พวกเย่ชิงหานไม่ได้กล่าวอะไรออกมา ทำเพียงถอยหลังกลับไปห้ากิโลเมตรพร้อมกับกองกำลังคนอื่นๆ อย่างไม่ลังเล ความปลอดภัยต้องมาก่อนเป็อันดับแรก มารอสูรระดับเจ็ดพลังโจมตีเทียบได้กับผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบ ถ้าหากยิ่งเป็มารอสูรระดับแปดละก็ยิ่งอันตราย หากกองกำลังของตนเองพบเจอเข้าละก็ น่าจะมีการาเ็ล้มตายกันไปไม่น้อยกว่าครึ่งอย่างแน่นอน
หลังจากพากันถอยกลับมาได้ราวห้ากิโลเมตร ทุกคนต่างก็อยู่ในอาการสงบเฝ้ารอข่าวจากฮวาซินที่เข้าไปสำรวจดู ถ้าหากเป็มารอสูรระดับเจ็ดคุณภาพระดับต่ำทุกคนยังพอมีโอกาสที่จะรับมือกับมันได้ แก่นผลึกมารอสูรระดับเจ็ดเป็ของดีมีราคาหายากอยู่ไม่น้อย ไม่เพียงเป็ประโยชน์ต่อการฝึกยุทธ์แต่ยังเป็ส่วนผสมหายากที่ใช้ในการปรุงยาได้เป็อย่างดี
“บรู๊ววว...”
เพียงแต่ไม่ถึงสิบนาทีด้านหน้าพลันปรากฏเสียงแผดร้องคำรามดังะเืเลื่อนลั่นขึ้น ใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนสีไปในทันที เย่สือซานออกคำสั่งให้ถอยออกมาอีกครั้งจนถึงปากทางเข้าช่องเขาทุกคนถึงได้หยุดลง ส่วนเสียงที่ร้องคำรามขึ้นนั้นก็ดังขึ้นแค่เพียงครั้งเดียวแล้วก็เงียบหายไป
ทุกคนยืนรออยู่ที่ปากทางเข้าเนิ่นนานก็ยังไม่เห็นว่าฮวาซินจะออกมาเสียที จึงคิดที่จะส่งคนเข้าไปดูอีก แต่ทันใดนั้นก็มองเห็นร่างของฮวาซินที่พุ่งออกมาอย่างกระเซอะกระเซิงพร้อมกับมุมปากที่มีเืไหลออกมา
“มารอสูรระดับแปดคุณภาพขั้นสูงหมาป่าจันทราสีเงินสองหัว ทุกคนรีบหนีไป หนีไปให้ไกลจากที่แห่งนี้!” ฮวาซินหน้าตาขาวซีดเผือดเห็นได้ชัดว่าถูกมารอสูรตัวเมื่อสักครู่โจมตีจนได้รับาเ็ เย่สือซานเมื่อได้ฟังรีบส่งสัญญาณบอกให้นักฆ่าของตระกูลฮวาที่กระจายกันออกไปเฝ้าระวังภัยให้รับทราบและรีบหลบหนีออกไปจากที่แห่งนี้ จากนั้นทุกคนจึงเริ่มเคลื่อนพลถอยห่างออกไปโดยใช้ความเร็วอย่างเต็มกำลัง
มารอสูรระดับแปดหมาป่าจันทราสีเงินสองหัวแถมยังเป็คุณภาพระดับสูงอีก คิดว่ากองกำลังของตนเองทั้งหมดคงไม่พอให้มันกินลงท้อง แม้จะรู้ว่ามารอสูรระดับนี้ปกติจะไม่ออกจากถิ่นของตนเองเพื่อไล่ติดตามมา แต่เจอกับดาวพิฆาตเช่นนี้วิธีที่ดีที่สุดคือรีบถอยออกให้ห่างยิ่งเร็วยิ่งไกลยิ่งดี ถ้าหากฮวาซินที่ไปสำรวจดูเมื่อสักครู่ทำให้มันโกรธไม่พอใจขึ้นมาแล้วไล่ติดตามออกมา ทุกคนคงได้จบเห่กันพอดี...
