จะต้องเสื่อมเสียเกียรติและนางก็ต้องออกเรือนกับผู้ที่ช่วยเหลือนางเท่านั้น
แม้แค่มีเงิน ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ในการหาหญิงงาม และคุณหนูเหอผู้นั้นก็ไม่ใช่หญิงงามเพียงคนเดียวที่พวกเขาเคยพบเจอมา แต่คุณหนูเหอผู้นั้นเป็คนฉลาดและนิสัยดี ไม่ได้สนใจกับเื่เงินๆ ทองๆ ด้วยเหตุนี้คุณชายชนชั้นสูงหลายคนที่ไล่ตามนางมาก่อนหน้านี้จึงถูกนางปฏิเสธทั้งหมด จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครได้นางมา ทำให้คุณชายตระกูลร่ำรวยเสียใจนับไม่ถ้วน เมื่อคิดว่าหากได้สาวน้อยงดงามผู้เ็า ยากจะได้มาและยังฉลาดหลักแหลมกลับจวนของพวกเขา และค่อยๆ เอาชนะร่างกายและหัวใจของนางอย่างช้าๆ... สิ่งที่ดึงดูดใจเช่นนี้ มีบุรุษคนใดที่สามารถต้านทานได้บ้าง
เมื่อนึกถึงเื่นี้ หลังจากที่คุณหนูเหอะโลงน้ำเสียงดัง "ตูม" ก็มีคุณชายสี่ห้าคนะโน้ำตามลงไป พวกเขาว่ายน้ำอย่างรวดเร็ว และว่ายน้ำตรงไปที่เหอตังกุยให้ความรู้สึกเหมือนว่ายน้ำไป่ชิงภรรยา หากใครว่ายถึงก่อนก็จะได้หญิงผู้นั้นไปอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อเห็นฉากนี้ เลี่ยวชิงเอ๋อร์ที่อยู่อีกฝั่งของลำธารก็ร้อนใจเป็อย่างมาก หากรู้เช่นนี้แต่แรกตนคงะโลงน้ำไปแล้ว แม้ว่านางจะไม่กังวลว่าเสี่ยวอี้ที่มีกำลังภายในแข็งแกร่งจะได้รับาเ็ แต่แม่น้ำนี้ไหลเชี่ยวอยู่ไม่น้อย คนที่อยู่บนฝั่งไม่รู้ว่าสถานการณ์ใต้น้ำเป็อย่างไร หากหมาป่าเ่าั้เข้าใกล้เสี่ยวอี้ แล้วพวกเขาก็ยืนกรานว่าได้ััเสี่ยวอี้และทำลายเกียรติของนาง หากพวกเขาขอนางให้เป็อนุจะทำเยี่ยงไร?
ช่างเป็พวกขี้โกงจริงๆ เสี่ยวอี้ยุ่งอยู่กับการช่วยชีวิตคุณหนูเฉียน ในขณะที่พวกเขากำลังจะใช้ประโยชน์จากมัน ช่างไร้ยางอายจริงๆ เหวินฮั่น กวนโม ซุนเซิ่งหลัน อู๋จุนฮ่าว… เฮ้อ หานฟ่างบุรุษรูปงามที่นางชื่นชมมากที่สุดก็ะโลงไปในน้ำด้วย ทำให้นางรู้ว่าไม่สามารถตัดสินคนจากหน้าตาได้ นางมองไปที่อีกฝั่งของลำธารอีกครั้งเห็นจ้งเฉียว ตู้รั่วเฟย ตู้หรงกวง และคนอื่นๆ ต่างก็มีสีหน้าร้อนรนคล้ายอยากจะะโลงน้ำไปด้วย เห็นได้ชัดว่าพวกเขา้าใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้เช่นกัน เพียงแต่พวกเขาว่ายน้ำไม่เป็เท่านั้น โอ้ ์ เสี่ยวอี้นางช่างเป็เหมือนชิ้นเนื้อก้อนโตในสายตาของพวกหมาป่าจริงๆ
เหอตังกุยเป็คนช่างสังเกตและตื่นตัวตลอดเวลา ดังนั้นนางจึงได้ยินเสียงน้ำกระเพื่อมที่เข้ามาใกล้นางทุกขณะ หากนางไปที่อีกฝั่งของลำธารเสียตอนนี้ ก็สามารถปล่อยให้คนทั้งห้านี้ลงไปช่วยชีวิตคุณหนูเฉียน แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นวี่แววของคุณหนูเฉียน ไม่รู้ว่านางถูกกระแสน้ำพัดไปหรือไม่ คงไม่มีใครว่ายน้ำเก่งไปกว่านางที่อาศัยอยู่ในคุกน้ำมาสองเดือน
ดังนั้นจึงเป็การดีกว่าที่นางจะเป็คนช่วยคุณหนูเฉียน จะทำเช่นไรดี? หรือว่านางควรจะเผยวิชาตัวเบาของตน และดำน้ำลงไปตามหาคุณหนูเฉียน?
