บ้าไปแล้ว บ้าไปหมดแล้ว
เดิมทียังมีคนเป็จำนวนมากที่ยังไม่เข้าร่วมเดิมพัน สิ่งสำคัญเป็เพราะพวกเขาต่างไม่มีสิ่งของมีค่าติดตัวเลย ดังนั้น จึงไม่มีความคิดจะเข้าร่วมการเดิมพัน แต่ในตอนนี้ พวกเขาทั้งหมดต่างดาหน้ากันเข้าหาฉินอวี่ทั้งสิ้น
“จะเบียดกันเข้ามาทำไม? ขอแค่พวกเ้ากล้าเดิมพัน ข้าก็กล้ารับ ค่อยๆ ต่อแถวเข้ามาทีละคน เฮ้อ” ฉินอวี่แสร้งทำเป็พูดด้วยความหงุดหงิด
ทุกคนต่างต่อแถวอย่างว่าง่าย จากนั้นฉินอวี่จึงนั่งลง และขอไม้ไผ่จากโหมวจิ่นซิ่วอีกครั้ง จากนั้นจึงมองไปยังชายหนุ่มหน้าแดงที่อยู่ในอันดับแรกของแถว และพูดพลางหรี่ตาลง “เ้า้าเดิมพันด้วยอาวุธชื่อเซียนหนึ่งชิ้นหรือ?”
“อืม!” ชายหนุ่มคนนี้พยักหน้าทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ฉินอวี่พูดเย้ย “เ้าเป็ใคร? เ้าสามารถนำอาวุธชื่อเซียนออกมาได้หรือ? หากเ้าแพ้เดิมพัน และนำอาวุธชื่อเซียนมาไม่ได้ ข้าจะไปตามเอาจากใครกัน?”
ชายหนุ่มคนนี้ผงะไปทันที ใบหน้าของเขาเริ่มอดกลั้นไว้ไม่ไหว มองดูฉินอวี่อย่างโกรธเคือง และพูดอย่างเ็า “ข้าหวังจ้งเฟิง หลานทวดของฉงซานหวัง ต่อให้ข้าไม่มี แต่ทวดของข้าจะไม่มีหรือ? ข้าว่าเ้ากลัวแพ้มากกว่า?”
มุมปากฉินอวี่กระตุกทันที “เช่นนั้นก็ได้” พูดจบ ฉินอวี่ก็เขียนลงบนแผ่นไม้ไผ่ ความหมายโดยประมาณคือ หวังจ้งเฟิงหลานทวดฉงซานหวังวางเดิมพันด้วยอาวุธชื่อเซียนหนึ่งชิ้น ให้สาบานด้วยมโนธรรม เต็มใจที่จะเดิมพันและสูญเสียบางอย่างหากต้องพ่ายเดิมพัน และประทับรอยตราไว้ด้วยโลหิต ยังคงเป็เช่นเดิมคือหนึ่งครั้งแบ่งเป็สามส่วนให้เก็บไว้ ไม้ไผ่เดิมพันส่วนที่อยู่กับฉินอวี่และโหมวจิ่นซิ่วจะมีการลงรอยประทับด้วยแก่นโลหิต
“สหายโหมว ข้าขอฝากไม้ไผ่เดิมพันเหล่านี้ให้เ้าเก็บรักษาไว้แทนข้าด้วย” ฉินอวี่นำไม้ไผ่เดิมพันชิ้นหนึ่งลงในวงแหวนมิติ และโยนไม้ไผ่เดิมพันอีกชิ้นหนึ่งที่มีรอยประทับจากแก่นโลหิตให้กับโหมวจิ่นซิ่ว
ใบหน้าของโหมวจิ่นซิ่วดูเคร่งขรึมเป็พิเศษ นางมองฉินอวี่อย่างลึกซึ้ง และสับสนกับการกระทำของฉินอวี่เป็อย่างยิ่ง หลี่โหย่วฉายผู้นี้ ้าทำอะไรกันแน่? รู้อยู่แล้วว่าต้องแพ้เดิมพัน ยังคิดจะเดิมพันอีกจริงหรือ? หรือว่าเขาคิดจะให้ผู้เฒ่าร้องไห้ต้องสูญเสียสมบัติวิเศษที่มีทั้งหมด?
