เมืองไป่หลิงเป็เมืองขนาดกลางที่ตั้งอยู่ในจักรวรรดิเชียนซาน หากมองขนาดเมืองเพียงอย่างเดียวอาจไม่คุ้มที่จะกล่าวถึง แต่สำหรับเหล่าจื๋อซิวแล้ว ที่นี่ถือได้ว่าเป็หนึ่งในสี่เมืองศักดิ์สิทธิ์แห่งจักรวรรดิเชียนซาน
รากบ่มเพาะของจื๋อซิวแบ่งออกเป็รากอาวุธ รากอสูร และรากพฤกษา ส่วนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามของจื๋อซิวก็ได้แก่ สำนักกายา สำนัก์ และสำนักวั่นจื๋อ
สำนักวั่นจื๋อเป็สำนักของผู้บำเพ็ญเชื้อสายรากพฤกษา แบ่งออกเป็สี่สำนักหลัก ได้แก่ สำนักร้อยบุปผา สำนักเชียนเฉ่า สำนักั์พฤกษา และสำนักทะยานเวหา ซึ่งสอดคล้องกับคุณสมบัติของรากบ่มเพาะ คือ ดอกไม้ ต้นหญ้า ต้นไม้ และเถาวัลย์ โดยสำนักเหล่านี้จะก่อตั้งสาขาตามเมืองใหญ่ในดินแดนหยวนซิงเพื่อเปิดรับศิษย์อย่างกว้างขวางและเพิ่มความแข็งแกร่ง
ดังนั้น เมืองไป่หลิงจึงเป็หนึ่งในสองเมืองศักดิ์สิทธิ์ของเชื้อสายรากพฤกษาในจักรวรรดิเชียนซานซึ่งรวบรวมสำนักหลักทั้งสี่เอาไว้ ทั้งยังมีชื่อเสียงโด่งดังเพราะได้รับการสนับสนุนจากูเาไป่หลิง
...
่บ่าย ณ ประตูด้านในของสำนักร้อยบุปผา
หนิงเทียนสวมชุดสีขาวนอนบนพื้นหญ้าในสวนท่ามกลางแสงแดด รอบกายของเขาเต็มไปด้วยดอกโบตั๋นและสายลมพัดอ่อนๆ ที่ให้ความรู้สึกเย็นสบาย
หลังจากเข้าสำนักร้อยบุปผาได้สามวัน หนิงเทียนก็เริ่มคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมที่นี่ แต่ความเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสามวันก่อนก็ยังไม่จางหาย
เดิมทีเขาคิดว่าท่านอาจารย์จะพาเข้าสำนักด้วยตัวตนที่แท้จริงของนาง และใช้คำพูดเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้เขาได้เติบโตอยู่ที่นี่
ใครจะนึกว่านางจะโยนเขาไว้ที่เมืองไป่หลิงแล้วหันหลังหายตัวไปเช่นนี้
“ไร้ความรับผิดชอบเสียจริง!”
ยิ่งหนิงเทียนคิดเื่นี้มากเท่าใด เขาก็ยิ่งโกรธมากเท่านั้น เขาอาศัยความสามารถของตนเพื่อเข้าสำนักร้อยบุปผา และเป็เหตุให้เขาถูกส่งมาดูแลเหล่าดอกโบตั๋นอยู่ที่นี่
นี่คือการใช้คนไม่ถูกกับงาน ทั้งยังเป็การดูแคลนเขาอย่างโจ่งแจ้ง
“ชายผู้นี้น่ารังเกียจยิ่งนัก ข้าให้เขารดน้ำใส่ปุ๋ยดอกโบตั๋นของศิษย์พี่ฉิน ทว่าเขากลับกดขี่แก่นแท้ของดอกโบตั๋น ข้าต้องบอกเื่นี้ให้ศิษย์พี่ฉินทราบ เด็กคนนี้ต้องได้รับบทเรียนเสียบ้าง!”
