บทที่ 23 ตราคัมภีร์ศิลาทมิฬ และการเปิดเส้นชีพจรอีกครั้ง
ภายในห้อง
หลี่โม่กำลังแช่เท้าพลางตรวจสอบผลตอบแทนจากการลงทุนประจำวันนี้
【ยินดีด้วยเ้าของระบบ ท่านลงทุนสุราน้ำแข็งอัคคีและเนื้ออสูรย่างอย่างละหนึ่งส่วน สำเร็จ】
【ผลตอบแทนจากการลงทุน: ขี้ผึ้งน้ำค้างร้อยบุปผาหนึ่งกระปุก】
【ผลตอบแทนจากการลงทุน: ไข่มุกราตรีหนึ่งเม็ด】
【ขี้ผึ้งน้ำค้างร้อยบุปผา】: “ยารักษาอาการาเ็ชั้นเลิศ รวบรวมน้ำค้างหยดแรกจากดอกไม้วิเศษร้อยชนิด มีพลังชีวิตชั้นเยี่ยม และมีประสิทธิภาพวิเศษในการรักษาาแภายนอก”
【ไข่มุกราตรี】: “มาจากทะเลเหนือ ส่องสว่างไม่ดับ เหมาะสำหรับใช้ในถ้ำของยอดฝีมือ”
...
“รางวัลนี้น่าจะเป็ของท่านอาจารย์”
ในมือของหลี่โม่ปรากฏไข่มุกกลมมนขนาดเท่ากำปั้น ซึ่งกำลังเปล่งแสงเรืองรองนุ่มนวล เขาเคยเห็นของสิ่งนี้มาแล้ว ที่โรงประมูลเฮงทงในเมืองจื่อหยางก็มีไข่มุกราตรีแขวนอยู่บนแท่นประมูล แต่เมื่อดูจากความแวววาวและสีแล้ว ก็ยังด้อยกว่าเม็ดในมือของเขาอยู่บ้าง สรุปได้ว่ามันมีราคาสูงมาก แต่ประโยชน์ใช้สอยกลับสู้ขี้ผึ้งน้ำค้างร้อยบุปผาไม่ได้เลย
หลี่โม่ทาขี้ผึ้งลงบนร่างกายเพียงเล็กน้อย ก็รู้สึกเย็นสบาย าแเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดจากการหล่อหลอมโลหิตในถ้ำเทพศาสตราเมื่อกลางวันแทบจะสมานตัวทันที
【ยินดีด้วยเ้าของระบบ ท่านลงทุนสุราน้ำแข็งอัคคีไปหนึ่งส่วน และเนื้ออสูรย่างหนึ่งส่วน สำเร็จ】
【ผลตอบแทนจากการลงทุน: ความเข้าใจในวิถีแห่งยุทธ์ยี่สิบปี】
【ผลตอบแทนจากการลงทุน: หยกทมิฬหนึ่งก้อน】
...
“ยัยก้อนน้ำแข็งนี่หอมเย้ายวนจริง ๆ”
หลี่โม่อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา เพียงเชิญนางดื่มสุรานิดหน่อยก็ได้รับความเข้าใจในวิถีแห่งยุทธ์ยี่สิบปีแล้ว!
ของสิ่งนี้ต่อให้มีมากแค่ไหนก็ไม่เคยพอ เห็นได้ชัดว่าการลงทุนแบบเดียวกันนี้ แม้ท่านอาจารย์จะโปรดปรานสุราและเนื้อมากกว่า แต่รางวัลที่ได้จากอิ๋งปิงก็ยังดีกว่าไม่น้อย นี่คือความน่าสะพรึงกลัวของลิขิตฟ้าสีแดง อย่างแท้จริง!
อืม เพื่อรางวัลแล้ว ก็ต้องกอดขาของยัยก้อนน้ำแข็งเอาไว้ให้แน่น! นี่ไม่ใช่แค่การกอดขา แต่เป็ขาต้นไม้เงินต้นไม้ทองที่ส่องประกายชัด! ๆ
【เ้าของระบบยังมีผลตอบแทนหนึ่งส่วนที่รอรับอยู่ จะรับหรือไม่?】
หลี่โม่นึกขึ้นได้ เมื่อกลางวันเขาได้ช่วยมู่หรงเซียวไว้ นี่น่าจะถือเป็การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชะตาชีวิตของเขาใช่หรือไม่? แล้วจะได้ของดีอะไรออกมานะ...
