โชคดี?
องค์หญิงฉางผิงมองไปและกำลังจะพูด ทว่าฮองเฮาก็ห้ามไว้ “ไม่หรอก ต้องขอบคุณยาของไท่เฟยเสียมากกว่า กลับไปข้าต้องไปทูลไท่เฮาอย่างแน่นอน แล้วไท่เฮาก็ต้องเตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ให้ ขอบคุณพวกเ้าจริงๆ”
ฮองเฮายังไม่กล้าให้ไท่เฮารู้เื่นี้ แต่นางรู้ว่าหากไม่พูดเช่นนั้น อี้ไท่เฟยก็จะไม่ยอมกลับไป
คราวนี้นางโกรธมากพอแล้ว รอให้ฉางผิงอาการดีขึ้น นางไม่้าที่จะเห็นแม่สามีและลูกสะใภ้ อี้ไท่เฟยและหานอวิ๋นซีอีกเลย!
อี้ไท่เฟยที่กำลังพึงพอใจอย่างมากและยิ้มแย้มมีความสุข “ไม่ต้องๆ ไม่จำเป็หรอก อย่างไรอวิ๋นซีเองก็เป็คนที่ไท่เฮาพระราชทานให้อภิเษกกับฉินอ๋อง!”
หานอวิ๋นซีอธิบายเกี่ยวกับข้อควรระวังบางอย่าง จากนั้นนางจึงกลับจวนพร้อมกับอี้ไท่เฟย
เมื่อเห็นแม่สามีและลูกสะใภ้หันหลังเดินจับมือกัน ฮองเฮาก็กระทืบเท้าด้วยความโกรธ หันหลังกลับอย่างรวดเร็วและเดินเข้าไปในห้อง
องค์หญิงฉางผิงที่ยังคงจมอยู่ในความสุข นางไม่รู้เลยว่าเสด็จแม่ของนางต้องทนทุกข์ทรมานมากแค่ไหนเพื่อช่วยนาง
“ฉางผิง ต่อไปเ้าต้องระวังตัวให้มากขึ้น ครั้งนี้อย่าว่าแต่ข้าเลย แม้แต่เสด็จย่าของเ้าก็ยังอับอาย!”
“เ้าไม่เห็นท่าทางอวดดีของอี้ไท่เฟยนั่นหริอ!”
…
ฮองเฮาส่งเสียงฮึดฮัดโกรธเกรี้ยว องค์หญิงฉางผิงก็สั่งให้คนใช้เอากระจกออกไป “เสด็จแม่ เื่นี้ไม่ใช่ความผิดของข้า ทั้งหมดเป็ความผิดของหานอวิ๋นซี! ถ้าไม่ใช่เพราะนาง ข้าคงไม่ไปสถานที่ที่น่ากลัวอย่างห้องขังเช่นนั้น! การที่นางช่วยข้ามันก็สมควรแล้ว อย่าคิดว่าข้าจะตอบแทนนาง!”
“เ้ายังจะมาพูดอีก มีครั้งไหนที่เ้าทำให้แม่สบายใจบ้างหรือไม่?” ฮองเฮาถามด้วยความโกรธ
องค์หญิงฉางผิงตกตะลึง นางไม่เคยถูกเสด็จแม่ดุเช่นนี้มาก่อน!
“ขะ…ข้า…”
องค์หญิงฉางผิงคิดเกี่ยวกับเื่นี้ “เสด็จแม่ บางทีนางอาจเป็คนที่วางพิษข้าก็ได้! ข้าสงสัยมานานแล้วว่าพิษของพี่ชิงอู่ก็เป็นางที่เป็คนวางยาเช่นกัน! ไม่เช่นนั้น คนไร้ประโยชน์แบบนาง จู่ๆ จะไปเก่งกาจขนาดนี้ได้อย่างไรกัน! นางเป็คนวางพิษเอง และแน่นอนว่ามีเพียงนางเท่านั้นที่สามารถล้างพิษได้!”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ฮองเฮาก็ตระหนักขึ้นมา
จู่ๆ หานอวิ๋นซีผู้ไร้ค่ากลับกลายมาเป็อัจฉริยะนั้น เป็เื่ที่เหลือเชื่อจริงๆ
“เสด็จแม่ เหตุใดเราไม่ลองทดสอบนางอีกครั้งล่ะ?” องค์หญิงฉางผิงรีบเสนอ
ดวงตาที่เ็าของฮองเฮาลึกล้ำและเป็ประกายด้วยความคิดชั่วร้าย แม้ว่าหานอวิ๋นซีจะอภิเษกแล้ว แต่นางก็ยังเป็คนของตระกูลหาน และนางยังเป็บุตรสาวของหมอเทวดาหาน บางทีนางอาจจะปรึกษากับไท่เฮา เพื่อหารือกับมาตรการรับมือ...
