ก่อนออกเดินทางเสบียงอาหารถูกหามาเติมไว้ในช่องมิติจำนวนมากพอที่จะสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ราวๆสามเดือน หัวเผือกหัวมันที่สามารถเก็บไว้ได้เป็ระยะเวลานานหญิงสาวก็เลือกที่จะขุดมันออกมาจากดินเก็บไว้ในมิติ พวกผักป่าทั้งหลายเธอก็เลือกที่จะเก็บเป็ต้นเข้าไปปลูกไว้ข้างในเหมือนกับสมุนไพรพวกนั้นส่วนเนื้อสัตว์ไม่ต้องคิดเลยล่ะ ป่ามีอยู่ทุกที่ที่เดินผ่านจะกินก็ค่อยเเวะข้างทางไปจับมาสักตัวสองตัวก็ใช้ได้ ความคิดที่จะจับสัตว์เป็ๆมาเลี้ยงไว้นมิติไม่เคยมีอยู่ในหัวของเธอแม้แต่น้อยไหนจะต้องให้อาหารหาน้ำให้ดื่มที่แย่ที่สุดคือพื้นที่ของคุณจะเต็มไปด้วยมูลสัตว์ชนิดนั้นๆ จะเก็บสิ่งใดก็ต้องคิดคำนวนให้ดี ส่วนพวกน้ำดื่มและกระบอกไม้ไผ่สำหรับทำอาหารล้วนเตรียมไว้จนพรั่งพร้อม
เกาหนิงซินคิดว่าภารกิจเดินทางไกลในครั้งนี้พร้อมที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว ในส่วนของเ้าหัวผักกาดทั้งสามเธอก็ไม่มีความคิดที่จะให้พวกเขาเดินเลยแม้แต่น้อยการแบกพวกเขาไปเป็หนทางที่สะดวกที่สุดแถมยังจะทำให้เธอสามารถเพิ่มจำนวนระยะทางในการเดินในแต่ละวันได้อีกด้วย เป้าหมายที่วางเอาไว้คือระยะทางสามสิบกิโลเมตรต่อหนึ่งวันหากเทียบระยะทางในยุคนี้ก็จะได้ราวๆหกสิบลี้โดยประมาณ
เย็นวันแรกของการเดินทางมาตลอดทั้งวันเด็กๆทั้งสามที่ถูกกระเตงไว้บนหลังและเอวซ้ายขวาของพี่สาวต่างก็ไม่ได้รับความลำบากเท่าใดนัก พวกเขาถึงเวลากินก็กินอย่างว่าง่าย ถึงเวลานอนก็หลับอย่างสบายหากอยากปลดทุกข์ก็เพียงแค่สะกิดพี่ใหญ่เท่านั้น พี่ใหญ่ช่างดียิ่งนักไม่ให้พวกเขาต้องเหนื่อยหรือหิวเลยสักครั้ง
“มา...เ้าพวกหัวผักกาดน้อยของข้ามากินข้าวได้...เสร็จแล้วจะได้นอนพัก่อนกัน”
“ขอบรับท่านพี่”เด็กเดินปล้อมวงกินข้าวกันอย่างพร้อมเพรียง แม้เป็กาารเดินทางที่ยากลำบากแต่ดูเหมือนเด็กๆจะปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้เป็อย่างดี พวกเขากินได้อย่างมีความสุขนอนหลับได้อย่างสนิทเวลาเดินทางก็ไม่งอแงแม้แต่น้อยเพราะเหตุนี้จึงทำให้พี่ใหญ่อย่างเธอรู้สึกมีแรงใจขึ้นมาอีกเท่าตัว