เหล่าคุณหนูที่อยู่บนฝั่งก็สังเกตเห็นความตั้งใจของเหล่าคุณชายที่ะโลงไปในน้ำเช่นกัน และเป็เพราะหานฟ่าง กวนโม่ และเหวินฮั่นเป็ที่นิยมในหมู่บัณฑิตหญิง คุณหนูหลายคนจึงใช้สายตาดุดันราวคมดาบจ้องมองไปที่เหอตังกุย ฮึ เห็นอยู่ว่าอาจารย์เจิ้งลงน้ำไปช่วยคนแล้ว แต่นางก็อยากแสดงทักษะของตน หากเป็เช่นนั้นเหตุใดนางถึงไม่ลงไปช่วยั้แ่แรก?
ในขณะที่ทุกคนกำลังจมอยู่ในความคิดของตัวเอง ก็ได้เห็นร่างสีขาวะโขึ้นไปเหนือผิวน้ำครู่หนึ่ง มือหนึ่งของคนผู้นั้นจับคุณหนูเฉียนที่ตกลงน้ำเมื่อครู่นี้ อีกมือหนึ่งก็จับอาจารย์เจิ้งที่กำลังจะจมน้ำเต็มที ลอยขึ้นมาบนฝั่งช้าๆ หลังจากวางทั้งสองลงบนสนามหญ้า เขาก็หันกลับไปมองเหอตังกุยที่อยู่ในน้ำ พบว่านางกำลังปีนขึ้นฝั่งไปอย่างเร่งรีบ เขาจึงหันหลังกลับไปและไม่หันไปมองนางอีก
เด็กรับใช้ของสำนักศึกษาห่มผ้าหนาๆ ให้อาจารย์เจิ้งที่กำลังสั่นเทา อาจารย์เป่าผู้รับผิดชอบสำนักศึกษาชายวิ่งเหยาะๆ เข้ามาโค้งคำนับและกล่าวขอบคุณทันที “เมื่อครู่นี้มีบิดาของบัณฑิตสองคนมาเยี่ยมเยียน ดังนั้นข้าจึงอยู่พูดคุยกับพวกเขา แต่ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเื่วุ่นวายเช่นนี้ โชคดีที่คุณชายเมิ่งมาช่วยได้ทันเวลา ขอบใจคุณชายมาก”
บุคคลนั้นสวมกวนครอบศีรษะ สวมชุดคลุมยาวสีเงินเข้มลายพระจันทร์สีขาว เขามีเสน่ห์ที่น่าเกรงขาม รอยยิ้มจางๆ คิ้วเรียวคมหล่อเหลา ราวกับมีลำไผ่ตั้งตรงแข็งแกร่งอยู่ด้านหลัง ตอนช่วยชีวิตคน เขาราวกับดาบที่ออกจากฝัก แต่ตอนนี้ที่เขาพูดคุยกับอาจารย์ ก็อ่อนโยนราวกับหยกใส โดยเฉพาะอย่างยิ่งรอยยิ้มบางแลดูเกียจคร้านที่มุมปากนั้น ช่างทำให้ผู้คนหลงใหลจนเอ่ยสิ่งใดออกมาไม่ได้
คนผู้นี้มิใช่ใครอื่น แต่เป็เมิ่งเซวียนที่ออกไปจากเมืองหยางโจวเมื่อสามปีก่อน
เมิ่งเซวียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “บังเอิญพบเห็น จึงยื่นมือเข้าช่วย มิกล้ารับการเคารพจากอาจารย์ได้ขอรับ” ทว่าอาจารย์เป่ายังคงโค้งคำนับเขาอีกสามครั้ง
