บนรถม้า สีหน้าของเว่ยซื่อยังคงดูบึ้งตึงอยู่แต่ในดวงตาของนางกลับไม่มีความวิตกกังวลดังเมื่อตอนเที่ยง
“คุณหนูใหญ่ หาคุณหนูสี่เจอแล้วเ้าค่ะ” แม่เฒ่าซุนกล่าวขึ้นมา
“น้องสี่หายไปอยู่ไหนมาหรือ?” กู้เจิงรีบถาม
แม่เฒ่าซุนเหลือบมองนายหญิงก่อนตอบกู้เจิง “อยู่ในเรือนของหวังซู่เหนียงเ้าค่ะ”
กู้เจิงคิดว่าตัวเองหูฝาดไป “อะไรนะ?”
“นางอยู่คุยกับซู่เหนียงมาตลอดทั้งเช้า” เว่ยซื่อแค่นเสียงเย็นแต่สายตาที่นางมองกู้เจิงกลับอ่อนโยนกว่าแต่ก่อนมากแล้วนางเห็นกู้เจิงทำท่าทางไม่อยากจะเชื่อ อย่าว่าแต่นางเลยแม้แต่ตนยังไม่อยากจะเชื่อว่าบุตรสาวคนเล็กของนางกับหวังซู่เหนียงไปสนิทสนมกันได้ั้แ่เมื่อไหร่กัน?
กู้เจิง “...” ก่อนที่จะออกมาหาช่างวาดภาพนางยังอยากจะลองเข้าไปดูในเรือนของซู่เหนียงก่อนด้วยซ้ำ
ยามที่กู้เจิงกับเว่ยซื่อกลับมาถึงจวนกู้ ก็เห็นรถม้าของตระกูลเสิ่นที่มีเสิ่นเยี่ยนและชุนหงนั่งมาจอดอยู่พอดี
“คารวะนายหญิงเ้าค่ะ” ชุนหงรีบทำความเคารพเว่ยซื่อ ก่อนจะเดินไปหาคุณหนูใหญ่
เสิ่นเยี่ยนก็โค้งคำนับเว่ยซื่อเช่นกัน
“บุตรเขยใหญ่ก็มาด้วย ตอนนี้หาตัวเหยาเอ๋อร์เจอแล้ว” เว่ยซื่อพูดคุยกับเสิ่นเยี่ยนอย่างเป็กันเอง
“เช่นนั้นก็ดีแล้วขอรับ” เสิ่นเยี่ยนตอบรับ
ทุกคนพากันเดินเข้าไปในจวนกู้ แต่เสิ่นเยี่ยนรั้งแขนกู้เจิงเอาไว้ก่อน
เสิ่นเยี่ยนยกมือขึ้นทัดผมที่ยุ่งเหยิงข้างขมับของนางไว้หลังใบหู
ผมของนางยุ่งหรือ? กู้เจิงรีบใช้สองมือลูบผมอย่างเขินๆ
เมื่อเข้าไปในห้องโถงใหญ่ ก็เห็นบิดาก็กำลังอบรมกู้เหยาอยู่นางนั่งคุกเข่าลงกับพื้น แต่แอบเบ้ปากอย่างดื้อรั้น ท่าทางไม่เชื่อฟัง
“เ้าลูกไม่รักดี” กู้หงหย่งรักลูกสาวตัวน้อยคนนี้มากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เขาใมากทีเดียว เขาโกรธจนแทบจะควบคุมอารมณ์ไว้ไม่ได้
“ท่านพ่อ หากท่านตบตีข้าความสัมพันธ์ระหว่างเราพ่อลูกคงต้องขาดกันแล้ว” กู้เหยาเห็นบิดาจะตีตนเอง จึงรีบพูดเสียงดัง
“เ้าว่าอะไรนะ? เ้าเ้าขู่ข้าหรือ?” กู้หงหย่งไม่อยากจะเชื่อ
“ข้าแค่ไปคุยเล่นที่เรือนของหวังซู่เหนียง ข้าผิดตรงไหนเ้าคะ?” กู้เหยาไม่เข้าใจจริงๆ นางเอ่ยอย่างน้อยใจว่า “พอพี่ใหญ่ออกเรือนกับพี่เขยใหญ่ไปแล้วพวกท่านก็ปฏิบัติต่อพี่ใหญ่ต่างจากเดิมแต่จะว่าไปทุกคนต่างก็เป็คนในครอบครัวเดียวกัน ทำไมจะต้องขัดแย้งกันข้าก็แค่ไปคุยที่เรือนของหวังซู่เหนียง ข้าผิดอะไรเ้าคะ?”
