นี่ควรจะเป็สิ่งที่หัวหน้าหมู่บ้านใส่ใจที่สุด ิเถี่ยจู้พูดพลางเหวี่ยงแขนเป็วงกว้าง ท่าทางดุดันที่สุดเท่าที่ิเป่าจูเคยเห็นมาไม่ว่าชาติก่อนหรือชาตินี้
“หมู่บ้านนี้คงรับพวกเ้าไว้ไม่ได้อีกแล้ว เห็นแก่เ้าเป็เืเนื้อเชื้อไขของน้องชายข้าที่เหลืออยู่ในโลกนี้ ก็ไม่อยากสังหารให้สิ้นซาก แต่พวกเ้าทำเกินไปจริงๆ ท่านหัวหน้าหมู่บ้านโปรดขับไล่พวกเขาสองคนออกไปจากหมู่บ้านเถอะ”
ิเถี่ยจู้ยื่นคำร้องอีกครั้ง คำพูดของเขาก็ไพเราะ แสดงความเมตตาปรานี้าไว้ชีวิตพวกเขา เพียงแค่ขับไล่ออกไปจากหมู่บ้าน ปล่อยไปตามยถากรรม
แต่การออกจากหมู่บ้านสำหรับเด็กสองคนก็เท่ากับตัดหนทางรอดชีวิต
พวกเขาช่างดีดลูกคิดรางแก้วมาได้อย่างเหมาะเจาะ คิดว่าตาไม่เห็นก็นับว่าสะอาดหมดจด [1] แล้ว
แม้ว่าการไปจากหมู่บ้านจะเป็แผนการของิเป่าจูพอดี แต่ไม่ใช่ด้วยการถูกขับไล่ออกไปเยี่ยงนี้
“เพื่อปรักปรำข้า ทั้งสองท่านช่างลำบากเสียจริง ดวงตาข้างใดของท่านที่เห็นว่าข้ามั่วโลกีย์กับเขา”
ิเป่าจูนับว่ามองออกเสียที ที่ทั้งสองล้ำเส้นกุเื่เหลวไหลไร้แก่นสารมากมายออกมา ก็เพื่อขับไล่นางไปจากที่นี่
“นี่เป็เื่จริงหรือ” หัวหน้าหมู่บ้านถาม
หลังจากเกิดเื่เหนือความคาดหมายเมื่อครู่ เขาก็ได้รับบทเรียนจากเด็กรุ่นเยาว์ ไม่กล้าตัดสินในสิ่งที่ตนเองไม่แน่ใจอีก
ยังมีคนอีกกลุ่มใหญ่ยืนอยู่ข้างนอก
หากมีสิ่งผิดพลาดเกิดขึ้นซ้ำอีก ความน่าเกรงขามในฐานะหัวหน้าหมู่บ้านก็คงป่นปี้
ในยุคสมัยนี้ความบริสุทธิ์คือสิ่งสำคัญยิ่งกว่าชีวิตของหญิงสาว มิเช่นนั้นสะใภ้สกุลิก็คงไม่เริ่มต้นด้วยการกล่าวหาว่าิเป่าจูไม่รักษาจรรยาสตรี
“ข้าได้ยินมาวันนี้เอง จะเป็เท็จไปได้อย่างไร ทั้งสองมักปิดห้องอยู่ด้วยกันเป็ประจำ และมีเสียงอันเสื่อมทรามเล็ดลอดออกมาจากในห้องมิได้ขาด ไม่คำนึงถึงศีลธรรมจรรยาใดในโลกนี้จริงๆ”
นางมองออกว่าหัวหน้าหมู่บ้านก็รำคาญใจอยู่แล้ว
อย่างไรเสียก็ไม่มีใครยืนยันเื่แบบนี้ได้ นางอยากจะพูดอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น หวังซื่อถึงกล้าปั้นเื่ขึ้นมาส่งเดช เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้มากขึ้น
“เฮอะ...”
