“ได้อยู่หากติดตามข้า แต่ข้าไม่เข้ารับด่านเคราะห์เทพแทนท่านหรอก”
เสิ่นเสวียนโบกมือทันที พันปีที่ผ่านมาของเขาใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ด่านเคราะห์อัสนีมาตลอด รู้รสชาติของด่านเคราะห์อัสนีเป็อย่างดี ตัดสินใจแล้วว่าจะออกห่างให้ไกล
“ข้าขู่เ้าให้ใ ไม่ได้ให้เ้ามาช่วยสักหน่อย”
เสวียนหลิงเอ่อร์กลอกตามองบน แต่ไม่รู้เพราะอะไร แม้แต่คนอย่างนางยังรู้สึกได้ว่าติดตามเสิ่นเสวียนแล้วจะปลอดภัย นางเคยลองคาดเดาตัวตนของเสิ่นเสวียน แต่สุดท้ายก็ไม่รู้อะไรเลย
แม้แต่ในอาณาจักรเซียน จักรพรรดิเซียนที่ฝึกฝนอย่างสันโดษมานับหมื่นปีก็ไม่มีใครที่เหมือนกับเสิ่นเสวียนเลย
“ข้าจะเริ่มฝึกฝนแล้ว เ้าล่ะ”
“เ้าจะฝึกฝนหรือ รอก่อนเถอะ”
เสวียนหลิงเอ่อร์มองเสิ่นเสวียนพลางส่ายหัว
“หมายความว่าอย่างไร” เสิ่นเสวียนไม่เข้าใจความคิดของอีกฝ่ายเลย
“เ้าฝึกฝนรวดเร็วมากเกินไป โดยเฉพาะหยวนก่อกำเนิดหกธาตุของเ้าจำเป็ต้องใช้พลังจำนวนมาก สภาวะตันเถียนของเ้าตอนนี้ยังไม่เพียงพอต่อพลังที่เ้า้า อีกทั้งรากฐานของเ้าไม่ดีเอาเสียเลย เมื่อเ้าฝึกฝนถึงขั้นมหายานแล้ว ความผิดปกติจะแสดงออกมาให้เห็นเอง”
ร่างของเสวียนหลิงเอ่อร์ลอยไปนั่งบนเก้าอี้ที่สร้างขึ้นเป็พิเศษบนเรือเสวียนอู่ พลางกล่าวด้วยท่าทีสบายๆ
เสิ่นเสวียนได้ยินดังนั้นก็รู้สึกสงสัยเป็อย่างมาก สิ่งที่อีกฝ่ายกล่าวมาสอดคล้องกับความเป็จริง แต่จะจริงเท็จอย่างไรต้องครุ่นคิดให้ดี
“ท่านเข้าใจเื่เหล่านี้ได้อย่างไร”
“เื่นี้ไม่เกี่ยวกับเ้า” เสวียนหลิงเอ่อร์ส่ายหัว
“ข้ารู้ว่าเพราะเหตุใดเ้าจึงรีบร้อนฝึกฝน เพื่อที่จะไปสู้กับคนผู้นั้นใช่ไหม! พลังของคนผู้นั้นแข็งแกร่งกว่าเ้าและข้ามาก ต่อให้ฝึกฝนอย่างไร ตราบใดที่เขาอยู่ในโลกใบนี้ เขาจะััได้ทั้งหมด หากเ้าเข้าฝ่าด่านเคราะห์ เมื่อถึงตอนนั้นเ้าจะหนีไปจากเขาไม่ได้” เสวียนหลิงเอ่อร์กล่าวจี้ใจเสิ่นเสวียน
เสิ่นเสวียนหรี่ตามองเสวียนหลิงเอ่อร์ กระทั่งถึงตอนนี้เขาจึงได้เชื่อในคำของอีกฝ่าย
“ท่านกล่าวได้ถูกต้อง”