หลี่โม่รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยขณะที่คิดในใจ
“รับ”
【ยินดีด้วยเ้าของระบบ ท่านลงทุนยาชำระจิตไปหนึ่งขวด สำเร็จในการช่วยมู่หรงเซียวให้รอดพ้นจากการเข้าสู่ด้านมืด】
【ผลตอบแทนจากการลงทุน: ตราคัมภีร์ศิลาทมิฬหนึ่งชิ้น】
【ตราคัมภีร์ศิลาทมิฬ】: “นำไปประทับบนวิชาฝีมือใดๆ ก็ได้ จะทำให้เกิดการวิเคราะห์และปรับปรุง เพื่อยกระดับคุณภาพของวิชาฝีมือ สามารถยกระดับวิชาฝีมือได้สูงสุดถึงระดับสูง”
“ปรับปรุงวิชาฝีมือ?”
หลี่โม่ตะลึงไปชั่วขณะ ไข่มุกราตรีเกือบกลิ้งตกพื้น
ในอีกชั่วขณะ ตราประทับขนาดเท่าหัวแม่มือก็ลอยขึ้นมาในมือซ้ายของเขา ตราประทับมีสีทองแดง แต่ไม่เหมือนทองแดงหรือสำริดที่หลี่โม่เคยเห็น ด้านทั้งสี่ของตราสลักด้วยอักษรคล้ายลูกอ๊อด ดูเก่าแก่และมีมนต์ขลัง
“มีตราคัมภีร์ศิลาทมิฬที่ทำจากหิน แล้วก็มีที่ทำจากทองแดง เงิน ทองด้วยหรือเปล่า?”
หลี่โม่ครุ่นคิด วิชาที่เขากำลังฝึกอยู่ซึ่งมีระดับสูงสุดน่าจะเป็“กายาศาสตราสังหาร”ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มวิชาลับ ส่วน“จิตเพลิงก่อบัวเป็วิชาระดับสูง” เหนือกว่าวิชาลับก็คือวิชาเทพแล้ว หากในอนาคตได้ตราคัมภีร์ศิลาทมิฬที่ทำจากเงินหรือทอง ก็จะสามารถยกระดับวิชาที่เขาเคยฝึกมาแล้วได้ การยกระดับวิชาที่มีอยู่แล้วย่อมสะดวกกว่าการเปลี่ยนไปฝึกวิชาอื่นมากนัก
“เอาไว้มีแล้วค่อยว่ากัน”
หลี่โม่หยิบ《วิชาดาบเพลิงล้างทุ่ง》ที่อาจารย์เพิ่งมอบให้ นอกจากวิชานี้แล้ว ตอนนี้ก็ไม่มีวิชาฝีมืออื่นที่สามารถให้เขายกระดับได้อีก เขานำตราคัมภีร์ศิลาทมิฬประทับลงบนหน้าหนังสือเบา ๆ ทันใดนั้น อักษรลูกอ๊อดที่อยู่บนตราก็เปล่งแสงเรืองรองเล็กน้อย แล้ว 'เจาะ' เข้าไปในหนังสือ วิ่งวนไปมาระหว่างตัวอักษรทั้งหมด
หลี่โม่มองดูด้วยความรู้สึกอัศจรรย์ใจ
ประมาณห้านาทีต่อมา อักษรลูกอ๊อดก็สูญเสียแสงทั้งหมดและหายไปจนหมดสิ้น ส่วนวิชาดาบที่บันทึกไว้ในหนังสือก็เปลี่ยนไปเป็
【วิชาดาบกระเรียนเพลิงนับพัน】
“ได้รับความเข้าใจในวิถีแห่งยุทธ์เพิ่มยี่สิบปี”
“ถ้าเอาไปเพิ่มในวิชาแก่นแท้อีกสองวิชา อาจจะยังไม่สามารถทะลวงจากขั้นแตกฉานไปสู่ขั้นสมบูรณ์ได้”
“เรียนวิชาดาบก่อนแล้วกัน”
หลี่โม่ถูมือตัวเองพลางรำพึงอย่างมีเหตุผล อันที่จริงแล้ว เขาแค่้าเรียนวิชาดาบเท่านั้น ใครบ้างเล่าที่ไม่อยากเป็จอมยุทธ์ดาบรูปงามผู้ท่องไปในสายลมและจันทรา? ความแข็งแกร่งเป็เื่รอง แต่ความหล่อเหลานั้นเป็เื่ชั่วชีวิต!
