หลังจากนั้นสองวัน
เมืองหลวงในยามรุ่งสาง...
"ที่พวกเ้าทำ คือการก่ออาชญากรรม จะไปปล้นร้านค้าสกุลกู่ก็ไม่เป็ไร แต่เหตุใดจึงมาชิงทรัพย์ที่ร้านหยกของข้า? เ้านายข้าไม่ปล่อยพวกเ้าเอาไว้แน่
อา... หยกหรูอี้[1]ของข้า นั่นเป็ของที่นายท่านสั่งเอาไว้ อย่าขโมยไป อย่า!"
เสียงร้องดังทะลุนภา ทำให้ชาวเมืองซ่งเฉิงที่กำลังง่วงงุน สะดุ้งแทบจะพร้อมกัน
ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วน พากันใ ตื่นจากฝันอย่างรวดเร็ว
“น้องหญิง เสียงร้องเมื่อครู่ มิใช่เสียงเ้าของร้านหยกหรอกหรือ? นั่นไม่ใช่ร้านค้าของสกุลกู่ มิใช่หรือ? เช่นนั้น...” ชายคนหนึ่งถามด้วยความประหลาดใจ
ทว่า หญิงสาวที่อยู่บนเตียง กลับแผดเสียงออกมา "ยังไม่รีบไปอีก คราก่อน ไม่ได้สิ่งใดติดมือมาแม้แต่ชิ้นเดียว คราวนี้ หากยังไม่อาจนำหยกหรูอี้กลับมาสักชิ้น ข้าจะสู้ตายกับท่านแล้ว!"
ปังๆๆ!
เสียงเปิดประตูดังทั่วเมือง เทพเ้าแห่งความมั่งคั่งมาเยือนอีกแล้ว ผู้ที่ไม่อาจหยิบฉวยสิ่งใดได้ในครั้งก่อน รีบร้อนออกจากบ้าน โดยที่ยังไม่ทันแต่งตัวให้เรียบร้อย ราวกับคนเสียสติ
เกิดเหตุคล้ายๆ กันนี้ทั่วเมือง ดูเหมือนว่ากิจการของสกุลกู่จำนวนมาก จะปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน ประชาชนนับไม่ถ้วน กรูเข้าไปในร้านอย่างบ้าคลั่ง เพื่อฉกฉวยทรัพย์สิน และสร้างความเสียหาย ดั่งการปล้นชิง เป็เื่ถูกทำนองคลองธรรม ชอบด้วยเหตุผล
่เวลานั้น เกิดเสียงกรีดร้อง ทะเลาะวิวาท และเสียงต่อยตี ผสมปนเปรับอรุณ บางแห่งมีควันโขมงลอยขึ้นมา
...
ในจวนของกู่ฮั่น
"พ่อบุญธรรม เรามีกิจการลับๆ เพียงหกแห่งในเมืองหลวง จะสามารถกระตุ้นชาวบ้านทั้งหมดได้หรือไม่ขอรับ?" กู่ฮั่นกล่าวด้วยความกังวลเล็กน้อย
"หกหรือ? พอแล้ว หากผู้คนอยากให้มีร้านเช่นนั้นอีกหลายร้าน มันก็จะมีหลายร้านอย่างที่้า ต่อให้มีไม่กี่ร้าน ก็เพียงพอที่จะกระตุ้นความทะเยอทะยานในใจพวกเขาแล้ว!" กู่ไห่กล่าว ขณะจิบชา
...
ด้านนอก
เสียงการปล้นชิงยังคงดังอย่างต่อเนื่อง แม้ฟ้าจะสางแล้วก็ตาม
การเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่กลับมาอีกหน ชาวเมืองบางคนกำลังยิ้มอย่างมีความสุข แต่ก็มีอีกมากที่เริ่มวิตกกังวลมากขึ้น
"บ้าจริง ข้าช้าไปอีกแล้ว!"
"เหล่าจือผู้นี้หยิบฉวยสิ่งใดมิได้เลย ร้านของกู่ไห่ยังมีอีกหรือไม่?"
“เพียงช้าไปนิด... นิดเดียวเท่านั้น... ให้ตาย!”
