วันถัดมา ก่อนที่โจวชิงหวาจะเข้าวังหลวงเพื่อถวายชาเนยเป็เครื่องบรรณาการ ด้วยตอนนี้เขากำลังยุ่ง เลยให้สือหวู่มารับหนีเจียเอ๋อร์ หมายจะพาเข้าวังไปพร้อมกัน
แต่เมื่อหญิงสาวมองไปยังพระอาทิตย์ที่สาดแสงแรงกล้าบนท้องฟ้า... อากาศร้อนขนาดนี้ นางย่อมไม่อยากออกไปไหน จึงปฏิเสธไป
ชายหนุ่มเลยรับปาก ว่าในยามค่ำจะส่งชาเนยมาให้นางด้วยตัวเอง แต่แล้วก็มิได้มาตามนัดหมาย
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มาเสียที หนีเจียเอ๋อร์ก็หลับไปจนถึงรุ่งเช้า
พอพบหน้านายท่านหนี สวีซื่อ และเว่ยอี๋เหนียง หญิงสาวก็ทำความเคารพผู้าุโทั้งสามตามปกติ
แต่ที่แปลกออกไป คงจะเป็สีหน้าของนายท่านหนีและเว่ยอี๋เหนียง ซึ่งดูคล้ายหวั่นวิตก ต่างจากสวีซื่อและหนีจวิ้นหว่าน ที่ยิ้มแย้มแจ่มใสราวกับมีเื่น่ายินดีเกิดขึ้น
แต่กระนั้น หนีเจียเอ๋อร์ก็มิได้ไถ่ถามอันใด
ทว่าทันทีที่นางทิ้งตัวลงนั่ง หนีจวิ้นหว่านผู้เป็พี่สาวก็เอ่ยปากทักทาย “น้องหญิง เมื่อคืนนี้เ้าหลับสบายดีหรือไม่?”
หนีเจียเอ๋อร์เลิกคิ้ว ก่อนตอบด้วยรอยยิ้ม “เ้าค่ะ พี่หญิงเองก็ดูเหมือนจะร่าเริงยิ่งนัก เช้านี้มีเื่ดีอันใดเกิดขึ้นหรือเ้าคะ?”
หนีจวิ้นหว่านส่ายหน้า “จะว่าเป็เื่ดีก็คงมิใช่ ต้องบอกว่าเป็เื่ร้ายถึงจะถูก”
หนีเจียเอ๋อร์มองไปยังคนทั้งสี่ พลางถาม “เกิดอะไรขึ้นหรือเ้าคะ?”
สวีซื่อจึงโพล่งขึ้นว่า “เมื่อเย็นวานนี้ กิจการของโจวชิงหวาถูกทหารหลวงเข้าไปยึด ข้าได้ยินมาว่าทั้งเขาและคนของเขา ล้วนถูกนำตัวไปคุมขัง นี่ยังไม่รู้เลยว่าสกุลหนีของเราจะพลอยโดนไปด้วยหรือไม่ เพราะเ้าก็สนิทสนมกับโจวชิงหวายิ่งกว่าผู้ใด!”
สีหน้าของนายท่านหนีแข็งขึงจนหนีเจียเอ๋อร์ไม่พอใจ เดินหนีออกจากบริเวณนั้นทันที
...
ด้วยยังไม่รู้ที่มาที่ไปของเื่ราวทั้งหมด ครั้นจะถามจากท่านพ่อ ก็ดูจะไร้ประโยชน์
รอจนสวีซื่อและหนีจวิ้นหว่านเดินฮัมเพลงจากไป หนีเจียเอ๋อร์ก็รีบเข้าไปถามเว่ยอี๋เหนียง “อี๋เหนียงรู้หรือไม่ ว่าเหตุใดชิงหวาถึงโดนจับกุม?”
ผู้เป็มารดาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ส่ายหน้า แล้วกล่าวเสียงเศร้า “ข้าก็เพิ่งได้ยินมาจากสวีซื่อเช่นกัน จึงไม่รู้รายละเอียดมากนัก แต่ดูจากท่าทีและน้ำเสียงของพ่อเ้าแล้ว คล้ายไม่คิดจะช่วยขอความเมตตาให้เขาเลย...”
ยังพูดไม่ทันจบ หนีเจียเอ๋อร์ก็วิ่งออกไปแล้ว “เสี่ยวเอ๋อร์ เ้าจะไปไหน?”
หญิงสาวร้องตอบ โดยไม่เหลียวหลังกลับมามอง “ข้าจะไปข้างนอกสักพัก”
ต่อมา นางก็พยายามสอบถามรายละเอียดจากผู้คนโดยรอบ แต่เพราะทหารเ่าั้ปกปิดข้อมูลเอาไว้ ทำให้มิได้ความอันใดเพิ่มเติม
หากอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ คงต้องรอให้หนีเจียเฮ่อกลับมาเสียก่อน เพราะไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้เลย
ตอนนี้ หนีเจียเอ๋อร์กำลังยืนอยู่นอกวังหลวง
“คุณหนู ในที่สุดก็หาท่านพบเสียที!”