ด้วยความมุ่งมั่น หลี่โม่ได้ถ่ายเทความเข้าใจในวิถีแห่งยุทธ์ทั้งหมดลงในวิชาดาบกระเรียนเพลิงนับพัน
【ความเข้าใจในวิถีแห่งยุทธ์ยี่สิบปี ถูกถ่ายทอดสำเร็จ】
【ปีที่หนึ่ง ท่านมีความสนใจอย่างมาก ตั้งใจเรียนรู้《วิชาดาบกระเรียนเพลิงนับพัน》และสำเร็จขั้นพื้นฐานได้】
【ปีที่ห้า ท่านยังคงกระตือรือร้นในการเรียนรู้วิชาดาบ การฝึกฝนเป็ไปอย่างราบรื่น และในที่สุดก็ฝึกฝนจนสำเร็จขั้นเชี่ยวชาญ】
【ปีที่แปด ท่านเข้าสู่่ติดขัด เป็เวลานานก็ไม่มีความก้าวหน้าแม้แต่น้อยจนเริ่มสงสัยในตัวเอง】
【ปีที่ยี่สิบ ในที่สุดท่านก็สามารถสรุปประสบการณ์วิชาดาบได้ด้วยความพยายามอย่างไม่ลดละจากการนั่งฝึกฝนนานนับปี และสามารถบรรลุขั้นชำนาญได้เพียงเล็กน้อย】
หลี่โม่ลืมตาขึ้น ในพริบตา ประสบการณ์การฝึกฝนตลอดกว่ายี่สิบปี ทั้งกลางวันกลางคืน ไม่เว้นแม้แต่ฤดูร้อนฤดูหนาว ได้ปรากฏขึ้นในความทรงจำอย่างชัดเจน เขามองไปยังกิ่งไม้ที่อยู่นอกหน้าต่าง
ไม่สิ นี่มันดาบเทพที่หาได้ยากยิ่งชัด ๆ!
เขาหักกิ่งไม้ลงมา แล้วโบกสะบัดด้วยความลิงโลด กิ่งไม้นั้นในมือเขา มีเสียงลมก้องกังวานแ่เบา วิชาดาบเพลิงล้างทุ่ง เดิมทีก็เน้นการะเิพลังอยู่แล้ว ส่วนวิชาดาบกระเรียนเพลิงนับพัน ได้สืบทอดข้อดีนี้ และยกระดับให้สูงขึ้นไปอีกขั้น ทุกครั้งที่โจมตีโดน จะทิ้งพลังไว้ในร่างศัตรู เมื่อถึงตอนนั้น ร่างกายศัตรูจะปรากฏรอยแดงเป็ปื้นๆ คล้ายขนนกกระเรียนที่กำลังลุกไหม้ เมื่อพลังสะสมถึงขีดสุด ก็สามารถะเิออกมาได้ในคราวเดียว ที่ขั้นชำนาญสามารถซ้อนพลังได้สูงสุดเก้าชั้น
“รอจนถึงขั้นปราณภายใน ก็ยังสามารถเปลี่ยนพลังเป็ปราณภายในได้”
หลี่โม่โยนกิ่งไม้ที่แตกร้าวออกไปพลางรู้สึกพอใจอย่างยิ่ง
หลังจากใจเย็นลง เขาก็อดไม่ได้ที่จะครุ่นคิด ยี่สิบปี ถึงแค่ขั้นชำนาญเองหรือ? เป็เพราะวิชาฝีมือยากกว่าวิชาแก่นแท้หรือวิชาฝึกร่างกาย หรือเป็เพราะเขาไม่มีพร์ด้านวิชาดาบกันแน่?