ร้านค้าหกแห่งไม่เพียงพอ ต่อการดับความกระหายอยากของฝูงชนทั้งหมดได้ มีผู้คนเพียงน้อยนิดเท่านั้น ที่สามารถฉกทรัพย์สินไปได้
ในขณะที่ชาวเมืองส่วนใหญ่ ยังคงตกอยู่ในอาการร้อนรน กระวนกระวายเป็อย่างมาก เทพเ้าแห่งความมั่งคั่งมาเยือน เพื่อให้กอบโกยทรัพย์สมบัติ แต่พวกเขากลับหยิบฉวยสิ่งใดมิได้เลย
เวลานี้ คนจำนวนมากยังไม่กลับบ้าน พากันเดินไปตามถนน กวาดสายตามองโดยรอบอย่างต่อเนื่อง หวังจะพบร้านค้าของกู่ไห่อีกสักแห่ง
"ร้านทองิเลี่ยง ตัวอักษรทองช่างมากมายยิ่ง คงจะดีหากมันเป็กิจการของกู่ไห่!" ชาวเมืองคนหนึ่ง จ้องร้านทองที่เพิ่งเปิดประตู ด้วยสายตาแดงก่ำ
บางทีคำพูดนั้น อาจกล่าวออกมาด้วยความริษยา แต่กลับดึงดูดความสนใจของทุกคนทันที
"กิจการของกู่ไห่หรือ? ใช่แล้ว! นี่ต้องเป็ร้านของกู่ไห่แน่!" ชายอีกคนซึ่งกำลังกระสับกระส่าย พลันะโอย่างร้อนรน
"ว่าอย่างไรนะ!? ร้านของกู่ไห่… ให้ตาย! ในที่สุดก็เจอเสียที"
“ครานี้ ข้าจะต้องชิงทรัพย์มาให้ได้!”
"ลุย!"
ฝูงชนที่อยู่รายรอบ ดั่งบ้าคลั่งขึ้นมา รีบพุ่งไปยังร้านทองดังกล่าวทันที ราวกับว่าพริบตานั้น ทุกคนบนถนนได้พบเป้าหมายแล้ว
สีหน้าเ้าของร้านทองเปลี่ยนไปทันที
“ร้านทองิเลี่ยง เป็กิจการที่มีอายุกว่าร้อยปี เป็ไปไม่ได้ที่จะเป็ของกู่ไห่ อย่าปล้นที่นี่ สิ่งที่พวกเ้าทำอยู่ เป็การก่ออาชญากรรม อย่าขโมยนะ... อย่า!”
เ้าของร้านทองร้องะโ ขณะถูกตีจนล้มลงกับพื้น
ในเวลานี้ ประชาชนล้วนหลงผิดไปสิ้น ไฉนจะสนใจสิ่งอื่น? คิดเพียงว่าในเมื่อปล้นได้ อีกทั้งทุกคนต่างก็ขโมย เหตุใดข้าต้องหยุด แล้วยืนดูเหมือนคนโง่ด้วย?
"ของข้าๆ ให้ตายเถอะ นั่นเป็ของข้า อย่าเอาไป!"
"ฮ่าๆๆ! เหล่าจือผู้นี้รวยแล้ว!"
"อย่าเอาของข้าไป!”
“ของข้า! ฮ่าๆๆ! ในที่สุดก็่ชิงมาจนได้!"
"ร้านเก่าแก่อายุกว่าร้อยปีของเรา มิใช่กิจการของกู่ไห่ อย่าฉกฉวยข้าวของไป! "
เสียงร้องอย่างโกรธเกรี้ยว สบถสาปแช่ง และเสียงหักพังดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ไม่เพียงร้านทองิเลี่ยงที่ถูกปล้น ทว่า ราวกับไฟสัญญาณถูกจุดขึ้น ชั่วพริบตา ทั่วทั้งเมืองตกอยู่ในความอลหม่าน ร้านค้าต่างๆ กลายเป็เป้าหมายของการชิงทรัพย์
กิจการของกู่ไห่? มั่นใจหรือ? ไม่จำเป็ต้องมั่นใจ!
