สามวันต่อมา
ตอนนี้ ติงรุ่ยกำลังยืนอยู่ที่ทางเข้าห้องโถงใหญ่ ดวงตาเ็าของนาง เอาแต่จับจ้องกลุ่มเมฆหมอกจำนวนมาก ซึ่งลอยอยู่เหนือเกาะ
“ก่อนหน้านี้พวกเขาแก้หมากได้ถึงหนึ่งพันเจ็ดร้อยกระดาน แต่พอให้รางวัลมากขึ้นเป็สิบเท่า สามวันมานี้ กลับแก้หมากได้เพียงสามกระดานเท่านั้นหรือ?” หญิงชราเอ่ยเสียงต่ำ พลางมองติงตงด้วยสายตาเย็นะเื
ชายชราแบมือ แสดงให้เห็นถึงความขับข้องใจที่ตนเองกำลังเผชิญอยู่เช่นเดียวกัน “ขณะนี้ทั้งกู่ไห่และาาหมากล้อมสังหาร ยังมิได้เคลื่อนไหวใดๆ จึงแก้หมากไปได้สามกระดานเท่านั้น! ข้า... ข้า...”
“เหตุใดพวกเขาจึงไม่ทำอันใดเลย?” ติงรุ่ยถามเสียงเย็น
“ข้า... ข้าก็หารู้ไม่ พวกเขาบอกเพียงว่ารู้สึกเหนื่อยล้า ้าพักผ่อน” ติงตงกล่าวพลางยกยิ้มเจื่อนๆ
“เหนื่อย? ข้ออ้าง... ล้วนเป็ข้ออ้างทั้งสิ้น! หากมิใช่ต้องใช้หมากล้อมเพื่อเข้ารับมรดก ข้าคงแก้ปัญหาได้นานแล้ว ติงตงเ้าจงไปเร่งพวกเขา ให้รีบแก้หมากเสีย” หญิงชราสั่งเสียงเย็นเฉียบ
“ข้าลองไปเกลี้ยกล่อมดูแล้ว แต่ก็ไร้ประโยชน์” ติงตงรายงานเสียงแ่
“ก็ลองไปโน้มน้าวอีกครั้งสิ” ติงรุ่ยพูดอย่างเยือกเย็น
“ขอรับ!” ชายชราตอบรับ
“ฮึ่ม!” หญิงชราถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนหมุนตัว เดินเข้าไปในห้องโถงทันที
ติงตงเดินออกมาข้างนอกด้วยความจำยอม ก่อนจะรีบไปยังหุบเขาโหยวหรานอีกครั้ง
ผู้ฝึกตนที่อยู่รอบบริเวณ ต่างจดจ่ออยู่กับการศึกษารูปหมากตรงหน้าอย่างกระตือรือร้น แต่การแก้หมากนั้นไม่ง่ายอย่างที่คิด ไม่รู้ว่าจะต้องรอไปถึงปีไหนจึงจะแก้เสร็จ
ได้แต่หวังว่าตัวเองจะทำได้อย่างาาหมากล้อมสังหารและกู่ไห่
ชายชราเหลือบมองไปยังห้องใต้หลังคาที่เงียบงันครู่หนึ่ง ก่อนจะก้าวเท้าไปยังลานเล็กๆ หน้าบ้านพักของกู่ไห่
“ท่านหัวหน้าสำนัก” บริเวณพื้นที่รอบลานนั้น ยังคงมีศิษย์สำนักติงหลงประจำการอยู่ เพื่อคอยดูแลและปรนนิบัติแก่กู่ไห่
“เป็อย่างไรบ้าง?”
