“หานอวี๋เอ๋อร์…”
กูเฟยเยี่ยนพึมพำออกมาจนลืมขึ้นไปบนม้า จู่ๆนางก็รู้สึกว่าไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดีและรู้สึกว่ารับมือไม่ทัน
เมื่อสักครู่นี้นางไม่ได้คิดว่าจะเป็เพราะหานอวี๋เอ๋อร์ ในตอนนี้คิดได้แล้วจึงพบว่ามีเพียงแค่เหตุผลนี้ที่อธิบายได้ชัดเจนถึงความไม่พอใจของจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย
เมื่อคิดดูแล้วนางมาเป็แพทย์หญิงของจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยได้เพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น ทว่าหานอวี๋เอ๋อร์กับจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยน่าจะรู้จักกันมานานแล้วใช่หรือไม่? บางทีอาจจะรู้จักกันมาก่อนที่จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยจะเสด็จกลับเมืองจิ้นหยางเสียอีก
เมื่อสักครู่นี้ที่สนามประมูลทำไมนางถึงได้ทึกทักคิดไปเองว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาธรรมดากันนะ? ทำไมนางถึงพูดออกไปเช่นนั้นกัน? การที่จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยไม่พูดอะไรออกมาเกรงว่าไม่ใช่ยอมรับในตัวนาง แต่เป็เพราะไม่้าเปิดเผยตัวตนใช่หรือไม่?
กูเฟยเยี่ยนคิดไปคิดมา จนลืมเลือนความรู้สึกที่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี นางค่อยๆ เกิดความรู้สึกโกรธ
ทั้งโกรธสายตาของจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย และโกรธความโง่เขลาของตนเอง
ทำไมจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยถึงมองหญิงสาวอย่างหานอวี๋เอ๋อร์ไม่ออก? ทำไมถึงหลงรักนางล่ะ? บนโลกใบนี้ยังมีหญิงสาวอีกมากมายที่ดีกว่าหานอวี๋เอ๋อร์ พี่ถังจิ้งคนนั้นดีกว่าหานอวี๋เอ๋อร์มากกว่าร้อยเท่าเชียวนะ!
หลังจากที่นางเข้ามาในจิ้งหวางฝู่ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย นางล้วนรับใช้ด้วยความระมัดระวังมาโดยตลอด ทำไมในครั้งนี้ถึงได้…ถึงได้หลงระเริงไปล่ะ?
กูเฟยเยี่ยนััไปที่หนังสือรับรองหนี้สินในกระเป๋า ทันใดนั้นความคิดขอโทษก็ได้ปรากฏขึ้นมาในสมองแต่นางก็รีบปฏิเสธทันที
นางเคาะไปที่สมองของตนเองแรงๆ แล้วะโด้วยความโกรธ “ไม่ได้! ”
ต่อให้จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยจะไม่พอใจก็ช่าง เื่ที่นางไม่ได้ทำผิดนางจะไม่มีทางรับผิดอย่างแน่นอน!
จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยจะโกรธก็โกรธไปเถอะ หากว่าเป็เพราะเื่นี้ทำให้เขาไม่พิจารณาเก็บนางไว้ นางก็ นางก็…นางก็…
กูเฟยเยี่ยนไม่ได้คิดต่อและไม่เต็มใจคิดต่อไปด้วย นางพึมพำกับตัวเองเบาๆ “เมื่อถึงเวลานั้นค่อยคิดแล้วกัน”
นางไม่รู้ว่าสีหน้าของตนเองในขณะนี้มีความน้อยใจราวกับเป็ลูกสะใภ้ตัวน้อยมากเพียงใด
หมางจ้งมองมาจากด้านข้างจึงเห็นถึงเบาะแสบางอย่าง ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าเตี้ยนเซี่ยตามหาดอกเฟิ่งหลีไปทำไม แต่เขารู้ว่าดอกเฟิ่งหลีไม่ใช่ของแทนใจ
เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาแล้วมองไปที่ร่างเล็กของกูเฟยเยี่ยนราวกับค้นพบความลับอันยิ่งใหญ่บางอย่าง
เห็นได้ชัดว่าเตี้ยนเซี่ยทรงปฏิบัติต่อแพทย์หญิงกูแตกต่างจากผู้อื่น หากแพทย์หญิงกูก็มีใจต่อเตี้ยนเซี่ย เื่นี้จะไม่ใช่ต่างฝ่ายต่างมีใจให้กันหรือ? อย่าว่าเลยนะ แพทย์หญิงตัวน้อยผู้นี้มีความกล้าเสียจริง คาดไม่ถึงเลยว่านางจะกล้ามีใจให้เตี้ยนเซี่ย!