“ถ้าในอนาคตมีวิชาฝีมืออื่นอีก ก็ลองเพิ่มความเข้าใจในวิถีแห่งยุทธ์ลงไปบ้าง ถึงตอนนั้นก็จะได้รู้เอง”
หลี่โม่ดึงความคิดกลับมา นั่งลงบนพื้น แล้วเริ่มฝึกวิชาแก่นแท้
“ความเร็วในการเปิดเส้นชีพจรต้องเร่งขึ้นแล้ว”
“กายาเซียนกำเนิดลึกล้ำของข้า ดูเหมือนจะมีเส้นชีพจรหลักมากกว่าปกติ เส้นทางในขั้นปราณโลหิตก็ยาวนานกว่าคนอื่นเสียด้วย”
อู้ววว— หลังจากเกิดเสียงสะท้อนจากฟ้าดินอันแปลกประหลาด หลี่โม่ก็เข้าสู่สภาวะรวมเป็หนึ่งกับธรรมชาติอีกครั้ง พลังปราณบริสุทธิ์ที่สุดในฟ้าดินหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเขาดุจสายน้ำ และสติของเขาก็ค่อยๆ จมดิ่งลงสู่ภายในร่างกายของตนเอง
การมองเห็นภายใน สิ่งนี้ไม่จำเป็ต้องฝึกฝนเป็พิเศษ หลี่โม่สามารถทำได้เองโดยธรรมชาติหลังจากที่เขามีความเข้าใจในวิถีแห่งยุทธ์ของ《จิตเพลิงก่อบัว》ถึงขั้นแตกฉานแล้ว แน่นอนว่าสำหรับคนอื่น คงต้องรอจนกว่าจะถึงขั้นปราณภายในจึงจะสามารถควบคุมได้อย่างเชี่ยวชาญ ขั้นปราณโลหิตทั่วไปทำได้เพียงอาศัยการกิน การฝึกฝน และการหล่อหลอมโลหิตในร่างกายอย่างต่อเนื่อง จากนั้นก็พุ่งชนเส้นชีพจรไปพร้อมๆ กัน แต่ด้วยการมองเห็นภายใน หลี่โม่ไม่เพียงแต่สามารถใช้พลังปราณขัดเกลาปราณโลหิตได้เท่านั้น แต่ยังสามารถใช้พลังปราณห่อหุ้มปราณโลหิตแล้วส่งเข้าสู่เส้นชีพจรได้อย่างแม่นยำอีกด้วย
ยกตัวอย่างเช่น แบบแรกเหมือนกับการสาดน้ำทั้งถังออกไปอย่างไม่เป็ระเบียบ ส่วนแบบหลังคือการต่อสายยาง แล้วรดน้ำอย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ
ดังนั้น กระบวนการเปิดเส้นชีพจรของหลี่โม่จึงสามารถอธิบายได้ด้วยคำว่า 'น้ำมาปลากิน' ไม่มีจุดติดขัด และไม่มีทางได้รับาเ็เลยแม้แต่น้อย ดูเหมือนจะง่าย แต่การจะทำได้ถึงขั้นนี้ เกิดจากปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน กายาเซียนกำเนิดลึกล้ำ, วิชาแก่นแท้ระดับขั้นแตกฉาน, และการเพิ่มความแข็งแกร่งของเส้นชีพจรจากวิชากายาศาสตราสังหาร ไม่มีสิ่งใดขาดไปได้เลย
“เฮ้อ ช้าไปหน่อยนะ”
“คาดว่าต้องรอถึงเที่ยงคืนถึงจะสามารถเปิดเส้นชีพจร 'หยางเวย' ได้สมบูรณ์”
หลี่โม่ถอนหายใจในใจเบา ๆ คำพูดเหล่านี้ทำได้เพียงพูดในใจเท่านั้น เพราะหากพูดออกไปแล้วถูกคนอื่นได้ยิน เขาคงจะโดนต่อยเอาได้แน่ ๆ
แม้แต่ศิษย์ชั้นนอกในสำนักก็ถือเป็คนชั้นยอดที่ถูกคัดเลือกมาจากแคว้นจื่อหยางแล้ว แต่ละรุ่นเข้ามาก็เพื่อที่จะเข้าสู่ศิษย์ชั้นใน โดยมีเงื่อนไขคือการเปิดเส้นชีพจรหลักทั้งสิบสองเส้นให้สำเร็จภายในสามปี แล้วก้าวเข้าสู่ขั้นปราณภายใน ทว่าในท้ายที่สุด มีเพียงหนึ่งในสิบของทั้งหมดเท่านั้นที่สามารถเข้าสู่ศิษย์ชั้นในได้สำเร็จ เ้ากลับยังบ่นว่าช้าอีกหรือ? ไม่รู้ตัวเสียบ้างเลย!