หลังจากที่เหอตังกุยกลับขึ้นฝั่ง สีหน้าของนางก็ซีดเผือดเมื่อถูกลมหนาวกระทบร่าง แม้ว่านางถ่ายทอดลมปราณเพื่อขับไล่ความหนาวเย็นในร่างกายทันที แต่ก็ยังไม่สามารถกำจัดความหนาวเย็นออกไปได้ เลี่ยวชิงเอ๋อร์ถอดเสื้อคลุมตัวนอกมาห่อร่างของนางเอาไว้ นางจึงรู้สึกดีขึ้นไม่น้อย เลี่ยวชิงเอ๋อร์กระซิบว่า “เมื่อครู่นี้ข้าใแทบแย่ พวกนั้นกล้าเล่นสกปรกะโลงน้ำราวฝูงหมาป่า น่าขยะแขยงสิ้นดี สักวันพวกเราสองคนจะต้องเอาคืนพวกเขาให้สาสม ไปเปลี่ยนชุดกันเถอะ ข้ามีชุดสำรอง"
เหอตังกุยเหลือบมองไปที่อาจารย์เป่าและพยักหน้าเบาๆ “ข้าก็เหนื่อยเหมือนกัน พวกเรากลับบ้านกันเถอะ"
"อ๊ะ" เฉียนสุ่ยเซียนรีบวิ่งเข้าไปหาเฉียนมู่ตันพี่สาวของนางก่อนจะกรีดร้อง “ท่านพี่ตายแล้ว ท่านพี่จมน้ำตาย ท่านพี่"
อาจารย์เจิ้งที่ถูกห่อด้วยผ้าห่มเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นรีบมองไปที่เด็กสาวซึ่งนอนอยู่ทางด้านซ้าย ใบหน้าของเด็กสาวคนนั้นซีดเซียวและดูเหมือนคนสิ้นลมหายใจแล้ว อาจารย์เจิ้งร้องะโออกมาอย่างใ “บัณฑิตของข้าจมน้ำตายแล้ว” นางเงยหน้าขึ้นมองอาจารย์เป่าด้วยความตื่นตระหนกและเอ่ยขอร้องว่า “อาจารย์เป่าเ้าต้องเป็พยานให้ข้า ข้าพยายามช่วยนางอย่างเต็มที่แล้ว ข้ารับผิดชอบเื่นี้ไม่ได้”
อาจารย์เป่ายังไม่ทันพูดอะไร เมิ่งเซวียนก็ชิงพูดเสียก่อน “ไม่ว่าจะเป็เช่นไร ก็ให้ไปแจ้งทางการให้มาจัดการก่อน หากยืนยันได้ว่าคุณหนูผู้นี้เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุจริง ทุกคนก็ค่อยหารือเื่นี้กันอีกที ข้าเชื่อว่าทางสำนักศึกษาจะสามารถช่วยอาจารย์เจิ้งรับผิดชอบเื่นี้ได้”
อาจารย์เจิ้งพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่นางกำลังจะเอ่ยบางอย่าง ฉีมู่เอ๋อร์ที่ยืนอยู่ข้างๆ นางจู่ๆ ก็เอ่ยกระซิบขึ้นมาว่า “อาจารย์เจิ้ง อาจารย์เป่า ตามความเห็นของข้า พวกท่านไม่จำเป็ต้องรับผิดชอบเื่นี้เลย เพราะคนที่ฆ่าเฉียนมู่ตันนั้นเป็อีกคน”
ในตอนนั้นทุกคนต่างจับจ้องไปที่นาง ใครคือคนฆ่าเฉียนมู่ตัน? นี่เป็การฆาตกรรมงั้นหรือ? ไม่สิ เฉียนมู่ตันตกลงไปในลำธารเอง ทุกคนต่างก็เห็นว่าเฉียนสุ่นเซียนน้องสาวของนางพยายามดึงนางกลับมาอยู่หลายครั้ง มันเป็เพียงอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึงไม่ใช่หรือ?