เสิ่นเสวียนกล่าวพลางพยักหน้า อีกฝ่ายนั้นไม่ธรรมดาเลย ตนเองไม่รู้อะไรเกี่ยวกับนางแม้แต่น้อย แต่นางกลับรู้จักเขาราวกับสร้างเขามาด้วยตนเอง
“ดังนั้นการทำให้ตันเถียนใหญ่ขึ้น ทำให้พลังยุทธ์มั่นคงขึ้น คือทางเลือกเดียวของเ้า” เสวียนหลิงเอ่อร์ยิ้มให้เสิ่นเสวียนด้วยความพึงพอใจ ทำให้เสิ่นเสวียนที่สบตานางเหม่อลอยไปเล็กน้อย
เสิ่นเสวียนดึงสติกลับมาโดยเร็ว ก่อนจะกล่าว “ตราบใดที่ข้าไม่ฝ่าด่านเคราะห์ ข้าจะอยู่ในที่ลับไปตลอดกาล และเมื่อใดที่ข้าฝ่าด่านเคราะห์ เมื่อนั้นข้าจะเปลี่ยนจากอยู่ในที่ลับกลับสู่ที่แจ้ง”
“ไม่ผิด เปิดทวารแล้วฝึกฝนไปเถอะ ข้าจะไปพักก่อน”
เสวียนหลิงเอ่อร์ทำมือชื่นชมเสิ่นเสวียน การเรียนรู้ของเสิ่นเสวียนค่อนข้างยอดเยี่ยม ไม่อย่างนั้นนางคงไม่เลือกเขาเช่นกัน
เสิ่นเสวียนมองเสวียนหลิงเอ่อร์กลับเข้าไปในโลงศพสีแดงพลางกล่าวพึมพำ
“ท่านเป็ใคร มาจากไหนกันแน่”
แม้จะพึมพำอยู่ในใจ แต่แรงกดดันต่อจิตใจของเขากลับยิ่งใหญ่มากเหลือเกิน
อยากจะรวบรวมพลังสำหรับต่อสู้กับจักรพรรดิเซียนให้สำเร็จก่อนเข้าฝ่าด่านเคราะห์ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็เพียงฝันกลางวัน แต่ตอนนี้อีกฝ่ายมายังโลกนี้แล้ว ตนเองคงทำได้แค่นี้ ยิ่งเข้ารับด่านเคราะห์เร็วเท่าไร เขายิ่งตายเร็วขึ้นเท่านั้น
หลังจากเสวียนหลิงเอ่อร์ไปพักแล้ว เสิ่นเสวียนจึงเริ่มฝึกฝนอยู่ภายในห้อง
ก่อนจะฝึกฝน เขาติดตั้งค่ายกลบางอย่างขึ้นรอบๆ ร่างตนเอง หนึ่งคือค่ายกลที่จะควบคุมไม่ให้พลังเล็ดลอดออกไปภายนอก สองคือค่ายกลที่ลดแรงสั่นะเื และสามคือค่ายกลป้องกันตัว หากมีพลังภายนอกโจมตีเข้ามาจะต้านทานได้เล็กน้อย
จากนั้นเขาจึงหลับตาลงทำสมาธิ
เขาครุ่นคิดไตร่ตรองในตนเอง ส่งจิติญญาเข้าสู่ตันเถียน ขนาดของตันเถียนในตอนนี้ หากกล่าวถึงการกักเก็บพลังแล้ว อยู่ในระดับเดียวกับขั้นเปิดทวารระดับปลายในชาติก่อนของเขาแล้ว เขาในชาติก่อนเรียกได้ว่าเป็อัจฉริยะ สามารถหนีรอดจากยอดฝีมือขั้นแยกเทวะได้ในขั้นเปิดทวารระดับปลาย ส่วนตันเถียนของเขาในตอนนี้เทียบเท่ากับตอนนั้นแล้ว แสดงให้เห็นว่าร่างนี้มีกำลังแฝงมากมายเพียงใด
