หานโม่แอบฟังบทสนทนาระหว่างเหลาป่าวและเหล่านางโลมอย่างเงียบๆ รอจนกระทั่งเหลาป่าวเดินจากไปจึงค่อยๆ ลุกขึ้นมาอย่างเงียบเชียบ และใช้สันมือฟาดชายที่คอยคุ้มกันนางอยู่จนอีกฝ่ายหมดสติไป
ขณะนี้ในอี้หงหยวนเป็่เวลาที่มีแเื่เข้ามามากมาย นางจึงอาศัยโอกาสตอนที่ไม่มีผู้ใดสนใจะโเข้าไปในห้องข้างๆ อย่างรวดเร็วราวกับวิหคกำลังโผบิน หานโม่วางแผนจะหลบหนีออกจากอี้หงหยวนผ่านทางหน้าต่างห้องนี้
ซึ่งก่อนหน้านี้นางได้ยินมาว่าห้องนี้เป็ห้องว่าง แต่หลังจากที่นางผลักประตูเข้าไป หานโม่ก็เพิ่งตระหนักว่าความสามารถในการได้ยินของตัวนางนั้นช่างไม่มีประสิทธิภาพ!
ภายในห้องนี้มีบุรุษรูปงามราวกับปีศาจในอาภรณ์สีขาวกำลังถือสิ่งที่คล้ายกับแส้เส้นหนึ่งอยู่ในมือ ชายหนุ่มผู้นั้นกำลังหวดแส้ลงบนร่างของคนผู้หนึ่งอยู่ เมื่อถูกรบกวนด้วยเสียงเปิดประตูอย่างกะทันหัน ชายผู้นั้นก็หันมามองที่หานโม่
ตอนที่ได้พบกับชายหนุ่มรูปงามราวกับปีศาจครั้งแรก ภายในใจของหานโม่ก็รู้สึกได้ว่าพวกเขาทั้งสองจะต้องได้พบกันอีก แต่ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้
อีกทั้งยังพบเจอในสถานที่น่าอับอายเช่นนี้อีกด้วย
เมื่อชายรูปงามผู้นั้นเห็นว่าเป็หานโม่ ภายในดวงตาก็ปรากฏแววแห่งความประหลาดใจสายหนึ่งพาดผ่าน
เขากระตุกดึงสิ่งที่กำลังฟาดชายคนนั้นกลับมาทันที หานโม่สังเกตเห็นว่าแส้เส้นนั้นราวกับมีชีวิตของตัวมันเองก็ไม่ปาน นางคาดไม่ถึงว่าตอนที่ออกมาจากร่างกายของชายผู้นั้นมันจะดึงเอาเส้นเืออกมาด้วย เส้นเืสีแดงที่ถูกแส้ของชายรูปงามเกี่ยวดึงออกมาทำให้คนผู้นั้นอ้าปากกว้างราวกับว่ากำลังกรีดร้องด้วยความเ็ป แต่กลับไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมา
หานโม่ยืนอยู่ตรงข้ามกับชายผู้นั้น ตอนที่เขาอ้าปากกว้าง หานโม่ก็เห็นว่ามีบางอย่างอยู่ภายในปากของเขาอย่างชัดเจน สิ่งหนึ่งที่มีรูปร่างคล้ายคางคกอยู่ในปากที่อ้ากว้างของคนผู้นั้น มันทะลวงเข้าไปในลำคอของเขาแล้วปิดกั้นเสียงทั้งหมด
ดวงตาของหานโม่เป็ประกาย
หากใช้วิธีการเช่นนี้ก็ไม่ใช่เื่น่าแปลกใจที่ชายผู้กระทำนี้จะมีชีวิตราวกับครึ่งเป็ครึ่งตายไปเสียแล้ว ทั้งยังไม่สามารถส่งเสียงใดๆ ออกมาได้อีก
ชายหนุ่มรูปงามเห็นสายตาของหานโม่ที่จ้องไปบนร่างของชายผู้นั้น ก็พลันหัวเราะออกมาพลางเอ่ยถามเสียงเบา “น่ามองใช่หรือไม่?”
หานโม่กวาดตามองชายคนนั้นขึ้นลงรอบหนึ่งโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง......
แส้ที่อยู่ในมือของชายรูปงามผู้นั้นเห็นได้ชัดว่ามีความลึกลับบางอย่าง แส้ทุกเส้นสามารถดึงเอาบางสิ่งบางอย่างจากภายในร่างกายของคนผู้นั้นออกมาได้ แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจคือเืสีแดงฉานที่ไหลซึมออกมา ราวกับถูกอะไรบางอย่างดูดซับและอันตรธานหายไปในเวลาเพียงแค่พริบตาเดียว และไม่มีร่องรอยคราบเืหลงเหลืออยู่แม้แต่น้อย
ชายผู้นั้นกำลังจะตาย ทั่วทั้งร่างไม่มีตรงไหนที่พอมองได้เลย ช่างน่ากลัวนัก
หากนางเป็เพียงแค่หญิงสาวธรรมดาก็คงส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวไปแล้ว แต่ดวงตาของหานโม่นั้นช่างสงบนิ่ง พลางมองสบกับดวงตาที่อ่านไม่ออกของชายรูปงามผู้นั้น "ไม่เป็ไร ก็แค่น่าเกลียดเล็กน้อย"
ชายรูปงามนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วจึงหัวเราะออกมาเบาๆ
ก่อนหน้านี้เขารู้สึกว่าแม่นางผู้นี้น่าสนใจ แต่พอมายามนี้กลับยิ่งดูน่าสนใจมากขึ้นไปอีก
“หญิงสาวธรรมดาหากได้เห็นภาพที่น่ากลัวเช่นนี้ เกรงว่าคงจะอาเจียนไปเสียก่อนแล้ว สาวน้อย เ้านี่ช่างแตกต่างเสียจริง” แส้ในมือของชายรูปงามสะบัดไปมา บนตัวแส้นั้นไม่รู้ว่าเป็ตะขอหรืออะไร เมื่อมันสะท้อนกับแสงจันทร์ก็ราวจะแยกเขี้ยวกางกรงเล็บได้
หานโม่มองไปที่ชายรูปงามอย่างเ็า และพูดอย่างเมฆบางลมเบา [1] "ขอบคุณสำหรับคำชม"
“……”
ชายรูปงามเงียบไปครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ส่งเสียงหัวเราะดังออกมา “ฮ่าฮ่า สาวน้อยผู้นี้ เ้าช่างน่าสนใจนัก หากเป็ในยามปกติแล้ว ตัวข้าคงต้องเล่นกับเ้าเสียหน่อย แต่...…”
เขาพูดพลางตวัดแส้ชี้ไปยังร่างของชายที่ราวกับครึ่งเป็ครึ่งตายด้านหลังตนเอง "เ้าเองก็เห็นแล้ว"
สายตาของหานโม่จ้องไปยังร่างของชายผู้นั้น เมื่อมองดูแววตาที่หรี่ลงจนเกือบจะปิดก็พลันหัวเราะเยาะออกมา
ดวงตาของชายรูปงามที่เดิมทีมีแต่ความรำคาญใจทอประกายแวววาว เขามองไปที่หานโม่และเอ่ยถามด้วยความสนใจ “อย่างไร เ้ามีความเห็นเช่นไรหรือ?”
เชิงอรรถ
[1] เมฆบางลมเบา หมายถึง สบายๆ ของสภาวะทางจิตใจที่ผ่อนคลายมาก ปราศจากความคิดฟุ้งซ่านใดๆ