ขอเพียงประชาชนที่บ้าคลั่ง ร้องถามเพียงประโยคเดียวว่า ‘นี่คือร้านค้าของกู่ไห่ใช่หรือไม่?’ ทันใดนั้น ฝูงหมาป่าที่หิวโหย ก็จะรีบพุ่งกะโจนเข้าใส่ทันที
ปล้นๆๆ!
ทั่วทั้งซ่งเฉิง ตกอยู่ในความโกลาหล
เปลวไฟถูกจุดทั่วเมือง ทีละจุดๆ ชาวบ้านไม่ประพฤติตนเรียบร้อยอยู่ในกรอบอีกต่อไป ชั่วพริบตา กลับกลายเป็โจรไปสิ้น
แค่ร้านค้าหรือ? มิใช่! ขุนนางและเศรษฐีก็ถูกชิงทรัพย์เช่นกัน
ตูม!
ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออกทีละบานๆ ชาวเมืองพุ่งเข้าไปในจวนของชนชั้นสูงและเศรษฐี ประหนึ่งโจรูเา ขุนนางและเศรษฐีบางคนได้ยินประโยคหนึ่ง ก่อนที่จะถูกปล้น 'นี่คือจวนลับของกู่ไห่!'
ปังๆๆ!
ทันใดนั้น ครอบครัวขุนนางและเศรษฐีก็ถูกปล้นชิง
แน่นอนว่ามีขุนนางและเศรษฐีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่ถูกชิงทรัพย์ เพราะเป้าหมายหลักของชาวบ้านคือร้านค้า
เวลานี้ร้านค้าทั้งหมด ได้กลายเป็เป้าหมายในการปล้นชิง ของฝูงชนที่กำลังคลั่งแล้ว คล้ายว่าทั่วทั้งเมือง จะเต็มไปด้วยกิจการของกู่ไห่
ปล้นๆๆ!
การก่อจลาจลครั้งใหญ่คราวนี้ ได้ถูกรายงานเข้าไปในวังอย่างรวดเร็ว ขุนนางทั้งหมด ถูกเรียกตัวไปยังท้องพระโรงทันที
...
ท้องพระโรง วังหลวง
ทั้งห้องตกอยู่ในความสับสน มีเสียงวุ่นวายดังอย่างต่อเนื่อง
"ผู้ว่าการซ่งเฉิง เหตุใดทั้งเมืองจึงตกอยู่ในความยุ่งเหยิงเช่นนี้? เหตุใดเ้าไม่ส่งคนไประงับเหตุ?" ฮ่องเต้ซึ่งประทับบนบัลลังก์ั ถามอย่างโกรธเกรี้ยว
ขุนนางผู้หนึ่งรีบคุกเข่าลง ก่อนตอบว่า "ฝ่าา ตอนนี้เกิดการจลาจลทั่วเมืองพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมได้ให้ทหารรักษาความสงบไปควบคุมสถานการณ์แล้ว แต่มีเ้าหน้าเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ฟังคำสั่ง ส่วนที่เหลือ ก็ไปร่วมชิงทรัพย์ด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
"ว่าอย่างไรนะ?" สีหน้าองค์รัชทายาทเปลี่ยนไปทันที
"ฝ่าา เ้าหน้าที่ผู้คุ้มกันเมืองส่วนใหญ่ของกระหม่อม ไม่อยู่ และไปร่วมปล้นพ่ะย่ะค่ะ!"
"ฝ่าา เวลานี้สามสิบหกจุดในเมืองหลวง เกิดไฟไหม้แล้วพ่ะย่ะค่ะ!"
กลุ่มขุนนางรายงานอย่างร้อนรน สรุปได้ความว่า ไม่มีผู้ใดสามารถใช้งานได้แม้แต่คนเดียว เพราะผู้ใต้บังคับบัญชาส่วนใหญ่ ได้ออกไปร่วมชิงทรัพย์กันหมดแล้ว
"เป็ไปได้อย่างไร? เื่นี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?" องค์รัชทายาทกล่าวด้วยสีหน้าน่าเกลียด
"พวกกระหม่อมก็ไม่ทราบเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น เมื่อสองวันก่อน ทุกอย่างยังเป็ไปได้ด้วยดี สงบเรียบร้อย แต่จู่ๆ ก็เกิดความโกลาหล ผู้คนพากันบ้าคลั่ง!"
