แมวสีขาวดุจหิมะตัวหนึ่งพุ่งทะยานเข้ามา สีหน้าของเป่ยเหลียนโม่เปลี่ยนไป ยังไม่ทันเอื้อนเอ่ยอะไร ฟันน้ำนมอันแหลมคมคู่หนึ่งก็กัดเข้าที่มือของเขา
“ปล่อย” เขาเอ่ยเสียงเรียบ
“อื้อ อื้อ...”
ลูกแมวน้อยกัดแน่นไม่ยอมปล่อย พร้อมส่งเสียงคำรามต่ำไปด้วย ซึ่งเป็เสียงที่จะเปล่งออกมาเพื่อขู่ขวัญศัตรู
เป่ยเหลียนโม่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ยังคงอธิบายอย่างใจเย็น “นางเป็คนไม่ดี”
ไม่ใช่!
นั่นคือท่านแม่!
ลูกแมวน้อยกัดเขาสุดแรง เมื่อเห็นว่าปากเสือ [1] มีเืไหล เป่ยเหลียนโม่จึงต้องยอมปล่อยมือและโยนอีกคนไปด้านข้างอย่างช่วยไม่ได้
“เหมียว เหมียว...”
ลูกแมวน้อยเดินวนรอบตัวเหยาเชียนเชียนอย่างร้อนใจ ดูเหมือน้ากลับคืนร่างมนุษย์ แต่ก็จนใจเพราะอายุยังน้อยจึงไม่สามารถควบคุมได้ตาม้า มันทำได้เพียงมองไปยังเป่ยเหลียนโม่คล้ายกำลังขอความช่วยเหลือ
“ไม่รู้จริงๆ ว่านางล่อลวงเ้าด้วยวิธีใด” ร่างสูงใหญ่เดินไปอยู่ตรงหน้าลูกแมวน้อย ดวงตาคมปลาบมองลงไปยังหญิงสาวที่อยู่บนพื้นราวกับกำลังมองคนตาย
ท่านแม่ไม่เคยล่อลวงอาเหยียน ท่านแม่ดีกับอาเหยียนมาก ลูกแมวน้อยส่ายหัวอย่างจริงจัง
เป่ยเหลียนโม่ยิ้มเยาะ เขาอายุยังน้อยจะเข้าใจได้อย่างไรว่าสิ่งใดที่เรียกว่าดี จิตใจมนุษย์ยากต่อการคาดเดา ยิ่งไปกว่านั้น คนผู้นี้ถึงขั้นพยายามจะเอาชีวิตเขา พึ่งพานางมากถึงขนาดนี้เพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำ ช่างประเมินศัตรูต่ำโดยแท้
“เ้ารู้หรือไม่ว่าเมื่อครู่นางกล่าวว่าอย่างไร” เป่ยเหลียนโม่คุกเข่าลงข้างหนึ่งและลูบศีรษะเล็กเบาๆ“นางขอให้ข้ากล่าวโทษพ่อของนาง และยื่นฟ้องเขาในข้อหาพยายามสังหารหวังเฟย นั่นคือโทษร้ายแรงที่ต้องรับโทษค้นจวนและยึดทรัพย์ นางไม่ได้เป็คนธรรมดาอย่างที่เ้าคิด”
แม้ว่าคำพูดเ่าั้อาจจะไม่ใช่ความในใจของนาง แต่ถ้าสามารถใช้สิ่งเหล่านี้มาลดทอนภาพลักษณ์อันมีเมตตาของนางในใจอาเหยียนได้บ้าง เช่นนั้นลองดูก็ไม่เสียหายอะไร
ลูกแมวน้อยสะบัดหางและหลบฝ่ามือใหญ่นั้นอย่างไม่รักษาหน้า
ยามนั้นท่านแม่เกือบเอาชีวิตไม่รอด หากไม่ใช่เพราะเขารับรู้ได้ เกรงว่ายามนี้คงไม่ได้พบนางอีกแล้ว คนเ่าั้ต่างหากที่เป็คนไม่ดี ท่านพ่อควรจะรับฟังท่านแม่บ้าง และให้เสด็จปู่ลงโทษพวกเขาอย่างหนักถึงจะถูก
“เหมียว” แมวน้อยเดินเข้าไปเลียปลายนิ้วของเหยาเชียนเชียน และใช้ศีรษะเล็กถูไถบนตัวนางอย่างสงสาร
เขาััได้ว่าท่านแม่ไม่เหมือนก่อนหน้านี้แล้ว เหตุใดท่านพ่อจึงไม่ยอมเชื่อนาง?