กองกำลังที่เดินทัพด้วยความรีบเร่งเป็เวลาสามชั่วโมงจนกลับเข้ามาถึงยังเขตพื้นที่รวมพลชั่วคราวของกองกำลังนักรบเขตปกครองเทพา ทุกคนถึงได้ถอนใจออกมาอย่างโล่งอกและดีใจราวกับได้ตายแล้วเกิดใหม่ ต่างพากันจดจำตำแหน่งสถานที่แห่งนั้นไว้อย่างขึ้นใจแม้ตายก็ไม่เฉียดเข้าไปใกล้ช่องเขาแห่งนั้นอีกเป็อันขาด ถือว่าเป็สถานที่อันตรายแห่งหนึ่งของเกาะแห่งความมืดมิด หากทำให้มารอสูรตัวที่อยู่ข้างในโกรธละก็ต่อให้มีสิบสุดยอดกองกำลังระดับหัวกะทิก็ไม่พอให้มันระบายโทสะ
เมื่อกองกำลังถอยกลับมายังสถานที่ที่คุ้นเคย ทั้งหมดจึงเริ่มเคลื่อนพลด้วยความสบายอกสบายใจขึ้น อาณาเขตเหล่านี้เป็พื้นที่ปกป้องที่อยู่ภายใต้การดูแลของหลงไซ้หนาน กองกำลังนักรบเขตปกครองเทพาที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงมีจำนวนมาก ดังนั้นจึงไม่เป็กังวลว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น
ฮวาเฉ่าเริ่มมีการพูดคุยหัวเราะกันขึ้นมาบ้าง เริ่มสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่จากฮวาซินอย่างละเอียด ฮวาซินเองก็ดูเหมือนจะใขวัญเสียอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ออกเดินทางมาได้เกือบจะครึ่งทางถึงได้ทำจิตใจให้กลับมาเป็ปกติได้ เมื่อได้ยินฮวาเฉ่าเอ่ยปากถามขึ้น ทุกคนที่อยู่ข้างๆ ต่างก็เงี่ยหูรอฟังอยู่เช่นเดียวกัน เห็นดังนั้นเขายิ้มแหยๆ ออกมาพร้อมกับพูดเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ตำแหน่งบริเวณด้านหน้าที่มีค่ายกลเคลื่อนย้ายซุกซ่อนอยู่อย่างหนาแน่นประมาณห้าร้อยเมตรมีถ้ำขนาดใหญ่อยู่ถ้ำหนึ่ง เขาเดินไปยังข้างๆ ถ้ำแต่กลับได้กลิ่นไอพลังดุร้ายป่าเถื่อนสายหนึ่งแผ่พุ่งกระจายออกมาปะทะเข้ากับโสตประสาทัั ด้วยความไม่ประมาทจึงได้เริ่มอำพรางกายขึ้นแล้วเดินเข้าไปดูภายในถ้ำ เพียงแต่เขาเพิ่งจะเดินเข้าไปได้สิบกว่าเมตรภายในถ้ำกลับบังเกิดเสียงแผดร้องคำรามขึ้น จากนั้นเขามองเห็นดวงตาที่ใหญ่ราวกับหัวของวัวทอประกายกระหายเืเย็นะเืออกมา
เสียงแผดร้องคำรามที่ได้ยิน ส่วนหัวที่ใหญ่โตกับดวงตาที่เย็นะเืของมันที่ได้เห็น ทำเอาดวงิญญาของเขาเกือบจะหลุดลอยออกจากร่างไป เขารีบใช้วิชาเงาแยกร่างออกมาในทันที เงาร่างห้าสายแยกย้ายกันหลบหนีไปคนละทิศละทาง เพียงแต่ว่าหมาป่าจันทราสีเงินสองหัวไม่ค่อยพอใจนักกับมนุษย์ตัวจ้อยผู้ที่บุกรุกเข้ามา หัวข้างซ้ายของมันพ่นพลังอากาศธาตุสีเขียวออกมาคำหนึ่งโจมตีไปยังเงาร่างสี่สายจนแหลกไปในพริบตา ส่วนร่างจริงของฮวาซินเองก็ถูกโจมตีจนกระเด็นลอยออกมาเช่นกัน โชคยังดีที่เขามีปฏิกิริยาตอบสนองเร็ว เมื่อเห็นหมาป่าจันทราสีเงินสองหัวในครั้งแรกก็เริ่มทำการหลบหนีในทันที และหลังจากที่ถูกโจมตีกระเด็นออกมาจึงเริ่มวิ่งตะบึงหลบหนีอย่างไม่คิดชีวิตจนในที่สุดรักษาชีวิตรอดกลับมาได้
“น่าขนลุกขนพองยิ่งนัก!”