เวลานี้เหล่าขุนนางทั้งราชสำนัก ไม่อาจทำสิ่งใดได้เลย ั์ตาพวกเขา เต็มไปด้วยความหวั่นไหว
"กู่ไห่? หรือนี่จะเป็อุบายของกู่ไห่?" จู่ๆ องค์รัชทายาทก็โพล่งออกมา
ราษฎรทำตัวดั่งโจร และสถานการณ์นี้ก็มิได้หยุดแค่เมืองหลวง ฉากเดียวกันนี้ เกิดขึ้นทั่วแคว้นซ่ง
ปล้นๆๆ! จลาจลๆๆ!
ทั่วทั้งแคว้น ประชาชนทำตัวราวกับโจร ปล้นชิงสิ่งของไปทั่ว
...
ณ เมืองชายแดน
เกาเซียนจือยืนอยู่บนแท่นสูงในค่าย เมื่อมองเห็นทหารมากกว่าครึ่งที่ตนเองรวบรวมมา ละทิ้งกองทัพ มุ่งหน้าไปยังร้านค้าใหญ่ๆ ในเมืองเพื่อปล้นทรัพย์ เขาก็รู้สึกเย็นวาบไปทั้งร่าง
บ้านเรือนต่างถูกไฟไหม้ ควันหนาลอยโขมง ทุกพื้นที่ในเมืองชายแดน ประหนึ่งนรกบนดิน เสียงกรีดร้อง เสียงร่ำไห้อย่างสิ้นหวัง อีกทั้งเสียงต่อสู้ ดังขึ้นอยู่เนืองๆ
บัดนี้ เกาเซียนจือรู้สึกราวกับได้เห็นกู่ไห่ สวมชุดเกราะและชี้ดาบยาวในมือ ไปยังซ่งเฉิงอีกครั้ง
ชาวเมืองชายแดนเกือบทั้งหมด ได้กลายเป็กองกำลังใต้อาณัติกู่ไห่ไปแล้ว ขอเพียงเขาออกคำสั่ง ก็สามารถทำให้ฝูงชนเหล่านี้ มุ่งหน้าไปยังซ่งเฉิง เพื่อสังหารผู้คนในเมืองหลวงได้
ไม่! กู่ไห่ไม่เพียงบงการชักใยราษฎรในเมืองต่างๆ ของแคว้นซ่ง แต่ผู้คนทั้งหมดที่อาศัยอยู่ทั่วแคว้น จู่ๆ ก็กลายเป็ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาไปแล้ว เพียงเขาออกคำสั่ง ทุกคนก็พร้อมจะทำลายแคว้นทันที โดยไม่ลังเล
ครั้งก่อน ตอนที่ค่ายทหารแตกพ่าย เกาเซียนจือคล้ายได้เห็นกู่ไห่ สั่งการทหารแปดแสนคน ให้ต่อต้านเขา และคราวนี้ กู่ไห่กลับกลายเป็ผู้ที่ชี้นิ้วบัญชาประชาชนแคว้นซ่งทั้งหมด
ทหารแปดแสนนายคราก่อน ก็ทำให้เกาเซียนจือเย็นสันหลังวาบแล้ว ทว่าครานี้ เป็ประชากรแคว้นซ่งทั้งหมด นี่ทำให้เขาหนาวเหน็บกว่าเดิม ราวกับจมอยู่ใต้พื้นน้ำแข็ง
"กู่ไห่? มีเพียงเขาผู้เดียวเท่านั้น ที่สามารถทำลายทั้งหกแคว้นได้!" เกาเซียนจือโพล่งออกมา ด้วยความตระหนก
หลังจากนั้นสามวัน ทุกอย่างก็สงบลงอีกครั้ง ร้านรวงทั่วแคว้นซ่งถูกทำลายสิ้น เวลานี้ ทั้งแผ่นดินตกอยู่ในความเงียบงัน
ชาวบ้านไม่สามารถซื้อหาสิ่งใดได้ ในขณะที่ เหล่าเ้าของร้านค้า ต่างก็ร่ำไห้ด้วยความสิ้นหวัง
...
