“ถังซาน!”
บรรดาศิษย์คนอื่นๆ จากตระกูลถังต่างก็กรีดร้องออกมา พวกเขามองร่างไร้ศีรษะของสหายร่วมตระกูลด้วยความตกตะลึงและความโกรธแค้น ก่อนที่พวกเขาจะเบนสายตาไปทางมู่เฟิงด้วยความใที่เพิ่มขึ้นมาสองส่วน
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก มู่เฟิงลงมือสังหารถังซานเร็วเกินไป เวลายังไม่ถึงสิบ่ลมหายใจ ถังซานก็ตายภายใต้คมดาบของมู่เฟิงแล้ว
มู่เฟิงถือดาบและหิ้วศีรษะของถังซานเดินไปยังร่างไร้ิญญาของชายหนุ่มที่เพิ่งจะถูกคมศรของถังซานยิงเสียชีวิต
“หยุดนะ เ้าหนุ่ม เ้าลงมือสังหารศิษย์ตระกูลถังของเราถึงสองคน เ้าคิดว่าจะสามารถเดินจากไปได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรือ?”
ศิษย์คนหนึ่งของตระกูลถังตวาดออกมาเสียงดัง จากนั้นบรรดาศิษย์คนอื่นๆ ก็พากันเข้าไปยืนล้อมมู่เฟิงเอาไว้ พวกเขาจ้องมองมู่เฟิงด้วยสายตาโกรธแค้น
มู่เฟิงกวาดสายตามองคนทั้งสิบที่กำลังล้อมเขาอยู่ จากนั้นเด็กหนุ่มก็โยนศีรษะของถังซานลงบนพื้น ั์ตาสีโลหิตของเขาจ้องมองผู้คนเ่าั้อย่างเ็า
“ทำไม หรือว่าพวกเ้าอยากถูกฝังไปพร้อมกับสหายของข้า?”
มู่เฟิงกล่าวอย่างไม่แยแส กรรมล้วนเกิดจากการกระทำ และเพราะมีเหตุจึงมีผลตามมา มู่เฟิงมุ่งเป้าไปยังถังซานเพราะถังซานเป็คนยิงธนู เขาไม่ได้คิดจะสังหารคนที่เหลือทั้งหมด
“ช่างพูดจาใหญ่โตเสียจริง เ้าสังหารคนในตระกูลถังของเราไปถึงสองคน หากวันนี้พวกข้าไม่ได้ฉีกร่างเ้าออกเป็ชิ้นๆ พวกข้าก็จะไม่ขอเป็ศิษย์ตระกูลถังอีกต่อไป”
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำประกาศกร้าว ทันใดนั้นเขาก็ปลดปล่อยคลื่นพลังกังชี่สีเขียวออกมาจากร่าง มู่เฟิงตระหนักได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายคือผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนิงกังขั้นสี่
มู่เฟิงกุมดาบด้วยมือทั้งสองข้าง จากนั้นเขาก็ตอกกลับอย่างเ็าว่า “หากจะแก้แค้นก็เข้ามาเสีย อย่าเอาแต่พูดจาไร้สาระ”
“ทุกคนลุย สังหารเ้านั่นเสีย!”
ถังเสวี่ยะโสั่งการ
“ฆ่ามัน!”
กลุ่มคนทั้งสิบต่างก็กระโจนเข้าหามู่เฟิงพร้อมกัน ในบรรดาพวกเขาทั้งสิบคน วรยุทธ์ต่ำสุดคือระดับจื่อฝู่ขั้นเจ็ด ส่วนวรยุทธ์สูงสุดคือระดับหนิงกัง
“เข้ามา!”
เมื่อมู่เฟิงก้าวเท้าเปลวเพลิงก็พลันปะทุออกมาจากฝ่าเท้าของเขา ทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็สามเท่า เขาได้พุ่งทะยานร่างเข้าหาศิษย์ผู้หนึ่งของตระกูลถัง พร้อมกับฟาดคมดาบที่อัดแน่นไว้ด้วยพลังปราณออกไป
“เคล็ดวิชาดาบพยัคฆ์!”
โฮก…!
