เหนือมิติมายาสุญญตาเป็ท้องนภาขุ่นมัวมิอาจรับรู้
และในเวลานี้เองเกิดมิติบิดเบี้ยวขึ้น มีเงาพร่ามัวขนาดใหญ่ทั้งเก้าปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า พวกเขาคือเซียนศักดิ์สิทธิ์ทั้งเก้าแห่งพันธมิตรเซียนศักดิ์สิทธิ์
“ิญญาแห่งสุญญตา ออกมาพบกันหน่อยได้หรือไม่?”
เซียนศักดิ์สิทธิ์แห่งจงโจวค่อยๆ เอ่ยปาก น้ำเสียงที่ยิ่งใหญ่ดังกระจายไปในอากาศ คลื่นเสียงมุ่งหน้าไปส่วนลึกของความว่างเปล่าอันไร้ที่สิ้นสุด
ผ่านไปครู่หนึ่ง ในท้องฟ้ายังคงไร้เสียงตอบรับ
จากนั้นเซียนศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยหยวนจึงกล่าวว่า “มิติมายาสุญญตาตกลงมาบนแผ่นดินเซียนฉยงเกือบหมื่นปีแล้ว จึงมีความหมายกับแผ่นดินเซียนฉยงของเรามาก...ิญญาแห่งสุญญตา พวกเรารู้ว่าท่านตื่นแล้ว เหตุใดถึงมิยอมออกมาพูดคุยกันหน่อยเล่า? พวกเราหาได้มีเจตนาร้ายไม่!”
“……”
ท้องฟ้ายังคงเงียบกริบไร้ซึ่งเสียงตอบรับ
ขณะที่เซียนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเตรียมตัวลงมือ เงาร่างหนึ่งปรากฏตัวเหนือพวกเขาอย่างไร้สุ้มเสียง นางสวมชุดคลุมสีขาว ดูเลือนรางพร่ามัว ราวกับเซียนและิญญา ถ้าไม่ใช่เฉียนโม่แล้วจะเป็ผู้ใดเล่า
“พวกเ้าคือผู้ปกครองแผ่นดินเซียนฉยงหรือ?”
เมื่อได้ยินคำถามของเฉียนโม่ เซียนศักดิ์สิทธิ์ทั้งเก้าต่างใทันที เพราะพวกเขามิอาจััได้ว่าอีกฝ่ายปรากฏตัวออกมาเมื่อไร เมื่อครู่หากต่อสู้กัน พวกเขาคงพ่ายแพ้ไปแล้ว
เซียนศักดิ์สิทธิ์แห่งจงโจวโบกมือพลางกล่าวว่า “แผ่นดินเซียนฉยงไม่มีผู้ปกครอง พวกเราเป็เพียงผู้ดูแลเท่านั้น...ท่านน่าจะเป็ิญญาสุญญตากระมัง?”
“ิญญาแห่งสุญญตาหรือ?”
เฉียนโม่เผยสายตาเ็า “ศักราชเซียนผ่านมานับหมื่นปี ที่นี่ไม่มีิญญาสุญญตานานแล้ว ข้าเป็เพียงิญญาเร่ร่อนที่อาศัยอยู่ในนี้ชั่วคราวก็เท่านั้น”
“ท่านมิใช่ิญญาสุญญตาหรือ?”
เซียนศักดิ์สิทธิ์แห่งจงโจวขมวดคิ้วและถามต่อไป “หรือว่าการตื่นของมิติมายาสุญญตาเกี่ยวข้องกับท่าน?”
“พวกเ้าคิดมากแล้ว”
เฉียนโม่กล่าวด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “มิติมายาสุญญตามิใช่เพียงมิติมายา ที่นี่คือมิติเซียน และซากโบราณสถานของที่นี่ก็มิใช่เพียงซากปรักหักพัง แต่เป็สถานที่ฝึกฝน...สาเหตุที่มิติมายาสุญญตาตื่นขึ้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับข้าเท่าไรนัก แต่เป็เพราะมีคนเปิดผนึกสุญญตา”
“ผนึกสุญญตาคืออะไรหรือ? ผู้ใดเป็คนเปิดผนึกสุญญตา?”
เซียนศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงลนลาน
ทว่าเฉียนโม่มิได้สนใจนัก นางกล่าวออกไปตรงๆ “พอแล้ว ผู้ดูแลแผ่นดินเซียนฉยง กล่าวจุดประสงค์ของพวกเ้ามา”
เซียนศักดิ์สิทธิ์เป่ยหยวนมีสีหน้าเ็าเล็กน้อย เขาเป็ถึงเ้าแห่งพันธมิตรเซียนศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่เหนือผู้คนนับล้าน จะเคยโดนคนดูถูกเช่นนี้ได้อย่างไร? เพียงแต่ตอนนี้ต้องเห็นแก่ภาพรวมก่อน เขาไม่อยากหาเื่เพิ่ม
เซียนศักดิ์สิทธิ์แห่งจงโจวคำนับพลางกล่าวว่า “ท่านผู้าุโ ถึงแม้มิติมายาสุญญตาจะมิใช่สิ่งของของแผ่นดินเซียนฉยง ทว่ามิติมายาสุญญตาได้หยั่งรากลึกอยู่ที่นี่มาเกือบหมื่นปี เกี่ยวพันกับสิ่งมีชีวิตนับล้านของแผ่นดินเซียนฉยงอย่างใกล้ชิด ไม่ทราบว่าท่านสามารถมอบสิทธิ์การควบคุมมิติมายาสุญญตาให้เราได้หรือไม่?”