เสียงของเสี่ยวเสวียนดังมาแต่ไกล หนีเจียเอ๋อร์จึงรีบวิ่งเข้าไปหา แล้วถามอย่างตื่นตระหนก “เว่ยอี๋เหนียงอาการทรุดอีกแล้วหรือ?”
สาวใช้คนสนิทโบกมือ หอบหายใจพักใหญ่ ก่อนตอบ “เว่ยอี๋เหนียงสบายดีเ้าค่ะ แต่ข้าได้ยินเื่ของคุณชายโจวแล้ว ทั้งยังมีคนบอกว่าคุณหนูวิ่งออกมา ข้าก็เลยตามมาเ้าค่ะ”
พอได้ยินว่าเว่ยอี๋เหนียงสบายดี หนีเจียเอ๋อร์ก็โล่งอก นางหันไปมองประตูพระราชวังตรงหน้าที่ถูกคุ้มกันอย่างแ่า พลางพูดกับเสี่ยวเสวียนว่า “กลับกันเถอะ”
หลังเดินไปได้สักพัก สาวใช้ก็เหมือนจะนึกบางอย่างออก รีบคว้าแขนเสื้อของผู้เป็นายทันที “คุณหนู ข้าเพิ่งเจอคุณชายใหญ่ที่ร้านของคุณชายโจว ตอนที่ถามว่าทราบเื่คุณชายโจวหรือไม่? เขาก็ควบม้าหนีไปอย่างไว ทำเอาข้าวิ่งตามไม่ทันเลยเ้าค่ะ”
“แล้วทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้เล่า!” หนีเจียเอ๋อร์ขมวดคิ้วแน่น จากนั้นก็รีบวิ่งออกไป
“คุณหนูช้าหน่อย ระวังล้มนะเ้าคะ!” เสี่ยวเสวียนะโเตือน ขณะวิ่งตามหลังมาติดๆ
พอถึงจวนสกุลหนี หนีเจียเอ๋อร์ก็มุ่งหน้าไปหาหนีเจียเฮ่อที่เรือนทันที แต่บ่าวรับใช้กลับรายงานว่าอีกฝ่ายยังไม่กลับ
เสี่ยวเสวียนจึงโพล่งขึ้นว่า “แต่ข้าเห็นคุณชายใหญ่ ควบม้ามาทางจวนของเรานะเ้าคะ”
หนีเจียเอ๋อร์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และเอ่ยว่า “เสี่ยวเสวียน ไปจับตาดูที่เรือนของเว่ยอี๋เหนียง ส่วนข้าจะไปที่ห้องหนังสือของนายท่าน”
ก่อนไป หญิงสาวก็หันมาสั่งบ่าวรับใช้คนอื่นๆ “ถ้าพี่ชายข้ากลับมา ช่วยบอกให้เขาไปรอที่เรือนของข้า”
“เ้าค่ะ คุณหนูรอง” บ่าวรับใช้คนอื่นๆ รับคำ
วันนี้ทั้งวันมีแต่อุปสรรค ทำให้สองพี่น้องต้องคลาดกันหลายครั้งหลายครา ก่อนจะมาเจอกันที่สวนในจวน
หนีเจียเฮ่อหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อให้น้องสาว แต่ก็ถูกมือเล็กของหนีเจียเอ๋อร์รั้งเอาไว้ หญิงสาวไม่รีรอ รีบถามถึงเื่ที่ตนอยากรู้ทันที “ท่านพี่ ที่กลับมาในครั้งนี้ เป็เพราะเื่ของชิงหวาใช่หรือไม่? ท่านรู้ใช่หรือไม่ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”
ขณะที่เขากำลังจะตอบ ดวงตาคมพลันเหลือบไปเป็ชายเสื้อสีขาวโผล่มาจากหลังก้อนหิน ชายหนุ่มจึงตบไหล่น้องสาวเบาๆ แล้วกล่าวว่า “พี่ว่าเราไปคุยเื่นี้กันที่เรือนของเ้าจะดีกว่า”
หลังทั้งสองจากไป หนีจวิ้นหว่านที่แอบอยู่หลังก้อนหินก็เดินออกมา “ใครจะไปอยากฟังเื่ของพวกเ้า!”