“ใน่สองวันที่ผ่านมา ท่านกู่มิได้ออกมาที่ลานด้านนอก เอาแต่ชงชาและอ่านหนังสือข้างในขอรับ” ศิษย์ในสำนักกล่าว
ติงตงหนังตากระตุกทันที ที่ได้ยินเช่นนั้น
“ท่านกู่!” ชายชราส่งเสียงเข้าไปในเรือนรับรองตรงหน้า
“ประตูมิได้ปิด เข้ามาเถอะ!” เสียงของกู่ไห่ดังขึ้น
ติงตงไม่รอช้า รีบเดินเข้าไปข้างในทันที
บนลานบ้าน ชายชรากวาดตามองไปรอบๆ ก่อนจะเห็นร่างแกร่งของอีกฝ่ายอยู่ในห้องโถง มีเตาเล็กๆ อยู่ตรงหน้า กู่ไห่กำลังชงชา เทใส่ถ้วยที่อยู่ใกล้ๆ กัน... มือชงชา แต่ตากลับจดจ่อกับการอ่านหนังสือในมือ
“ท่านกู่” ติงตงทักทายด้วยความนอบน้อม ก่อนจะย่างเท้าเข้ามาในห้องโถง
“หืม? ท่านหัวหน้าสำนักติงหลง” ชายหนุ่มยกยิ้มบางๆ เป็การตอบรับ ก่อนวางม้วนหนังสือในมือลง
“ท่านกู่ พักผ่อนที่นี่มาสองวัน รู้สึกดีขึ้นหรือไม่?”
“ไม่เลว! ทิวทัศน์น่ารื่นรมย์ อากาศสดชื่น เป็สถานที่ที่เหมาะให้ผู้สูงวัยได้พักผ่อนจริงๆ” กู่ไห่เอ่ย พลางยกยิ้ม
ชายชรานิ่งงัน เมื่อได้ฟังอีกฝ่ายพูดจาเรื่อยเปื่อยเช่นนั้น ก็ได้แต่อดทนและถ่อมตนเหมือนที่แล้วมา แต่เพราะไม่้าเสียเวลาไปมากกว่านี้ จึงตัดสินใจพูดถึงจุดประสงค์หลักของตนทันที
“ท่านกู่ นี่ก็ผ่านมาสามวันแล้ว เหตุใดจึงไม่ยอมแก้หมากทั้งหมดนั่นเสียที ที่ข้ามาในวันนี้ก็เพราะมีข้อเสนอ หากท่านสามารถแก้หมากได้หนึ่งกระดาน จะได้รับหินิญญามากกว่าครั้งก่อนถึงสิบเท่า
นั่นเท่ากับว่าท่านจะได้รับหินิญญาระดับสูงหนึ่งร้อยก้อน ต่อการแก้หมากหนึ่งกระดานขอรับ!”
ชายหนุ่มถือถ้วยชาขึ้นเป่าเบาๆ ก่อนจะยกขึ้นจิบอย่างใจเย็น
“ท่านกู่?” ติงตงเอ่ยเสียงแ่ อย่างหวาดวิตก
“ท่านหัวหน้าสำนักติงหลง ข้าอยู่ที่นี่มาสองสามวันแล้ว ท่านไม่เห็นหรือ?” กู่ไห่ยิ้มบางๆ
“หืม?” ชายชรารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
“สำนักติงหลงจะเป็อย่างไร หากความยิ่งใหญ่เช่นนี้ต้องล่มสลาย” ชายหนุ่มกล่าว พลางคลี่ยิ้มบางๆ
“ล่มสลาย? ท่านกู่หมายความว่าอย่างไร?” ติงตงถามกลับ พร้อมดวงตาที่เบิกกว้าง