เหอตังกุยจ้องมองไปยังฉีมู่เอ๋อร์ผู้ได้รับฉายาจากเลี่ยวชิงเอ๋อร์ว่า ‘องค์หญิงกระต่ายขาว’ มีอีกคนที่สังหารตันมู่เอ๋อร์อย่างนั้นหรือ? หรือว่านางได้ยินบทสนทนาของสองคนนั้น?
อาจารย์เป่ามองไปที่ฉีมู่เอ๋อและพูดอย่างจริงจังว่า “บัณฑิตหญิงผู้นี้ แม้ว่าข้ากับอาจารย์เจิ้งจะซาบซึ้งที่เ้าช่วยพูดเพื่อพวกข้า แต่อย่างไรเสียเื่การสืบคดีนั้นก็ยังต้องมอบให้ทางการเป็ผู้จัดการ ไม่สามารถพูดจาสุ่มสี่สุ่มห้าได้”
ฉีมู่เอ๋อร์กะพริบตาปริบๆ ราวกับว่าในอีกไม่กี่อึดใจน้ำตาของนางจะไหลลงมาก็ไม่ปาน จากนั้นนางก็เอ่ยถามเสียงเบาว่า “ครั้งหนึ่งอาจารย์เคยสอนพวกข้าประโยคหนึ่งว่า ‘ข้าไม่ได้สังหารเขา แต่เขากลับตายเพราะข้า นั่นถือว่าเป็บาปที่ใหญ่หลวง’ มู่เอ๋อร์ต้องพูด หลังจากที่เฉียนมู่ตันตกลงไปในน้ำ หากมีคนลงไปช่วยนางทันที นางคงไม่จมน้ำจนเสียชีวิต อาจารย์ว่าข้าพูดถูกหรือไม่?”
อาจารย์เป่าพยักหน้าเบาๆ “เ้าพูดถูก”
หานฉีฉีกลับซึ่งยืนอยู่ด้านข้างเอ่ยด้วยความเ็าว่า “คุณหนูฉีจะบอกว่า พวกข้าช่วยนางไม่ทันเวลา ดังนั้นพวกข้าทุกคนจึงเป็ฆาตกรที่สังหารเฉียนมู่ตัน คำว่า ‘ฆาตกรฆ่าคน’ คำนี้ใช่หรือไม่ คุณหนูฉี?"
ฉีมู่เอ๋อร์แสดงท่าทางขี้อายเหมือนสัตว์ตัวน้อย นางกัดริมฝีปากครู่หนึ่งและพูดด้วยความกล้าหาญว่า “พี่ฉีฉีเ้าเข้าใจข้าผิดแล้ว เ้าและข้าต่างก็ว่ายน้ำไม่เป็ สิ่งเดียวที่พวกเราทำได้นั้นคืออธิษฐานให้เฉียนมู่ตันขึ้นฝั่งอย่างปลอดภัย แต่ทั้งๆ ที่มีคนว่ายน้ำเป็ แต่นางก็ไม่ลงไปช่วยชีวิตคุณหนูเฉียนในทันที ทั้งยังห้ามปรามไม่ให้คนอื่นลงไปช่วยนางอีกด้วย มันแตกต่างจากการฆ่าคุณหนูเฉียนตรงไหน?” ดวงตาของเหอตังกุยหรี่แคบลง นางกำลังจะบอกว่า...
เมิ่งเซวียนเอ่ยถามเสียงต่ำ “คุณหนูฉีหมายถึงใคร?”
