“คุณหนูเวินซี ่นี้คุณหนูคงจะต้องลำบากหน่อยนะขอรับ”
เช้าวันรุ่งขึ้น ตอนที่เวินซีเดินไปที่โถงหน้า ยังไม่ทันได้นั่งก็ได้ยินเสียงของจ่างกุ้ย เมื่อหันไปมองก็เห็นเขายกอาหารเข้ามาให้
ทุกถ้วยเป็โจ๊กขาว มีเพียงเอ้อเอ้อร์ ซันซาน และถันถั่นเด็กสามคนที่มีเนื้อบางๆ อยู่
มันเป็เื่ที่เข้าใจได้ เวินซีมิได้พูดอันใด เพียงแค่รับโจ๊กมาทานเงียบๆ
ชีวิตของจ้าวต้านเมื่อก่อนข้นแค้นกว่านี้มาก สำหรับเขาแล้วการมีโจ๊กทานก็นับว่าดีแล้ว เขามิได้ติดใจ
เพียงแต่จ่างกุ้ยยังรับไม่ได้กับความเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ หลังจากที่เขาทานเสร็จก็ไปนั่งถอนหายใจอยู่ที่หน้าประตู
“พี่สะใภ้ พวกเราไม่มีเงินแล้วหรือเ้าคะ?” เอ้อเอ้อร์มองดูจ่างกุ้ย ใช้ตะเกียบคนเนื้อในถ้วยแล้วเอ่ยถามอย่างไร้เดียงสา
นางลดสายตาลง คีบเนื้อขึ้นมาและเอาไปให้เวินซี “พี่สะใภ้ทานเถิดเ้าค่ะ”
“เอ้อเอ้อร์กำลังโต เอ้อเอ้อร์ทานเถิด พวกเราใช่ว่าจะไม่มีเงิน เพียงแต่ว่ามีเื่เกิดขึ้นใน่นี้ เราทำได้เพียงทานของพวกนี้ หากผ่านพ้นไปได้เมื่อใดพี่จะให้เอ้อเอ้อร์ทานอาหารดีๆ นะ” เวินซีมองนางด้วยความรักพลันลูบศีรษะเบาๆ
เอ้อเอ้อร์พยักหน้าอย่างเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง จากนั้นก็วางเนื้อลงในถ้วยของซันซาน
“ซันซานกำลังโต ทั้งยังเด็กกว่าข้านัก ข้าให้ซันซานทาน”
“ทาน! ทาน!”
ซันซานเอามือจับถ้วยโจ๊ก คีบเนื้อเข้าปากไป ฟันน้ำนมสองซี่ของเขาออกแรงเคี้ยวเนื้ออย่างน่าเอ็นดู เวลาผ่านไปนานเขาก็ทานได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
จ่างกุ้ยมองดูเอ้อเอ้อร์ก็รู้สึกผิดและหดหู่มากขึ้นไปอีก จึงหันหน้าออกไปดูสถานการณ์ด้านนอกจากทางช่องประตูด้วยสีหน้าสิ้นหวัง
เพราะว่าอยากรู้สถานการณ์ในเมืองด้วยเช่นกัน หลังจากที่ทานโจ๊กเสร็จ เวินซีและจ้าวต้านจึงขึ้นไปบนหลังคาของร้านเครื่องหอม
ข่าวเื่โรคระบาดได้แพร่ออกไปทั่ว ขณะนี้เมืองทั้งเมืองเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความสิ้นหวัง หลายๆ คนแบกสัมภาระน้อยใหญ่ ครอบครัวที่อยู่บนถนนก็ต่างรีบเดินก้มหน้า
ทุกคนเดินห่างกันเป็ระยะสองเมตร
ประตูเมืองใหญ่ที่ปกติจะถูกเปิดอยู่เสมอ แต่ในวันนี้กลับปิดสนิท ทั้งยังมีราวกั้นและกลุ่มเ้าหน้าที่จากทางการเดินไปมาอยู่ด้านหลังราว
ห่างจากพวกเขาไปสามเมตร มีประชาชนกลุ่มใหญ่ที่ออกไปไม่ได้ บางคนก็ร่ำไห้ บ้างก็ร้องโวยวาย เมืองทั้งเมืองจึงตกอยู่ในความวุ่นวาย
“ลงไปกันเถิด” หลังจากที่เห็นสถานการณ์ในระดับหนึ่งแล้ว จ้าวต้านก็หันไปมองเวินซี
“ยัง บนนี้ทิวทัศน์งามใช้ได้เลย ข้าขอนั่งดูก่อน” เวินซียิ้มบางๆ พลันนั่งลง