เว่ยซื่อกระแอมเบาๆ ก่อนก้าวเท้าเข้ามาในห้องโถง
เมื่อกู้หงหย่งเห็นภรรยากลับมาเขาก็เห็นบุตรตรีอนุและบุตรเขยตามหลังมาเมื่อคิดถึงสิ่งที่ลูกสาวคนเล็กพูดไปเมื่อครู่ ใบหน้าชราก็ข่มอารมณ์ไว้ไม่อยู่
เสิ่นเยี่ยนประสานมือคารวะ “น้องสี่ไม่เป็ไรก็ดีแล้วขอรับ”
กู้เจิงแสร้งทำเป็ไม่ได้ยินคำพูดของกู้เหยานางยิ้มพลางเอ่ยกับบิดาว่า “ท่านพ่อน้องสี่ยังเด็กอยู่ ท่านให้อภัยนางเถอะเ้าค่ะ” นางรู้อยู่เต็มอกว่า ถึงอย่างไรบิดาของนางก็ตีกู้เหยาไม่ลงจริงๆหรอก นางเดินเข้าไปประคองกู้เหยาให้ลุกขึ้น กู้เหยาส่งยิ้มเป็มิตรให้กู้เจิงนางแปลกใจจึงเอ่ยถาม “น้องสี่เ้าคุยกับซู่เหนียงเื่อะไรกัน คุยกันได้ทั้งเช้าเลยหรือ?”
“ข้ากับหวังซู่เหนียงด่าคนด้วยกันเ้าค่ะ” กู้เหยาตอบอย่างเป็ปกติ
“ด่าคน?” สีหน้าของเว่ยซื่อและกู้หงหย่งบูดบึ้งขึ้นทันที
“ใช่แล้วเ้าค่ะ เราด่าคนตระกูลฟู่ด้วยกันและด่าบรรพบุรุษรากเหง้าสิบแปดชั่วโคตรของพวกเขาด้วย” กู่เหยาพ่นลมออกทางจมูกอย่างแรง “เป็การระบายความแค้นที่ดีจริงๆ”
เห็นบิดากับนายหญิงทำหน้าเหมือนพูดอะไรไม่ออกกู้เจิงก็รู้สึกอับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนซู่เหนียงของนางความคิดและการปฏิบัติตัวก็ล้วนไม่ใช่ผู้ดีที่ถอดแบบมาจากไหนอยู่แล้ว
“แม่เฒ่าฉิน” เว่ยซื่อเอ่ยขึ้น
“เ้าคะ”
“นำตัวคุณหนูสี่กลับเข้าห้อง หากไม่มีคำสั่งจากข้าห้ามปล่อยนางออกมา”
“เ้าค่ะ”
“ท่านแม่ ท่านจะขังข้าไว้ในห้องหรือเ้าคะ?” กู้เหยาไม่ยอมให้แม่เฒ่าฉินลากตัวไป “ไม่ ข้าไม่อยากถูกขังอยู่ในห้อง”
“แม่เฒ่าซุน อย่ามัวอ้ำอึ้ง รีบช้วยกันลากตัวนางออกไป” แม้เสียงของเว่ยซื่อจะสงบนิ่งแต่คนฟังก็สามารถรับรู้ถึงความโกรธในน้ำเสียงนั้นได้
กู้เจิงปวดหัวกับซู่เหนียงของนางมากหากซู่เหนียงด่าทอคนตระกูลฟู่เองคนเดียวก็ยังคงพอรับได้แต่นี่ดันลากกู้เหยามาด่าทอใช้ถ้อยคำหยาบคายด้วยกันนี่นางรนหาที่ตายอีกแล้วหรือไงกัน?