หลายคนมองตากันต่างเห็นถึงความหวาดกลัวที่ปรากฏขึ้นในดวงตาของอีกฝ่าย หมาป่าจันทราสีเงินสองหัวไม่เสียทีที่เป็มารอสูรระดับแปดคุณภาพระดับสูงจริงๆ เพียงแค่พลังอากาศธาตุที่มันพ่นออกมาก็สามารถทำให้ผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบาเ็สาหัสได้ถึงเพียงนี้ คาดว่าถ้าไม่มีพลังฝีมือระดับขั้นที่สามขอบเขตาาจักรพรรดิคงไม่สามารถเอาชนะหรือว่าสังหารมันได้อย่างแน่นอน
“เอาละ เดี๋ยวกลับไปพักผ่อนเอาแรงกันสักวัน ฮวาซินเ้ากลับไปรักษาอาการบาเจ็บให้ดีๆ พยายามฝึกฝนให้มาก งานประลองาระหว่างเขตปกครองครั้งต่อไปรอเ้าฝึกจนบรรลุถึงระดับขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ค่อยกลับมาฆ่ามันก็ยังไม่สาย” เย่สือซานยิ้มออกมาเล็กน้อยตบไปยังไหล่ของฮวาซิน ฮวาซินเป็นักฆ่าของตระกูลฮวาคนเดียวที่มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบ เป็กำลังรบที่ไม่อาจจะขาดหายไปได้ ดังนั้นต้องปลอบให้ขวัญกำลังใจของเขากลับมาสักหน่อยเพื่อการสู้รบที่จะเกิดขึ้นในครั้งต่อๆ ไป
“แหะๆ ถูกต้องพี่ชายฮวาซิน อีกสามสิบปีข้างหน้าพวกเราค่อยมากันใหม่ ถึงเวลานั้นจะบดขยี้ล้างแค้นเ้าสัตว์เดรัจฉานตัวนี้ก็ไม่ใช่เื่ยากอะไรแล้ว!” เฟิงจื่อหัวเราะแหะๆ ออกมา เมื่อได้ยินคำที่เย่สือซานพูดออกมาพลันจินตนาการภาพของตนเองในอีกสามสิบปีข้างหน้า ไม่รู้ว่าแต่ละคนระดับพลังฝีมือจะบรรลุถึงระดับไหนกันบ้าง คาดว่าหลายคนที่อยู่ที่นี่อีกสามสิบปีข้างหน้าคงได้กลายเป็เสาหลักของตระกูลกันไปไม่น้อย
เดินไปคุยไป ทันใดนั้นเองนักฆ่าของตระกูลฮวาคนหนึ่งนำข่าวที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็จริงมารายงาน ด้านหน้าพวกเขาพบเจอกับกองกำลังของตระกูลเสว่ เสว่อู๋เหินก็อยู่ภายในนั้นด้วย
“หืม? เ้าเต่าหัวหดตัวนั้นออกมาด้วยรึ?” เฟิงจื่อเมื่อได้ยินคิ้วขมวดขึ้นมาทันที ไม่ได้มีการปกปิดความขยะแขยงที่เกิดขึ้นภายในใจแม้แต่น้อย โบกมือขึ้นพร้อมกับพูดออกมา “พวกเราไป ไปพบเ้าสุนัขที่วิ่งบากหน้าไปขออาศัยนอนที่นครแห่งเทพตัวนี้กัน”