“หมายความว่าอย่างไร? ท่านหัวหน้าสำนักติงหลง ทุกอย่างก็เกิดขึ้นเพราะท่าน แต่ท่านกลับไม่ทราบถึงผลที่จะตามมาอย่างนั้นหรือ?” กู่ไห่ถาม พร้อมยกยิ้มเล็กน้อย
ท่าที่สุขุมของอีกฝ่าย ทำให้ติงตงไม่อาจคาดเดาความคิดได้เลย
“ท่านกู่ พูดมาให้ชัดเจนเถอะ ข้าไม่เข้าใจในสิ่งที่ท่านเอ่ย” ชายชราตอบ พลางส่ายหน้า
“ไม่เข้าใจอย่างนั้นหรือ? อย่ากังวลเลย เมื่อถึงเวลา ท่านก็คงจะเ็ปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น” ชายหนุ่มเอ่ย
ได้ฟังที่อีกฝ่ายพูด ติงตงก็ยิ่งกังวล
“ท่านกู่ หมายความว่าอย่างไร เ็ปอะไรกัน โปรดชี้แจงให้ชัดเจน” ชายชรากล่าว ขณะมองกู่ไห่
“ข้าจำได้ว่ามีการลงโทษประเภทหนึ่ง มันเรียกว่าอะไรนะ? อ้อ! จำได้แล้ว... มันคือ ‘การถลกหนัง’ ท่านเคยได้ยินเื่นี้หรือไม่?” ชายหนุ่มถามเสียงเรียบ รอยยิ้มบางๆ ปรากฏบนใบหน้า
“กฎหมายอาญา การถลกหนัง?” ติงตงมองไปยังกู่ไห่ด้วยแววตาที่สั่นไหว
“คือ... อืม! หาก้าให้เห็นภาพ ก็ลองเปรียบเป็ตัวท่าน ขั้นแรก พวกเขาก็จะปิดผนึกพลังของท่าน เพื่อให้กลายเป็คนธรรมดา ก่อนฝังร่างเอาไว้ใต้ดิน มีเพียงศีรษะที่โผล่ออกมา ซึ่งนั่นจะทำให้ไม่อาจขยับตัวได้ จากนั้นก็จะเจาะศีรษะของท่าน แต่แค่ตื้นๆ เท่านั้น ไม่ถึงตายหรอก ไม่ต้องกังวล” ชายหนุ่มยิ้ม ขณะมองดูท่าทางของอีกฝ่าย
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายชราพลันสั่นสะท้านด้วยความพรั่นพรึง
“จากนั้นก็จะเทปรอทลงไป ท่านรู้ใช่หรือไม่ว่าปรอทคืออะไร? ดีแล้วละ! หลังจากที่เทลงไป มันก็จะไหลเข้าสู่ชั้นิั ท่านจะรู้สึกคันไปทั่วร่าง แต่ไม่สามารถเกาได้ เพราะร่างกายของท่านถูกฝังอยู่” กู่ไห่กระซิบ
ติงตงรู้สึกคันไปทั่วร่าง เมื่อมองไปยังชายหนุ่ม
“อา! แต่มีเพียงรูที่ศีรษะเท่านั้น ที่จะไม่รู้สึกคัน เพราะิัส่วนนั้นได้ถูกเจาะออกไปแล้ว” กู่ไห่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
ไม่มีิั?
ชายชราตื่นตระหนก ตอนนี้ใบหน้าของเขา เผยความหวาดกลัวอย่างปิดไม่มิด
“กู่ไห่ ท่านคิดที่จะทำอะไรกันแน่” ติงตงมองดูชายหนุ่ม ด้วยสายตาเยียบเย็น
ตุบ!