ทันทีที่ออกจากประตูวัง อี้ไท่เฟยก็ปล่อยมือของหานอวิ๋นซี
หานอวิ๋นซีเองไม่แปลกใจ นางรู้ว่าตนเองเป็บุตรสาวของผู้มีพระคุณของไท่เฮา ซึ่งเป็ศัตรูกับอี้ไท่เฟย นางเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าอี้ไท่เฟยจะปฏิบัติต่อนางเหมือนลูกสาวแท้ๆ นางแค่้าหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้เท่านั้น
หลังจากเข้าไปในรถม้าแล้ว อี้ไท่เฟยก็ถามว่า “เ้าไปเรียนรู้ทักษะทางการแพทย์มาจากที่ใดกัน?
วันนั้นหานอวิ๋นซีตอบหลงเฟยเยี่ยเช่นไร ตอนนี้นางก็จะตอบอี้ไท่เฟยเช่นนั้น ไม่ว่าใครจะถาม นางก็จะตอบเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็หลงเฟยเยี่ยหรืออี้ไท่เฟย พวกเขาต่าง้าสอบสวนนาง
พวกเขาไม่พบช่องโหว่เกี่ยวกับนางในตระกูลหาน และไม่พบเบาะแสใดๆ ในตัวนาง
ทันทีที่กล่าวถึงฮูหยินเทียนซิน สีหน้าของอี้ไท่เฟยก็มืดมนลงไม่น้อย และไม่ได้ถามเื่นี้อีกต่อไป แล้วก็ไม่ได้ถามเื่ที่นางถูกขังอยู่ในคุกเช่นกัน
มู่หรงหว่านหรูที่กำลังรออยู่ที่ประตู ใบหน้าเล็กของนางมักจะเต็มไปด้วยความใสซื่อ ในตอนนี้เศร้าหมองอย่างมากพร้อมกับความรู้สึกไม่สบายใจอยู่เป็เวลานาน คราบจักจั่นสิบปล้องคือสินสอดทองหมั้นที่นางตั้งตารอมาั้แ่เด็ก แต่ไม่คาดคิดว่าจะเป็เพราะใบสั่งยาของหานอวิ๋นซีใบเดียวที่ทำให้มันหายไป!
ในอดีต ไม่ว่านางจะเกลียดใครสักคนแค่ไหน นางก็สามารถยิ้มได้อย่างเป็ธรรมชาติ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับหานอวิ๋นซี นางแทบจะทำมันไม่ได้
เมื่อเห็นอี้ไท่เฟยและหานอวิ๋นซีเดินเข้ามาจากระยะไกล มู่หรงหว่านหรูก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และใช้เวลานานในการสงบสติอารมณ์
จากนั้นจึงเดินเข้าไปต้อนรับด้วยสีหน้ากังวล “พี่สะใภ้ เป็อย่างไรบ้าง? ฮองเฮากับองค์หญิงทำให้ท่านลำบากใช่หรือไม่?”
หานอวิ๋นซียกยิ้มอย่างเย้ยหยัน และพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “หมู่เฟยไปทั้งคนแล้ว พวกเขาจะกล้าทำให้ข้าลำบากได้อย่างไรกัน ไม่เช่นนั้นก็ถือว่าทำให้หมู่เฟยขายหน้าน่ะสิ”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา มู่หรงหว่านหรูก็ใและรีบอธิบาย “หมู่เฟย ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้าเพียงเป็ห่วงพี่สะใภ้ก็เท่านั้น”
เมื่อเห็นท่าทางที่เศร้าโศก หานอวิ๋นซีก็รู้สึกว่าตนเองกำลังรังแกนางอยู่จริงๆ
อี้ไท่เฟยเบะปาก ด้วยความรู้สึกหมดความอดทนเล็กน้อย “หานอวิ๋นซี เ้านี่รู้จักข้าดีจริงๆ จากนี้ไปวันแรกของทุกเดือนไปที่ห้องบัญชีเพื่อรับเงินด้วยล่ะ เป็หวังเฟยก็ต้องดูเหมือนหวังเฟย ดูสภาพที่น่าสงสารของเ้าสิ” นางพูด พลางมองั้แ่หัวจรดเท้าด้วยความเหยียดหยาม จากนั้นก็หันหลังเดินจากไป
อย่างไรก็ตาม มู่หรงหว่านหรูกลับตกตะลึงไป คิดไม่ถึงว่าหมู่เฟยจะให้เงินหานอวิ๋นซีด้วย? เมื่อมีเงิน หานอวิ๋นซีก็จะเป็อิสระมากขึ้น
เช่นนั้นต่อไปในอนาคตนางจะเอาอะไรทำร้ายหานอวิ๋นซีได้ล่ะ?