ฉีมู่เอ๋อร์งดงามราวกับดอกติงเซียง ในความอ่อนแอยังมีความมั่นใจ นางยกนิ้วชี้ไปที่เหอตังกุยที่กำลังทำให้ร่างกายอบอุ่นอยู่ข้างๆ เลี่ยวชิงเอ๋อร์ เสียงกังวานดังไปทั่วลาน “ข้าเห็นกับตาตัวเองว่า เดิมทีเลี่ยวชิงเอ๋อร์คิดจะลงไปช่วยคน แต่เหอตังกุยกลับห้ามนางเอาไว้ ดังนั้น คนที่ทำให้เฉียนมู่ตันตายก็คือเหอตังกุย”
ทุกคนต่างก็มองไปที่เหอตังกุยที่ริมฝีปากซีดเผือดและมีหยดน้ำทั่วร่าง เมื่อเห็นว่านางไม่มีความตื่นตระหนกหรือโกรธเคืองหลังจากถูกกล่าวหา ทั้งยังสงบนิ่งราวกับว่านางเป็เพียงผู้ไม่รู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลายคนเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับคำกล่าวหาของฉีมู่เอ๋อร์ เหอตังกุยเป็วีรสตรีที่ช่วยชีวิตผู้คนไม่ใช่หรือ? นางจะห้ามผู้อื่นไม่ให้ช่วยคนได้อย่างไร?
ซ่งเฉียวและตู้รั่วเฟยเอ่ยแย้งอย่างพร้อมเพรียงกัน “เป็ไปไม่ได้ ไม่ใช่คุณหนูเหออย่างแน่นอน” ทั้งสองมองหน้ากัน ซ่งเฉียวเอ่ยเสริมต่อว่า “คุณหนูเหอเป็วีรสตรีที่ะโน้ำลงไปช่วยคุณหนูเฉียนทั้งที่น้ำในลำธารนั้นเย็นจัด แม้ว่าคุณหนูฉีจะเห็นการกระทำที่กล่าวอ้างมาของคุณหนูเหอและคุณหนูเลี่ยวจริงๆ นั่นก็อาจจะเป็เพราะคุณหนูเหอไม่วางใจให้สหายสนิทลงไปในน้ำ และคิดว่าจะปลอดภัยกว่าหากให้นางลงไปเอง... ทุกคนต่างก็เห็นแล้ว คุณหนูเหอว่ายน้ำเก่งมาก นางทิ้งระยะห่างจากคุณชายทั้งห้าไม่ใช่ใกล้ๆ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น คนที่คิดจะะโน้ำตามก่อนหน้านี้หากแต่ตนว่ายน้ำไม่เป็ต่างก็หัวเราะออกมา เพราะไม่เพียงแต่ไม่ได้ััหญิงงามเท่านั้น ยังเปียกไปทั้งตัวเป็ไก่ที่จมน้ำตายอีก มันไม่ตลก แต่พวกเขาก็สมควรได้รับ
เลี่ยวชิงเอ๋อร์พยักหน้าอย่างยากลำบากเพื่อยืนยันคำพูดของซ่งเฉียวและพูดเสียงดังว่า “อย่างที่เขาบอกมา ข้าว่ายน้ำไม่เก่งและข้าต้องทนทุกข์ทรมานจากลมหนาวอย่างรุนแรง และตอนนั้นข้าเพียงแค่ยืดเอวเท่านั้น อยากจะเดินเข้าไปใกล้ริมลำธารเพื่อดูสถานการณ์ให้ชัดเจน ถ้าข้าอยากะโลงไปในน้ำจริงๆ ก็คงจะเป็เหมือนอาจารย์เจิ้ง ทั้งยังจะเป็ภาระให้คนอื่นลงมาช่วยอีก แต่เหอตังกุยเข้าใจผิดคิดว่าข้าจะะโน้ำ นางเป็ห่วงความปลอดภัยของข้า ดังนั้นจึงห้ามข้าไว้ เื่มันก็เป็เช่นนี้ ฉีมู่เอ๋อร์กล่าวเกินจริง และนางก็ไม่ได้ยืนอยู่ข้างๆ พวกข้า อาศัยเพียงการกระทำของพวกข้าอย่างเดียวกล้ามาใส่ร้ายนางได้อย่างไร? ทุกคนดูสิ น้องสาวของข้าตัวแข็งทื่อเพราะลงน้ำไปช่วยคน”