ตอนนี้กลุ่มคนจากสำนักชิงเหอ เดินทางมาถึงแคว้นซ่งแล้ว
นำโดยเ้าสำนักหญิงและใต้ซือหลิวเหนียน พร้อมด้วยหัวหน้าสำนักชิงเหอ และหัวหน้าสำนักซ่งเจี่ย เมื่อทุกคนมาถึงชายแดน ก็ได้มาพบเกาเซียนจือ
เวลานี้ เกาเซียนจือประสานมือคารวะ อยู่เบื้องหน้าทุกคน
หญิงสาวเ้าสำนักยืนบนหอสูง ซึ่งมองเห็นได้ทั่วบริเวณ
ตอนนี้เมืองชายแดนซบเซายิ่ง ลมหนาวพัดผ่าน ใบไม้ค่อยๆ ปลิดปลิวลงบนพื้น มีคนเดินถนนเพียงหนึ่งหรือสองคน ราวกับเมืองร้าง เงียบเหงายิ่งนัก
"จุ๊ๆ! นี่ใช้เวลาแค่เดือนเดียวหรือ?" หญิงสาวอุทาน พร้อมเบิกตากว้างด้วยความใ
ดวงตาของใต้ซือหลิวเหนียนปรากฏอารมณ์ซับซ้อน
“ในระยะพันลี้ล้วนรกร้าง กู่ไห่ผู้นี้ร้ายกาจยิ่ง เวลาเพียงหนึ่งเดือนก็สามารถทำให้ปวงประชาสูญสิ้นจิตใจได้แล้ว!” ใต้ซือหลิวเหนียนโพล่งออกมา
สีหน้าของหัวหน้าสำนักซ่งเจี่ย เปลี่ยนเป็ไม่น่าดู “สูญสิ้นจิตใจอย่างไร พวกเขายังมีชีวิตอยู่ตรงนี้!”
เกาเซียนจือที่ยืนอยู่ด้านข้าง ยิ้มอย่างขมขื่นและกล่าวว่า "ประชาชนยังอยู่ แต่หัวใจได้ตายไปสิ้น พวกเขามิได้สนับสนุนแคว้นซ่งอีกแล้ว!"
“เอ๋?” หัวหน้าสำนักซ่งเจี่ยรู้สึกงงงัน
“เมื่อได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ พวกเขาย่อมต้องเกลียดชังแคว้นซ่งแน่ ที่ทำให้สูญสิ้นทุกอย่าง เหล่าผู้ปล้นชิงนั้น รู้ดีว่าทรัพย์สินจำนวนมากที่ตนปล้นมา ส่วนใหญ่ไม่ใช่ของกู่ไห่ เมื่อเป็เช่นนั้น พวกเขาย่อมกลายเป็มิจฉาชีพแน่นอน
ถึงแม้กฎหมายจะไม่อาจลงโทษพวกเขาได้ แต่ท่านคาดหวังให้โจรพวกนั้นรักชาติหรือ? หวังให้เหล่าขโมยหลั่งเืและสละชีวิตเพื่อแผ่นดิน? หวังให้โจรผู้ร้ายต่อสู้เพื่อชาติ?
ไม่ต้องพูดถึงเื่การสูญเสียจิตใจอันภักดีที่มีต่อแคว้น ดูแค่ว่าในมือพวกเขาเอาแต่ยึดครองทรัพย์สิน เพียงเท่านี้ ก็ไม่มีผู้ใดเต็มใจจะออกไปสู้รบ เสี่ยงตายแล้วกระมัง?