“เ้ายังเด็ก หลายสิ่งจะดูเพียงเปลือกนอกไม่ได้ ข้าเคยเตือนเ้าหลายครั้งแล้วว่าจิตใจมนุษย์นั้นไม่สามารถคาดคะเนได้ แต่เ้ากลับฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาทั้งหมด”
เป่ยเหลียนโม่ยื่นมือออกไปอุ้มลูกแมวน้อยมาไว้ในมือ และจิ้มศีรษะเล็กของมันเบาๆ
“บนโลกใบนี้ต้องมีคนที่รักเ้าในรูปแบบเดียวกับที่พ่อและเสด็จปู่รัก ทว่าคนผู้นี้ไม่เป็เช่นนั้น ในวันนั้นหากไม่ใช่พ่อ เ้าก็คงตายด้วยน้ำมือของนางไปแล้ว”
“เมี้ยว!”
ลูกแมวน้อยแหงนหน้าขึ้นร้องใส่เขา ก่อนหน้านี้ท่านพ่อเคยบอกว่าเขาสามารถััภายในใจของทุกคนได้ เขาสามารถมองเห็นอารมณ์ทั้งสี่ [2] ของมนุษย์ปรากฏอยู่ตรงหน้าได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
ด้วยอาศัยสิ่งนี้ เขาจึงสามารถหลบเลี่ยงจากคนร้ายมาได้หลายครั้ง ท่านพ่อก็ยังเคยชมเชยเขา ทั้งที่เป็เื่เดียวกัน เหตุใดพอเป็กรณีของท่านแม่ ท่านพ่อถึงได้ขัดขวางทุกวิถีทางและตั้งข้อสงสัย ทั้งที่ท่านแม่รักอาเหยียนจากใจจริง
“เช่นนั้นเื่ที่นางพยายามจะฆ่าเ้าในวันนั้น เ้าจะอธิบายอย่างไร”
เป่ยเหลียนโม่กล่าวเสียงเข้ม “เ้าอายุยังน้อย แม้ว่าจะพิเศษกว่าคนทั่วไป แต่ก็ยังรู้ไม่เท่าทันจิตใจมนุษย์ ที่ถูกทำให้สับสนและจงใจปิดบังก็มี เพราะฉะนั้นยิ่งต้องเชื่อฟังพ่อ”
“เมี้ยว!”