เมื่อเด็กหนุ่มเหวี่ยงดาบ เสียงคำรามของพยัคฆ์ก็ดังสนั่นขึ้น ก่อนที่เงาร่างของพยัคฆ์สีทองจะพุ่งออกมา
เห็นดังนั้นแล้ว อีกฝ่ายก็วาดปราณดาบออกมาต้านในทันที ทว่าเงาร่างของพยัคฆ์ที่กระโจนเข้ามานั้นแข็งแกร่งมาก ปราณดาบจึงถูกทำลายลงโดนพลัน และไม่สามารถช่วยต้านทานการโจมตีได้เลยแม้แต่น้อย
“อ๊าก…!”
ทักษะดาบระดับธาตุทองขั้นสูงพุ่งโจมตีศิษย์ตระกูลถังผู้นั้นต่อ ทำให้อีกฝ่ายต้องกรีดร้องโหยหวนออกมาอย่างน่าสังเวช ก่อนที่ร่างของเขาจะถูกพลังดาบะเิจนกลายเป็เศษชิ้นส่วน เห็นได้ชัดว่าอานุภาพพลังของเคล็ดวิชาดาบพยัคฆ์ในระดับสมบูรณ์นั้นน่าสะพรึงกลัวเพียงใด
“ตายเสีย!”
ทันใดนั้นศิษย์คนหนึ่งของตระกูลถังซึ่งอยู่ข้างกันก็ฟาดดาบไปทางมู่เฟิง เด็กหนุ่มยกดาบขึ้นมาสกัดเอาไว้ พร้อมกับปล่อยหมัดที่ลุกโชนด้วยเปลวเพลิงออกมา
เปรี้ยง...!
หมัดเปลวเพลิงพุ่งกระแทกทรวงอกของอีกฝ่ายอย่างแรง ทั้งยังส่งร่างของอีกฝ่ายให้ลอยกระเด็นออกไปไกลกว่ายี่สิบเมตร ก่อนจะเสียชีวิตลงทันที
“ตายเสีย!”
ฉับพลันนั้นยอดฝีมือระดับหนิงกังผู้หนึ่งก็ตวัดกระบี่มาทางมู่เฟิง ลำแสงกระบี่สีเขียวกวาดออกมาอย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มรีบดีดฝีเท้าพุ่งทะยานร่างออกไปหลายเมตรเพื่อหลบหลีกลำแสงกระบี่นี้ ทำให้ลำแสงกระบี่ฟาดลงไปบนพื้นแทน
แต่เมื่อมู่เฟิงหลบหลีกมาอีกทาง ศิษย์อีกคนของตระกูลถังก็ตบฝ่ามือใส่ทรวงอกของเขาทันที มู่เฟิงใมากจนต้องถอยออกไปอย่างต่อเนื่อง มุมปากของเขามีเืไหลซึมออกมา ฝ่ามือเมื่อครู่ทำให้เขาได้รับาเ็ภายใน
สังหาร…!
ศิษย์หลายคนของตระกูลถังพลันลงมือโจมตีพร้อมกันอีกครั้ง แต่มู่เฟิงก็ยังคงสามารถหลบหลีกได้อย่างรวดเร็ว
การต่อสู้ระหว่างพวกเขาดึงดูดความสนใจจากผู้คนจำนวนมาก แม้แต่พวกข่งย่วนก็ยังเข้ามาดู
เวลานี้รูปร่างหน้าตาและสีผมของมู่เฟิงแตกต่างไปจากเดิม พวกเขาจึงไม่รู้ว่านั่นคือมู่เฟิง
ในขณะที่มู่เฟิงกำลังก้าวถอย เขาก็โจมตีกลับไปยังศิษย์ผู้หนึ่งของตระกูลถังไปด้วย แต่ยอดฝีมือระดับหนิงกังผู้หนึ่งก็เหวี่ยงกระบี่ออกมาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดเสียก่อน
มู่เฟิงยกดาบขึ้นมาขวางเอาไว้ ทว่าอานุภาพพลังของกระบี่นี้รุนแรงมากจนทำให้เขาต้องถอยออกไปไกลกว่าสิบเมตร พร้อมกันนั้นกลุ่มศิษย์ตระกูลถังก็เข้ามาโอบล้อมอย่างรวกเร็วหมายจะสังหารเขาทิ้ง
ดวงตาของมู่เฟิงทอประกายเย็นะเื ดูเหมือนว่าคราวนี้เขาจะต้องใช้อัสนีบาตย่ำแปดทิศและร้อยกระบี่หวนคืนออกมาเท่านั้นจึงจะสามารถต้านทางอีกฝ่ายได้
แต่หากเขาใช้สองกระบวนท่านี้ออกมา เกรงว่าซือถูคงและเหล่าบัณฑิตคนอื่นๆ จะต้องมองตัวตนที่แท้จริงของเขาออกเป็แน่ ยิ่งไปกว่านั้นด้านนอกยังมีกลุ่มศิษย์ตระกูลอินเฝ้ารอการปรากฏตัวของเขาอยู่ด้วย
“ฆ่ามัน!”