ชายชราสะดุ้งใ ทันทีที่กู่ไห่กระแทกถ้วยชา
“ติงตง ท่านช่างดื้อดึงยิ่งนัก แต่ไม่เป็ไร ข้าจะไม่ถือสาท่าน ออกไปเสีย! แล้ววันพรุ่ง ข้าจะแก้หมากทั้งหมดเอง” ชายหนุ่มเอ่ย พร้อมยิ้มน้อยๆ
ดวงตาของชายชราสั่นระริกด้วยความหวาดหวั่น บัดนี้ บนหน้าผากของเขามีเหงื่อเย็นๆ ผุดพรายอย่างต่อเนื่อง
ทั้งๆ ที่กูไห่มิได้พูดจาไร้เหตุผล หากแต่คำพูดที่เอื้อนเอ่ย กลับทำให้เขาเกิดอาการเสียวสันหลังวาบ
“ท่านกู่ ช่วยอธิบายให้ข้าได้เข้าใจด้วยขอรับ” ติงตงกล่าว ขณะเหงื่อเย็นเยียบไหลริน
“แม้ที่พูดไปจะเห็นภาพไม่ชัด แต่ท่านก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ว่าบทลงโทษที่ข้ากล่าวถึงนั้นเป็ของที่ใด” กู่ไห่เอ่ย พลางยกยิ้ม
“ท่านหมายถึงบทลงโทษของหออี้ผิน?”
“ฮ่าๆๆๆ! ท่านได้ยินเื่นี้มาจากที่ใดกัน?” ชายหนุ่มถามเสียงยียวน ก่อนยิ้มเย้ย
“หือ?”
“นี่มิใช่เื่ของหออี้ผินอีกแล้ว ท่านติงตงเข้าใจหรือไม่ ว่าบางคนเราก็ไม่ควรแตะต้อง เมื่อครั้งที่ท่านแม่ของถังจู่ตาย ท่านคิดว่ามันจะจบแค่นั้นหรือ? ไม่! มันไม่จบเพียงเท่านี้ ยี่สิบปีที่ผ่านมา มีคนหลายร้อยคนต้องตาย จงฟังให้ดี... ทุกวัน!” กู่ไห่กล่าว พลางยกยิ้ม
“ทุกวัน? แล้วทำไมข้าถึงไม่รู้”
“ย่อมไม่รู้อยู่แล้ว ความลับเช่นนี้ ใช่ว่าผู้คนจะล่วงรู้ได้โดยง่าย เพราะทุกวันนี้ ยังคงตามหามือสังหารผู้นั้นอยู่ ไม่มีการย่อท้อ หรือคิดที่จะหยุดพัก
แต่อีกไม่นาน... เวลานี้พวกข้ามาถึงเกาะจิ๋วหวู่แล้ว และพบว่ามีใครบางคนกำลังรนหาที่ตาย ซึ่งเื่นี้ก็ช่วยไม่ได้ จริงหรือไม่ ท่านหัวหน้าสำนักติง?” ชายหนุ่มพูด พร้อมยิ้มบางๆ
“กู่ไห่! เ้า... อย่าคิดว่าเ้าจะข่มขู่ข้าได้!” ชายชราตวาด พร้อมจ้องอีกฝ่ายด้วยดวงตาวาวโรจน์
แม้จะแสดงท่าทางเกรี้ยวกราด แต่กู่ไห่ก็สามารถสังเกตเห็นหยาดเหงื่อ ที่ไหลตามกรอบหน้านั่นได้อยู่ดี
“หากท่านคิดว่านี่คือการข่มขู่ เช่นนั้น ก็ถือเสียว่าข้าไม่เคยเอ่ยก็แล้วกัน ท่านหัวหน้าสำนักติง... เชิญกลับไปเถอะ!” ชายหนุ่มพูดเบาๆ
“ใครส่งเ้ามา? บอกมา! มิเช่นนั้นข้าจะฆ่าเ้าเสียเดี๋ยวนี้” ติงตงขู่ พลางชักกระบี่ออกมา ดวงตาวาววับคู่นั้นจ้องกู่ไห่เขม็ง
“ท่านคิดว่าข้าที่กล้าเดินทางมาเพียงลำพัง จะกลัวติงรุ่ยซึ่งหลบซ่อนอยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ” ชายหนุ่มถาม พลางยิ้มหยัน
“เ้ารู้เื่นี้ได้อย่างไร??” ชายชราเบิกตาโพลงทันที ที่ได้ยินเช่นนั้น
“ข้ารู้ได้อย่างไร... ท่านคิดว่าจะไม่มีใครรู้เื่นี้หรือ?” กู่ไห่เอ่ย
“ใครอีก? พวกเ้ารู้อะไรอีก? จุดประสงค์ของเ้าคืออะไร?” ติงตงถามกลับเสียงแ่
“ไม่มีใครรู้อะไรทั้งนั้น… อืม! ข้ามาที่นี่เพียงเพื่อ้าดูให้แน่ชัด ว่าหลงหว่านชิงยังปลอดภัยดี เท่านี้ธุระของข้าก็เป็อันเสร็จสิ้น และไม่มีอะไรต้องข้องแวะกับท่านอีก” ชายหนุ่มกล่าว
ตุบ!