หลังจากที่เขาเริ่มฝึกฝน รูขุมขนบนร่างกายกว่าห้าล้านจุดก็เปิดออกทั้งหมด พร้อมกับดูดซับพลังจากฟ้าดินเข้าไปอย่างบ้าคลั่งราวกับเป็เครื่องจักร
หลังจากพลังฟ้าดินเ่าั้ถูกดูดเข้าไปทางรูขุมขนแล้ว ก็ไหลผ่านเส้นชีพจรไปอย่างรวดเร็ว สุดท้ายจึงไปรวมตัวกันที่ชีพจรหลักและกระจายไปทั่วทั้งร่างกายก่อนเข้าสู่ตันเถียน
ทุกครั้งที่ไหลผ่านตันเถียน จะเป็การขยายตันเถียนให้ใหญ่ขึ้น ทำให้ชีพจรมีขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง และสุดท้ายพลังทั้งหมดจะเข้าไปอยู่ในตันเถียน ค่อยๆ เติมเต็มตันเถียนไปทีละน้อย
เขาในตอนนี้ หยวนก่อกำเนิดตัวน้อยกำลังนั่งอยู่ใจกลางตันเถียน
การหลอมรวมหยวนก่อกำเนิดหลายวันที่ผ่านมานี้ หยวนก่อกำเนิดตัวน้อยเติบโตกว่าก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด ร่างของเขาถูกหล่อเลี้ยงด้วยพลังภายในตันเถียนอยู่ตลอดเวลา ทำให้มีพลังบริสุทธิ์ยิ่งกว่าร่างเนื้อมาก
นี่คือหยวนก่อกำเนิดที่สร้างขึ้นจากพลังบริสุทธิ์ ไม่มีสิ่งใดเจือปน เมื่อหยวนก่อกำเนิดเริ่มฝึกฝน จะมีพร์รอบด้านแข็งแกร่งกว่าร่างเนื้อมาก หยวนก่อกำเนิดหกธาตุอย่างที่เสิ่นเสวียนมี เพียงแค่นั่งสมาธิก็ให้ความรู้สึกถึงขั้นปรมาจารย์แล้ว
ภายในตันเถียนราวกับมีพายุโหมกระหน่ำ ทว่าภายในห้อง พลังในค่ายกลกำลังเดือดพล่านอย่างที่สุด โชคดีที่ใช้ค่ายกลป้องกันไว้แล้ว ไม่อย่างนั้นคงดึงความสนใจจากคนอื่นๆ บนเรือเสวียนอู่มาอย่างแน่นอน
และในห้องอื่นๆ เสิ่นเลี่ยนกำลังฝึกฝนอยู่ เสิ่นเสี่ยวเม่ยก็ฝึกฝนเช่นกัน
เริ่นเสี้ยวเทียนเดิมทีก็อยากฝึกฝนเช่นกัน แต่เฝิงเป่าเป่ากลับมาอยู่ในห้องของเขาไม่ยอมออกไปเลย อยู่ข้างเริ่นเสี้ยวเทียนตลอดเวลา
“เ้าวางใจได้ ในเมื่อข้าบอกแล้วว่าจะปกป้องเ้า ก็ต้องปกป้องเ้าอย่างแน่นอน เ้ากลับห้องไปได้แล้ว” เริ่นเสี้ยวเทียนค่อนข้างสิ้นหวัง ทำไมต้องมาติดอยู่แบบนี้ด้วยล่ะ!