เพียงแต่ สิ่งที่ทำให้โหมวจิ่นซิ่วต้องใจนตัวสั่นคือ ฉินอวี่ได้พูดถึงหอเก็บสมบัติของสำนักจูเทียนเต้า ก่อนหน้านี้ตอนที่ฉินอวี่พูดขึ้นมา โหมวจิ่นซิ่วถึงกับใจสั่นจนไม่อาจควบคุมได้
สำนักจูเทียนเต้า!
เนิ่นนานหลายปีจนไม่อาจนับได้ ผู้แข็งแกร่งแต่ละฝ่ายต่างพยายามต่อสู้กับผู้เฒ่าร้องไห้เพื่อหาทางเข้าไปยังซากปรักหักพังของสำนักจูเทียนเต้า เพื่อตามหาคลังของหอเก็บสมบัติสำนักจูเทียนเต้า แต่ตอนนี้ หลี่โหย่วฉายกลับพูดถึงหอเก็บสมบัติ จึงยืนยันในสิ่งที่บรรพชนกล่าวขานกันมาอย่างไม่ต้องสงสัย จะต้องมีสมบัติหลงเหลืออยู่ในซากปรักหักพังของสำนักจูเทียนเต้าอย่างแน่นอน!
หากสามารถจะนำเอาอาวุธเต๋ามาจากหอเก็บสมบัติของสำนักจูเทียนเต้าได้จริง ก็คงจะได้มาทั้งอาวุธชื่อเซียน ซึ่งเป็อาวุธเอกเหล่าทหารเซียนที่แท้จริง...
โหมวจิ่นซิ่วเริ่มรู้สึกกระสับกระส่าย จนนางเองก็เริ่มรู้สึก้าจะเข้าร่วมการเดิมพัน
ไม่เพียงแต่โหมวจิ่นซิ่วเท่านั้น แม้แต่ฉวีหย่งเซิง หยางซาน และไป๋ฉีทั้งสามคน ต่างเริ่มรู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน หากไม่ใช่เพราะหลี่โหย่วฉายคือเหลาอู่ของพวกเขา พวกเขาทั้งสามคนก็้าจะเข้าร่วมเดิมพันครั้งนี้เช่นเดียวกัน เพราะคิดว่าอย่างไรก็ไม่แพ้เดิมพันแน่นอน ลองนึกดู ใครกันจะมีความมั่นใจว่าจะผ่านการทดสอบสามสิบหกขุนพล์? คิดว่าแม้แต่โหมวจิ่นซิ่วและเหลยจั๋วเยว่ก็ล้วนเป็เพราะความโชคดี หรืออาจพูดได้ว่า การเดิมพันครั้งนี้ มีโอกาสสูงมากที่หลี่โหย่วฉายจะไม่ได้เป็สามสิบหกขุนพล์
และถึงตอนนั้น...