“สิทธิ์ควบคุมหรือ? พวกเ้าคิดว่ามิติเซียนสุญญตาเป็สิ่งใดกัน? เป็เครื่องมือที่จะใช้เมื่อใดก็ได้หรือ?”
เฉียนโม่ยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็าเช่นเคย “ข้ามิใช่ิญญาสุญญตา และมิใช่เ้าของมิติเซียนสุญญตา ข้าเพียงแค่พักอยู่ที่นี่ แต่มิอาจควบคุมที่นี่ได้ สำหรับสิ่งมีชีวิตนับล้านในแผ่นดินเซียนฉยง...เกี่ยวอันใดกับข้า?”
“ท่านผู้าุโเป็คนของสำนักเซียน ท่านคงรู้ว่าวิถีเซียนยากจะไขว่คว้า”
เซียนศักดิ์สิทธิ์แห่งจงโจวโน้มน้าวอีกครั้ง “หวังว่าท่านจะคำนึงถึงสรรพชีวิต และให้โอกาสผู้บำเพ็ญเซียนของแผ่นดินเซียนฉยงด้วยเถิด”
“ทำไมหรือ คิดจะใช้คุณธรรมมากดดันข้า? หรือเห็นว่าข้าเป็เพียงิญญาที่รังแกง่ายกัน?”
เฉียนโม่สายตาเยือกเย็นและกล่าวด้วยน้ำเสียงหนาวเหน็บ “บอกว่าให้คำนึงถึงสรรพชีวิต แค่เพราะพวกเ้าอยากสอดส่องพลังต้นกำเนิดของมิติเซียนสุญญตามิใช่หรือ...ข้าเคยผ่านความเป็ความตายมาแล้วชาติภพหนึ่ง คนเสแสร้งอย่างพวกเ้าข้าเคยเห็นมานักต่อนักแล้ว”
ขณะที่กล่าวบรรยากาศรอบกายเฉียนโม่เปลี่ยนแปลงไปทันที ราวกับเป็ผู้ยิ่งใหญ่อันสูงส่ง เป็ผู้ปกครองเหนือทุกสิ่งอย่างใน์และพิภพ ทำให้ผู้คนต้องก้มหน้ามิกล้าสบตา
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ ก็จัดการเ้าก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”
เซียนศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยหยวนเดิมทีก็รู้สึกโมโหอยู่แล้ว เมื่อเห็นว่าเฉียนโม่ไม่ยอมร่วมมือ เขาจึงไม่เกรงใจอีกต่อไป
เซียนศักดิ์สิทธิ์คนอื่นๆ ก็มิอาจนิ่งดูดาย จึงค่อยๆ ล้อมเฉียนโม่เอาไว้ การต่อสู้อันดุเดือดกำลังจะเริ่มขึ้น!
“หลังจากหมดยุคแห่งกฎแล้ว วิถีเซียนกำเนิดอีกครั้ง พลังของพวกเ้าพอใช้ได้...แต่ในมิติเซียนสุญญตาแห่งนี้...ข้านั้นไร้เทียมทาน"
เมื่อกล่าวจบเฉียนโม่เพียงโบกมือ พวกเขาก็ถูกซัดจนกระเด็นออกจากมิติมายาสุญญตา นางไม่ได้กังวลเลยแม้แต่น้อย
“เอ๊ะ?”
เหมือนััอะไรบางอย่างได้ สายตาของเฉียนโม่มองลงไปด้านล่าง “เ้าเด็กนั่นขยันนัก ผ่านด่านฝึกฝนไปหลายแห่งแล้ว ดูท่า่นี้จะก้าวหน้าไม่น้อย”
จากนั้นเฉียนโม่กลับสู่ท่าทางเยือกเย็นอีกครั้ง นางหมุนตัวหายไปจากท้องฟ้า
……
ในวิหารศักดิ์สิทธิ์ เกิดมิติบิดเบือนขึ้น
ในเวลานี้เซียนศักดิ์สิทธิ์ทั้งเก้าถูกพลังไร้ลักษณ์บังคับออกจากมิติมายาจนเกือบจะร่วงลงพื้น
“เซียนศักดิ์สิทธิ์จงโจว ิญญาเมื่อครู่นี้คือิญญาสุญญตาจริงหรือ?”