ิเป่าจูขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดกลั้วยิ้ม “ท่านช่างทุ่มเทเสียเหลือเกิน ว่างมากถึงขั้นไม่ทำการทำงานมาแอบฟังผู้อื่นที่ข้างมุมกำแพงเชียวหรือ”
หากสังเกตมากหน่อยก็จะเห็นเส้นเืเขียวที่คอของิเป่าจูปูดขึ้นมา ร่างกายแข็งเกร็งแทบจะข่มโทสะไม่อยู่ อยากเข้าไปฉีกปากเน่าเหม็นไม่มีหูรูดนั่นเสียให้ได้
หัวหน้าหมู่บ้านหัวคิ้วขมวดทันทีเมื่อได้ยินคำกล่าว ก่อนมองหวังซื่อปราดหนึ่ง คิดในใจว่าิเป่าจูพูดมีเหตุผล
ตัวเป็ถึงผู้าุโ ไยจึงทำเื่ต่ำช้าประเภทแอบฟังข้างมุมกำแพงเยี่ยงนี้ได้
“ไม่ว่าอย่างไรนี่ก็คือความจริง เ้าทำเื่โสมมยังกลัวผู้อื่นรู้อีกหรือ”
ความสามารถในการกุเื่ของนางไม่เลว แต่ถูกิเป่าจูโต้กลับ หัวหน้าหมู่บ้านก็ชักไม่พอใจ หวังซื่อแสร้งทำใจกล้าทั้งที่ร้อนตัว พยายามจะยืนกรานว่าิเป่าจูทำเื่อัปยศอดสูให้ได้
“หากเ้าคิดว่าพวกเราปรักปรำเ้า ก็พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองสิ”
ิเถี่ยจู้กล่าวเสียงแข็งด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม
คิดจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองไหนเลยจะใช่เื่ง่าย
นอกเสียจากเชิญหญิงสูงวัยที่มีประสบการณ์มาตรวจร่างกาย แต่เท่าที่รู้มา ทั่วทั้งเมืองก็ไม่มีคนที่มีความสามารถเช่นนี้ ดังนั้นถึงกล้าท้าทายให้นางพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง
หลี่ไหวฺอวี้ก็รู้วิธีนี้ ทว่ามีแต่หมัวมัว [2] าุโในวังที่มีประสบการณ์ตรวจสอบร่างกายมาหลายปีเท่านั้นถึงจะมีความสามารถเพียงพอ คนทั่วไปยังไม่อาจเชิญมาได้ นับประสาอันใดกับเด็กบ้านนอกตัวเล็กๆ คนหนึ่ง
เขามองแผ่นหลังของิเป่าจูไม่วางตา นางจะไปจากหมู่บ้านนี้หรือไม่ ล้วนไม่มีความสำคัญใดๆ กับเขาทั้งสิ้น เพียงแต่ตนเองเป็ต้นเหตุให้พวกเขาสองคนต้องเดือดร้อน...
ตอนนี้เขาเองยังเอาตัวไม่รอด หากต้องดูแลคนอีกสองคนก็ยากที่จะทำได้
ขณะที่ไหวฺอวี้กำลังครุ่นคิดว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร ิเป่าจูก็มีความเคลื่อนไหวขึ้นมาก่อน
คนที่มาร่วมชมเื่สนุกด้านนอกส่วนใหญ่ไม่ได้ยินรายละเอียดว่าข้างในพูดว่าอย่างไร ทำได้เพียงแค่มองการเผชิญหน้าของคนสี่ห้าคนข้างในผ่านประตูเรือนที่เปิดอยู่
น้ำเสียงสูงแหลมของหวังซื่อลั่นออกมาเป็ครั้งคราว พวกเขาถึงพอจะจับใจความบางส่วนได้อย่างคลุมเครือ
“เฮ้ เฮ้ รีบมาดูเร็ว นางหนูน้อยคนนั้นกำลังทำสิ่งใด”
มีคนส่งเสียงขึ้นมา ทุกคนต่างมองเข้าไปในห้องอย่างพร้อมเพรียง
ก็เห็นิเป่าจูยกแขนซ้ายขึ้นมาก่อนม้วนแขนเสื้อขึ้น
ผู้ใหญ่สามคนในห้องต่างเดินขึ้นหน้าไปคนละก้าว หัวหน้าหมู่บ้านยังดูไม่ออกว่ามีท่าทีอย่างไร แต่ิเถี่ยจู้กับหวังซื่อกลับเซไปด้านหลัง จึงเห็นสีหน้าของพวกเขาไม่ชัด
“เป็ไปไม่ได้ จะเป็ไปได้อย่างไร เ้าต้องเป็คนแต้มสีขึ้นมาเองแน่ๆ”
หวังซื่อไม่อยากเชื่อ กระโจนเข้าไปคว้าแขนซ้ายของนางไว้อย่างแ่าไม่ให้ดิ้นหนีไปได้ ก่อนจะทาน้ำลายลงไป พยายามที่จะลบทิ้งไม่หยุด ถูจนผิวที่แขนของิเป่าจูแดงเป็วงกว้าง แต่ก็ไม่ได้ผลลัพธ์ที่ตนเอง้า
มีแต้มสีแดงคล้ายหยดเือยู่บริเวณหนึ่งในสามของใต้ข้อพับแขนด้านในของิเป่าจู ภายใต้ผิวขาวซีด สีก็ยิ่งแดงสด เห็นได้ชัดว่าเป็แต้มโส่วกงซา [3] !