มู่หรงหว่านหรูที่ไม่เต็มใจ ในที่สุดก็ไม่สามารถยับยั้งการแสดงออกที่เชื่อฟังและเงียบสงบได้ ใบหน้าเล็กของนางก็ตึงขึ้น
“น้องสาว ข้าได้ยินมาว่าคราบจักจั่นสิบปล้องคือสินสอดทองหมั้นของเ้า มันคงไม่ใช่เื่จริงใช่หรือไม่?” หานอวิ๋นซีจงใจถามนาง
“เ้า!” มู่หรงหว่านหรูโกรธเกรี้ยว น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างรวดเร็ว หันหลังกลับและวิ่งหนีไปพร้อมกับฮึดฮัดไม่พอใจ
เมื่อเห็นสิ่งนี้ หานอวิ๋นซีก็หัวเราะออกมาเสียงดัง มู่หรงหว่านหรูนะมู่หรงหว่านหรู สักวันหนึ่งทุกอย่างจะคืนกลับไปหาเ้า!
หลังจากจัดการมู่หรงหว่านหรูไปแล้ว เมื่อคิดไปถึงสมุนไพรล้ำค่าเ่าั้ที่นำออกมาจากในวังอีกครั้ง หานอวิ๋นซีก็อารมณ์ดีขึ้น นางเดินไปอย่างมีความสุขที่ลานดอกบัว แต่ใครจะรู้ว่าเมื่อมาถึงที่สวน ก็กลับชนเข้ากับูเาน้ำแข็งขนาดใหญ่ หลงเฟยเยี่ย
ชายผู้นี้กลับมาั้แ่เมื่อไรกัน?
แต่ละครั้งที่ชายหนุ่มเข้าใจยากผู้นี้กลับมาดูเหมือนว่าจะต้องมีเื่บางอย่าง ครั้งก่อนที่กลับมาก็ต้อง้ายาแก้พิษ สรุปแล้วเขา้าล้างพิษให้ใครกันแน่? แล้วการที่เขาถูกวางยาพิษในครั้งนั้น เื่มันเป็อย่างไรกันแน่?
ตามความเข้าใจของหานอวิ๋นซี วิทยายุทธ์ของหลงเฟยเยี่ยนั้นไม่เลวเลยทีเดียว คนที่สามารถทำร้ายเขาได้ก็คงไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
หานอวิ๋นซีหยุดโดยไม่รู้ตัว มองจากระยะไกลและเห็นหลงเฟยเยี่ยนั่งดื่มชาอยู่ท่ามกลางดอกไม้เพียงลำพัง
ความเ็าและใบหน้าเฉียบคมของเขา แม้ว่าจะนั่งอยู่เฉยๆ ก็มีท่าทางที่สง่างามอย่างมาก เหมือนกับาาชั้นสูง!
คนหนึ่งคนและชาหนึ่งถ้วย กลายเป็โลกของตัวเอง และไม่มีใครสามารถเข้าไปได้
หานอวิ๋นซีจ้องมองไปอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งสายตาเ็ามองผ่านมา เช่นนั้นสติของนางจึงจะกลับมา
หลงเฟยเยี่ยมองตรงมาที่นางจากระยะไกล หานอวิ๋นซีก็เผยรอยยิ้มที่เป็มิตรตอบกลับไป “ท่านกลับมาแล้วหรือ?”
ในไม่ช้า นางก็รู้สึกเสียใจ เขากลับมาก็ไม่ใช่เื่ของนางเสียหน่อย!
หานอวิ๋นซีฝืนยิ้มให้ จากนั้นก็หันหลังกลับเพื่อที่จะเดินออกไป
ทว่าหลงเฟยเยี่ยกลับออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด “มานี่!”
หานอวิ๋นซีเพิกเฉยและเดินต่อไป
“ข้ามารอเ้านานแล้ว” เสียงของหลงเฟยเยี่ยแข็งกร้าว
รอนาง?
จะล้างพิษอีกหรือไร?