“อืม!” ดวงตาเย่ชิงหานเปล่งประกายแสงแหลมคมวาบผ่าน ปรากฏความตื่นเต้นดีใจปะปนออกมาด้วยเล็กน้อย เขายังคิดอยู่ว่าเสว่อู๋เหินจะไม่ออกมาเสียอีก หากเขาหมกตัวอยู่แต่ในค่ายใหญ่ที่พักชั่วคราวตนเองก็ไม่มีปัญญาที่จะทำอะไรได้ แต่ตอนนี้เสว่อู๋เหินออกมาแล้วก็แสดงว่าโอกาสของเขาก็มาแล้วเช่นกัน ความอัปยศที่ถนนหนิวหลาน การส่งคนไปลอบสังหารเขาที่เมืองหมัน แผนการร้ายที่วางแผนกันกับพวกเย่หรงเพื่อลักพาตัวน้องสาวของตนเอง จากบัญชีแค้นทั้งหมดทั้งมวลรวมกัน เสว่อู๋เหินจึงกลายเป็เป้าหมายที่เขาจะต้องสังหารให้ได้หากมีโอกาส
เย่ชิงหนิวกำชับไว้ว่าเื่นี้สามารถที่จะทำได้และจำเป็ต้องทำ เพียงแต่ว่าจำเป็จะต้องกระทำอย่างมิดชิด อย่าทิ้งหลักฐานใดๆ ไว้ให้สาวมาถึงตนเองได้ ไม่อย่างนั้นจะเป็การลำบากเมื่อต้องตอบคำถามต่อตระกูลใหญ่อื่นๆ
แม้ว่าผู้นำหรือตัวแทนของตระกูลทั้งห้าแต่ละยุคแต่ละสมัยจะมีการกระทบกระทั่งกันบ้างจนทำให้ลูกหลานของแต่ละตระกูลไม่ลงรอยกันไปด้วย แต่ไม่ว่าอย่างไรทั้งห้าตระกูลก็ยังอยู่ในเขตปกครองเดียวกันจึงจำเป็ต้องพึ่งพาอาศัยกันและเป็เช่นนี้มานานนับพันปีแล้ว ซึ่งเื่การกระทบกระทั่งไม่ลงรอยกันของลูกหลานของแต่ละตระกูลสามารถมีได้ไม่ได้เป็ปัญหาใหญ่แต่อย่างใด
แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่เคยปรากฏมาก่อนว่ามีเหตุการณ์ลูกหลานระดับหัวกะทิของแต่ละตระกูลถูกลอบสังหารอย่างโจ่งแจ้ง หลายพันปีที่ผ่านมาตระกูลใหญ่ทั้งห้าต่างยอมรับกฎเกณฑ์ข้อหนึ่งกันเป็นัยๆ ว่า หากมีเื่บาดหมางเกิดขึ้นสามารถจัดการเองได้อย่างลับๆ ขอเพียงไม่ลงมือจนถึงขั้นทำลายอีกฝ่ายต้องพินาศย่อยยับลง และไม่ทำให้ฐานรากของอีกฝ่ายต้องสั่นคลอน และที่สำคัญที่สุดคือต้องไม่หลงเหลือหลักฐานให้สืบสาวราวเื่ได้ ที่เหลือนอกจากนี้สามารถทำได้ทุกอย่างหากมีศักยภาพเพียงพอ...
ตอนที่อยู่เมืองชาง เสว่อู๋เหินพบว่าเย่ชิงอวี่คือหนึ่งในสองของผู้มีคุณสมบัติทางร่างกายในตำนานของทวีปัเพลิง ร่างหยกิญญา เขาไม่มีการลังเลใดๆ เริ่มแผนการของเขาในทันที เพียงแต่ท้ายที่สุดแล้วทำไม่สำเร็จและหลบหนีออกไปก่อนได้ทันท่วงที ไม่ได้ถูกตระกูลเย่จับได้คาหนังคาเขา ไม่มีหลักฐานผูกมัดโดยตรง ดังนั้นตระกูลเย่จึงไม่สามารถที่จะสังหารเขาได้โดยตรง ทำได้แค่เพียงส่งเย่ชิงหนิวมารีดไถคืนให้หนักเท่านั้น...