ยอดฝีมือระดับหนิงกังะโออกมาดังลั่น ศิษย์ทั้งแปดคนของตระกูลถังพลันพุ่งกระโจนใส่มู่เฟิงพร้อมกันทันที
“ใครมันบังอาจแตะน้องเฟิงเย่ของข้า!”
แต่ทันใดนั้นน้ำเสียงอันดุดันก็ดังขึ้นพร้อมกับเงาร่างของคนผู้หนึ่งที่พุ่งตัวเข้ามาอย่างรวดเร็วเสียก่อน ชั่วพริบตาถัดมาอีกฝ่ายก็กวาดคมดาบไปทางศิษย์ตระกูลถังและปล่อยลำแสงดาบสีแดงที่มีความยาวเจ็ดถึงแปดเมตรออกมา
เมื่อศิษย์ตระกูลถังเห็นดังนั้นใบหน้าของพวกเขาก็พลันซีดเผือดลงด้วยความใ แต่ละคนต่างก็รีบหลบหลีกกันอย่างว่องไว ลำแสงกระบี่จึงทิ้งรอยดำไหม้ลงบนพื้นที่ลากยาวออกไปอีกกว่าสิบเมตรแทน จากอานุภาพที่น่าสะพรึงกลัวนี้ทำให้ศิษย์ตระกูลถังต่างก็ขนลุกซู่ขึ้นมาทันที
ชายร่างใหญ่ผู้มีหนวดเครารีบวิ่งเข้ามาขวางหน้ามู่เฟิงเอาไว้อย่างรวดเร็ว
“พี่เถี่ยหนิ่ว”
ดวงตาของมู่เฟิงเป็ประกาย เขาจำคนผู้นี้ได้ อีกฝ่ายคือหูเถี่ยหนิ่วที่ร่วมเดินทางมาด้วยกัน และเป็คนที่เขาเคยช่วยออกมาจากค่ายกล
“หึๆ สหายน้อย พี่คนนี้ไม่ได้มาช้าไปใช่หรือไม่?”
หูเถี่ยหนิ่วกล่าวด้วยรอยยิ้ม ขณะถือดาบยาวกว่าหนึ่งเมตรไว้ในมือ
“ฮ่าๆ ไม่สายหรอก ท่านมาได้เวลาพอดี”
มู่เฟิงหัวเราะออกมาเสียงดัง
“เกิดเื่อะไรขึ้นกัน?”
หูเถี่ยหนิ่วเอ่ยถามอีกครั้ง
“เมื่อครู่สหายผู้หนึ่งค้นพบหญ้าโลหิตมรกต แต่ตอนที่เขากำลังจะเก็บสมุนไพรมาให้ข้า คนพวกนั้นก็ยิงศรสังหารเขาเสียก่อน ข้าจึงลงมือสังหารฆาตกร ส่วนคนพวกนั้นก็้าจะแก้แค้นข้า”
มู่เฟิงกล่าวอย่างเ็า
“โอ้ เื่เป็เช่นนี้นี่เอง หึ ตอนนี้มีข้าอยู่ พวกเขาไม่กล้าแตะต้องเ้าแน่”
หูเถี่ยหนิ่วมองไปยังคนกลุ่มนั้นก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มอันน่าหวาดกลัว
“เ้าเป็ใครกัน ไม่รู้หรือว่าพวกเราเป็คนตระกูลถัง หากว่าเ้าช่วยเหลือเ้าเด็กนั่น เราจะถือว่าเ้าตั้งตนเป็ศัตรูกับตระกูลถังของเราot”
ชายหนุ่มผู้นั้นตวาดอย่างเ็า ใบหน้าของเขามืดครึ้ม เพราะอีกฝ่ายมีวรยุทธ์สูงกว่าเขามาก
“ตระกูลถัง! ตระกูลถังไหน? ตระกูลถังจากซีเป่า?"