ชายชราร่างโงนเงน พลัดตกจากเก้าอี้ทันที
“เ้ารู้ได้อย่างไรว่าท่านหลงหว่านชิงถูกคุมขังอยู่ที่นี่? รู้ได้อย่างไรกัน? หรือจะเป็ท่านไต้ซือหลิวเหนียน? ไม่ๆ! หากเป็เขา ต้องเดินทางมาตั้งนานแล้ว” ติงตงเอ่ยเสียงสั่น สมองสับสนไปหมด
“ข้ารู้ได้อย่างไร? ท่านคิดว่าท่านกับติงรุ่ยจะสามารถซุกซ่อนบางสิ่ง ให้รอดพ้นสายตาท่านตาของหลงหว่านชิงได้หรือไม่?” กู่ไห่ถามพลางยิ้มเยาะ
ท่าทีของชายชราพลันเปลี่ยนไปทันที ดวงตาเบิกกว้างอย่างตื่นตระหนก
ท่านตาของท่านถังจู่?
“ไม่มีทาง... เป็ไปไม่ได้ที่เขาจะมายังเกาะจิ๋วหวู่ หากเขาอยากมา ก็คงมาตั้งนานแล้ว” ติงตงเอ่ย น้ำเสียงร้อนรน
“ไม่เป็ไร การที่ท่านกักขังถังจู่เอาไว้ มีทั้งตราประทับและชีพจรั ซึ่งถือว่าเป็เหยื่อล่อชั้นดีทีเดียว สักประเดี๋ยวปลาใหญ่ก็คงจะติดเบ็ดในไม่ช้า ความจริงเกี่ยวกับการตายของท่านแม่ของหลงหว่านชิง ก็จะถูกเปิดเผย... ถึงตอนนั้นเืคงหลั่งไหลเป็สายธาร
เอ๊ะ! แต่ท่านก็เป็คนช่วยค้นหาความจริง ดังนั้นน่าจะถูกลงโทษเพียงเล็กน้อยเท่านั้น” ชายหนุ่มกล่าวเสียงเรียบ
“ท่านตาของหลงหว่านชิงกำลังแอบซุ่ม เพื่อรอเวลาให้ปลาใหญ่ฮุบเหยื่ออย่างนั้นหรือ? การลงโทษเล็กน้อย? แล้วมันคือการลงโทษแบบใดกัน?” ตอนนี้ ชายชรารู้สึกหวาดผวายิ่ง
“อยากลองคันตามร่างกายดูบ้างหรือไม่?” กู่ไห่ถาม
ขณะที่เอ่ย ชายหนุ่มก็ค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้คนตรงหน้า
“ไม่! อย่าเข้ามา! ท่านกู่ อย่า... ข้าถูกบังคับ ข้าเป็ผู้บริสุทธิ์!” ติงตงรีบปรี่เข้าไปคุกเข่าอ้อนวอนทันที
กู่ไห่เหลือบมองอีกฝ่ายอย่างสงบ
“ข้ามิได้รู้เื่อะไรด้วย เพียงทำตามคำสั่งเท่านั้น หากไม่ทำ นางจะสังหารข้า ตอนนี้ท่านถังจู่อยู่ที่นี่ ข้าดูแลนางเป็อย่างดี ให้คนคอยปรนนิบัติรับใช้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง” ติงตงกล่าวเสียงสั่น กอดเข่าชายหนุ่ม พลางร้องขอความเมตตา
...