เด็กๆกินอิ่มก็เริ่มง่วงหญิงสาวจึงจัดการเช็ดหน้าเช็ดมือให้พวกเขาอย่างง่ายๆก่อนจะส่งเข้านอน ที่นอนของพวกเขาเป็อันเดียวกับที่พวกเขานอนในถ้ำ วันนี้เร่งเดินทางมาทั้งวันพักเเค่ตอนกินอาหารและทำธุระส่วนตัวซึ่งระยะเวลาที่หยุดเดินในแต่ละครั้งกินเวลาไม่เกินยี่สิบนาที ก่อนที่เธอจะพักผ่อนก็ได้ทำอาหรสำหรับวันพรุ่งนี้ใส่กระบอกไม้ไผ่แล้วเก็บว้ในช่องมิติ นี่เป็การทดลองเท่านั้นเธอสงสัยว่าหากเก็บของที่เน่าเสียได้ไว้ในช่องมิติจะสามารถรักษาความสดใหม่ของสิ่งเ่าั้ได้หรือไม่ ก็มีนิยายเื่หนึ่งที่มารดาวัยชาของเธอเคยอ่านแล้วตัวเอกที่มีช่องมิติลับมีคุณสมบัติแบบนั้นนี่ ถ้าสงสัยก็ต้องทดลองเราจะทิ้งลัทธิความเป็วิทยาศาสตร์ไปไม่ได้
เกาหนิงซินตบอกภูมิใจในหลักการของตนเป็อย่างมาก จุดมุ่งหมายแรกของธอคืออำเภอที่ห่างออกไปจากจุดที่เธออยู่สองร้อยลี้หรือประมาณหนึ่งร้อยกิโลเมตรโดยเฉลี่ย ต่อจากนั้นเมื่อขายของสักชิ้นสองชิ้นพอมีเงินซื้อรถม้าเพื่อความสดวกในการเดินทางต่อไปยังลั่วหยาง นั่นคือปลายทางสุดท้ายของภารกิจในครั้งนี้
ลั่วหยาง เมืองที่มีความเจริญไม่แพ้เมืองหลวงในปัจจุบัน มีปัจจัยหลายอย่างที่ควรไปเริ่มต้นในชีวิตที่นั่น ผู้คน วัฒนธรรม การค้า การปกครอง ทุกอย่างล้วนอยู่ในเกรณฑ์ที่ดีหากสิ่งที่เ้าของร่างได้ยินมาไม่ใช่ข่าวโคมลอยไร้สาระจุดหมายปลายทางของเธอก็จะไม่เปลี่ยน แต่สำหรับทหารหน่วยรบพิเศษแล้วการมีแผนสำรองสองสามสี่ถือเป็ปกติวิสัยเมื่อไปถึงอำเภอที่มีคนให้สอบถามหรือสามารถซื้อหนังสือข่าวสารมาศึกษาข้อมูลก็จะสามารถตัดสินใจได้ว่าจะเดินทางไปที่ใดจะเป็การดีที่สุด เพราะเธอก็ไม่อยากที่จะย้ายถิ่นฐานบ่อยๆตัวเธอไม่เท่าไหร่แต่สำหรับเด็กๆการเปลี่ยนสังคมบ่อยๆอาจมีผลต่อสภาพจิตใจที่กำลังเติบโตได้
เมื่อทบทวนแผนให้แน่ชัดแล้วหญิงสาวก็หลับตาพักผ่อนทันที ผ่านไปห้าชั่วโมงอดีตทหารหน่วยรบพิเศษก็ลืมตาตื่นทันทีนี่เป็ความเคยชินในหน้าที่ไม่ว่าจะนอนมากน้อยเท่าไหร่เมื่อถึงเวลาที่ต้องออกไปปฏิบัติภารกิจร่างกายก็จะถูกปลุกขึ้นมาโดยอัตโนมัติ เพราะนอนั้แ่หัวค่ำเมื่อมองดาวเหนือที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าก็กะเวลาได้ปรมาณเที่ยงคืนกว่าๆเท่านั้น หญิงสาวจัดการธุระส่วนตัวของตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะนำอาหารบางส่วนที่ทำเก็บไว้ในมิติออกมาดู