ิเถี่ยจู้ขบฟันจนกรามแทบป่น คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าน้องสะใภ้คนดีของเขายังเผื่อทางหนีทีไล่เช่นนี้เอาไว้
“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน นี่นับว่าเป็การพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองได้แล้วหรือไม่” ิเป่าจูปลดแขนเสื้อลงพลางเอ่ยถาม
เคราะห์ดีที่มารดานางเรียนหนังสือมาบ้าง รู้ว่าความบริสุทธิ์ของสตรีนางหนึ่งสำคัญมากเพียงใด จึงแต้มโส่วกงซาให้ิเป่าจูั้แ่ยังแบเบาะเพื่อป้องกัน เผื่อภายภาคหน้าอาจมีใครมากล่าวหาเื่ความบริสุทธิ์ของบุตรสาว
ทว่าถึงตายก็อาจไม่คาดคิดว่าพี่ชายและพี่สะใภ้ของสามีจะใช้วิธีการอันโสมมเช่นนี้มาใส่ร้ายบุตรสาวของตนเอง
“โธ่เอ๋ยๆ”
ชาวบ้านที่อยู่บนต้นไม้เห็นการพิสูจน์ความบริสุทธิ์อย่างชัดเจน ก็เริ่มร้องอุทานขึ้นมา
ในฐานะผู้าุโแต่กลับทำเื่ไร้มโนธรรม จะดีชั่วอย่างไรทั้งสองก็เป็หลานชายหลานสาวในไส้ของตนเอง
ต่อให้ไม่ชอบก็ช่าง ขับไล่ออกจากเรือนไปแล้วก็ยังไม่ปล่อย ตามมาราวีหาเื่อยู่เสมอ วันนี้ถึงขั้นใช้วิธีอำมหิตต่ำช้ามาสร้างความลำบากให้หลานสองคน ชวนให้คนอดถอนหายใจไม่ได้จริงๆ
หัวหน้าหมู่บ้านย่อมได้ยินเสียงดังเซ็งแซ่จากด้านนอก เขาพยักหน้านับว่าเป็คำตอบให้ิเป่าจูแล้ว ทว่าสีหน้ากลับดำเป็ก้นหม้อ เมื่อได้ยินหวังซื่อเอาแต่ร่ำร้องว่าเป็ไปไม่ได้ ก็ตวาดให้นางหุบปากทันที
“ยังก่อเื่ไม่พออีกหรือ พวกเ้าสองคนโตๆ กันแล้ว ไม่คิดใฝ่หาความก้าวหน้า วันๆ เอาแต่จดจ้องเด็กเล็กคนเดียวไม่วางตา ศักดิ์ศรีของหมู่บ้านเราถูกเ้าทำลายจะไม่เหลือแล้ว”
วันนี้เขามาเสียเที่ยวจริงๆ ไม่เพียงแต่ถูกถากถาง บทสรุปของเื่ยังกลับตาลปัตร ทำเอาหน้าแตกยับเยินพูดพลางกระทุ้งไม้เท้าเสียงดังปึงปังสองทีแล้วจากไป
“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน!”