“ใจเย็น ใจเย็นๆ ก่อน เหลาอู่สามารถเข้าใกล้แผ่นผนึกว่านเซี่ยงได้ในระยะสองจ้าง จะต้องมีอะไรพิเศษกว่าคนทั่วไปเป็แน่ บางทีเขาอาจจะมีความมั่นใจจริงๆ ก็ได้!” ฉวีหย่งเซิงพึมพำในใจ แม้ว่าจะคิดเช่นนี้ แต่ในใจก็ยังคงตื่นเต้น และแทบจะอดทนรอไม่ไหวที่จะร่วมเดิมพัน
“หรือ... หรือว่า ข้าจะไปเดิมพันบ้าง?” จู่ๆ หยางเต้าก็พูดขึ้นมาเบาๆ
ด้านหยางเต้าที่อยู่ไม่ไกลออกไป ตอนนี้ม่านตาของเขาค่อยๆ จ้องตรงไปยังฉินอวี่อย่างเงียบๆ และสิ่งที่เขาคิดต่างจากคนอื่นเมื่อฉินอวี่ได้รับอาวุธเต๋าจำนวนมาก และอาวุธชื่อเซียนก็คือ มีภาพเหตุการณ์อื่นเกิดขึ้นในจิตใจของหยางเต้า
ผู้ที่สามารถเข้าร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้ได้ เกรงว่าคงครอบคลุมศิษย์อัจฉริยะกว่าเจ็ดส่วนจากทั้งหมดในแดนต้าโหมวเทียน หากฉินอวี่เกิดชนะเดิมพัน เช่นนั้นแล้ว... ไม้ไผ่เดิมพันนั้นนับว่าเป็การตกลงกันไว้แล้ว ซึ่งนี่หมายความว่ากองกำลังแต่ละคนของแดนต้าโหมวเทียนจะต้องติดหนี้สิ่งของบางอย่างอย่างน้อยหนึ่งชิ้นกับฉินอวี่
เมื่อลองคิดดู เมื่อถึงเวลานั้นพวกเหล่าศิษย์อัจฉริยะที่ร่วมการเดิมพัน ใครจะสามารถเงยหน้าขึ้นมองฉินอวี่ได้อีก? และบนไม้ไผ่เดิมพันก็ยังมีแก่นโลหิตประทับไว้ ฉินอวี่จึงไม่เป็กังวลว่าพวกเขาจะไม่จ่ายหนี้...
ลมหายใจของหยางเต้าเริ่มถี่และเร็วขึ้น การกระทำเช่นนี้ของฉินอวี่เป็การเดิมพันครั้งใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย หากทำสำเร็จ แม้ฉินอวี่จะไม่มีอำนาจจากชื่อของผู้เฒ่าร้องไห้อยู่ในแดนต้าโหมวเทียน ก็สามารถอยู่ไปได้อย่างราบรื่น เมื่อมีข้อตกลงของเหล่าอัจฉริยะจำนวนมาก ทุกคนก็คงจะมีแต่อ่อนน้อมให้ฉินอวี่
หากฉินอวี่เกิดแพ้เดิมพัน เกรงว่า ฉินอวี่เองก็คงจะไม่สามารถเงยหน้าสบตาต่อผู้คนในแดนต้าโหมวเทียนได้ ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เฒ่าร้องไห้ก็คงต้องโกรธมากจนขับฉินอวี่ออกจากการเป็ศิษย์
สิ่งที่ทำให้หยางเต้ารู้สึกไม่เข้าใจเลยคือ ฉินอวี่ทำเช่นนี้เพื่ออะไร? ด้วยสถานะของศิษย์ผู้เฒ่าร้องไห้ก็เพียงพอที่จะให้เขาได้อยู่ในแดนต้าโหมวเทียนได้อย่างเฉิดฉายมิใช่หรือ? แล้วเพราะเหตุใดจึงต้องจัดการเดิมพันเช่นนี้ขึ้นมาอีกเล่า? อย่างไรก็ตาม สามสิบหกขุนพล์ไม่ใช่ตำแหน่งที่จะผ่านได้โดยง่าย หากฉินอวี่แพ้เดิมพัน... ผลที่จะตามมาเป็สิ่งที่นึกไม่ถึงเลยทีเดียว ถึงตอนนั้น เมื่อตกต่ำลงก็ย่อมถูกซ้ำเติม ภายใต้การขับไล่ของคนมีอำนาจในแดนต้าโหมวเทียน แม้จะเป็ผู้เฒ่าร้องไห้ก็คงทนไม่ไหว และทั่วทั้งแดนต้าโหมวเทียนก็คงไม่มีที่ยืนให้กับฉินอวี่
เป็ไปได้หรือไม่ว่า ฉินอวี่มีความมั่นใจว่าจะต้องผ่านการทดสอบของสามสิบหกขุนพล์? หยางเต้าคิดไปคิดมา แต่หากผลลัพธ์เกิดเป็เช่นนี้ ก็จะเป็ผลลัพธ์ที่ทำให้เขางงยิ่งนัก แต่เขาก็เข้าใจเื่การทดสอบสามสิบหกขุนพล์ได้เป็อย่างดี ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถจะรับประกันได้ แม้แต่ตระกูลของตี้หวังเ่าั้ หรือจะเป็ศิษย์ของเต้าจวินก็ไม่อาจมั่นใจได้ แล้วฉินอวี่จะมั่นใจเื่นี้ได้อย่างไร? จะพึ่งพาผู้เฒ่าร้องไห้อย่างนั้นหรือ?