แม่เฒ่าซุนกับแม่เฒ่าฉินช่วยกันลากกู้เหยาออกไปแต่พวกนางไม่คิดว่ากู้เหยาจะแรงเยอะจนดิ้นหลุดจากพวกนางได้กู้เหยาวิ่งกลับเข้ามาหาบิดามารดา ก่อนจะตะคอกเสียงดังว่า “ฟู่ผิงเซียงทำเื่ใส่ร้ายพี่รองแบบนั้นแล้วยังทำให้พี่สามต้องถูกพระสนมซู่ตำหนิอีกการที่ข้าจะด่านางและด่าตระกูลของนางมันจะเป็ยังไงหรือเ้าคะ? คนที่ทำผิดไม่ใช่พวกเรา แต่เป็ฟู่ผิงเซียงแล้วทำไมนางไม่เห็นจะโดนอะไรเลย”
“เ้า” เว่ยซื่อมองท่าทางดื้อรั้นของบุตรสาวคนเล็กแล้วโมโหจนทนไม่ไหว “ที่ข้าสอนเ้าเื่การวางตัวในหลายปีมานี้ข้าสอนเ้าไปเสียแรงเปล่าแล้ว การด่าคนมีประโยชน์อย่างนั้นหรือ? เื่ที่ฟู่ผิงเซียงทำ มีกี่คนกันที่รู้? แม้แต่คนของจวนฟู่เองก็ยังไม่รู้และถ้าคนนอกได้ยินคำด่าทอเหล่านี้ของเ้าแล้วเอาไปนินทาคนอื่นจะคิดกับเ้าว่าอย่างไร? ”
“ในจวนของพวกเราไม่มีใครอื่นเ้าค่ะ”
“เช่นนั้นทำไมฟู่ผิงเซียงถึงสามารถซื้อตัวสาวใช้ของจวนหนิงได้ล่ะ”
กู้เหยาตกตะลึง นางลืมคิดถึงเื่นี้ไป
“เ้าไม่เข้าใจอะไรเลยแต่อย่างน้อยเ้าก็ควรต้องรู้ว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ” เว่ยซื่อเจ็บใจที่เหล็กกล้าไม่เป็เหล็กกล้าจริงๆนางโบกมือให้คนรับใช้ “นำตัวไปตาไม่เห็นนับว่าสะอาด*”
(*หมายถึงการหลีกเลี่ยงไม่ไปมองถึงปัญหาหรือเื่ที่รบกวนจิตใจ)
“เ้าค่ะ” คราวนี้สองแม่เฒ่าฉินซุนไม่ได้ออมมืออีกต่อไปไม่ว่ากู้เหยาจะดิ้นรนอย่างไรก็ไร้ประโยชน์
กู้เจิงรู้สึกว่าตัวเองช่างชีวิตอาภัพจริงๆความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเรือนหลักที่กำลังจะดีขึ้นอยู่แล้วแต่ก็อาจมาพังเพราะเื่นี้
นางเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเว่ยซื่อกู้เจิงรู้สึกผิดและละอายด้วยใจจริง “ท่านแม่ ซู่เหนียงของข้าไม่ได้ร่ำเรียนหนังสือและไม่เคยเห็นโลกภายนอกมาก่อน มีหลายสิ่งหลายอย่างที่นางไม่เข้าใจขอท่านแม่โปรดให้อภัยนางด้วยข้าจะไปที่เรือนเล็กเพื่ออธิบายให้ซู่เหนียงฟังอย่างชัดเจนให้ต่อไปนางไม่ทำเื่ดังเช่นในวันนี้อีกเ้าค่ะ”
“เ้าไปบอกนางเช่นนี้ นางจะนึกว่าข้าเป็คนยุยงไม่แน่ว่าอาจจะด่าข้าลับหลังก็ได้” เว่ยซื่อแค่นเสียงเยาะหยัน นางหันไปเอ่ยกับสาวใช้ข้างกายว่า “เ้าไปที่เรือนเล็ก บอกหวังซู่เหนียงว่าหากเกิดเื่เช่นนี้ขึ้นอีก จะลงโทษงดจ่ายเงินเดือนครึ่งปี”
“เ้าค่ะ” สาวใช้รีบจากไปทันที