“ใช่! เ้าเด็กใหม่ผู้นี้กล้ารังแกลูกรักของศิษย์พี่ฉิน เขาคงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วจริงๆ”
“สิ่งที่น่ารังเกียจยิ่งกว่านั้นคือเขากล้าทำร้ายคนทันทีที่มาถึงประตูฝ่ายใน ทั้งยังขโมยหินิญญาของพวกเราไปอย่างโเี้อีกด้วย”
ศิษย์ฝ่ายในหลายคนขุ่นเคืองหนิงเทียนและมีท่าทีราวกับอยากกัดเขาให้ตายอยู่นอกสวน
คราแรกที่คนเหล่านี้เห็นหนิงเทียนต่างก็คิดว่าเขารังแกได้ง่าย แต่พวกเขาจะล่วงรู้ได้อย่างไรว่าหนิงเทียนจะไล่ทุบตีตนจนจมูกช้ำหน้าบวม อีกทั้งยังปล้นสะดมจนอยากจะหลั่งน้ำตา
“พวกเ้ามาชำระหนี้หรือ?” หนิงเทียนลืมตาเหลือบมองกลุ่มคนที่ออเข้ามา ใบหน้ายิ้มแย้มของเขาทำให้หลายคนรู้สึกคันไม้คันมือจนอยากกระโจนเข้าไปฉีกทิ้งเสีย
“เ้าหนิงเทียนหน้าเหม็น! รอศิษย์พี่ฉินกลับมาก่อนเถิด ข้าอยากเห็นเหลือเกินว่าเ้าจะตายอย่างไร”
ไกลออกไปมีร่างสง่างามร่างหนึ่งกำลังเยื้องย่างเข้ามา ทั่วทั้งร่างทอประกายราวกับอาบด้วยแสงตะวันสีทอง กระแสพลังิญญาลอยขึ้นจากพื้นดินและกลายเป็ดอกไม้น่าอัศจรรย์สามดอก ซึ่งส่งกลิ่นหอมอันน่าหลงใหล
“ศิษย์พี่ฉินกลับมาแล้ว! ฮ่าๆ เ้าตัวแสบ เ้าไม่รอดแน่”
“ศิษย์พี่ฉิน เ้าเด็กใหม่เหลือขอผู้นี้กำลังรังแกลูกรักของท่าน โปรดสั่งสอนเขาด้วย!”
หนิงเทียนเอียงศีรษะและมองร่างนั้นอย่างวิเคราะห์
นางงดงามกว่าสาวน้อยหลินจากสำนักเชียนเฉ่าเล็กน้อย เพียงพอที่จะกล่าวว่าเป็หนึ่งในพัน แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับนางมารที่นำภัยพิบัติมาสู่อาณาจักร
ฉินเสี่ยวเยวี่ยมีรูปร่างสง่าและอายุยี่สิบปี นางเป็หนึ่งในสามสาวงามแห่งสำนักร้อยบุปผา เป็ดั่งเทพธิดาที่ผู้คนนับไม่ถ้วนล้วนชื่นชม
นางเริ่มปลูกดอกโบตั๋นเมื่อปีกลายและถ่ายทอดจิติญญาสำเร็จแล้ว พวกมันชอบนางมาก นางจึงวางแผนจะเพาะพันธุ์กองทัพทหาริญญา
ยามนี้นางเพิ่งกลับมาจากูเาด้านหลัง ทว่ากลับมีผู้บุกรุกกล้ามารังแกลูกรักของนาง ใครกันที่อาจหาญถึงเพียงนี้?
ทันใดนั้นจิติญญาบุปผาก็แผ่ขยาย สายลมโชยกลิ่นหอมฟุ้ง และภัยคุกคามที่มองไม่เห็นก็กำลังปกคลุมสถานที่แห่งนี้
ศิษย์ฝ่ายนอกหลายคนดีใจอย่างยิ่งเมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ หากศิษย์พี่ฉินลงมือแล้ว เ้าเด็กเหลือขอนี่จบไม่สวยแน่นอน
เมื่อดอกโบตั๋นในสวนััได้ถึงกลิ่นอายของฉินเสี่ยวเยวี่ย พวกมันก็ะโขึ้นลงอย่างมีความสุข
หนิงเทียนยังคงนอนอย่างเกียจคร้านและส่งเสียงพึมพำ ทันใดนั้นกลีบดอกโบตั๋นก็ร่วงหล่น ลำต้นและเกสรต่างมุดหน้าลงดินราวกับโค้งคำนับเขาด้วยท่าทางเศร้าโศก
“ศิษย์พี่ฉินกลับมาทันเวลาพอดี! สองวันมานี้ข้าช่วยดูแลดอกโบตั๋นให้เป็อย่างดี ท่านควรมอบหินิญญาหนึ่งร้อยแปดสิบก้อนสำหรับการทำงานหนักของข้าใช่หรือไม่?”