ท่านพ่อใจร้าย ลูกแมวน้อยะโลงจากมือของเป่ยเหลียนโม่และวิ่งเหยาะๆ ไปอยู่ข้างกายเหยาเชียนเชียน ฟันที่ยังไม่โตเต็มที่กัดปลายชุดของนางและออกแรงดึงไปข้างนอกราวกับจะพานางออกไปทั้งอย่างนี้
เป่ยเหลียนโม่มองการกระทำของมันอย่างจนใจ สุดท้ายก็กล่าวอย่างประนีประนอมว่า “ระวังฟันของเ้าด้วย”
เ้าลูกแมว
เขายื่นมือไปอุ้มนางขึ้นมา ลูกแมวน้อยปีนขึ้นมาบนกายเขาและนั่งลงบนหัวไหล่อย่างคล่องแคล่ว จากนั้นสองคนและแมวอีกหนึ่งตัวก็กลับไปที่เรือนของเหยาเชียนเชียนด้วยกัน
สาวใช้ที่รับผิดชอบปัดกวาดพลันหน้าแดง ฟ้ายังไม่ทันมืด เหตุใดท่านอ๋องถึงอุ้มหวังเฟยกลับมาแล้ว
“ใช้เวลาอย่างมากหนึ่งคืนก็คงฟื้นขึ้นมาแล้ว” เป่ยเหลียนโม่ใช้ปลายนิ้วลูบขนนุ่มฟูของลูกแมวน้อยเบาๆ “ในเมื่อเ้ายืนกรานเช่นนี้ ข้าก็จะทำเหมือนว่าเื่นี้ไม่เคยเกิดขึ้น เ้าเต็มใจเชื่อนาง ข้าก็จะให้โอกาสเ้าพิสูจน์ว่าสิ่งที่เ้าพูดเป็ความจริง”
หากนางยินดีตัดสัมพันธ์กับตระกูลเหยาและเป่ยเซวียนเฉิงอย่างไม่เหลือเยื่อใยจริง นั่นย่อมดีไม่น้อย ทว่าหากนางจงใจหลอกลวงเขา โดยหลอกใช้อาเหยียนเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากเขา เช่นนั้นเขาจะให้เหยาเชียนเชียนได้ชดใช้อย่างแน่นอน
“เหมียว”
ท่านพ่อรีบเสด็จไปเถิด คิดว่าเมื่อท่านแม่ฟื้นขึ้นมาแล้วก็คงไม่อยากเห็นท่านนัก
เป่ยเหลียนโม่เคาะศีรษะเล็กของมันอย่างไม่พอใจ หญิงสาวที่อยู่บนเตียงขมวดคิ้วเล็กน้อย ราวกับในห้วงฝันนั้นก็ไม่ได้สงบ ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากเชื่อนาง เพียงแต่เขาไม่อาจยอมรับความเสี่ยงได้
อาเหยียนไม่อาจเกิดเหตุไม่คาดคิดได้เป็อันขาด ดังนั้นเขายอมฆ่าผิดคน แต่ไม่อาจปล่อยไปได้แม้แต่คนเดียว
เมื่อผู้เป็พ่อจากไปแล้ว ลูกแมวน้อยจึงะโขึ้นไปบนอกของผู้เป็แม่อย่างสบายใจ มันย่ำเท้าเล็กน้อยและหมอบกายพร้อมหลับตาลง
เขามักจะหลับสนิทเมื่อได้อยู่ข้างผู้เป็แม่ ทว่าคืนนี้ภายในจิตใจของผู้เป็แม่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและความกังวล เช่นนั้นให้อาเหยียนได้ปกป้องท่านแม่เถิด
เหยาเชียนเชียนฝันว่านางวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต เส้นทางเบื้องหน้าราวกับมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด มวลความตื่นตระหนกมหาศาลปกคลุมไปทั้งจิตใจของนาง ราวกับเพียงแค่ได้ยินนางก็ไม่อาจหนีได้พ้น
มองไม่เห็นจุดสิ้นสุดและความหวัง นางทั้งอ่อนแรงและร้อนใจ ทันใดนั้นก็มีมือใหญ่มือหนึ่งยื่นลงมาจากบนฟ้า นางเป็ดั่งซุนโฮ่ว [3] ที่ไม่อาจหนีออกจากหุบเขาห้านิ้ว [4] ได้ และถูกกดไว้เบื้องล่างอย่างแ่า
หนักเหลือเกิน หายใจไม่ออก...
“อาเหยียน?”
