วันละสิบห้าอีแปะ สิบวันทั้งหมดร้อยห้าสิบอีแปะ
ทั้งยังมีข้าวกิน
จะไปหางานดีๆ เช่นนี้จากที่ใดอีก?
ป้าสองจ้าวได้ยินหลินหวั่นชิวพูดเช้นนี้ก็ดีใจมาก กลัวหลิวซื่อจะปฏิเสธอีก ชิงพูดก่อนว่า “ทำตามที่หวั่นชิวว่าเถิด ถึงเวลาพวกเราช่วยนางจัดการให้เรียบร้อยก็พอ”
หลิวซื่อยอมตอบตกลง หากนางยังปฏิเสธต่อ คงไม่ใช่แค่หวั่นชิวที่ไม่สบายใจ แม้แต่ป้าสองจ้าวคงโกรธไปด้วย
คนในหมู่บ้านต่างลำบากกันทั้งนั้น ครอบครัวพวกนางอาศัยว่ารู้วิชาช่างไม้มาหาเลี้ยงชีพเลยถือว่าดูดีกว่าครอบครัวอื่น กระนั้นยังด้อยกว่าบ้านตระกูลสวีมาก
แต่บ้านตระกูลจ้าวลำบากมาก ตอนที่แยกบ้านออกมาได้รับแค่กระท่อมฟางครึ่งหลัง เสบียงหยาบสิบชั่ง ไม่มีสิ่งใดอื่น ถูกปู่จ้าวที่ลำเอียงเก็บไว้ให้จ้าวเหล่าต้ากับจ้าวเหลียงไหลเสียหมด
หลายปีมานี้ทั้งครอบครัวเช่าที่เพาะปลูกพืชผล ต้องให้จ้าวเฉียนไหล จ้าวเถียนเซิงและจ้าวสุ่ยเซิงออกไปทำงานรับจ้างหาเงินมาจุนเจือครอบครัว กว่าจะสร้างบ้านและซื้อนาคุณภาพต่ำสามไร่เช่นทุกวันนี้ไม่ใช่ง่ายๆ
ดำเนินชีวิตด้วยความยากลำบาก
หลินหวั่นชิวพูดอีกว่า “เมื่อก่อนหย่วนเกอพอจะเก็บเงินไว้อยู่ ครั้งนี้โชคดีล่าเสือได้จึงมีเงินพอประมาณ สุขภาพหงป๋อเองก็แข็งแรงขึ้น ท่านหมอบอกว่าเขาไม่เป็กระไรมากแล้ว พักรักษาตัวอีกสักระยะก็หายดี นี่จึงเป็สาเหตุที่หย่วนเกอกล้าเอาเงินออกมาสร้างบ้านใหม่ ต้องวางแผนสำหรับอนาคต”
เื่ที่หลินหวั่นชิวพูดคือสิ่งที่นางปรึกษากับเจียงหงหย่วนระหว่างเดินทางมาที่นี่ บ้านพวกเขาเคลื่อนไหวได้มาก คนในหมู่บ้านพูดจาทุกรูปแบบ มิสู้อธิบายเช่นนี้ดีกว่า ครึ่งจริงครึ่งเท็จ จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่
หลิวซื่อ ป้าสองจ้าวและหวางกุ้ยเซียงคือตัวเลือกที่ดีที่สุดที่จะให้แพร่ข้อมูลนี้ออกไป
“สมควรแล้ว!”
“ไอ๊หยา ดีเสียจริงที่เจียงเหล่าเอ้อร์แข็งแรงแล้ว อนาคตที่สดใสรอครอบครัวพวกเ้าอยู่! เจียงเหล่าต้าหาเงินเก่ง หากเหล่าเอ้อร์ไม่ต้องกินยาแล้ว ค่าใช้จ่ายในบ้านย่อมจะลดลงไปด้วย อีกไม่กี่ปีคงจะเก็บเงินได้ก้อนโต ถึงเวลานั้นพวกเ้าซื้อนาได้หลายสิบไร่ เช่นนั้นแบ่งเช่าให้บ้านพวกข้าเพาะปลูกสักสิบไร่!”