ค่ำคืนดึกสงัด
ดวงจันทร์ที่ใหญ่กว่าโลกสีครามไม่น้อยกว่าสิบเท่า ลอยเด่นอยู่กลางฟ้า ส่องแสงเงินยวงสว่างไสวไปทั่วเทือกเขาชิงเยวียน
ภายในห้อง พลังปราณฟ้าดินที่หมุนวน ค่อยๆ สงบนิ่งลง
“หยางเวยถูกเปิดแล้ว”
หลี่โม่มองออกไปเห็นดวงจันทร์เคลื่อนมาอยู่ตรงกลางท้องฟ้าพอดี
“น่าจะ... ใช้เวลาสามชั่วยามได้กระมัง?” หากผู้อื่นรู้เข้า เกรงว่าจะคิดว่าเห็นผีเอาได้
แต่ภายในร่างกายของหลี่โม่ เส้นชีพจรที่เพิ่งถูกเปิดใหม่ๆ นั้น เต็มเปี่ยมไปด้วยปราณโลหิตอันมหาศาล แน่นอนว่านี่เป็สิ่งที่หลี่โม่คาดการณ์ไว้แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจจริงๆ คือจำนวนของมัน
“ข้า... มีเส้นชีพจรหลักสามสิบหกเส้นเลยหรือนี่?”
หลี่โม่ทั้งประหลาดใจและดีใจ สำหรับผู้ฝึกยุทธ์แล้ว เส้นชีพจรหลักในร่างกายเปรียบได้กับเครื่องยนต์ เท่ากับว่าปราณโลหิตที่เขาสามารถใช้ได้ในอนาคตจะเป็สามเท่าของขั้นปราณโลหิตทั่วไปอย่างนั้นหรือ? ช่องว่างของพลังต่อสู้ยิ่งห่างไกลออกไปอีก
“เหลืออีกสิบกว่าวันก็จะถึงการทดสอบศิษย์ใหม่แล้ว”
“ไม่รู้ว่าจะเกิดเื่ไม่คาดฝันอะไรบ้าง”
ต้องรู้ไว้ว่าในคำบรรยายของอิ๋งปิงนั้น เขียนไว้อย่างชัดเจนว่าโชคชะตาอาภัพ ดังนั้นคงมีเื่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับนางอย่างแน่นอน หากนางเกิดเื่ ตัวเขาที่อยู่ใต้ชายคาเดียวกันก็คงไม่อาจหลีกเลี่ยงการถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้องได้ ความรู้สึกเร่งด่วนเล็กน้อยเกิดขึ้นในใจของหลี่โม่ เขาปรารถนาที่จะมีพลัง!
“ปราณโลหิตที่สะสมจากพลังปราณ น่าจะยังพอเปิดเส้นชีพจรได้อีกหนึ่งเส้น”
หลี่โม่พึมพำกับตัวเองพลางเข้าห้องน้ำ ดื่มน้ำหนึ่งแก้ว แล้วเขาก็กลับไปนั่งที่เดิม พลังปราณฟ้าดินเริ่มหมุนวนอีกครั้ง พูดไปก็แปลก ตราบใดที่ฝึกฝน เขาไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าเลยแม้แต่น้อย หากไม่ถูกจำกัดด้วยความเร็วในการแปรเปลี่ยนระหว่างพลังปราณและปราณโลหิต การฝึกฝนสิบสองชั่วยามต่อวันก็ไม่ใช่เื่ที่เป็ไปไม่ได้เลย…
ห้องข้างๆ
ห้องของอิ๋งปิง ข้าวของหลายอย่างถูกแช่แข็งเสียหายแล้ว นางไม่เคยจุดเทียน เพราะเมื่อนางฝึกวิชา เทียนไม่มีสิทธิ์ที่จะจุดไฟติดได้ ตอนที่อยู่ในตำหนักกุ้ย สิ่งที่ใช้ให้แสงสว่างทั่วทั้งตำหนักคือโคมไฟหยกคริสตัลที่ทำจากไขมันเงือกนั่นเอง
“สองเส้นชีพจร”
“ยังไม่เร็วพอ”
อิ๋งปิงหลุบตาลงพลางคำนวณคร่าว ๆ ว่า สถานที่มีมรดกสืบทอดนั้น อย่างน้อยต้องใช้ขั้นปราณโลหิตแปดเส้นชีพจร นั่นหมายความว่า ใน่สิบกว่าวันนี้ นางจะต้องเปิดเส้นชีพจรให้ได้อีกอย่างน้อยหกเส้นเลยทีเดียว