หน้าผากของเหยาเชียนเชียนเต็มไปด้วยเหงื่อ อาจเป็เพราะนางกังวลเกินไปถึงได้ลืมตาตื่นขึ้นมาทั้งอย่างนี้
นางค่อยๆ ยันกายขึ้นและมองไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้ายังคงมืดสนิท หากไม่ใช่เพราะฝันร้ายนั้น นางก็คงไม่ตื่นเช้าขนาดนี้
อาเหยียนน้อยที่กลับร่างมนุษย์แล้วนอนนิ่งซบอยู่บนอกนาง เขานอนหลับสนิทและมีท่าทางสบายอย่างยิ่ง
เหยาเชียนเชียนวางตัวเขาลงอย่างเบามือ พลางนึกย้อนไปถึงก่อนที่นางจะสลบไป นางกุมลำคอด้วยใจที่ยังหวาดหวั่นอยู่ ทั้งยังรู้สึกเจ็บแปลบอยู่เล็กน้อย
“บ้าไปแล้ว” นางลอบก่นด่า “ถือสิทธิ์อะไรมาบอกว่าเป็แผนของข้า คนที่เกือบตายคือข้าต่างหาก”
สุดท้ายแล้ว ชิงผิงอ๋องก็ไม่ต่างอะไรกับเหยาซื่อเฟิง
นางลงจากเตียงเดินไปริมหน้าต่าง ทอดมองออกไปยังความมืดอันกว้างสุดสายตา มวลความเศร้าโศกเอ่อล้นขึ้นมาในใจอย่างห้ามไม่ได้
นางเป็คนแปลกหน้าของโลกนี้ สำหรับเหยาซื่อเฟิง นางไม่ใช่บุตรสาวที่เชื่อฟังซึ่งสามารถช่วยเขาฆ่าอาเหยียนและควบคุมชิงผิงอ๋องได้
สำหรับชิงผิงอ๋อง นางไม่คู่ควรแก่การเชื่อใจ อาเหยียนน้อยเกือบตายด้วยน้ำมือของนาง และเกรงว่าเื่นี้จะกลายเป็แผลในใจของชิงผิงอ๋องไปตลอดกาล
หากไม่ใช่เพราะนางยังมีประโยชน์ต่อพวกเขาอยู่บ้าง หาไม่นางก็คงจะตายไปเป็สิบเป็ร้อยครั้งตั้งนานแล้ว
เหยาเชียนเชียนหันกลับไปมองอาเหยียนน้อยบนเตียง ครั้งนี้เขาน่าจะช่วยนางไว้ เป็เขาจริงๆ ด้วย ช่างเป็เด็กที่ไม่เสียแรงรักเลยจริงๆ
“ชิงผิงอ๋องไม่ใช่คนที่เข้าถึงได้ง่ายนัก หากไม่มีอาเหยียน ข้าอยู่ในกำมือเขาก็คงอยู่รอดได้ไม่นานนัก” ดังนั้นจึงควรรีบหาโอกาสรวบรวมเงินแล้วหนีไป
ที่ไกลออกไปดูเหมือนจะมีบางอย่างปรากฏขึ้น เหยาเชียนเชียนหรี่ตาลงเพื่อเพ่งมอง เหมือนจะเป็คนที่แบกบางอย่างอยู่?
นางลังเลเล็กน้อย แต่ก็ตัดสินใจออกไปดู ว่ากันว่าจวนอ๋องแห่งนี้มีการคุ้มกันที่เข้มงวด เช่นนั้นแล้วพวกเขาอาศัยจังหวะที่ฟ้ายังไม่สว่างลักลอบสมคบคิดทำสิ่งใดกัน?