ตอนนี้ในงานประลองาระหว่างเขตปกครองเย่ชิงหานมีพลังฝีมือที่จะสังหารเสว่อู๋เหินได้ภายในพริบตา ดังนั้นเขาจึงสามารถสังหารเสว่อู๋เหินได้อย่างลับๆ แน่นอนว่าจะต้องทำแบบมิดชิดไม่เหลือหลักฐานใดๆ ให้สืบสาวมาถึงตัวได้ เมื่อก่อนเขาไม่มีโอกาสเพราะเสว่อู๋เหินหมกตัวไม่ยอมออกมายังป่ามายาพิศวง แต่ตอนนี้เขาออกมาแล้วโอกาสสังหารก็มาแล้ว ดังนั้นเย่ชิงหานถึงได้เริ่มยิ้มออกมา เขายิ้มอย่างเปิดเผย ยิ้มอย่างปีติยินดีมีความสุขพร้อมกับเดินตามกองกำลังไปหาเสว่อู๋เหิน
.................................
อารมณ์ของเสว่อู๋เหินค่อนข้างดี ดวงตาข้างหนึ่งเทาข้างหนึ่งดำของเขาปรากฏรอยยิ้มออกมาให้เห็น พัดที่อยู่ในมือโบกสะบัดไปมาทำราวกับว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่เกาะแห่งความมืดมิดที่มีอันตรายอยู่รอบด้านฉันนั้น แต่เป็ถนนหมายเลขสิบสามภายในเมืองชางสำหรับเขา
ผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบสองคนคุ้มกันอยู่ข้างกายของเขาโดยตลอด บริเวณรอบๆ ทั้งสี่ทิศเต็มไปด้วยสมาชิกกองกำลังที่มีพลังฝีมือในระดับขอบเขตนักรบจำนวนสองร้อยคนที่เขาจัดเตรียมมา เขาไม่มีเหตุผลให้หวาดกลัวหรือกังวลใดๆ เพราะอย่างน้อยอาณาเขตบริเวณนี้เป็เขตแดนที่หลงไซ้หนานดูแลปกป้องอยู่จึงไม่จำเป็ต้องกลัว
ทูตส่งสารที่มาจากนครแห่งเทพนำภารกิจมาส่งมอบให้เขาชิ้นหนึ่ง และคำมั่นสัญญาอีกอย่างหนึ่ง คำมั่นสัญญาที่มาจากถูเชียนจวิน นับั้แ่สิบปีก่อนที่เขารู้จักกับถูเชียนจวินโดยบังเอิญเขาตั้งตาเฝ้ารอวันนี้และโอกาสนี้มาโดยตลอด ที่ทะเลสาบแห่งความเงียบสงบถูเชียนจวินให้ความหวังแก่เขา และเมื่อหลายวันก่อนยิ่งได้รับคำตอบที่แน่นอนชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ขอเพียงทำภารกิจครั้งนี้ให้สำเร็จเขาก็จะสามารถเดินเข้าไปยังูเาแห่งเทพที่สูงตระหง่านลูกนั้นได้ เดินเข้าไปยังภายในนครแห่งเทพที่ตั้งสูงเด่นอยู่้า จากนั้นพลังฝีมือก็จะรุดหน้าไปอย่างรวดเร็วและมีโอกาสที่จะปีนป่ายออกจากทวีปัเพลิงที่ราวกับบ่อน้ำลึกที่ตายแล้วแห่งนี้ เพื่อตนเองและเพื่อตระกูล หากสำเร็จเขาจะได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติไปชั่วลูกชั่วหลานว่าอู๋เหินคือผู้ที่นำสิ่งเหล่านี้มาสู่วงศ์ตระกูล...
สำหรับยอดฝีมือหนุ่มสาวของทั้งสี่ตระกูลที่รู้สึกไม่พอใจและรังเกียจขยะแขยงตนเองนั้น เขาไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย เมื่อสายตามองสูงขึ้นระดับจิตใจก็จะสูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน ลองคิดดูว่าอย่างเขาที่เปรียบเสมือนคนจะไปโกรธฝูงมดปลวกพวกนั้นได้อย่างไรกัน?
แน่นอนว่าไม่ ดังนั้น เมื่อเขามองเห็นพวกเย่ชิงหานและพวกเฟิงจื่อที่กำลังเดินเข้ามาด้วยสีหน้าดำคล้ำ เขาหันไปแล้วยิ้มออกมาให้แก่พวกเขา ยิ้มออกมาอย่างเจิดจ้าราวกับช่อดอกกุหลาบม่วงที่เขาประคองไว้ในมือเมื่อตอนที่อยู่บนเกาะแห่งทะเลสาบแห่งความเงียบสงบ...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้