ิเถี่ยจู้ถูกหัวหน้าหมู่บ้านตวาด ก็ปั้นหน้าไม่อยู่ หันไประบายความโกรธกับหวังซื่อ “เสียหน้ายังไม่พออีกหรือ ยังไม่รีบไปอีก”
แผนการล่มไม่เป็ท่า
ข้างนอกยังมีคนกลุ่มใหญ่มาชมความครึกครื้น ิเถี่ยจู้นึกโทษหวังซื่อในใจว่าก่อเื่ ไม่อยากรั้งอยู่ต่อแม้แต่นิดเดียว รีบเผ่นแน่บอย่างรวดเร็วราวกับทาน้ำมันที่ใต้ฝ่าเท้า
“นางเด็กสารเลว ฝากไว้ก่อนเถอะ”
หวังซื่อไม่ได้ดีซ้ำยังโดนด่า ก็ถลึงตาใส่ิเป่าจูอย่างรุนแรง ฝากถ้อยคำอาฆาตไว้ก่อนไป แล้วรีบสาวเท้าตามิเถี่ยจู้ไปอย่างเร่งร้อน
ิเป่าจูเห็นคนทยอยไปกันแล้ว ก็เดินมาปิดประตูชั้นนอก ไม่นานนักคนที่มาชมความสนุกก็ค่อยๆ สลายตัวไป
หลังกลับเข้ามาในห้อง เห็นน้องชายมองตนเองตาแดงก่ำ ก็เข้าไปช่วยเช็ดน้ำตาเงียบๆ เป็การปลอบขวัญอย่างไร้สุ้มเสียง
“พี่หญิง...”
“ไม่เป็ไรแล้ว”
หลี่ไหวฺอวี้มองพี่น้องที่กอดกันกลมก็ก้มหน้าลง เด็กผู้หญิงคนนี้แข็งแกร่งมากจริงๆ หากไม่มีแต้มโส่วกงซามาเป็หลักฐาน พวกเขาอาจต้องไปจากหมู่บ้านวันนี้
...
หลังจากเกิดเื่เมื่อวาน คิดว่าพวกเขาคงจะมีเวลาสงบสุขได้อีกสองสามวัน
วันนี้ิเป่าจูออกไปจับปลาที่แม่น้ำแต่เช้า
หลังจากกลับมาก็ได้ยินคนในหมู่บ้านคุยกันว่าเมื่อวานหลังจากิเถี่ยจู้กลับไปถึงบ้านก็สั่งสอนหวังซื่อไปยกใหญ่ ทั้งสองทะเลาะกันรุนแรงในบ้าน ทุกคนที่อยู่ด้านนอกต่างได้ยินกันหมด
เชิงอรรถ
[1] ตาไม่เห็นก็นับว่าสะอาดหมดจด หมายถึง แค่เพียงมองไม่เห็นก็จะไม่ระคายสายตา
[2] หมัวมัว เป็คำเรียกหญิงสูงวัย มีความหมายหลากหลายทั้งย่า แม่นม ป้า และยังเป็คำเรียกหญิงรับใช้าุโ หรือนางข้าหลวงาุโที่ออกเรือนแล้วในวังอีกด้วย
[3] การแต้ม ‘โส่วกงซา’ บนชีพจรขวาของทารกหญิงแรกเกิดเพื่อแสดงเครื่องหมายของหญิงสาวพรหมจรรย์ เป็ความเชื่อที่ได้รับความนิยมกว้างขวางในสมัยราชวงศ์ซ่ง เชื่อกันว่าโส่วกงซา หรือแต้มพรหมจรรย์มาจากการจับัตัวเมียชนิดหนึ่งที่เปลี่ยนสีได้ในฤดูผสมพันธุ์ สมัยโบราณเรียกว่า ‘จูกง’ มาตำรวมกับแร่ซินนาบาร์ จะได้สีแดงดังกล่าว เหตุผลทางวิทยาศาสตร์อธิบายว่า ‘จูกง’ เป็สัตว์ชนิดหนึ่งซึ่งเปลี่ยนสีได้ ในฤดูผสมพันธุ์ฮอร์โมนเพศหญิงมีความพร้อมต่อการสืบพันธุ์เมื่อพบเพศผู้ เมื่อได้ผสมพันธุ์แล้วสีจะค่อยๆ หายไป แต่ก็เชื่อไม่ได้เต็มร้อย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้