ฉินเสี่ยวเยวี่ยโกรธมากเมื่อเห็นสภาพของดอกโบตั๋นที่น่าสงสาร
ไม่นึกว่าเ้าเด็กนี่ยังจะกล้ามาขอรางวัลตอบแทนอีก!
“ออกไปเดี๋ยวนี้! ผู้ใดอนุญาตให้เ้าเข้ามานอนในสวน?” ใบหน้าเ็าและน้ำเสียงโกรธเกรี้ยวของนางช่างทรงเสน่ห์
“เ้าหนิงเทียนหน้าเหม็น เ้าไม่ได้ยินหรือ? ออกไปเดี๋ยวนี้”
ศิษย์ฝ่ายในร่วมกันโห่ร้องให้กำลังใจฉินเสี่ยวเยวี่ย ทั้งยังะโให้นางพับแขนเสื้อขึ้นแล้วรีบรุดเอาชนะเขาเสีย
“จริงสิ! พูดเื่นี้แล้วจะไม่กล่าวถึงศิษย์พี่หวังเยวี่ยคงไม่ได้ เขานับถือศิษย์พี่ฉินเป็อย่างมาก ทั้งยังชื่นชมว่าท่านงดงาม มีความชอบธรรม ใจกว้าง และไม่มีผู้ใดเทียบเทียม หากมาดูแลดอกโบตั๋นที่นี่ศิษย์พี่จะจ่ายหินิญญาให้อย่างน้อยวันละห้าสิบก้อน ข้าช่วยดูแลให้ท่านสองวันก็รวมเป็หนึ่งร้อยก้อนพอดี แต่เมื่อข้าได้เห็นความงามของศิษย์พี่ ข้าจะขอลดให้ท่านสองส่วน ท่านมอบหินิญญาให้ข้าเพียงแปดสิบก้อนก็พอแล้ว” หนิงเทียนยืนเต็มความสูงและพูดด้วยรอยยิ้ม เขามองฉินเสี่ยวเยวี่ยด้วยดวงตาสดใส
“ศิษย์พี่อย่าไปฟังเื่ไร้สาระของเ้าเด็กนี่! ทุบตีเขาให้ตายไปครึ่งหนึ่งก่อน แล้วเขาจะซื่อสัตย์เมื่อต้องให้ท่านรักษา”
ฉินเสี่ยวเยวี่ยจ้องมองหนิงเทียน ชายผู้นี้หน้าตาดียิ่งนักแต่รอยยิ้มของเขากลับชวนให้หงุดหงิดเหลือเกิน
“หวังเยวี่ยพูดเช่นนั้นจริงหรือ?” นางถามอย่างเ็า เผยให้เห็นความโกรธที่ยากจะควบคุม
หนิงเทียนยิ้มแห้งๆ และกล่าวว่า “ข้าจะโกหกศิษย์พี่ได้อย่างไร? ศิษย์พี่หวังยังกล่าวเป็การส่วนตัวด้วยว่า หลังจากข้าได้หินิญญามาแล้วต้องแบ่งให้เขาสองในสาม เนื่องจากเขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อมอบโอกาสนี้ให้ข้า ศิษย์พี่ฉินคงไม่โกงข้าหรอกใช่ไหม?”
สีหน้าของบรรดาศิษย์ฝ่ายในเริ่มแปลกไป ชายผู้นี้ไม่เพียงแต่รังแกดอกโบตั๋นของฉินเสี่ยวเยวี่ย ทว่าเขายังโกงหวังเยวี่ยอีกด้วย นี่เป็การรนหาที่ตายชัดๆ
“ไปตามหวังเยวี่ยมาเดี๋ยวนี้!”
“ศิษย์พี่ฉิน เ้าตัวแสบนี่เชื่อถือไม่ได้...”