ป้าสองจ้าวดีใจประหนึ่งอนาคตที่สดใสนี้เป็ของครอบครัวนางเสียเอง
นางย่อมอยากให้บ้านตระกูลเจียงได้ดีอยู่แล้ว เพราะครอบครัวนางย่อมได้ผลประโยชน์ไปด้วย
เมื่อก่อนที่เจียงหงหย่วนยังไม่มีเงิน เขาคอยพาสุ่ยเซิงไปขุดกับดักจับไก่ป่าอยู่บ่อยๆ จริงอยู่ที่นางเลือกเข้าข้างฝ่ายที่ตัวเองได้ประโยชน์แต่ก็รู้จักแยกแยะ ไม่ว่าบุญคุณหรือความแค้นล้วนจดจำชัดเจน
หวางกุ้ยเซียงดีใจเช่นกัน อวยพรด้วยคำมงคลชุดใหญ่
แต่จ้าวหงฮวากลับอิจฉามากขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันก็รู้สึกเสียใจภายหลัง เหตุใดตอนนั้นไม่ให้เอ้อร์เกอช่วยจับคู่?
พวกสตรีกินข้าวแบบไม่มัวเสียเวลา แต่ฝั่งบุรุษต้องดื่มเหล้าด้วย งานเลี้ยงนี้จึงไม่อาจจบลงโดยเร็ว
ป้าสองจ้าวช่วยหลิวซื่อเก็บชามตะเกียบ ทั้งคู่ไปคุยกันที่ห้องครัว ปล่อยให้หญิงสาวทั้งสามคุยกันในห้องหวางกุ้ยเซียง
ตะเกียงน้ำมันในห้องถูกเอาออกไปหนึ่งดวง ในห้องจึงเหลือตะเกียงน้ำมันที่ไส้ตะเกียงเล็กมากเพียงดวงเดียว ไฟจากตะเกียงเล็กราวกับเมล็ดถั่ว ส่งผลให้ภายในห้องมืดสลัวทันที
“กุ้ยเซียง อีกสองวันข้าจะเอาแบบลวดลายมาให้ เ้าช่วยข้าปักผ้าเช็ดหน้าได้หรือไม่?” หลินหวั่นชิวมีความคิดนี้ั้แ่ตอนที่เห็นผ้าเช็ดหน้าที่นางปักเมื่อคราวก่อน
งานที่ทำด้วยมือขายได้ราคาแพงในยุคปัจจุบันและขายง่าย ครั้งก่อนนางดูผ้าเช็ดหน้าที่หวางกุ้ยเซียงปักแล้วรู้สึกว่าใช้ได้ แม้จะไม่ประณีตระดับผู้เชี่ยวชาญแต่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์เฉพาะตัว
ต้องขายบนเสียนอวี๋ได้เป็แน่
แม้จะเอาเงินหยวนมาใช้ในยุคนี้ไม่ได้ แต่เงินหยวนสามารถใช้ซื้อของบนเสียนอวี๋!
เสียนอวี๋เป็ตลาดซื้อขายของมือสองก็จริง หากรู้จักเลือก ในนั้นล้วนมีของดีมากมาย
กลัวก็แต่เงินจะไม่พอเสียมากกว่า
“ได้ ท่านเอาแบบมาได้เลย” หวางกุ้ยเซียงตอบอย่างซื่อตรง อีกเดี๋ยวก็เข้าหน้าหนาวแล้ว งานที่บ้านจะน้อยลง มีเวลาว่างมากขึ้น
หลินหวั่นชิวได้ยินนางตอบตกลงก็ดีใจ “ได้ เ้าขายในตำบลเท่าไรหรือ ข้าจะให้ราคาเท่านั้นเช่นกัน”
หวางกุ้ยเซียงปฏิเสธทันที “พี่สะใภ้ ท่านเห็นข้าเป็คนอื่นคนไกลหรือ! ระหว่างพวกเราต้องพูดเื่เงินด้วย? ไม่ได้ๆ! ผ้าเช็ดหน้าแค่ไม่กี่ผืน ท่านกำลังดูถูกข้าหรือไม่!”
หลินหวั่นชิวอธิบายด้วยรอยยิ้ม “ไม่ใช่แค่ไม่กี่ผืน ข้าจะเอาเยอะมาก ไม่ปิดบังแล้วกัน ครั้งก่อนที่ข้าตามหย่วนเกอเข้าอำเภอ ข้าไปเจอช่องทางขายของ อยากหาเงินด้วยการเป็พ่อค้าคนกลาง น้องสาวผู้แสนดีของข้า เ้ายินดีให้โอกาสข้าหาเงินใช้หรือไม่?”