ร้านเครื่องหอมของพวกเขามิได้อยู่ห่างไกลจากในเมืองนัก อีกทั้งยังมีถึงสามชั้น การยืนอยู่บนหลังคาจึงทำให้มองเห็นได้เกือบครึ่งเมือง หากต้องอยู่ในห้องและไม่รับรู้สิ่งใด สู้นั่งตากลมฟังเื่ราวที่เกิดขึ้นอยู่บนนี้ดีกว่า
จ้าวต้านมิได้ตอบ แต่นั่งลงข้างกายนาง สายตาของทั้งสองมองไปที่เมืองทั้งเมืองอย่างไร้จุดหมาย
“คุณหนูเวินซี คุณหนูเวินซี! มองมาทางนี้ขอรับ พวกเราอยู่ที่นี่! คุณหนูเวินซี!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงของหลายคนที่เอ่ยเรียกนางดังมาจากทางขวา สายตาของเวินซีพลันมองตามที่มาของเสียง
เป็ร้านหม้อไฟ คนรับใช้ภายในร้านยืนอยู่ที่หน้าต่างของชั้นสอง พวกเขาพากันโบกมือให้นางอย่างกระตือรือร้น
“คุณหนูเวินซี พวกท่านมีอาหารหรือไม่ขอรับ?” เมื่อพวกเขาสบตากัน คนรับใช้ก็รีบะโถาม
“พวกเ้ามีหรือไม่?” เวินซีถามกลับ
คนรับใช้รีบพยักหน้ารัว “ที่ร้านจะตุนอาหารไว้ทุกวันขอรับ อาหารในร้านตอนนี้เพียงพอให้ทุกคนทานได้เป็เดือนเลยขอรับ หากคุณหนูเวินซีไม่มีอาหาร พวกเราจะนำไปส่งให้ขอรับ”
“ยามนี้โรคระบาดหนัก ทุกคนต่างเอาตัวรอด อาหารก็หาซื้อยาก ถึงแม้จะมีของขาย แต่ราคาก็ถูกโก่งจนสูงลิ่ว หากคุณหนูเวินซี้าสิ่งใดก็เอาจากที่ร้านเถิดขอรับ”
“พวกเ้ามีสิ่งใดบ้าง?”
“เรามีเนื้อแกะ เนื้อวัว ปลา หัวมัน ผัก...” คนรับใช้บอกของที่มี ทุกอย่างล้วนเป็วัตถุดิบที่ใช้ทำหม้อไฟ
เดิมทีนางทานอาหารจนอิ่มแล้ว แต่เมื่อฟังพวกเขาพูดก็รู้สึกหิวขึ้นมา
“พวกเ้าเตรียมอาหารออกมาวางนอกประตูส่วนหนึ่งเถิด ตอนกลางคืนพวกข้าจะไปเอา ไม่ต้องแบ่งให้พวกข้าเยอะหรอก พวกเ้าต้องเหลือไว้ทานด้วย”
“ขอรับคุณหนู พวกข้าจะรอขอรับ” คนรับใช้พากันเดินกลับเข้าไปอย่างมีความสุข
ในเมื่อมีทางออกสำหรับเื่อาหารแล้ว เวินซีพลันรู้สึกกระฉับกระเฉงขึ้นมาทันใด
“ไปกันเถิด”
หลังจากที่นั่งได้ประมาณครึ่งชั่วยาม มองดูทิวทัศน์จนหนำใจแล้ว นางก็ลุกขึ้นและะโลงจากหลังคา โดยมีจ้าวต้านตามลงไปติดๆ
เพราะว่าออกไปด้านนอกมิได้ ทุกคนจึงนั่งฆ่าเวลาอยู่ภายในเรือนอย่างเบื่อหน่าย
“ทหารลับที่ร้านชานมมีอาหารทานหรือไม่?” เวินซีนั่งพิงเสาแล้วเอ่ยปากถาม
“เมื่อรู้ว่ามีโรคระบาด พวกเขาก็ออกไปนอกเมืองกันทั้งหมดทันที ไม่ต้องเป็ห่วงหรอก” จ้าวต้านเอ่ยตอบ สายตาของเขามองไปยังซันซานที่กำลังเล่นอยู่
“เช่นนั้นก็ดี” เวินซีหลับตาลงพักผ่อน
ไม่คิดเลยว่าทันทีที่หลับตาลง ภาพเหตุการณ์ที่สำนักหมอหลวงเมื่อวานจะผุดขึ้นมาในหัว ทำให้เวินซีหยุดคิดไม่ได้
เมื่อวาน หลังจากที่นางรักษาเด็กคนนั้นแล้ว อาการของเขาก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เช่นนั้นวิธีการของนางก็ถูกต้องน่ะสิ แต่เหตุใดอาการถึงหนักขึ้นได้? นางขับพิษออกไปหมดแล้วนี่ หรือว่าจะเป็โรคระบาดจริงๆ?