“ในเมื่อทุกคนเห็นว่าเหอตังกุยคิดจะช่วยคน และว่ายน้ำเก่งที่สุดในหมู่พวกเรา ถ้านางตั้งใจจะช่วยคุณหนูเฉียน เหตุใดนางไม่ะโลงน้ำั้แ่แรก นางจะรอไปอีกสักพักเพื่ออะไร? กระทั่งอาจารย์เจิ้งที่ว่ายน้ำไม่เก่งต้องะโลงน้ำไปช่วยคนแทน นางคิดจะช่วยคุณหนูเฉียนจริงๆ หรือ?” เสียงสงสัยที่เอ่ยออกมานั้นก็คือเสียงของ ‘คุณหนูอันดับหนึ่ง’ อู่ยวี่อิ๋ง ในขณะที่นางคิดจะเข้าไปหาเื่เหอตังกุย แต่กลับถูกอาจารย์เจิ้งเข้ามาขัด นางจึงคิดหาวิธีอื่นเพื่อสร้างปัญหาให้แก่เหอตังกุย สิ่งที่ทำให้นางเดือดดาลมากที่สุดก็คือในบรรดาคุณชายที่เพิ่งะโลงไปในน้ำเพื่อ ‘ช่วย’ เหอตังกุยนั้นมีพี่ชายรองของนางนามว่าอู่จวินฮ่าว และตอนนี้เขาก็นอนตัวสั่นอยู่ใต้ผ้าห่ม ไม่แน่เขาอาจจะป่วยทันที ทั้งหมดนี้เป็เพราะเหอตังกุยคนเดียว
และอีกคนก็คือ ‘คุณชายอันดับหนึ่ง’ หานฟ่างลูกชายชอบธรรมของหานเฟยผู้ว่าการาุโในเมืองหยางโจว เป็หนึ่งในคุณชายที่ะโน้ำลงไป ‘ช่วย’ คุณหนูเหอ ในเวลานี้เขายังเอ่ยให้ความยุติธรรมแก่เหอตังกุยอีก “หรือว่าคนเป็ร้อยอยู่ในนี้ มีเพียงคุณหนูเหอที่อ่อนแอและบอบบางคนเดียวเท่านั้นที่ว่ายน้ำเป็? แม้ว่านางจะว่ายน้ำเร็ว แต่เรี่ยวแรงของนางจะมีเท่าไรกัน หาคุณหนูเฉียนเจอก็ไม่มีเรี่ยวแรงดึงนางขึ้นฝั่งได้ ที่ข้าไม่ะโลงน้ำไปช่วยคุณหนูเฉียนก็เพราะชายหญิงััเนื้อตัวกันนั้นเป็เื่ไม่เหมาะ ฮัดชิ้ว คุณหนูที่อยู่ในลานนี้กล้าพูดหรือไม่ว่าพวกเ้าว่ายน้ำไม่เป็?" หลังจากกลับขึ้นฝั่งอาการของเขาดีกว่าอู่จวินฮ่าวเล็กน้อย เพียงสวมเสื้อคลุมขนสัตว์หนึ่งตัวเท่านั้น อุณหภูมิในร่างกายของเขาก็ค่อยๆ ฟื้นตัว
สิ่งที่ทำให้เลี่ยวชิงเอ๋อร์ประหลาดใจก็คือหานฟ่างที่ดูเหมือนเด็กที่ฝึกกำลังภายใน เขายืนอยู่ตรงนั้นสักพักเพื่อปรับลมหายใจ จากนั้นละอองน้ำก็หายไปจากร่างกายของเขา ไม่นานชุดคลุมก็แห้งไปกว่าครึ่ง เหอตังกุยเหลือบมองเขาด้วยความอิจฉา การเดินลมปราณเจินชี่เพื่อให้ร่างกายอบอุ่นนั้นเป็เื่ง่ายดายสำหรับเหอตังกุย แต่นางไม่สามารถทำให้ละอองน้ำหายไปต่อหน้าต่อตาผู้คนได้ หานฟ่างดูเหมือนจะอบอุ่นขึ้นมาไม่น้อย ช่างน่าอิจฉาจริงๆ หลังจากนั้นหานฟ่างก็จ้องมาที่นางและยิ้มให้อย่างเป็มิตร