หูเถี่ยหนิ่วขมวดคิ้ว ก่อนจะถามขึ้น
“หึ ถูกต้องแล้ว ท่านผู้นี้คือคุณหนูตระกูลถังของเรา เ้าเด็กนั่นทำให้ตระกูลถังของเราต้องขุ่นเคือง หากว่าเ้ากล้าช่วยเหลือเขา เราจะถือว่าเ้าเป็ศัตรูของตระกูลถังเช่นกัน”
อีกฝ่ายอาศัยอำนาจของตระกูลแสดงอำนาจบาตรใหญ่ เขารู้มาว่าคนส่วนใหญ่ที่มายังสถานที่แห่งนี้ล้วนเป็นักผจญภัยและทหารรับจ้างที่ไม่มีภูมิหลัง ดังนั้นเขาจึงกล้าแสดงอำนาจที่เหนือกว่าออกมา
ตระกูลถังถือเป็ตระกูลใหญ่ที่เปรียบได้กับตระกูลอิน พวกเขามีกองกำลังที่แข็งแกร่งและมียอดฝีมือระดับหยวนตาน ดังนั้นกองกำลังขนาดเล็กจึงไม่กล้าล่วงเกินพวกเขา
“ถูกต้อง ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่อย่างนั้นหากข้าออกไป ข้าจะให้ท่านพ่อสังหารเ้าเสีย”
ถังเสวี่ยตวาดออกมาอย่างเย่อหยิ่ง
หลังจากได้ยินดังนั้นสีหน้าของมู่เฟิงก็พลันเปลี่ยนเป็มืดครึ้ม คาดว่าตระกูลของอีกฝ่ายคงเป็ตระกูลใหญ่ ดังนั้นต่อให้เขาจะเคยมีบุญคุณช่วยชีวิตของหูเถี่ยหนิ่วเอาไว้ แต่หากจะให้อีกฝ่ายล่วงเกินตระกูลใหญ่เพื่อช่วยเหลือเขาก็เกรงว่าคงจะเป็ไปได้ยาก
สีหน้าของหูเถี่ยหนิ่วดูเคร่งขรึมขึ้นมาทันที แต่ทันใดนั้นเขาก็ตะเบ็งเสียงออกมาดังลั่น “น้องเฟิงเย่กำลังประสบปัญหาอยู่ทางนี้ ผู้ใดติดหนี้บุญคุณน้องเฟิงเย่รีบมาทางนี้เร็วเข้า!”
เสียงะโของเขานั้นดังมากจนอาจจะได้ยินกันไปทั่วทั้งหุบเขา
“ว่าอย่างไรนะ น้องเฟิงเย่กำลังประสบปัญหา!”
“รีบไป รีบไปช่วยเขาเร็วเข้า!”
“ข้าติดหนี้ชีวิตน้องเฟิงเย่ หากใครกล้าแตะต้องเขา เหลาจื่อผู้นี้จะสังหารมันเสีย”
แน่นอนว่าผู้คนในหุบเขาล้วนได้ยินเสียงะโของหูเถี่ยหนิ่ว จากนั้นกลุ่มคนจำนวนมากกว่าสามสิบคนก็มารวมตัวกันที่นี่อย่างรวดเร็ว
“เกิดอะไรขึ้นกับน้องเฟิงเย่อย่างนั้นหรือ? พี่เถี่ยหนิ่ว ใครกล้าทำร้ายเขา?”
“ใช่แล้ว ใครกล้าแตะต้องน้องเฟิงเย่”
ผู้คนจากทั่วทุกทิศทางต่างก็มารวมตัวกัน เมื่อพวกเขามาถึงแต่ละคนต่างก็ยืนอยู่ข้างมู่เฟิง ในบรรดาพวกเขามีหลายคนมีวรยุทธ์ระดับหนิงกัง ไม่นานกลุ่มของพวกเขาก็ล้อมคนตระกูลถังเอาไว้อย่างรวดเร็ว สีหน้าของศิษย์ตระกูลถังพลันเปลี่ยนเป็ไม่น่ามอง ทั้งยังมีร่องรอยของความตื่นตระหนก
“เ้าสารเลวพวกนี้กล้าแตะต้องน้องเฟิงเย่ของพวกเราอย่างนั้นหรือ?”
ชายร่างผอมสูงจ้องมองกลุ่มคนตรงหน้าพร้อมกล่าวขึ้นอย่างดุดัน
“พะ พวกข้า..."
เมื่อถังเสวี่ยกับศิษย์ตระกูลถังเจอพลังสะกดข่มของคนกลุ่มใหญ่ พวกเขาก็พากันใจนใบหน้าซีดและพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