ต่อให้เป็เต้าจวินก็ไม่สามารถแทรกแซงหอคอยเทียนกังได้ หรือแม้แต่ผู้เฒ่าร้องไห้เองก็ไม่อาจทำอะไรได้เช่นกัน!
หรือฉินอวี่จะรนหาที่ตายจริงๆ?
หยางเต้ายิ่งคิดเท่าไรก็ยิ่งสับสนมากเท่านั้น หากไม่ใช่เพราะเขาพอจะเข้าใจฉินอวี่ เขาก็คงคิดว่าฉินอวี่กำลังรนหาที่ตายให้ตนเอง!
“เ้ากำลังทำอะไรกันแน่? ทำไมเ้าต้องทำการเดิมพันเช่นนี้ด้วย?” หยางเต้าครุ่นคิดอยู่ในใจ แม้เขาจะฉลาดมากเพียงใดก็ไม่อาจหาเหตุผลอะไรได้
เกรงว่าหยางเต้าคงคิดไม่ถึงอย่างแน่นอนว่าฉินอวี่ถูกบังคับให้ต้องทำเช่นนี้ หากเขาไม่สามารถเป็หนึ่งในสามสิบหกขุนพล์ได้ เขาก็คงเหลือแต่ความตายเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น ดังนั้น เขาจึงตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อชัยชนะ และเข้าเป็สามสิบหกขุนพล์ให้ได้ และการเดิมพันนี้ อันที่จริงไม่ใช่เพราะความผิดพลาดที่ต้องปล่อยไปตามน้ำ แต่มันเป็เื่ที่ช่วยไม่ได้จริงๆ
หากไม่เป็เช่นนี้ จะเอาผู้าุโคนนั้นออกมาได้อย่างไร?
ครึ่งวันต่อมา
“ยังมีผู้ใด้าเดิมพันอีกหรือไม่? หากไม่มีแล้วข้าจะไปเตรียมตัวการท้าประลองของเจ็ดสิบสองอสูรธรณีแล้ว” ฉินอวี่วางพู่กันลง จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองทุกคน และพูดขึ้นเสียงดัง พูดตามตรง ฉินอวี่พอใจแล้วในตอนนี้ ขอเพียงตนเองผ่านการทดสอบสามสิบหกขุนพล์ เช่นนั้นแล้ว ศิษย์อัจฉริยะเหล่านี้ของแดนต้าโหมวเทียนก็ย่อมติดหนี้เขา และฉินอวี่ก็มั่นใจว่าคนเหล่านี้ไม่สามารถชดใช้สิ่งของที่นำมาวางเดิมพันได้แน่นอน ซึ่งสิ่งของวางเดิมพันเหล่านี้จะกลายเป็เื่ในอนาคตที่มีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น!
อย่างน้อยที่สุด ก็ยังสะดวกกว่าการไปคอยดูผู้าุโนั่นมากมาย
“ข้าเดิมพัน!” ขณะที่ฉินอวี่กำลังพูดจบ เหลยจั๋วเยว่ก็พูดขึ้นเสียงดัง และเดินเข้าหาฉินอวี่ในทันที
ฉินอวี่เลิกคิ้วขึ้น และรู้สึกเบิกบานในหัวใจอย่างยิ่ง เขานึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเหลยจั๋วเยว่จะคิดเดิมพันเช่นนี้ เพียงแต่ เื่นี้นับเป็เหมือนอ้อยเข้าปากช้าง ฉินอวี่แอบดีใจอยู่ในใจ แต่ใบหน้ากลับเผยอาการดูถูกออกไป และพูดขึ้นอย่างสบายๆ “เ้ายังคิดจะเดิมพันอะไร? หรือเ้ายังมีอาวุธเต๋าอะไรอยู่อีก?”