พอมาถึงเรือนของหนีเจียเอ๋อร์ เสี่ยวเสวียนที่เดินตามหลังมา ก็ปิดประตูลงกลอนทันที
หนีเจียเฮ่อจึงพูดกับหญิงสาวทั้งสองเสียงเบาว่า “เมื่อวาน องค์รัชทายาททรงเสวยชาเนยของโจวชิงหวาไป แล้วจู่ๆ ก็ล้มป่วยกะทันหัน จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่รู้สึกตัว หมอหลวงตรวจพบว่าพระองค์ถูกวางยา ทั้งขันที ขุนนาง นางกำนัล และพ่อครัวที่เกี่ยวข้อง ล้วนถูกคุมขังทั้งหมด”
หากองค์ชายรัชทายาทไม่รอด ต่อให้โจวชิงหวาจะเป็ผู้วางยาหรือไม่ อย่างไรก็ต้องถูกปะาอยู่ดี
เมื่อคิดเช่นนั้น หนีเจียเอ่อร์ก็พลันขาอ่อนไร้เรี่ยวแรง หากพี่ชายมิได้เข้ามาช่วยพยุงเอาไว้ นางคงล้มฟุบลงกับพื้นดินเบื้องล่างไปแล้ว
“ท่านพี่ ข้าเชื่อว่าโจวชิงหวามิได้ลงมือ ข้าต้องหาทางช่วยเขา!”
หนีเจียเฮ่อพยักหน้า “ไม่ต้องวิตก เพราะพี่ก็เชื่อว่าเขามิได้ทำเช่นกัน และจะต้องหาทางช่วยเขาแน่”
ได้ยินแบบนั้น หญิงสาวก็คลี่ยิ้มด้วยความโล่งใจ อย่างน้อยก็ยังมีท่านพี่ ที่คิดจะช่วยเหลือโจวชิงหวา “ท่านพี่ ขอบคุณมาก”
หนีเจียเฮ่อจึงกล่าว “ชิงหวาเติบโตมากับพวกเรา ข้าย่อมรักเขาดั่งพี่น้อง หากเขาประสบปัญหา ข้าก็ต้องช่วยเหลือ เหมือนตอนที่เ้าตกอยู่ในอันตราย เขาก็ยอมพลีกายเข้าปกป้อง ดังนั้น ข้าจะเมินเฉยได้หรือ!”
แต่สิ่งสำคัญที่สุดซึ่งเขามิได้เอ่ยก็คือ ในอนาคต โจวชิงหวาผู้นี้อาจจะมาเป็น้องเขยของตนก็เป็ได้...
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หญิงสาวก็โล่งอก คลายความกังวลได้เล็กน้อย
หนีเจียเฮ่อเงยหน้ามองท้องฟ้า “นี่ก็ดึกมากแล้ว ข้าต้องกลับเข้าวังหลวงก่อน หากได้เื่อย่างไร จะมาแจ้งให้เ้าทราบ”
เอ่ยจบก็เตรียมจะจากไป แต่หนีเจียเอ๋อร์กลับคว้าแขนเสื้อของเขาไว้ “ท่านพี่ ช่วยพาข้าเข้าวังได้หรือไม่? ข้าอยากจะไปเยี่ยมชิงหวา บางทีเขาอาจจะมีหลักฐานบางอย่าง มาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้...”
หนีเจียเฮ่อส่ายหน้า “นั่นหาใช่สถานที่ที่ใครจะเข้าออกได้ง่ายๆ แม้แต่ข้าเอง ก็เคยไปเพียงสามครั้งเท่านั้น”
หญิงสาวจึงปล่อยมือ “เช่นนั้น หากท่านกลับไปตรวจสอบเื่นี้ ก็โปรดระวังตัวด้วย”
สิ่งที่นางกังวลที่สุดในยามนี้ก็คือ องค์รัชทายาทจะฟื้นหรือไม่ หากพระองค์ยังมิได้สติ ไม่ว่าพวกเขาจะมีหลักฐานอย่างไร ก็ไร้ประโยชน์!
...
ณ ตำหนักองค์หญิงใหญ่
เมื่อได้ยินว่าโจวชิงหวาถูกจับกุม กู่อวี่เสวียนก็ส่งคนไปยังวังหลวงเพื่อสอบถามรายละเอียดทันที ได้ความว่าองค์รัชทายาทถูกลอบวางยาพิษ โดยมีโจวชิงหวาตกเป็ผู้ต้องสงสัย
เมื่อได้ยินแบบนั้น กู่อวี่เสวียนย่อมไม่เชื่อว่าโจวชิงหวาจะทำเื่เช่นนี้ได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยเขาอย่างไร
ชุนเหิน หัวหน้านางกำนัล พลันกล่าวด้วยความโกรธเคือง “คนเราไม่อาจตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอกได้เลยจริงๆ คุณชายโจวแม้จะรูปงาม แต่ช่างโเี้นัก ดีแล้วที่เขาปฏิเสธองค์หญิง มิฉะนั้นในภายภาคหน้า เขาอาจหันมาทำร้ายพระองค์ก็ได้นะเพคะ”