ทันใดนั้น อิ๋งปิงนึกขึ้นได้ว่าการทดสอบศิษย์ใหม่ในรุ่นนี้ดูเหมือนจะไม่สงบนัก ตอนนั้นนางยังเปิดเส้นชีพจรไม่สำเร็จ จึงไม่ได้เข้าร่วม เพียงแต่ได้ยินข่าวลือเล็ก ๆ น้อย ๆ ว่ามีศิษย์ส่วนน้อยหายสาบสูญไปในการทดสอบครั้งนั้น ใช่แล้ว ไม่ใช่ตาย แต่เป็การหายสาบสูญ ไม่พบศพ ไม่พบคน เกิดอะไรขึ้นระหว่างนั้น ไม่มีใครรู้
“แข็งแกร่งขึ้นอีกไม่กี่ส่วน ก็จะยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้น”
“หนึ่งในิญญาโชคชะตาของหงส์ะเก้าสี ข้าจะต้องได้มา”
ดวงตาของอิ๋งปิงที่ดุจหยกมรกตหิมะส่องประกายเล็กน้อย ในชาติที่แล้ว นางได้รับโอกาสโดยบังเอิญ ด้วยการเข้าสู่สถานที่ลับซึ่งเกิดขึ้นจาก 'ิญญารุ่งอรุณ' หนึ่งในเก้าิญญาแห่งโชคชะตาของหงส์ะเก้าสี นางจึงได้แสดงพร์และเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตนเอง
ชีวิตหลังจากนั้น การสืบทอดนี้ก็ยังคงเชื่อมโยงกับนางอย่างแยกไม่ออก ต่อมาไม่ว่าจะด้วยโชคชะตาหรือวิธีการต่าง ๆ นางก็รวบรวมิญญาแห่งโชคชะตาครบทั้งเก้า ซึ่งกลายเป็หนึ่งสิ่งสำคัญ ที่ทำให้นางไร้เทียมทานตลอดเส้นทางชีวิต กล่าวได้ว่าในบรรดาโอกาสสำคัญต่างๆ หงส์ะเก้าสีสามารถติดสามอันดับแรกได้เลย
มันทำให้เกิดวิชาเทพที่อิ๋งปิงคิดค้นขึ้นเอง —
《คัมภีร์หงส์ลึกล้ำเก้าสี》
แต่จะฝึกได้ก็ต่อเมื่อมีิญญาแห่งโชคชะตาครบทั้งเก้าแล้วเท่านั้น
“หลี่โม่ ยังคงฝึกวิชาอยู่หรือ?”
“ก็มีความมุ่งมั่นอยู่บ้าง”
พูดไปก็แปลก เมื่ออิ๋งปิงนึกถึงหลี่โม่ที่อยู่ห้องข้าง ๆ สระน้ำในใจที่เคยเป็ดุจน้ำแข็งก็พลันเกิดระลอกคลื่นขึ้นเล็กน้อย นางไม่รังเกียจความรู้สึกนี้ แต่รังเกียจตัวเองที่ถูกความรู้สึกนี้ครอบงำ สิ่งที่ทำให้นางไม่ชอบใจยิ่งกว่าก็คือ นางไม่เข้าใจว่าความรู้สึกนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรกันแน่
“หรือเป็เพราะข้ายังติดหนี้บุญคุณเขาอยู่?”
อิ๋งปิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ตัดสินใจได้ว่า
ตอนที่จะไปสถานที่ที่มรดกลับซ่อนอยู่ จะพาหลี่โม่ไปด้วย โอกาสอื่น ๆ ในสถานที่นั้น เพียงได้มาแค่เล็กน้อย ก็เพียงพอที่จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของคนธรรมดาได้แล้ว
บางทีสิ่งนี้อาจทำให้เขาสามารถก้าวออกจากแคว้นจื่อหยาง หรือแม้กระทั่งแดนบูรพาได้ในชีวิตนี้
เพราะเพียงได้เห็นความงดงามที่แท้จริงของเก้า์สิบดินแดนแม้เพียงเล็กน้อย ก็ถือว่าเขาไม่เสียชาติเกิดแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้