เหลยจั๋วเยว่แสดงออกอย่างเฉยเมย และไม่โกรธคำพูดของฉินอวี่ ได้แต่พูดอย่างเฉยเมย “ข้าเดิมพันด้วยอาวุธเซียนหนึ่งชิ้น!”
ลานกว้างที่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนหน้านี้ แม้การเดิมพันนี้จะสามารถลงบัญชีไว้ก่อนได้ แต่คนส่วนมากล้วนแต่เลือกวางเดิมพันด้วยอาวุธเต๋าระดับสูง อาวุธชื่อเซียนก็มีอยู่เพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น ท้ายที่สุดพวกเขาต่างไม่กล้าจะโลภจนเกินไป เพราะเกรงจะเป็การยั่วโมโหผู้เฒ่าร้องไห้ แต่ในตอนนี้... เหลยจั๋วเยว่ได้เลือกจะเดิมพันด้วยอาวุธเซียนหนึ่งชิ้น จึงทำให้ทุกคนตกตะลึงเป็อย่างมาก
แม้แต่ฉินอวี่ก็ยังมองเหลยจั๋วเยว่ด้วยสีหน้าที่เบื่อหน่าย
อาวุธเซียน?
ช่างโอ้อวดสิ้นดี ไม่กลัวสำลักน้ำลายตัวเองตายหรือ?
“เ้าแน่ใจหรือ? หากเ้าแพ้เดิมพัน จะนำอาวุธเซียนมาได้หรือ?” ฉินอวี่แสร้งเป็พูดทดสอบ
เหลยจั๋วเยว่มีใบหน้าเรียบเฉย สายตาของเขาดูสงบและมั่นคง เื่นี้เขาได้คิดอย่างรอบคอบแล้วก่อนจะตัดสินใจคุยกับฉินอวี่ เขาไม่ใช่คนกล้าบ้าบิ่น แต่กลับกัน เขาเป็คนเงียบขรึม และทำอะไรอย่างระมัดระวังเสมอ หลังจากลองช่างน้ำหนักดูแล้ว เหลยจั๋วเยว่ก็ตัดสินใจที่จะเดิมพันครั้งใหญ่ หากชนะได้ ตนเองก็จะมีโอกาสได้รับอาวุธเซียนมาชิ้นหนึ่ง ขอเพียงตนเองชนะ เหลยจั๋วเยว่ก็ไม่เกรงกลัวว่าผู้เฒ่าร้องไห้จะไม่มอบอาวุธเซียนให้เขา
แม้ว่าจะพอคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าบางทีอาจจะมีความมั่นใจว่าฉินอวี่จะผ่านเข้าเป็สามสิบหกขุนพล์ได้ แต่เหลยจั๋วเยว่ก็เชื่อในการตัดสินใจของเขามาโดยตลอด เหมือนกับในตอนแรกที่เชื่อมั่นในการตัดสินใจของตนเองในหอคอยเทียนกัง และผ่านการทดสอบมาได้เช่นเดียวกัน
หรืออาจพูดได้ว่า เหลยจั๋วเยว่ก็ยอมเดิมพัน หากชนะ เขาจะได้รับอาวุธเซียนไป และมีโอกาสที่จะยึดอำนาจเป็ยอดของเหล่าชายหนุ่มในตระกูลเหลยของตี้หวัง และได้เป็ผู้สืบทอดตระกูลเหลยของตี้หวัง!
“เื่นี้เ้าไม่ต้องยุ่งหรอก!” เหลยจั๋วเยว่พูดอย่างเ็า
ฉินอวี่พ่นลมหายใจเ็าออกมา และเขียนต่อไป แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ โลภมากลาภหาย ์มอบของให้ข้าโดยไม่ต้องออกแรงเสียแล้ว?