“นับว่า์เข้าข้างอยู่นะ”เกาหนิงซินกระซินกับตัวเองอย่างดีใจเมื่อเห็นซุปไก่ป่าใส่เผือกที่ทำไว้ั้แ่เมื่อเย็นยังร้อนๆเหมือนตอนที่เก็บเข้าไปในมิติใหม่ๆ เธอซดซุปหนึ่งกระบอกไม้ไผ่จนหมดนี่เป็อาหารอย่างง่ายที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางอาหารทั้งโปรตีน คาร์โบไฮเดตล้วนเพียงพอต่อความตองการของร่างกายแม้ว่าเธอจะโหยหาโปรตีนอัดแท่งเมื่อต้องเดินทางไกลๆเช่นนี้แต่มันก็ไม่ได้แย่เกินไปนัก มีเนื้อให้กินก็เป็บุญที่สั่งสมมาหลายชาติแล้ว
เธอ้าของบำรุงกำลังสักหน่อยเพราะถึงยังไงร่างกายนี้ก็เป็เพียงวัยรุ่นอายุสิบเจ็ดแม้จะทนทานมากกว่าเด็กผู้หญิงทั่วไปแต่หากยังต้องเดินทางอีกหลายร้อยกิโลเมตรเกรงว่าร่างกายนี้จะพังเอาได้ คิดไปถึงสมุนไพรที่ปลูกเอาไว้ แล้วจะกินอันไหนดีล่ะ?ความรู้เื่พวกนี้ก็มีน้อยที่รู้มากคงจะเป็ราคาของพวกมันล่ะนะ อืม...งั้นเอาเป็บัวหิมะก็แล้วกันหญิสาวสุ่มๆเด็ดออกมาหนึ่งดอกเพราะการหยิบของออกจากมิติยังทำได้ไม่คล่องมือทีแรกกะจะเด็ดบัวหิมะห้ากลีบแต่ที่เด็ดออกมาได้กลับเป็บัวหิมะเก้ากลีบ
โถ่เอ๋ย...หากขายเ้าตัวเล็กนี่คงทำเงินได้อื้อซ่า
ได้แต่หลังเืในใจอย่างเ็ปรวดร้าวเมื่อไม่มีทางเลือกเกาหนิงซินก็จำต้องกินเ้าตัวเล็กจุ๋มจิ๋มนี่ลงไป รสหวานแผ่ซ่านไปทั่วปากพอกลืนลงไปก็รู้สึกถึงความเย็นที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย หวังว่ามันจะส่งผลดีให้สมคำล่ำลือนะ ไม่รู้ว่าเกิดอุปทานหรือไม่ภายในร่างกายหลังจากกินบัวหิมะลงไปไม่นานก็รู้สึกเหมือนได้รับสารกระตุ้นเธอไม่ได้คิดหาคำตอบให้เสียเวลาของอย่างนี้มันต้องพิสูจน์ ว่าแล้วก็จัดการเ้าหัวผักกาดทั้งสามที่กำลังนอนหลับฝันหวาน โดยเ้าเล็กปินปินถูกผ้าหยาบพันไว้ด้านหลังโพล่มาเพียงส่วนหัวเล็กๆซบลงกับไหล่บอบบางอย่างสบาย ส่วนสองแฝดเช่นเคยถูกมันเป็ท่าอุ้มหนีบเอวซ้ายขวา เด็กน้อยทั้งสามไม่ได้รู้สึกตัวตื่นแม้แต่น้อย
“หลับเป็หมูเช่นนี้ใครมาอุ้มไปก็ได้สินะ”พี่ใหญ่ของเหล่าหัวผักกาดบ่นงึมงัมอย่างเอ็นดู
เกาหนิงซินเดินตามถนนส้นหลักที่มีรอยล้อรถม้าสัญจรผ่านให้เห็นรอยเก่าบ้างใหม่บ้าง สิบกิโลเเมตรแรกผ่านไปแม้จะไม่รู้สึกถึงความเหน็ดเหนื่อยแต่เธอรู้สึกได้ถึงเหงื่อยเหนียวๆที่หลั่งออกมาจนเปียกชุ่มเสื้อตัวในไปหมด