ภายในห้องโถงใหญ่ สำนักติงหลง
ขณะนี้ หลงหว่านชิงยังคงนั่งนิ่ง ตรงหน้ามีกระดานหมาก ซึ่งเป็หนึ่งในหกร้อยกระดานที่เหลืออยู่... ทั้งยากและน่าเบื่อ
หลังจากพยายามแก้หมากมานานหลายชั่วยาม ก็ต้องถอดใจ เพราะเบื่อหน่าย ทั้งยังรู้สึกหงุดหงิดอีกด้วย
“กู่ไห่อยู่ที่นี่สินะ… ไม่! ข้าต้องส่งสัญญาณให้เขารู้ ด้วยพลังระดับก่อ์ ต่อให้แข็งแกร่งเพียงใด ก็ไม่อาจต่อกรกับติงรุ่ยและติงตงได้ อีกทั้งตอนนี้ติงรุ่ยก็รู้แล้วว่าเขาอยู่ที่นี่”
กู่ไห่จะถูกสังหารจริงๆ หรือ? คำพูดสุดท้ายของติงรุ่ยยังคงเด่นชัดในห้วงความทรงจำ... นาง้าที่จะฆ่าเขา?
ที่นี่คือสำนักติงหลงของติงตง หากติงรุ่ย้าที่จะฆ่ากู่ไห่ ย่อมทำได้แน่!
ที่กระดานหมากถูกแก้ไปมากนั้น เป็ฝีมือของเขาใช่หรือไม่? แต่วันนี้ ทำไมกลับเงียบเชียบไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว
“หรือกู่ไห่จะตายไปแล้ว?”
เมื่อคิดเช่นนั้นก็ยิ่งกังวล ใบหน้างดงามทุกข์ร้อน เพราะเป็ห่วงใครบางคน
ทันใดนั้น ก็มีเสียงดังขึ้นจากนอกห้อง
“ท่านหัวหน้าสำนักติง วันนี้ท่านหัวหน้าไม่อยู่ แล้วเหตุใดท่านจึงมาที่นี่?” คนเฝ้าประตูถามด้วยความสงสัย
“ไม่เป็ไร ทำหน้าที่ของเ้าไปเถอะ นางให้ข้ามาสอบถามบางอย่างจากท่านหลงหว่านชิง” ติงตงกล่าวเสียงต่ำ
“ขอรับ!” ผู้เฝ้ายามพยักหน้า
ชายชราแทรกร่างเข้ามาในห้อง โดยมีชายปริศนาชุดดำเดินตามหลังเข้ามาด้วย
ปึง!
ทันทีที่ก้าวเข้าไปในห้อง ประตูก็ค่อยๆ ปิดลง
“ติงตง เ้าฆ่ากู่ไห่ไปแล้วหรือ?” หลงหว่านชิงถามเสียงเย็น
ฟึ่บ!
ไร้ซึ่งการตอบกลับ ชายชรารีบก้มศีรษะลงทันที “ท่านถังจู่ พวกข้าทั้งหมดล้วนถูกติงรุ่ยบังคับ มิได้มีใจคิดจะทำร้ายท่าน โปรดยกโทษให้ข้าน้อยด้วยขอรับ!”
หญิงสาวนิ่งอึ้ง
“ดีจริงๆ! ที่ท่านถังจู่ยังคงปลอดภัยดีเช่นนี้” จู่ๆ ชายชุดดำก็เอ่ยขึ้น
ขณะที่พูด เขาก็ค่อยๆ เปิดหมวกขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริง
“กู่ไห่?” หลงหว่านชิงเอ่ย
แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง ว่าคนตรงหน้าในตอนนี้ คือกู่ไห่จริงๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้