เหยาเชียนเชียนติดตามไปอยู่ห่างๆ ซึ่งเป็คนสองคนจริงๆ และดูเหมือนว่าในมือจะแบกบางอย่างอยู่
พวกเขาไม่ได้เดินไปไกลหรือซ่อนตัว แต่กลับมุ่งตรงไปยังเรือนของเป่ยเหลียนโม่ สองฝั่งนี้ห่างกันเพียงกำแพงกั้น ประตูอยู่ทางฝั่งของนาง จึงไม่แปลกที่นางจะมองเห็นได้
ไฟในห้องของเป่ยเหลียนโม่สว่างขึ้น เมื่ออาศัยแสงไฟที่ลอดมาจากหน้าต่างมองเข้าไป ในที่สุดเหยาเชียนเชียนก็เห็นสิ่งที่ทั้งสองคนหามกลับมาได้อย่างชัดเจน
นางบีบตัวเองแรงๆ เพื่อไม่ให้กรีดร้องออกมา นั่นมันอะไรกัน เป็คนที่ถูกโบยจนเนื้อตัวแตกเละ ิัฉีกขาด ราวกับจะขาดท่อนได้หากทั้งสองคนนั้นออกแรงที่มืออีกสักหน่อย
แม้แสงไฟไม่อาจเรียกได้ว่าชัดแจ้ง แต่นางก็ยังสามารถมองเห็นิัที่เปิดออกและกระดูกที่เรียงตัวกันได้ นี่มันความเคียดแค้นชิงชังอย่างไรกัน ถึงได้ลงมือสังหารอย่างโเี้ถึงเพียงนี้
เป่ยเหลียนโม่ทอดมองด้วยแววตาเ็าและโบกมือสั่งให้พวกเขาวางลงบนพื้น
“เป็แม่นมของตระกูลเหยาขอรับ” องครักษ์เงากล่าว “หลังจากถูกหวังเฟยไล่ออกจากจวนไปเมื่อไม่กี่วันก่อน นางก็กลับไปที่จวนตระกูลเหยา เช้าวันนี้บ่าวของตระกูลเหยาลำเลียงรถเข็นออกมาจากเรือนหลังของจวนสองรอบ นางถูกเสื่อฟางม้วนไว้ข้างใน หลังจากปลีกตัวจากกลุ่มคนได้แล้วก็ถูกนำไปทิ้งที่สุสานในป่า”
นางถูกโบยเสียจนไม่เหลือเค้าร่างความเป็มนุษย์ องครักษ์เงาทำได้เพียงคาดการณ์จากเสื้อผ้าและข่าวสารที่รวบรวมมาได้ นางคือแม่นมที่ติดตามเหยาเชียนเชียนยามที่แต่งงานเข้ามา
ไม่ว่าอย่างไรนางก็รู้สึกคุ้นตาไม่น้อย เหยาเชียนเชียนปิดปากเต็มแรง ภายในท้องของนางปั่นป่วนอย่างห้ามไม่ได้ ชีวิตนี้นางคงไม่กล้ากินซี่โครงหมูน้ำแดงอีกแล้ว
“บันดาลโทสะเนื่องด้วยอับอายและขุ่นเคือง ฆ่าระบายความแค้น เป็สิ่งที่เหยาซื่อเฟิงสามารถทำได้จริงๆ” เป่ยเหลียนโม่เหลือบมองไปอีกด้านอย่างสบายๆ “รู้สาเหตุการตายหรือไม่?”