การเดินทางั้แ่เที่ยงคืนจนมาจบในเย็นของอีกวันระยะทางรวมที่เดินมาได้ราวๆเก้าสิบกิโลเมตร ถือว่าเป็ขีดจำกัดของตัวเธอในเวลานี้แล้ววันนี้เป็วันที่สองของการดินทางการหยุดพักแรมในครั้งนี้เป็สถานที่ชายป่าติดลำธารสายเล็กแห่งหนึ่ง สี่พี่น้องตระกูลเกาอาบน้ำชำระร่างกายจนสะอาดหมดจด ตอนที่หญิงสาวถอดเสื้อผ้าออกทีแรกก็ต้องใกับสภาพของเสื้อตัวในที่เต็มไปด้วยสิ่งปนเปื้อนสีดำคล้ำนี่คงเป็ผลจากการกินบัวหิมะล่ะมั้ง เธอก็ไม่ได้ให้ความสนใจมากนักหากของสิ่งนี้เป็พิษต่อร่างกายคงไม่ปล่อยให้เธอรอดชีวิตมาจถึงตอนนี้หรอก
หลังจากที่กินมื้อค่ำจนอิ่มหนำสำราญเด็กๆก็คึกไม่ยอมนอน เมื่อเห็นว่ายังไม่ดึกมากนักหญิงสาวก็พาเ้าตัวยุ่งทั้งสามออกไปเดินเล่นรับลม
“สัญญากับพี่สาวมาก่อนว่าจะทำตัวเชื่อฟังไม่เล่นซนจนตนเองได้รับาเ็ หากมีาแแม้เพียงนิดอย่าหวังว่าข้าจะพาออกไปเดินเล่นอีกเลย”
“อาิเป็พี่ชายคนโตของบ้านจะเชื่อฟังพี่สาวขอรับ”
“อาจูก็จะเชื่อฟังคำท่านพี่ไม่ดื้อไม่ซน”
เกาหนิงซินหันไปมองปินปินน้อยเป็ลำดับสุดท้ายเช่นเคย”ปินปินเชื่อ!”นี่คงเป็ประโยคยาวๆที่เ้าน้องเล็กคิดออก หญิงสาวอมยิ้มอย่างน่ารักให้เด็กน้อยพลางเอื้อมมือไปอุ้มเ้าคนเล็กสุดมาไว้ในอ้อมกอดพร้อมกับหอมแก้มยุ้ยไปหลายฟอดพอเธอจะก้มลงไปหอมเ้าสองแฟดบ้างเ้าตัวกลับหลบหลีกกันให้วุ่น
“อาิเป็ชายชาตรีจะให้สตรีมาหอมแก้มได้ตามใจชอบเช่นไร”
“อาจูเห็นด้วยกับคำพูดพี่ชาย”
เ้าตัวล็กทั้งสองเบือนหน้าหนีไปคนละทางหางสังเกตดีๆจะเห็นใบหูเล็กๆที่แดงระเรื่อ เขินอายซะแล้วน้องชายข้า
“เช่นนั้นพี่สาวต้องขออภัยพวกเ้าด้วยดีหรือไม่”เกาหนิงซินมองน้องชายทั้งสองยิ้มๆ
“ที่จริงแล้วหากเป็ท่านพี่อาิก็พอจะทำใจปล่อยผ่านไปได้ ให้ท่านหอมได้หนึ่งครั้งเท่านั้น”
“อื้อๆๆ”อาจูน้อยผงกหัวเป็ไก่จิกข้าวสารเป็การยืนยันคำพูดของพี่ชาย
“ได้ๆพี่สาวคนนี้ย่อมตามใจพวกเ้าอยู่แล้วฮ่าๆ”เธอหอมแก้มยุ้ยของอาิอาจูคนละฟอดแล้วสี่พี่น้องก็เดินเล่นไปตามริมลำธารสายเล็กอย่างช้าๆ