“เดี๋ยวนี้!” ฉินเสี่ยวเยวี่ยตวาดลั่น ชายคนนั้นใมากจนต้องหุบปากแล้วรีบวิ่งไปหาหวังเยวี่ย
หนิงเทียนเหยียดมือขวาออกมา ดอกโบตั๋นข้างกายชูช่อขึ้นแล้วโปรยลงบนฝ่ามือของเขาอย่างเชื่องช้าราวกับกำลังประจบสอพลอ
“ดูสิศิษย์พี่! ดอกโบตั๋นของท่านชอบข้ายิ่งนัก”
ฉินเสี่ยวเยวี่ยโกรธจนอยากด่ากราด นี่มันชอบตรงไหนกัน? เห็นได้ชัดว่าพวกมันถูกรังแกอย่างหนัก!
“เ้าเข้ามานี่”
ดวงตาของหนิงเทียนเป็ประกาย “ศิษย์พี่ ท่านจะมอบหินิญญาให้ข้าแล้วหรือ?”
ฉินเสี่ยวเยวี่ยอยากตบเขาเสียจริง ชายผู้นี้สมองแย่เพียงใดกัน? เขาไม่เห็นความโกรธบนใบหน้านางเลยหรือ?
เขาเป็คนแรกในบรรดาศิษย์ฝ่ายในที่คิดรีดไถหินิญญาจากนาง แต่นางก็พยายามระงับความโกรธอย่างถึงที่สุด
“เข้ามาก่อนเถอะ”
หนิงเทียนหัวเราะเบาๆ แล้วเดินเข้าไปอย่างเชื่องช้า โดยมีดอกโบตั๋นตามติดมาเื้ัด้วย
ฉินเสี่ยวเยวี่ยหรี่ตาลงเล็กน้อย ประกายแสงประหลาดปรากฏขึ้นในแววตาของนาง “เ้ามีนามว่าอะไร? เข้ามาเป็ศิษย์ฝ่ายในั้แ่เมื่อใด?”
“ข้าหนิงเทียน เข้ามาเมื่อสามวันก่อน ศิษย์พี่หวังพบว่าข้าหน่วยก้านดี จากนั้น...”
“เ้าตัวดี! รนหาที่ตายยิ่งนัก!”
เสียงคำรามดังขึ้นพร้อมร่างของหวังเยวี่ยผู้อยู่ในวัยยี่สิบต้นๆ ที่พุ่งเข้ามาราวลมกระโชก เื้ัเขามีดอกไม้ติดมาด้วยสามดอก ทั้งยังแผ่รังสีแห่งความโกรธแค้นออกมา
“ศิษย์พี่หวัง ท่านจะทำอะไรน่ะ?” หนิงเทียนแว่บไปด้านหลังฉินเสี่ยวเยวี่ยทันที และโผล่มองหวังเยวี่ยอย่างกล้าๆ กลัวๆ ด้วยใบหน้าไร้เดียงสา
“เ้าคิดจะกลืนหินิญญาส่วนของข้าไปด้วยใช่หรือไม่?”
เมื่อได้ยินดังนั้นหวังเยวี่ยก็คำรามด้วยความโมโห “เ้าหนู! เ้าบังอาจมากที่ใส่ร้ายข้า ไม่รู้หรือว่าข้าสามารถทุบตีเ้าให้ตายครึ่งหนึ่งได้?”
หนิงเทียนกล่าวอย่างใจเสีย “ศิษย์พี่ ท่านเห็นหรือไม่ว่าข้าเป็เพียงจิตหยั่งลึกขั้นแรก แล้วศิษย์พี่หวังบอกว่าข้าใส่ร้ายเขา ข้าหรือจะกล้าทำเช่นนั้น?”
ใบหน้าของฉินเสี่ยวเยวี่ยเ็าราวน้ำแข็งก่อนจะะโถามว่า “หวังเยวี่ย เื่นี้เป็มาอย่างไร?”
“ศิษย์น้อง เ้าต้องเชื่อข้า เด็กนี่มันพูดไร้สาระ เขาจงใจใส่ร้าย...”