กู้เจิง “...” เว่ยซื่อรู้จักซู่เหนียงดีจริงๆในความทรงจำของนาง เมื่อหลายปีก่อนเว่ยซื่อก็เคยลงโทษงดจ่ายเงินเดือนแบบนี้ตอนนั้นซู่เหนียงต้องรีบมาขอร้องอ้อนวอนเว่ยซื่อด้วยสภาพน้ำมูกน้ำตาไหล
เมื่อจบเื่แล้ว กู้เจิงและเสิ่นเยี่ยนจึงขอตัวกลับครั้งนี้เป็บิดาที่ออกมาส่งพวกเขาออกไปด้วยตัวเอง
กู้เจิงไม่ได้แวะไปหาหวังซู่เหนียงก่อนกลับเพราะนางคิดว่าถ้าไปก็คงไม่พ้นต้องคุยกันเื่ที่นางกับกู้เหยาด่าทอคนเมื่อเช้านี้
“เหนื่อยจัง” กู้เจิงซบอยู่ในอ้อมอกสามี
“ตอนที่ข้ามา เ้ากับนายหญิงไปไหนมาหรือ?” เสิ่นเยี่ยนถาม
“ข้ากับแม่เฒ่าซุนไปหาช่างวาดภาพเพื่อมาวาดรูปเหมือนน้องสี่เ้าค่ะคิดไม่ถึงว่าระหว่างทางจะเจอฟู่ผิงเซียง” กู้เจิงเล่าเื่ราวที่เกิดขึ้นให้สามีฟัง
“เ้าต่อสู้เป็ด้วยหรือ?” เสิ่นเยี่ยนแสดงท่าทีประหลาดใจนึกไม่ถึงว่าสตรีบอบบางตรงหน้าเขาจะสามารถเอาตัวรอดจากสถานการณ์แบบนั้นได้
“นี่เรียกว่าต่อสู้ที่ไหนกัน ถ้าคนนอกมาเห็นเข้ายังจะนึกว่าข้ารังแกคนอื่นเสียอีกเ้าค่ะ”กู้เจิงนึกถึงเหตุการณ์ในโรงน้ำชา ถึงภายนอกนางอาจจะดูน่ากลัวแต่ที่จริงแล้วนางก็แค่ทำเป็ขู่ไปอย่างนั้นเอง
“ฟู่ผิงเซียงเคยทำเื่ไม่ดีกับเ้าและตอนนี้ก็ยังมาทำลายการแต่งงานของเจิ้งชินอีก เมื่อครู่ข้าฟังแล้ว รู้สึกว่าเ้าน่าจะจัดการกับนางสักครั้งจริงๆ” เสิ่นเยี่ยนออกความเห็น
กู้เจิงคิดตามคำพูดของเขา “ถึงข้าจะอยากทำก็จริง แต่ก็ควบคุมเอาไว้ได้เ้าค่ะ” นางพูดไปก็มองเขาอย่างไม่พอใจ “เพราะข้าคิดว่าท่านพี่ยังน้อยกำลังวาจาไร้น้ำหนัก* หากข้าไปตบตีคนแล้ว ท่านไม่สามารถปกป้องข้าได้ข้าก็จะไม่ลงมือเ้าค่ะ”
(*หมายถึง มีฐานะต่ำกว่าพูดไปคนย่อมไม่ให้ความสำคัญ หรือไม่มีอำนาจนั่นเอง)
มุมปากของเสิ่นเยี่ยนยกยิ้ม“เป็ความผิดของข้าเอง”
กู้เจิงหัวเราะหึๆ “ที่จริงก่อนหน้านี้นายหญิงเคยพูดไว้ว่านางจะให้ฟู่ผิงเซียงได้รับบทเรียนเ้าค่ะ”
“ถึงเวลาจะได้รับบทเรียนแล้วหรือ” เสิ่นเยี่ยนพูดทวนเสียงเรียบ
เมื่อทั้งสองกลับมาถึงบ้านก็เจอลุงรองกับป้ารองที่นำถั่วลิสงคั่วถุงใหญ่มาให้พอดีขนมมันเทศที่ตากไว้เมื่อเช้าก็แข็งตัวดีแล้ว
กู้เจิงกับชุนหงหยิบมาแบ่งกันกินคนละครึ่งรสชาติเหมือนที่ป้าใหญ่พูดไว้ คือทั้งหวานทั้งเหนียว
“อร่อยเ้าค่ะ” กู้เจิงหยิบมากินอีกชิ้น
“อย่ากินแค่อันนี้” ป้ารองนำถั่วลิสงคั่วมาให้กู้เจิงหนึ่งกำมือ “เ้าลองกินถั่วลิสงขึ้นชื่อของบ้านข้าดู”