“คุณชาย ข้ารับรองว่าจะไม่กล่าวอะไร จะอยู่นิ่งๆ ไม่วุ่นวาย ท่านจะทำอะไรก็ทำไปเลย” เฝิงเป่าเป่านั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเรียบร้อยมาก
“ไม่ได้หรอก เวลาข้าฝึกฝนไม่ชอบให้ใครมาอยู่ข้างๆ อีกอย่าง เ้ามีพลังขั้นบรรพบุรุษแล้วจะกลัวอะไรนัก! แถมยังเชิญขั้นแม่ทัพทั้งกองมาเป็ผู้คุ้มกันอีก”
เริ่นเสี้ยวเทียนไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขาดูออกมาั้แ่แรกว่าอีกฝ่ายมีพลังยุทธ์ขั้นบรรพบุรุษระดับต้น อายุยี่สิบห้ายี่สิบหกปีแล้ว พลังยุทธ์ขั้นบรรพบุรุษระดับต้นเรียกได้ว่าไม่เลวเลยทีเดียว แต่อัจฉริยะเช่นนี้กลับทำตัวเหมือนเด็กคนหนึ่ง ไม่มีท่าทีของผู้แข็งแกร่งเลย
“พลังยุทธ์ขั้นบรรพบุรุษของข้าต่างจากคุณชายมาก อีกอย่างคนที่คิดสังหารข้าต้องมีมากมายแน่ๆ ข้าสู้ไม่ได้เลย!”
เริ่นเสี้ยวเทียนควันออกหัว รู้สึกว่าชีวิตตนเองเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อรับงานนี้ ต้องเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์เช่นนี้ เขาคิดว่าตนเองอาจเป็บ้าได้
“หากข้าคืนเงินให้เ้า เ้าจะไปไหม”
เริ่นเสี้ยวเทียนหมดความอดทนแล้ว เขามองเฝิงเป่าเป่าด้วยแววตาเย็นะเื หากยังไม่ออกไปอีกเขาจะลงมือแล้ว บอกดีๆ กลับไม่ฟัง ถ้าอย่างนั้นจะมาโทษเขาไม่ได้
“ข้า...”
“เ้าไม่ต้องพูดแล้ว จะไปหรือไม่ไป”
ขณะที่กล่าว กลุ่มพลังรวบรวมขึ้นบนฝ่ามือของเริ่นเสี้ยวเทียนแล้ว ไอพลังน่ากลัวแผ่กระจายออกมาทำให้เฝิงเป่าเป่ารู้สึกหวาดกลัว
"เอื๊อก!” เฝิงเป่าเป่ากลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก เขาได้ออกมาพบเจอโลกภายนอกอยู่บ่อยครั้ง ในตระกูลก็มีจอมยุทธ์ขั้นราชันอยู่มากมาย แต่น้อยมากที่จะได้เจอพลังน่ากลัวอย่างเริ่นเสี้ยวเทียน เขารู้แล้วว่าเริ่นเสี้ยวเทียนอาจแข็งแกร่งกว่าขั้นราชันบางส่วนในตระกูลของตนเองเสียอีก
“ข้าไปแล้ว!”
เฝิงเป่าเป่าลุกขึ้นยืนทันที เขาเดินไปตรงประตูอย่างรวดเร็วราวกับกลัวจะโดนเริ่นเสี้ยวเทียนตี จากนั้นก็ผลักประตูเดินออกไปเลย
“ข้าอยู่ห้องข้างๆ หากเกิดเื่ขึ้นต้องมาช่วยข้าด้วยนะ”
ก่อนประตูจะปิดลง เขายังไม่ลืมกล่าวเตือนเริ่นเสี้ยวเทียนว่าตนเองคือของล้ำค่าที่มีชีวิต
เมื่อเห็นเฝิงเป่าเป่าออกไปแล้ว เริ่นเสี้ยวเทียนก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก รู้สึกยากลำบากมากกว่าจะได้เงินมา
ส่วนเฝิงเป่าเป่าหลังออกจากห้องมาแล้วก็รีบกลับไปห้องตนเองทันที
ขั้นบรรพบุรุษคนหนึ่งกลับไปในห้องตนเอง สิ่งแรกที่ทำคือปิดประตูหน้าต่างทั้งหมด ไม่ให้ใครเข้ามาได้เลย
และหลังจากที่เฝิงเป่าเป่ากลับห้องตนเอง ก็มีคนสวมชุดดำหมวกดำผู้หนึ่งเดินออกมาจากห้องหนึ่งในเรือเสวียนอู่อย่างช้าๆ