หมางจ้งนอกจากจะไม่อธิบายแล้ว แต่ยังทำเสียงพิลึกกึกกือตามเซี่ยเสี่ยวหม่านอีก “แพทย์หญิงกู วันหลังอย่าคาดการณ์ความคิดของเตี้ยนเซี่ยโดยพลการและทำให้เตี้ยนเซี่ยไม่พอใจอีก มีเื่มากมายเกี่ยวกับเตี้ยนเซี่ยที่เ้ายังไม่รับรู้! ไปเถอะ หากถ่วงเวลาเอาไว้แล้วเตี้ยนเซี่ยกล่าวโทษขึ้นมาท่านต้องรับผิดชอบเอง”
เดิมทีกูเฟยเยี่ยนก็น้อยใจแล้ว เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็ยิ่งน้อยใจมากขึ้นไปอีก
นางมองไปที่หมางจ้งแวบหนึ่งแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร นางได้พลิกตัวขึ้นไปนั่งบนม้าแล้วออกแรงตีลงไปจนทำให้ม้าพุ่งทะยานไปด้านหน้าราวกับลูกธนู
จวินจิ่วเฉินชะลอตัวรอคอยใครบางคนมาโดยตลอด! เมื่อเห็นว่าผ่านมานานแล้วแต่นางก็ยังไม่มาเขาจึงรู้สึกโกรธ เขาหยุดลงกะทันหันแล้วหันกลับไปมอง ในขณะที่เขากำลังจะเร่งรัดก็พบว่ากูเฟยเยี่ยนมุ่งหน้ามาด้วยความเร็วปานลมกรด
กูเฟยเยี่ยนคิดไม่ถึงว่าจวินจิ่วเฉินจะหยุดกะทันหัน นางใช้แรงไปมากทำให้ม้าวิ่งเร็วราวกับโบยบินจึงส่งผลให้ไม่สามารถหยุดลงได้ในทันที ในตอนนี้ม้าที่นางควบขี่ก็ได้วิ่งตัดหน้าจวินจิ่วเฉินไปไกลระยะหนึ่งถึงแล้วถึงจะหยุดลง
นางหันกลับมามองด้วยความเขินอาย เมื่อสักครู่นี้นางเห็นว่าเตี้ยนเซี่ยได้จ้องมองมาที่นาง
ใช่แล้ว!
จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยกำลังจ้องมองนาง จนถึงตอนนี้ก็ยังจ้องมองอยู่ราวกับไม่คิดจะไล่ตามมา
ด้วยเหตุนี้ดวงตาทั้งสองคู่จึงได้มองกันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกูเฟยเยี่ยนจึงค่อยๆ ถอยย้อนกลับไปอยู่ที่ด้านหลังของเขาด้วยความเชื่อฟัง
นางคิดว่าตนเองควรที่จะพูดอะไรออกมา แต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดี และก็ไม่อยากจะพูดด้วยเช่นกัน
จวินจิ่วเฉินยังคงขมวดคิ้วอยู่ตลอดเวลา และดูเหมือนว่าเขาจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ เขาเกิดความกระวนกระวายใจรวมไปถึงความหงุดหงิด เขาเพียงแค่กำชับให้หมางจ้งเปิดทางอยู่ข้างหน้าแล้วไม่พูดอะไรอีก
ตลอดการเดินทางกลับเมืองจิ้นหยาง จวินจิ่วเฉินที่พูดน้อยอยู่แล้วยิ่งพูดน้อยลงไปอีก กูเฟยเยี่ยนที่เกิดความกลัดกลุ้มก็พูดน้อยลงเช่นกัน บรรยากาศในตอนนี้เรียกได้ว่าอึดอัดเสียจริง!
เมื่อเดินทางใกล้ถึงเมืองจิ้นหยางจู่ๆ ก็มีฝนตกลงมาอย่างหนัก พวกเขาตามหาโรงเตี้ยมแห่งหนึ่งเพื่อพักผ่อน โรงเตี้ยมแห่งนี้ทั้งด้านในและด้านนอกล้วนอัดแน่นไปด้วยผู้คนที่จะเข้าไปในเมืองและออกจากเมือง ไม่ต้องพูดถึงที่นั่งเลย แม้แต่ที่ยืนยังหาได้ยาก
หมางจ้งกำลังจะไปดำเนินการ แต่เขาก็ถูกจวินจิ่วเฉินห้ามเอาไว้ “ไม่จำเป็ต้องอยู่พัก ฝนนี้ตกไม่นาน”
เมื่อเห็นว่าฝนเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ กูเฟยเยี่ยนที่ลังเลอยู่นานก็ได้เอ่ยขึ้นมาเบาๆ “ท่านชาย เข้าไปรอด้านในเถอะ เท้าจะได้ไม่เปียก” นี่นับได้ว่าเป็ประโยคแรกของการเดินทางที่นางเริ่มคุยกับเขา นางกลัวว่าจะทำให้เขาโกรธจึงหลบหลีกมาตลอดทาง จวินจิ่วเฉินหันกลับมามองแวบหนึ่งโดยไม่พูดไม่จาอะไร
ตลอดการเดินทางเขาได้รอให้หญิงสาวผู้นี้ริเริ่มพูดคุยถึงเื่การอาศัยอยู่ที่หุบเขาเสินหนง แต่นางกลับไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่ประโยคเดียว คำตอบที่นางมอบให้หัวหน้าาุโเป็การเหลือทางสำรองไว้อย่างเห็นได้ชัด! ในฐานะแพทย์หญิงของเขา นางจะไม่ถามความคิดเห็นจากเขาหน่อยหรือ?