หนิงเทียนเอ่ยขัดทันที “ศิษย์พี่หวัง ท่านจะข้ามแม่น้ำแล้วรื้อสะพานทิ้ง[1]เช่นนี้หรือ? ที่นี่ยังมีคนอื่นๆ อยู่อีก ท่านลองสุ่มหาศิษย์ฝ่ายในผู้เป็จิตหยั่งลึกขั้นแรกได้เลย ดูสิว่าจะมีผู้ใดกล้าเสี่ยงชีวิตใส่ร้ายท่านกัน?”
“เ้าเด็กแสบ ข้าจะฆ่าเ้า!”
หนิงเทียนหันไปหาฉินเสี่ยวเยวี่ย “ศิษย์พี่ เขาคิดจะฆ่าปิดปากข้าแล้ว”
ฉินเสี่ยวเยวี่ยะโ “พอได้แล้ว! หวังเยวี่ย เ้าบังอาจนักที่หาคนมารังแกดอกโบตั๋นของข้า ทั้งยังกล้าเสแสร้งต่อหน้าข้าอีก มาดูกันว่าข้าจะมอบบทเรียนอะไรให้เ้า!”
“ศิษย์น้องหยุดก่อน อย่าโดนเด็กนี่หลอกนะ อ๊าก! หยุดเถอะ หากเ้ายังลงมืออีกข้าคงต้องโต้กลับแล้ว”
สีหน้าของฉินเสี่ยวเยวี่ยมีเพียงความโกรธเกรี้ยว นางลงมืออย่างไร้ความปรานี รอบร่างงามรายล้อมด้วยดอกไม้สามดอก ซึ่งหมายความว่านางอยู่ในขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นสาม
หวังเยวี่ยก็อยู่ขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นสามเช่นกัน ทว่าเขากลับพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่องภายใต้การโจมตีของนาง สิ่งเหล่านี้ขึ้นอยู่กับระดับรากบ่มเพาะของพวกเขา
หนิงเทียนมองความโกลาหลตรงหน้าอย่างเพลิดเพลิน เมื่อสามวันก่อนหวังเยวี่ยผู้นี้ก่อเื่ยุ่งยากให้เขา ดังนั้น เขาจึงอยากหาโอกาสจัดการกับคนพาลผู้นี้
เมื่อมีโอกาสยืมมีดฆ่าคน[2] หนิงเทียนย่อมไม่เกรงใจ
“ศิษย์พี่หวังพยายามเข้า หากท่านแพ้ หินิญญาของพวกเราคงถูกแช่น้ำแกง[3]” หนิงเทียนพูดให้กำลังใจหวังเยวี่ย แต่ไม่ว่าจะฟังอย่างไรก็เหมือนเขาพยายามนำความเกลียดชังมาสู่หวังเยวี่ยเสียมากกว่า
หวังเยวี่ยโกรธจนไม่รู้จะโกรธอย่างไรแล้ว เขาทำได้เพียงสบถด้วยแรงอารมณ์ “เ้าเด็กบ้า! เ้ากล้าหลอกลวงข้าอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่นะ ศิษย์พี่ยังไม่ได้มอบหินิญญาให้ข้าเลย”
ฉินเสี่ยวเยวี่ยหน้าซีดลงทันที เ้าบ้าสองคนนี้สติไม่ดีทั้งคู่
“ผสานสามผกา!” เสียงแสนหวานของฉินเสี่ยวเยวี่ยก้องกังวาน ดอกไม้ประหลาดสามดอกเบ่งบานในเวลาเดียวกัน
สิ้นเสียงของนาง เหล่าดอกไม้ก็เริ่มหมุนตัวราวกับกำลังเริงระบำ ความผันผวนของพลังิญญาอันแข็งแกร่งพุ่งเข้าหาหวังเยวี่ยอย่างรวดเร็ว
พลังิญญาโดยรอบพลุ่งพล่านราวพายุโหมกระหน่ำ ทั้งยังเป่าให้ชุดของฉินเสี่ยวเยวี่ยโบกสะบัดจนนางดูคล้ายเทพธิดาตัวน้อย
หวังเยวี่ยกรีดร้องก่อนที่ร่างของเขาจะปลิวไปไกล เขาาเ็สาหัสจนลุกแทบไม่ขึ้นแล้ว
ศิษย์ฝ่ายในหลายคนที่เฝ้าดูเหตุการณ์ต่างมองหน้ากัน ผลลัพธ์นี้ทำเอาพวกเขาพูดไม่ออก
“หนิงเทียน ถึงตาเ้าแล้ว!” ฉินเสี่ยวเยวี่ยหันกลับมาด้วยใบหน้าที่เย็นเฉียบราวน้ำแข็ง ผู้ที่กล้ารังแกดอกโบตั๋นของนางเช่นนี้ จะปล่อยให้ลอยนวลไปได้อย่างไร?