“จริงหรือ? เช่นนั้นย่อมได้ ขายให้ผู้อื่นสู้ขายให้ท่านเสียดีกว่า ตกลงตามนี้!” หวางกุ้ยเซียงได้ยินว่าหลินหวั่นชิวจะเอาผ้าเช็ดหน้าของนางไปขายก็ไม่ปฏิเสธอีก
“พี่สะใภ้รู้จักหาช่องทางยิ่งนัก” จ้าวหงฮวาพูด แต่ในห้องมืดสลัวเกินไปจึงไม่มีใครเห็นความอิจฉาในแววตานางได้
“แน่นอนอยู่แล้ว” หวางกุ้ยเซียงพูด นางรู้สึกจากใจจริงว่าหลินหวั่นชิวนิสัยดี ตอนอยู่บ้านเหล่าหลินเมื่อก่อนเป็ทองคำที่ถูกฝังใต้ดินชัดๆ มักถูกคนเพิกเฉย
ตอนนี้มาอยู่กับเจียงต้าเกอ ไม่มีดินโคลนอย่างครอบครัวนั้นกลบฝังย่อมส่องประกาย
หลินหวั่นชิวพูดอีกว่า “ผ้าเช็ดหน้าเป็เื่หนึ่ง ข้าคิดว่าไว้มีเวลาจะซื้อวัสดุกลับมา พวกเราลองทำเครื่องประดับดอกไม้กำมะหยี่ ประดับลูกปัดพวกนี้ขาย เป็รายได้อีกอย่างเช่นกัน”
ครอบครัวจ้าวเอ้อร์กับหวางเอ้อร์เป็สองครอบครัวในหมู่บ้านที่ดีกับนาง ทั้งยังเป็ครอบครัวที่เป็มิตรกับเจียงหงหย่วน หลินหวั่นชิวรู้สึกว่าถ้ามีกำลังย่อมอยากช่วยดึงสองครอบครัวนี้ขึ้นมาเช่นกัน
เพราะการดำรงชีวิตในหมู่บ้าน หากไม่มีคนช่วยเหลือเลยก็ไม่ได้
ต่อให้ย้ายไปอยู่ที่อื่น คนเราล้วนมีทั้งดีทั้งร้าย จะแน่ใจได้อย่างไรว่าย้ายไปแล้วจะไม่เจอเพื่อนบ้านไม่ดี?
ความสัมพันธ์เกิดจากการอยู่ร่วมกัน ใช้ชีวิตร่วมกัน
“เื่นี้พี่สะใภ้มีลู่ทางเช่นกันหรือ?” จ้าวหงฮวาถามอย่างใ
หลินหวั่นชิวไม่ได้ตอบแบบตายตัวเสียทีเดียว “ขอแค่ทำออกมาสวย อย่างไรย่อมขายได้อยู่แล้ว”
จ้าวหงฮวาผิดหวังเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบ หากมีลู่ทาง นางก็อยากทำด้วย แต่ตอนนี้ยังไม่มีลู่ทางที่ชัด ใครจะรับประกันได้ว่าหากทำออกมาแล้วจะขายได้?
“ว่าอย่างไร กุ้ยเซียง หงฮวา จะทำเครื่องประดับลูกปัดพวกนี้กับข้าหรือไม่?”
“ทำ”
“ไม่ทำ”
หลินหวั่นชิวแปลกใจเล็กน้อยที่ได้ยินจ้าวหงฮวาตอบว่าไม่ทำ แต่คนเราคิดไม่เหมือนกัน นางย่อมไม่บังคับเช่นกัน
หลินหวั่นชิว “ได้ ถึงเวลาแล้วข้าเป็คนออกค่าวัสดุ หากทำออกมาได้มาตรฐาน ข้าจะให้ค่าแรง”
นางว่าจะไปถามราคาเครื่องประดับลูกปัดทำมือที่ร้านในอำเภอเสียก่อน หากราคาเหมาะสมจะได้ไม่วางขายบนเสียนอวี๋
เพราะยุคปัจจุบันมีเครื่องประดับทำมือเยอะแยะไปหมด ขายไม่ได้ราคา
ต่างกับงานปักเย็บ งานปักเย็บแบบโบราณไม่ค่อยมีให้เห็นแล้ว และถึงจะมีย่อมราคาแพงทั้งนั้น
จ้าวหงฮวาได้ยินว่าไม่ต้องออกค่าวัสดุเอง ทั้งยังมีค่าแรงให้ด้วยก็เริ่มเสียใจที่ตัวเองตอบเร็วเกินไป
แต่นางหายเสียใจอย่างรวดเร็ว วางแผนไว้ว่าตอนหลินหวั่นชิวเอาของมาให้หวางกุ้ยเซียง นางจะตามมาและรับของไปด้วยเลย ถึงเวลาถ้าทำของออกมาแล้วหลินหวั่นชิวจะกล้าไม่ให้เงินหรือ?
จ้าวหงฮวาวางแผนในใจเสร็จก็ไม่ร้อนรนอีกต่อไป ตัดสินใจแล้วว่า่นี้จะคอยจับตาดูหลินหวั่นชิว หากนางมาบ้านตระกูลหวางก็จะตามมาด้วย