กูเฟยเยี่ยนที่รอคำตอบ แต่ก็ไม่ได้คำตอบจึงก้มหน้าก้มตาด้วยความโกรธเคือง
นางลอบคิดว่านี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว ความโกรธของเตี้ยนเซี่ยน่าจะลดน้อยลงแล้วใช่หรือไม่? นี่ก็ใกล้จะถึงตัวเมืองแล้ว เมื่อกลับไปในจวนอย่าว่าแต่พูดจากับเขาหนึ่งประโยคเลย แม้แต่การพบหน้าเขาก็เป็เื่ที่ยากลำบาก!
หลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งกูเฟยเยี่ยนก็ได้เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “ท่านชาย ด้านนอกอากาศค่อนข้างเย็น ท่านสวมใส่อาภรณ์ไม่มาก เข้าไปด้านในก่อนดีไหม? ”
ไม่รู้ว่าจวินจิ่วเฉินได้ยินหรือไม่ เขายังคงมองไปที่ม่านฝนโดยไม่พูดอะไร
หลังจากที่กูเฟยเยี่ยนจิกนิ้วมือไปชั่วขณะ นางก็ได้พูดขึ้นมาเบาๆ อีกครั้ง “ท่านชาย ท่านไม่ได้ทานอาหารมาสักพักหนึ่งแล้ว พวกเรา เข้าไปดื่มชาร้อนๆ ด้านในกัน เอ่อ…เอ่อ หมางจ้งก็หิวแล้ว”
หมางจ้งหันกลับมามองทันที เขาเพิ่งจะทานอาหารไปได้ไม่นาน เขาไม่ได้หิวเสียหน่อย! เ้าต่างหากที่เป็คนหิว!
จวินจิ่วเฉินก็หันกลับมามองโดยไม่พูดไม่จากับกูเฟยเยี่ยน ทว่าออกคำสั่งกับหมางจ้ง “เข้าไปเถอะ”
กูเฟยเยี่ยนลอบถอนหายใจออกมาและไม่กล้าพูดอะไรไปมากกว่านี้ นางคิดว่าเตี้ยนเซี่ยสนใจนางก็พอแล้ว รอให้ผ่านไปสักพักและเขาโกรธน้อยลงแล้ว นางค่อยคิดหาวิธีไปเอาใจเขา
นางไม่มีทางไปยอมรับผิดเด็ดขาด แต่การเอาอกเอาใจเขานั้นทำได้อย่างแน่นอน!
เมื่อคิดได้เช่นนี้อารมณ์ของกูเฟยเยี่ยนก็ดีขึ้นมานิดหน่อย นางรีบย้ายไปด้านข้างเพื่อช่วยหมางจ้งเปิดทาง จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยเป็ผู้ที่รักในความสะอาดมาก นางจะให้ผู้คนเบียดเขาได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตามทันทีที่กูเฟยเยี่ยนย้ายไปด้านข้างก็ถูกจวินจิ่วเฉินลากกลับมา
นางหันกลับไปมองด้วยความใ
จวินจิ่วเฉินปล่อยนางทันที พร้อมกับยื่นมือออกไปสกัดกั้นผู้คนด้านข้างที่เบียดเสียดเข้ามาเรื่อยๆ ด้วยความไม่พอใจ “เ้าตัวเล็ก เดินตรงกลาง”
กูเฟยเยี่ยนเบิกตากว้าง ทันใดนั้นก็เกิดความดีอกดีใจขึ้นมา
ในที่สุดจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยก็พูดกับนางแล้วหลังจากที่ผ่านมาหลายวัน! เขาถึงกับกลัวว่านางจะถูกเบียด! ความโกรธของเขาลดน้อยลงหรือยัง?
ผู้คนทั้งสี่ด้านล้วนเบียดเสียดเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จวินจิ่วเฉินจึงเร่งรัดด้วยความไม่พอใจ “เข้าไป! ”
“รับทราบ! ” กูเฟยเยี่ยนพยักหน้าอย่างมีความสุขแล้วรีบเดินไปข้างหน้าทันที
นางดีใจจนอธิบายไม่ออก นางคิดว่าในครั้งหน้าที่จะได้พบกับหานอวี๋เอ๋อร์ นางไม่สามารถยั่วยุได้แต่สามารถหลบหลีกได้ นางจะไม่ทำให้จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยโกรธอีก!
เมื่อมาถึงด้านในและหาที่ยืนแล้ว จวินจิ่วเฉินจึงได้ปกป้องกูเฟยเยี่ยนโดยให้นางยืนตรงกลางระหว่างเขากับกำแพง ทว่าเขาก็ไม่ได้เขยิบเข้าไปใกล้นางมากนัก…