“ยังมิอาจรู้ได้...แต่นางน่าจะยืมพลังจากมิติมายาสุญญตา ขับไล่พวกเราออกมา บางทีนางอาจจะไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่พวกเราคิด”
“แล้วอย่างไรเล่า ขอแค่นางไม่ออกจากมิติมายาสุญญตา พวกเราก็ทำอะไรนางไม่ได้!”
“ทุกคนมีความคิดอะไรหรือไม่?”
“มิสู้พวกเราตัดไฟแต่ต้นลม ไม่ให้ศิลาเซียนกับมิติมายาสุญญตาอีก!”
“ไม่ได้ ไม่ได้ เซียนศักดิ์สิทธิ์หนานเหยียน ถ้าไปตัดพลังของมิติมายาสุญญตาก็เท่ากับตัดอนาคตของแผ่นดินเซียนฉยงมิใช่หรือ?”
“เซียนศักดิ์สิทธิ์ไท่เซวียนกล่าวได้ถูกต้อง ถึงแม้พวกเรามิอาจควบคุมมิติมายาสุญญตาได้ แต่อย่างน้อยก็ยังเป็สถานที่ฝึกฝนที่ไม่เลว ในนั้นยังมีโชคมากมายซ่อนเอาไว้”
……
“ทุกคนเงียบก่อน”
เมื่อได้ยินเซียนศักดิ์สิทธิ์คนอื่นๆ กำลังปรึกษากัน เซียนศักดิ์สิทธิ์จงโจวถอนหายใจพลางกล่าวว่า “เื่นี้ขอให้จบลงเพียงเท่านี้ ห้ามให้ผู้ใดพูดถึงอีก ขอเพียงอีกฝ่ายไม่ทำเื่เกินหน้าเกินตา พวกเราก็จะไม่เคลื่อนไหว”
“นอกจากนี้...”
เซียนศักดิ์สิทธิ์จงโจวเว้นจังหวะพูด จากนั้นกล่าวต่อว่า “ส่งคนไปติดตามการเปลี่ยนแปลงของมิติมายาสุญญตาอย่างใกล้ชิด หาให้ได้ว่าผู้ใดเป็คนเปิดผนึกสุญญตา”
ทุกคนมองหน้ากัน แต่สุดท้ายก็พยักหน้าตอบรับ
……
หนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
จั๋วอวิ๋นเซียนจมจ่อมอยู่ในมิติมายาสุญญตาอีกครั้ง เขาแทบจะฝึกฝนอยู่ในซากโบราณสถานทุกวัน
ั้แ่อักขระ แผนผังค่ายกล การปรุงโอสถจนถึงกลไก...โบราณสถานบางแห่งฝึกฝนศาสตร์วิชา บางแห่งฝึกฝนพลัง บางแห่งต้องใช้สติปัญญาและความกล้า มีแม้กระทั่งโบราณสถานบางแห่งที่ทดสอบปณิธานและความอดทน
ซากโบราณสถานในตอนนี้มิอาจเรียกว่า ‘ซากโบราณสถาน’ ได้อีกแล้ว พวกมันเหมือนเป็ดินแดนฝึกฝน ทุกครั้งที่ท้าทาย ทุกครั้งที่ฝึกฝน ล้วนได้รับรางวัลที่ไม่คาดคิด
ส่วนอายุอย่างจั๋วอวิ๋นเซียนบวกกับสติปัญญาและพร์ของเขา เขาเหมือนเป็ฟองน้ำขนาดใหญ่ที่ดูดซับความรู้ไม่เคยหยุด เขาเรียนรู้และเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ิญญาของเขายังไม่ได้วิวัฒนาการอีกครั้ง พร์ก็ยังไม่ตื่นขึ้น แต่ด้วยพลังที่สั่งสมมาอย่างมหาศาลทำให้เขาััได้ว่าตัวเองกำลังค่อยๆ ก้าวหน้าขึ้นอย่างชัดเจน
ดังนั้นเพียงเวลาหนึ่งเดือนสั้นๆ จั๋วอวิ๋นเซียนพาถังจิ่วกับเสี่ยวเนี่ยนตะลุยไปทั่วซากโบราณสถานที่ยังไม่มีใครผ่านได้ทั้งหมด รางวัลผ่านด่านทุกครั้งล้วนมหาศาล อีกทั้งถังจิ่วกับเสี่ยวเนี่ยนก็เติบโตขึ้นจากการฝึกฝนครั้งแล้วครั้งเล่า
อีกด้านหนึ่งด้วยการขายเคล็ดลับการผ่านด่านซากโบราณสถาน จั๋วอวิ๋นเซียนกับเถ้าแก่อู๋ที่เมืองโบราณเทียนฟงจึงฉวยโอกาสหาเงินก้อนใหญ่ ความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่ายค่อนข้างราบรื่น
ในเวลาว่างที่เหลือ เดิมทีจั๋วอวิ๋นเซียนคิดจะไปที่สุสานโบราณสักครั้ง...ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะเข้าสุสานโบราณ ร่างกายก็เกิดใจสั่นขึ้นมา เป็สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกความจริง เขาจึงต้องออกจากมิติมายาสุญญตาชั่วคราว