ส่วนผู้ที่ไม่ได้ไปปล้นชิง หรือผู้ซึ่งั้แ่ต้นจนจบ ฉกฉวยสิ่งใดมิได้เลยนั้น ต่างก็รู้สึกสิ้นหวัง ในความคิดของพวกเขา แคว้นซ่งไม่ยุติธรรม แล้วเหตุใดต้องไปช่วยทำาด้วยเล่า?" เกาเซียนจือกล่าวเสียงขื่น
“เ้ากำลังจะบอกว่า จิตใจที่รักชาติของชาวซ่งนั้น สูญสิ้นไปแล้ว?” หัวหน้าสำนักชิงเหอเอ่ยถามอย่างยินดี
"แม้ข้าจะไม่อยากยอมรับ แต่มันก็เป็เช่นนั้นจริงๆ ทหารในกองทัพของเรา ไม่มีใจจะต่อสู้แล้ว! เว้นเสียแต่ สิ่งต่างๆ จะกลับคืนสู่สภาพเดิมดั่งกาลก่อน กระนั้น เื่นี้ก็พูดง่าย ทว่าทำได้ยาก เพราะกู่ไห่ผู้นั้นยังคงจับตามองอยู่!" เกาเซียนจือกล่าวด้วยความขื่นขม
"ฮ่าๆๆ!" หัวหน้าสำนักชิงเหอะเิหัวเราะ ด้วยความสุขใจ
“ปวงประชากลายเป็โจร สูญเสียใจทวยราษฎร์! การเคลื่อนไหวของกู่ไห่ครานี้ ช่างโเี้ยิ่งนัก!” ใต้ซือหลิวเหนียนทอดถอนใจ
"นี่!... นี่ยังมีวิธีแก้ไขได้หรือไม่?" หัวหน้าสำนักซ่งเจี่ยพลันแสดงสีหน้าไม่น่าดู
“ข้าเกรงว่า นี่ยังมิใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด หากแคว้นเฉินส่งทหารมาในเวลานี้ เมืองต่างๆ ของแคว้นซ่ง ก็คงไม่ต่างจากกำแพงกระดาษ ไม่อาจต้านทานได้ ใน่เวลาสั้นๆ นี้ ไม่มีผู้ใดจะขัดขวางพวกเขาได้!" เกาเซียนจือกล่าว พร้อมยิ้มอย่างตรอมตรม
หัวหน้าสำนักชิงเหอที่อยู่ด้านข้าง ประหลาดใจเล็กน้อยและกล่าวว่า "อืม ห้าวันก่อน เฉินเทียนซานส่งข่าวถึงข้า ว่ากู่ไห่ได้บอกให้ฮ่องเต้เฉิน นำกองกำลังแสนห้าหมื่นคนบุกแคว้นซ่ง ตอนนั้น ข้ายังคิดว่าเป็ไปไม่ได้ ทหารแค่แสนห้าหมื่นนาย จะสามารถบุกแคว้นซ่งได้อย่างไร แต่ตอนนี้ เมื่อได้ยินเ้าพูด..."
รอยยิ้มอันทุกข์ตรม ปรากฏบนใบหน้าของเกาเซียนจือ ขณะกล่าวว่า "กู่ไห่วางแผนได้รอบคอบ ทุกย่างก้าว คิดคำนวณมาอย่างดี เพื่อทำให้ทหารแสนห้าหมื่นคนนั่น เปลี่ยนจากเกลียดชังเป็ฮึดสู้ กลับกลายเป็แคว้นซ่ง ที่อ่อนแอเสียเอง ข้าเทียบกู่ไห่ไม่ได้เลยจริงๆ!"
“ฮ่องเต้ซ่งโง่เง่านั่น ปกครองแผ่นดินอย่างไรกัน?” หัวหน้าสำนักซ่งเจี่ยพูดด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราด
“เวลานี้กู่ไห่อยู่ที่เมืองหลวงซ่งเฉิง ใช่หรือไม่?” ดวงตาของหญิงสาวปรากฏแววกระตือรือร้น
"ข้าเดาว่าเป็เช่นนั้น!" เกาเซียนจือกล่าว ทั้งยิ้มขื่น
"ไปกันเถอะ ไปเมืองหลวงซ่งเฉิงกัน!" หญิงสาวกล่าว โดยไม่มีผู้ใดกล้าขัดนาง
...