“ศิษย์พี่ไม่ต้องห่วง ข้าทราบแล้ว” หนิงเทียนวิ่งไปอยู่ข้างกายหวังเยวี่ยแล้วดึงแหวนมิติในมือของเขาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เตะร่างเขาทิ้ง
“เ้าเด็กบ้า อ๊าก! ข้าไม่มีวันยกโทษให้เ้า”
ดวงตาฉินเสี่ยวเยวี่ยแข็งค้าง ชายผู้นี้คิดจะทำสิ่งใดกัน? เขากำลังใช้ประโยชน์จากสถานการณ์หรือ?
สีหน้าศิษย์ฝ่ายในหลายคนเริ่มเปลี่ยนไป ศิษย์พี่ฉินจะสั่งสอนหนิงเทียน ทว่าเขากลับวิ่งไปคว้าแหวนมิติของหวังเยวี่ย นี่มันการแสดงประเภทใด?
“ศิษย์พี่ ท่านก็เห็นแล้วว่าศิษย์พี่หวังพ่ายแพ้ท่าน เช่นนั้นข้าจะช่วยสั่งสอนเขาอีกแรง ท่านสงบสติอารมณ์ลงเสียก่อน เดี๋ยวให้ศิษย์พี่หวังจ่ายค่าตอบแทนการทำงานหนักทั้งสองวันของข้าแทนท่านแล้วกัน โอ้! ยามนี้เริ่มจะสายแล้ว ข้าไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของท่านดีกว่า ข้าขอตัว” หนิงเทียนหันกลับมาอย่างสง่างาม เรียกสายตาเหยียดหยามจากผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหลาย
“ช่างไร้ยางอายเสียจริง ที่แท้ก็เป็เพียงขยะ”
“หน้าด้าน น่ารังเกียจยิ่งนัก!”
ฉินเสี่ยวเยวี่ยจ้องมองหนิงเทียนและโมโหทันทีที่เห็นเขาก้าวออกไป “ทั้งข่มเหงดอกโบตั๋นของข้า ทั้งยืมมือข้ามอบบทเรียนให้หวังเยวี่ย แล้วยังกล้าคิดจะจากไปง่ายๆ เช่นนี้หรือ? เ้าคิดว่าฉินเสี่ยวเยวี่ยผู้นี้โง่หรือ?”
หนิงเทียนก้าวไปข้างหน้าได้แค่หนึ่งก้าวก็ถูกนางขวางไว้เพื่อมอบบทเรียนให้เขา
“ศิษย์พี่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก ทุบตีเ้าเด็กไร้ยางอายผู้นี้ให้ตายไปเลย!”
“ผู้ที่กล้าเอาเปรียบและหลอกลวงศิษย์พี่ของพวกเราควรโดนหักขาทิ้งเสีย!”
ศิษย์ฝ่ายในหลายคนตื่นเต้นอย่างมาก ในที่สุดก็ถึงคราวที่เ้าเด็กคนนี้จะเผชิญกับโชคร้ายเสียที
---------------------------------------
[1] ข้ามแม่น้ำแล้วรื้อสะพานทิ้ง (过河拆桥) หมายถึง เมื่อได้รับผลประโยชน์แล้วก็ถีบหัวส่ง
[2] ยืมมีดฆ่าคน (借刀杀人) เป็หนึ่งในกลยุทธ์ของสามก๊กที่มีความหมายว่า การทำลายศัตรูโดยไม่จำเป็ต้องลงมือเอง เพียงหยิบยืมกำลังและไพร่พลของผู้อื่นมา เพื่อรักษากำลังและไพร่พลของตนเอง
[3] แช่น้ำแกง (泡汤) หมายถึง ล้มเหลวหรือไม่ประสบความสำเร็จ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้