เอาเถอะ หานอวิ๋นซียอมรับว่านางค่อนข้างสงสัย แต่ก็กลัวความแข็งกร้าวของเขาเล็กน้อย นางจึงหันกลับมาแล้วนั่งลงตรงหน้าหลงเฟยเยี่ย
หลงเฟยเยี่ยอ้าปากและถามว่า “เื่ขององค์หญิงฉางผิงจัดการเรียบร้อยแล้วหรือ?”
เอ่อ…
เขารู้?
“ท่านอ๋องทราบข่าวเร็วจริงๆ” หานอวิ๋นซีพูด
หลงเฟยเยี่ยไม่ได้ถามคำถามอะไรอีก และพูดอย่างใจเย็นว่า “เข้านอนแต่หัวค่ำ พรุ่งนี้เช้าค่อยออกไปกับข้า”
ชายผู้นี้จะพานางออกไปที่ไหนกัน?
“ทำอะไรหรือ?” หานอวิ๋นซีเริ่มสงสัย ทว่านางก็ไม่ได้คาดหวังเื่ไร้สาระอย่างเช่นการพบปะเพื่อนฝูงในงานเลี้ยง
“ล้างพิษ” หลงเฟยเยี่ยพูดสั้นๆ
ครั้งนี้เป็อีกครั้งที่หานอวิ๋นซีอยากจะบอกเขาจริงๆ ว่านางอยากเลิกเป็หวังเฟยของเขา แล้วกลายมาเป็หมอพิษของเขาแทน
เมื่อเผชิญกับปัญหาการเปลี่ยนงาน ท่าทางของหานอวิ๋นซีก็เปลี่ยนเป็มืออาชีพอย่างมาก “ล้างพิษอะไร?”
“เ้าไปแล้วก็จะรู้เอง” หลงเฟยเยี่ยพูด
หานอวิ๋นซีพยักหน้า “ข้า้าค่าหมอ”
ใบหน้าหลงเฟยเยี่ยเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยามอย่างมาก ไม่แม้กระทั่งเต็มใจที่จะตอบด้วยซ้ำ แค่พยักหน้าแล้วลุกขึ้นเดินออกไป หลังจากเดินไปได้สองก้าว จึงพูดอีกครั้งว่า “พรุ่งนี้ยามอิ๋น[1] ข้าจะมาหาเ้า”
หานอวิ๋นซีที่กำลังจะพยักหน้า ก็ชะงักทันที ช้าก่อน!
ยามอิ๋น?
ยามอิ๋นนั้นอยู่ระหว่างตีสามถึงตีห้า ตามสมัยโบราณนี่คือเช้าของวันพรุ่งนี้ แต่ในมุมมองของหานอวิ๋นซีมันคือกลางดึก!
การตื่นเช้าในฤดูหนาวเป็อะไรที่ทรมานที่สุด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการออกไปข้างนอกเลย ใบหน้าของหานอวิ๋นซีซีดเซียวและรีบวิ่งตามไป “ถ้าไม่ไปคืนนี้ ก็รอให้พระอาทิตย์ขึ้นแล้วค่อยไป! เช้าขนาดนั้นข้าไปไม่ไหวหรอก”
“ทำไม?” หลงเฟยเยี่ยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
หานอวิ๋นซีพูดได้คำเดียวว่า “เย็น”
“ข้าจ่ายค่าหมอเป็สองเท่า”
หลงเฟยเยี่ยที่ใจกว้างอย่างมาก แต่หานอวิ๋นซีก็หนักแน่น “สิบเท่าข้าก็ไม่ไป”
ขณะเดียวกัน หลงเฟยเยี่ยก็หันหน้ากลับมามองและถามว่า “หานอวิ๋นซี เ้ามีพิษใดที่รักษาไม่ได้บ้าง?”
หานอวิ๋นซีตกตะลึงเล็กน้อยแล้วตอบอย่างจริงจังว่า “มันก็ยากที่จะพูด บนโลกนี้มีพิษนับไม่ถ้วน ชนิดเดียวกันแต่หลายประเภทก็มีนับไม่ถ้วน สถานการณ์และวิธีการล้างพิษก็แตกต่างกันทั้งหมด เช่นนั้นแล้ว ข้าไม่สามารถให้คำตอบที่แน่ชัดแก่ท่านได้”
หลงเฟยเยี่ยตั้งใจฟังและถามอีกครั้งว่า “แล้วถ้าคนคนนั้นไม่ได้โดนคนวางพิษล่ะ?”