"อ๊ะ พี่สาวข้าตายแล้ว นางเพิ่งจะอายุสิบเจ็ดปี เดิมทีนางมีความสุขที่ได้มาร่วมงานเลี้ยงในวันนี้ แต่ตอนนี้นางจากข้าไปแล้ว ต้องมีคนรับผิดชอบเื่นี้” เฉียนสุ่ยเซียนร้องไห้และตำหนิว่า “เดิมทีนางจะไม่ตาย พวกเ้าทุกคนล้วนแต่ว่ายน้ำได้ เหตุใดถึงไม่ไปช่วยนาง?” แม้ว่าข้อกล่าวหาของนางจะไม่สมเหตุสมผล แต่นางเพิ่งจะสูญเสียพี่สาวไป เพราะความเสียใจนางจึงเอ่ยสิ่งที่ใจคิดออกมา
“ข้ารู้ว่าเลี่ยวชิงเอ๋อร์พูดโกหก” กวนจันะโขึ้นอย่างกะทันหัน “เลี่ยวชิงเอ๋อร์ว่ายน้ำเก่งมาก และนางก็ไม่เคยป่วยเลย ที่ฉีมู่เอ๋อร์พูดมาเมื่อครู่นี้ข้าก็เห็นเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าเหอตังกุยห้ามเลี่ยวชิงเอ๋อร์ไม่ให้ช่วยคน”
“ข้าก็เห็นเหมือนกัน เป็อย่างที่ฉีมู่เอ๋อร์กล่าว” พยานอีกคนออกมายืนยัน จากนั้นก็มีคุณหนูอีกสี่ห้าคนเอ่ยสนับสนุน ล้วนบอกว่าพวกนางเห็นเลี่ยวชิงเอ๋อร์กำลังะโลงน้ำกับตาตัวเอง แต่กลับถูกเหอตังกุยดึงนางกลับไป และคำว่า ‘เืเย็น’ ‘เห็นแก่ตัว’ ‘ฆาตกร’ ก็ค่อยๆ ดังไปทั่วลาน
อาจารย์เป่าเอ่ยถามเมิ่งเซวียนว่า “ท่านแม่ทัพเมิ่ง ท่านคิดอย่างไร?”
เมิ่งเซวียนรู้สึกกระอักกระอ่วน เขาเอ่ยออกมาอย่างเนิบๆ “ ให้ทางการเป็คนจัดการเถอะขอรับ พวกเขาเชี่ยวชาญในการสืบคดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งคดีที่เกี่ยวกับชีวิตของผู้คน
เลี่ยวชิงเอ๋อร์ดึงแขนเสื้อของเหอตังกุยอย่างร้อนใจ นางเอ่ยถามเสียงเบาว่า “จะทำอย่างไรดี? ให้ข้าส่งคนไปตามเกาเจวี๋ยมาช่วยดีหรือไม่? ตอนนี้เขาทำทำงานอยู่ในเมืองหยางโจว รอให้เขามาที่นี่ก่อน…”
เหอตังกุยส่ายหัวเบาๆ จากนั้นนางก็มองไปที่อาจารย์เป่าและอาจารย์เจิ้งด้วยรอยยิ้มและเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจนว่า “เชิญทางการมาตรวจสอบเถอะเ้าค่ะ ข้าเห็นด้วย รบกวนท่านอาจารย์ทั้งสองรีบส่งคนไปแจ้งทางการให้เร็วที่สุดเถอะเ้าค่ะ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้