เดินมาได้สักพักก็ต้องหยุดเพราะเ้าสองแฝดที่เธอปล่อยให้เดินกันเองดูเหมือนจะสนใจสิ่งแปลกใหม่รอบตัวไม่น้อย ตอนนี้พวกเขากำลังใช้ไม้ตีน้ำใสๆให้ปลาที่ลอยอยู่บนผิวน้ำใจนว่ายหนีไป เพราะคืนนี้เป็คืนเดือนเพ็ญจึงทำให้มองเห็นตัวปลาได้อย่างชัดเจน หญิงสาวมองสำรวจไปรอบด้านเพื่อมองหาว่ามีสิ่งผิดปกติหรือไม่มองไปสักพักก็เจอกลุ่มคนที่ตั้งค่ายพักแรมห่างออกไปจากจุดที่เธออยู่ราวๆหนึ่งกิโลเมตร ไม่ต้องสัยเลยว่าในป่าเช่นนี้เธอจะมองเห็นได้ยังไงก็ในเมื่อค่ายพักแรมนั้นถูกจัดตั้งอย่างใหญ่โตมีกระโจมมีการเฝ้ารักษาเวรยามรวมทั้งรถม้าที่จอดอยู่นับๆแล้วก็มีถึงห้าคัน ด้วยความสงสัยใคร่รู้ก็ต้องลองไปสอดแนมซะหน่อย
“ิจูปินพวกเ้าเล่นกันอยู่ตรงนี้ห้ามเดินไปมา ห้ามทิ้งคนใดคนหนึ่งเอาไว้และห้ามลงน้ำเป็อันขาดเข้าใจหรือไม่ พี่สาวจะไปสำรวจตรงนู้นสักครู่พวกเ้าก็มองเห็นว่าพี่ไม่ได้ไปไกลเชื่อฟังนะรู้หรือไม่”แม้จะมั่นใจว่าเด็กๆรู้ความกว่าเด็กทั่วไปแต่เธอก็อดกำชับอย่างเข้มงวดไม่ได้ เพราะตอนที่อยู่ในป่าสามพี่น้องก็ออกตามหาพี่สาวที่หายไปนานกว่าปกติจนไปเจอเกาหนิงซินที่นอนาเ็ไม่ได้สติ
พวกเขาเป็เพียงเด็กห้าขวบและเด็กที่พึ่งหย่านมอีกคนหนึ่งเท่านั้น
“พวกเราจะเชื่อฟังท่านพี่วางใจได้ ไม่ใช่ว่าท่านไม่เคยออกไปล่าสัตว์นานๆเสียหน่อย”แม้พวกเขาจะยังเป็เด็กแต่ก็เข้าใจทุกอย่างเป็อย่างดีจะไม่มีทางสร้างภาระให้พี่สาวมากกว่าที่เป็อยู่อย่างแน่นอน
“ดี...พี่ไปไม่นานอีกเดี๋ยวก็กลับมา”
เมื่อเห็นพวกเขาหันกลับไปเล่นอย่างไม่ใส่ใจเท่าใดหญิงสาวก็วางใจไปเปราะหนึ่ง จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังค่ายพักแรมที่อยู่ห่างออกไปอย่างเงียบเชียบเธอพลางตัวเข้าไปใกล้ที่สุดเท่าที่จะทำได้ร่างเล็กหมอบนิ่งอยู่ในโพลงหญ้าใกล้ๆกับลานที่ถูกแ่ถางจนเกลี้ยงตรงกลางจุดกองไฟเอาไว้กองหนึ่ง
“ม้าเร็วที่ส่งออกไปวันนี้น่าจะกลับมาถึงได้แล้วทำไมป่านนี้ยังไม่เห็นแม้แต่เงา”ชายชราที่แต่งกายดูสะอาดเรียบร้อยนั่งบ่นกับชายที่พกกระบี่ดูแล้วคงจะเป็คนคุ้มกัน
“ท่านพ่อบ้านทำใจให้ร่มๆเถิดขอรับ”คนคุ้มกันที่ปลอบใจพ่อบ้านเป็รอบที่สิบของวันได้แต่เหนื่อยใจ
“ข้าจะทำใจให้สบายได้เช่นไรในเมื่อคุณชายก็เป็เช่นนั้นไปแล้วหากคนยังมาไม่ถึงเกรงว่า...”พ่อบ้านชราได้แต่ร้องไห้อย่างหมดหวัง
“ท่านพ่อบ้านนั่น...มาแล้วขอรับ”
คนทั้งสองรวมถึงเกาหนิงซินต่างหันไปมองผู้มาเยือนอย่างพร้อมเพรียง
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ฝากติดตามเป็กำลังใจให้ด้วยนะคะ❤️❤️❤️❤️❤️
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้