“เป็สัตว์มีพิษใช่หรือไม่?” หานอวิ๋นซีสงสัย ความคิดแรกของนางคือม้าที่ชายผู้นี้ใช้ ไม่เช่นนั้น เขาจะเลี้ยงสัตว์ชนิดไหนอีกล่ะ?
แต่ถ้าเพื่อช่วยม้าของเขาแล้ว คงไม่จำเป็ต้องออกไปกลางดึกหรอกใช่หรือไม่?
แต่ใครจะรู้ว่าหลงเฟยเยี่ยไม่ตอบและพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ไปแล้วเ้าก็จะรู้เอง รีบเข้านอนก่อนเถอะ ยามอิ๋นแล้วข้าจะมาหาเ้า”
หลังจากพูดจบ เขาก็เดินออกไป หานอวิ๋นซีก็ไล่ตามเขาไป ทว่าก็ตามไม่ทัน
“นี่ เกิดอะไรขึ้น? สรุปแล้วอะไรกันแน่ที่โดนวางพิษ?”
“ท่านพูดมาให้ชัดสิ!”
“ถ้าไม่บอก ข้าจะไม่ไปจริงๆ นะ”
…
ไม่ว่าหานอวิ๋นซีจะขู่อย่างไร หลงเฟยเยี่ยก็ไม่หันกลับมามอง ในไม่ช้า ร่างของเขาก็หายลับตาไป
หานอวิ๋นซีตัวแข็งอยู่กับที่และอัดแน่นอยู่ในใจ สรุปแล้วเป็พิษอะไรกันแน่? แล้วเป็อะไรที่โดนพิษ?
ทำให้อยากรู้แล้วก็จากไปงั้นหรือ?
นางต้องไปใช่หรือไม่?
ในฐานะหมอพิษคุณวุฒิสูง นางเองก็มีความสงสัยในวิชาชีพนี้เช่นกัน ในยุคปัจจุบัน นางได้ศึกษาสารพิษเกือบทั้งหมดที่สามารถหาได้ เมื่อย้อนยุคมาแล้ว นางก็มีความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับพิษที่หายไปในปัจจุบัน!
หลงเฟยเยี่ยทำให้มันลึกลับขนาดนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ทั้งคืน หานอวิ๋นซีพลิกตัวไปมา และเวลาก็ผ่านไปโดยไม่ทันรู้ตัว
“ก๊อกก๊อกก๊อก!”
เสียงเคาะประตูอย่างแรงทำให้หานอวิ๋นซีที่เพิ่งผล็อยหลับไปตื่นขึ้น ทันทีที่มองไปที่นาฬิกาทราย มันคือยามอิ๋นพอดี
หานอวิ๋นซีสวมเสื้อผ้าที่หนาที่สุดในตู้ ทว่าก็ยังอุ่นไม่พอ ทันทีที่ประตูเปิดออก ร่างอันเย่อหยิ่งของหลงเฟยเยี่ยที่ปิดกั้นประตูส่วนใหญ่ไว้ ทว่าลมหนาวยังคงพัดเข้ามา และก่อนที่นางจะก้าวออกจากธรณีประตู ฟันบนและฟันล่างก็เริ่มต่อสู้กัน
นางรีบซ่อนตัวที่ประตู ด้วยรูปร่างที่เล็กอยู่แล้ว สองมือที่ถูกสอดเข้าไปในแขนเสื้อ พร้อมกับคอที่หดลง ยิ่งทำให้นางดูตัวเล็กลงไปอีก
หลงเฟยเยี่ยจ้องมองสาวน้อยตัวเล็กน่าสงสาร พร้อมกับยกยิ้มอย่างดูถูก หญิงสาวผู้นี้อ่อนแอจริงๆ!
“ยังจะไปหรือไม่?” เขาถามอย่างเ็า
แต่ใครจะรู้ว่าหานอวิ๋นซีจะเงยหน้าขึ้นมา พร้อมกับใบหน้าที่ซีดเซียว ทว่าดวงตากลมโตคู่นั้นกลับมีประกายที่ดื้อรั้นเผยออกมา
นางหนาวจนริมฝีปากสั่น ทว่าน้ำเสียงไม่ได้สั่นแต่อย่างใด “ไปสิ ไปแน่นอน สามร้อยตำลึง แม้แต่สลึงเดียวก็ห้ามขาด!”
หลงเฟยเยี่ยตกตะลึงเล็กน้อย และต้องยอมรับว่าทุกคำในคำตอบนี้เกินความคาดหมายของเขาจริงๆ
-----------------------------------------
[1] ยามอิ๋น (寅时) คือเวลา 03:00 น. – 05:00 น.