แม้จะเป็เช่นนี้ แต่ฉินอวี่ก็รู้อยู่เช่นกัน ว่าตอนนี้เขากำลังเดินอยู่บนขอบดาบ เขาไม่มีเส้นทางให้หวนกลับได้แล้ว แม้จะไม่ผ่านทดสอบ ตนเองก็ต้องตายในมือของผู้เฒ่าร้องไห้อยู่ดี สิ่งของวางเดิมพันเหล่านี้ไม่มีความหมายอะไรเลย ดังนั้น เขาจึงได้แต่เดินไปข้างหน้า ไม่อาจถอยกลับได้ และต้องพยายามอย่างสุดกำลัง เพื่อเป็หนึ่งในสามสิบหกขุนพล์ให้ได้!
เมื่อเขียนไม้ไผ่เดิมพันเสร็จสิ้นแล้ว ฉินอวี่ก็โยนไปตรงหน้าของเหลยจั๋วเยว่ เหลยจั๋วเยว่รับเอาไว้ จากนั้นก็กัดนิ้วมือตนเองทันที ก่อนจะหยดแก่นโลหิตลงไปหนึ่งหยด
เหลยจั๋วเยว่เดิมพันเป็อาวุธเซียนหนึ่งชิ้นใน่เวลาสุดท้ายเช่นนี้ ทำให้ผู้ฝึกตนคนอื่นต่างกระสับกระส่ายขึ้นมาอย่างไม่ต้องสงสัย มีคนจำนวนไม่น้อยที่เริ่มมีความโลภขึ้นมาในใจ และหมายจะเพิ่มสิ่งเดิมพันให้มากขึ้นไปอีก ซึ่งรวมถึงอินิด้วยเช่นกันที่คิดเช่นนี้
“ข้าขอเดิมพันอีกหนึ่งชิ้นคือ...”
ขณะที่อินิกำลังจะพูดออกมานั้น ก็มีเสียงะโดังขึ้นขัดจังหวะ
เสียงะโดังกึกก้อง “อะไรกัน? เ้าเดิมพันอาวุธเต๋าระดับสูงกับเขาหนึ่งชิ้น? หลิวเฉวียน... เ้า... เ้ากำลังสร้างปัญหาให้ตนเองนะ เ้ารู้หรือไม่ว่าหลี่โหย่วฉายเข้าใกล้แผ่นผนึกว่านเซี่ยงได้ในระยะสองจ้าง? เพียงเื่นี้เื่เดียว เขาก็มีโอกาสมากกว่าคนอื่นแล้วที่จะได้เป็หนึ่งในสามสิบหกขุนพล์ เ้า... เ้าวางเดิมพันไปเป็อาวุธเต๋าระดับสูงจริงหรือ? หรือว่า เ้าก็คิดอยากได้อาวุธเต๋าระดับสูงจากหลี่โหยว่ฉาย? เป็ความคิดที่เพ้อฝันสิ้นดี!”
ทั่วทั้งลานกว้างที่จัดงานเงียบลงทันที
“เอิ้ก”
“เข้าใกล้ผนึกว่านเซี่ยงในระยะสองจ้าง? หลี่โหย่วฉาย? หลี่โหย่วฉายที่อยู่เพียงขั้นกุมารทิพย์ระดับต้น ฮ่าๆ นี่เป็เื่ที่น่าตลกที่สุดที่ข้าเคยได้ยินมาในชีวิตเลยทีเดียว”
“หรือหลี่โหยว่ฉายจะไม่กล้าเดิมพัน ก็เลยเชิญคนให้มาข่มขู่ข้า?”
“หากหลี่โหยว่ฉายผู้นี้สามารถจะเข้าใกล้แผ่นผนึกว่านเซี่ยงในระยะสองจ้างได้จริง เช่นนั้นข้าก็คงััแผ่นผนึกว่านเซี่ยงได้จนกลายเป็โอรสจอมอสูรในตำนานแล้วล่ะ! ฮ่าๆ”