องครักษ์เงากล่าวตามความเป็จริง “ดูเหมือนว่าคนผู้นี้จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุลอบสังหารหวังเฟยเมื่อสองสามวันก่อน ข้าน้อยยังไม่ได้สืบทราบรายละเอียดที่แน่ชัดขอรับ”
เหยาเชียนเชียนหายใจติดขัด นึกไปถึงยามที่แม่นมโขกศีรษะแก่นางสามครั้งในวันนั้น รู้สึกว่าช่างน่าขันยิ่งนัก
ที่แท้นางก็คิดมากเกินไปเอง ถึงกับคาดหวังอย่างจริงจังว่าแม่นมจะนำสัญญาทาสและเหรียญตำลึงหนีไปจากที่นี่ และไปใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและมั่นคง
นางไม่อาจได้รับโอกาสนั้น จึงอยากฝากฝังไว้กับผู้อื่น แต่คิดไม่ถึงเลยว่าผู้อื่นจะดูแคลนความหวังของนางถึงเพียงนี้
ราวกับมีสายลมเย็นะเืพัดผ่านเข้ามาในใจ เหยาเชียนเชียนไม่ได้ชะเง้อมองไปอีกแล้ว นางนั่งยองอยู่ตรงมุมกำแพงอย่างเงียบเชียบ รอจนพวกเขาจากไปแล้วค่อยกลับไปที่ห้อง
เป่ยเหลียนโม่ส่งสัญญาณให้องครักษ์เงาออกไปด้วยเส้นทางอื่น เขามองไปทางนั้นราวกับกำลังครุ่นคิดบางอย่างและพูดเสียงดังขึ้นเล็กน้อย
“ทรยศเ้านาย เดิมทีก็สมควรตาย”
ประโยคนี้ลอยเข้าหูเหยาเชียนเชียนตามที่เขา้า ทว่านางกลับไม่ได้โล่งใจขึ้นมาเท่าไรนัก สามารถกล่าวได้ว่าแม่นมรนหาที่ตายเอง เป็ความผิดที่ควรจะได้รับการลงโทษ
ทว่าในยุคสมัยที่อำนาจกษัตริย์อยู่สูงสุด จุดจบของนางก็อาจจะเป็จุดจบเดียวกับแม่นมเช่นกัน
เหยาเชียนเชียนลูบลำคอแ่เบา นางยังรู้สึกถึงความปวดแปลบอยู่เล็กน้อย ไม่แน่ว่าหากเมื่อวานนางยั่วโทสะจนชิงผิงอ๋องหมดความอดทนแล้วจริงๆ นางก็อาจจะได้พบกับจุดจบที่น่าเวทนายิ่งกว่าแม่นมก็เป็ได้ เมื่อถึงเวลานั้นอาเหยียนน้อยจะช่วยนางได้อย่างไร
อีกฝั่งของกำแพงไร้เสียง เหยาเชียนเชียนลุกขึ้นยืนอย่างโงนเงนและเดินกลับอย่างเนิบช้า
เมื่อได้ยินเสียงปิดประตูแ่เบา เป่ยเหลียนโม่จึงหมุนกายกลับเข้าไปในห้อง เมื่อครุ่นคิดถึงเื่เมื่อวาน เขาไม่ได้คิดจะฆ่านางจริงๆ เพียงแต่ไม่เคยมีผู้ใดสามารถทำให้เขาลังเลเช่นนี้มาก่อน
สำหรับเขา การมีอยู่ของคนเช่นนี้อันตรายมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังเกี่ยวพันถึงความปลอดภัยของอาเหยียนด้วย
ในแง่ของหลักการเขาไม่ควรยินยอมให้คนเช่นนี้มีชีวิตอยู่ แต่ในแง่ของความรู้สึก คล้ายกับว่าเขายังอยากเก็บนางไว้ก่อนเพื่อรอดูต่ออีกสักหน่อย
ความไว้ใจของเขาไม่สามารถมอบให้อย่างง่ายดาย ทว่าเมื่อมอบให้แล้ว แม้แต่ชีวิตเขาก็สามารถมอบให้อีกฝ่ายได้ด้วยเช่นกัน เขาไม่สามารถยอมรับความเสี่ยงนี้ได้ จึงให้อีกฝ่ายได้เห็นจุดจบของทาสผู้นั้น เพื่อที่จะให้นางประพฤติตนดีๆ และไม่ทำเื่ที่ทำให้เขาผิดหวังอีก
เชิงอรรถ
[1] ปากเสือ หมายถึง ง่ามระหว่างนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้
[2] อารมณ์ทั้งสี่ หมายถึง ความดีใจ ความโกรธ ความเศร้าโศก และความสุข
[3] ซุนโฮ่ว หมายถึง ซุนหงอคง
[4] หุบเขาห้านิ้ว หมายถึง ชื่อหุบเขาในตำนานซุนหงอคง เป็หุบเขาที่กักขังซุนหงอคงไว้ห้าร้อยปีเพื่อรอพระถังซัมจั๋งมาปลดปล่อย