ในตอนแรกสตรีผู้นั้นกับคนรับใช้คนนั้นก็ยังปกติดี พวกเขาติดเชื้อด้วยเหตุใดกัน? คนรับใช้คนนั้นมิได้แตะต้องตัวของเด็กเสียหน่อย...
ด้วยความสงสัยจึงทำให้เวินซีไม่อาจเอาแต่หลบอยู่ในร้านเครื่องหอมได้ นางลุกขึ้นพลันเดินไปที่หน้าประตูร้าน เมื่อจ้าวต้านเห็นเช่นนั้นก็ตามไปติดๆ
“จะไปที่ใด?” เขาเอ่ยถาม
“ไปสำนักหมอหลวง จะไปด้วยหรือ?”
“ข้างนอกอันตราย ข้าจะไปกับเ้า”
แม้ว่าจ้าวต้านจะไม่รู้เหตุผลของนาง แต่ก็ไม่อยากถามมาก
เวินซีพยักหน้าให้เป็การอนุญาต หากมีเขาคอยช่วยคิดก็น่าจะแก้ไขปัญหาได้เร็วยิ่งขึ้น
นางหยิบไม้กั้นประตูออก ชะโงกหน้ามองซ้ายขวาแล้วเอียงตัวออกมาจากร้านเครื่องหอม
“ไปกันเถิด” หลังจากที่จ้าวต้านออกมาและวางแผงกั้นประตูกลับเข้าไป เวินซีก็เดินลงบันไดไป
แต่ยังไม่ทันไร ที่หัวมุมถนน ท่านเ้าอำเภอที่นำขบวนเ้าหน้าที่และหมอผู้เฒ่าก็ปรากฏตัวขึ้น
“คุณหนูเวินซี!” เมื่อเห็นนาง ท่านเ้าอำเภอก็เอ่ยขึ้นอย่างกระตือรือร้น เขาเร่งฝีเท้าเข้าไปหา
“ท่านเ้าอำเภอจะไปที่ใดเ้าคะ?” เวินซีเดินไปไม่กี่ก้าวก็เอ่ยทักทายเขาด้วยความเคารพ
“ข้ามาที่นี่ก็เพื่อมาหาคุณหนูเวินซีโดยเฉพาะ อยากจะให้เ้าช่วยเหลือสักหน่อย โรคระบาดรอบนี้ช่างรับมือยากยิ่งนัก ฝีมือของหมอทั้งสำนักก็มิอาจต้านทาน ข้าคิดว่าฝีมือทางการแพทย์ของคุณหนูเวินซีไม่เลวจึงอยากให้คุณหนูลองดูหน่อยน่ะ”
เพราะว่ามาขอความช่วยเหลือ ใบหน้าของท่านเ้าอำเภอจึงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความประจบประแจง
“เช่นนั้นก็พอดีเลยเ้าค่ะ ข้ากำลังคิดเช่นเดียวกันอยู่เลย เราไปที่สำนักหมอหลวงกันก่อนเถิดเ้าค่ะ แต่ท่านเ้าอำเภอเ้าคะ ข้าต้องรบกวนท่านเสียหน่อย ช่วยอธิบายสถานการณ์ในเมืองตอนนี้ให้ข้าฟังหน่อยเ้าค่ะ”
เวินซีพูดจบก็เดินไปที่สำนักหมอหลวง โดยมีท่านเ้าอำเภอและคนอื่นๆ ตามนางไปติดๆ
“คุณหนูเวินซี ยามนี้ในเมืองมีคนได้รับเชื้อแล้วยี่สิบคนภายในคืนเดียว พวกเขามีอาการเดียวกัน แต่เพราะว่ายังหาวิธีรักษามิได้ จึงให้พวกคนติดเชื้อทั้งหมดอยู่ที่โถงหน้าของสำนักหมอหลวง”
“ส่วนประชาชนในเมือง...”
เมื่อเอ่ยถึงเื่นี้ ท่านเ้าอำเภอก็ปวดหัว หลังจากที่ถอนหายใจหนักๆ แล้ว เขาก็กล่าวต่อ
“ประชาชนในเมืองตื่นตระหนกมาก ไม่ฟังคำใด มีคนหมู่มากเก็บสัมภาระและคิดจะออกจากเมืองไปตอนกลางคืน แต่ก็ถูกเ้าหน้าที่สกัดไว้ได้ ตอนนี้พวกเขาได้แต่ด่าทอเหล่าเ้าหน้าที่อยู่ที่ทางออกเมือง”