เมืองหลวงซ่งเฉิง
ในเวลานี้ ซ่งเฉิงก็รกร้างว่างเปล่าหาใดเปรียบเช่นกัน ทั้งเมืองถูกปกคลุมด้วยความเงียบสงัด
ภายในจวนของกู่ฮั่น
กู่ไห่กำลังจิบชา ขณะฟังกู่ฮั่นอธิบายสถานการณ์ภายนอก
"พ่อบุญธรรม แผนทำลายแคว้นซ่ง ขั้นแรก ทลายขวัญกำลังใจทหาร และขั้นที่สอง ทำลายใจภักดิ์แห่งปวงประชา สำเร็จแล้วขอรับ!" เสียงของกู่ฮั่นเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ใน่หนึ่งเดือนนี้ หลังจากที่ได้เห็นและัักับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น จิตใจกู่ฮั่นพลันพลุ่งพล่าน หลายปีแล้ว ที่มิได้เห็นพ่อบุญธรรมเคลื่อนไหวเช่นนี้
กู่ไห่จิบชาเล็กน้อย พร้อมหรี่ตาลง และกล่าวว่า "กองทัพแคว้นเฉินกำลังมุ่งหน้ามาแล้ว ทหารและประชาชนกำลังสูญเสียขวัญกำลังใจ เช่นนั้น เราก็เข้าสู่แผนขั้นที่สามได้แล้ว สูญเสียใจจงรักจากขุนนาง!"
“สูญเสียใจจงรักจากขุนนาง?” ดวงตาของกู่ฮั่นสว่างวาบ
"ใช่แล้ว ยังจะมีผู้ใดปกป้องแคว้นอีก? แคว้นซ่งได้สูญเสียแรงสนับสนุนจากประชาราษฎร์ไปแล้ว ที่เหลืออยู่ มีเพียงขุนนางบางคนเท่านั้น จะเป็อย่างไร หากขุนนางเ่าั้สูญเสียความจงรักภักดี?” รอยยิ้มเย็นปรากฏบนริมฝีปากกู่ไห่
“เหล่าชนชั้นสูงและขุนนาง เพื่อรักษาตำแหน่งของตนไว้ คงมิละทิ้งแคว้นโดยง่ายเป็แน่!” กู่ฮั่นพูด พลางขมวดคิ้ว
"ไม่! การทำให้ขุนนางเสียความภักดีนั้นง่ายดาย ทั้งยังใช้เวลาสั้นยิ่ง!" ใบหน้ากู่ไห่ปรากฏรอยยิ้มมั่นใจ ขณะพูด
----------------------------------------------------
[1] หยกหรูอี้ หรือหยกสมปรารถนา เป็ คทาหรูอี้ ที่ทำด้วยหยก
คทาหรูอี้ เป็สัญลักษณ์แห่งสิริมงคลที่พบเห็นกันมากที่สุดและบ่อยที่สุด
คำว่า ‘หรู’ (如) แปลว่า “เหมือน, เป็ดั่งเช่น” ส่วนคำว่า ‘อี้’ (意) แปลว่า “ความคิด, ความ้า”
ดังนั้น ‘หรูอี้’ (如意) จึงแปลว่า ‘เหมือนดั่งคิด, เป็ดั่ง้า’ หรือ ‘สมปรารถนา’ นั่นเอง
คทาหรูอี้ เป็เครื่องยศชั้นสูง สำหรับจักรพรรดิ ขุนนางชั้นสูง และพระชั้นผู้ใหญ่ ใช้ในการทำพิธีกรรม ส่วนหัวของคทาเป็รูปทรงแป้นงอ ซึ่งนำมาจากรูปลักษณ์ส่วนหัวของเห็ดหลินจือ ที่ชาวจีนโบราณเชื่อว่า มีสรรพคุณเป็ยาอายุวัฒนะ ใครได้กินจะเป็ะ และจัดเป็พืชมงคลอย่างหนึ่ง
คทาหรูอี้ ยังเป็ของวิเศษที่พระโพธิสัตว์ และเทพฝูถืออยู่ เพราะ ‘ฝู’ คือความสุข ที่เกิดจากการสมปรารถนาในทุกเื่ จึงเชื่อว่าคทาหรูอี้นี้ จะนำความสมปรารถนามาให้ (เทพฝู หรือเทพฮก หนึ่งในสามเทพ ฮก ลก ซิ่ว ตามการออกเสียงในภาษาจีนแต้จิ๋ว)
นอกจากหยกแล้ว คทาหรูอี้ ยังอาจทำจากงาช้าง หิน ไม้ไผ่ และโลหะได้อีกด้วย